วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2558

YOU ( Sehun x Luhan x Boran) 2











“...”

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

พอรุ่งเช้า ลู่หานที่เพิ่งขยี้ตาลงมาจากชั้นบนก็อ้าปากค้างเมื่อพบจิงป๋อหรันกำลังนั่งดื่มกาแฟตอนหกโมงเหมือนที่พูดไว้เป๊ะๆ เด็กหนุ่มสะบัดศีรษะเล็กน้อยก่อนจะเข้าไปเตรียมช่วยพนักงานจัดอาหารเช้าให้แขก พลันลอบถามพนักงานเบาๆเกี่ยวกับคุณนักเขียนที่ยังนั่งไขว่ห้างสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์พอดีตัวขายาวนั่งจิบกาแฟไม่ทุกข์ร้อนใจคนนั้น

“เขามานานรึยังครับ?”

“เท่าที่เข้างานมา แขกก็ออกมาเดินเล่นตั้งแต่เช้ามืดแล้วค่ะ”ลู่หานยกจานปิดปากที่เบ้เบะทันที ให้ตายสิ... “คุณลู่หานจะทานพร้อมแขกเลยมั้ยคะ”

“ค..ครับ”ตอบรับพลันหมุนกายไปหยิบเหยือกน้ำผลไม้มาเทใส่แก้ว สังเกตเห็นนมกล่องที่วันนี้หายไปจากเดิมอีกกล่องหนึ่ง คาดว่าแขกที่ชื่อโอเซฮุนคงลงมาเอาไปดื่มอีกและตอนนี้คงยังไม่ตื่น เขาหยิบแก้วน้ำผลไม้นั้นเดินไปหาป๋อหรันที่ขยับหนังสือพิมพ์ลงพลันส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรมาให้

“นอนหลับสบายมั้ยครับ?”

“เอ่อ...มันต้องเป็นประโยคของเจ้าบ้านไม่ใช่เหรอครับ”ลู่หานกล่าวให้กับแขกที่ถามคำถามประหนึ่งเป็นเจ้าของเสียเอง จิงป๋อหรันจิบกาแฟเล็กน้อยพลันส่งยิ้มเรี่ยราดราวกับนางงาม

“ประโยคแบบนี้เฮียไม่ถือหรอก เฮียอยากถามก็ถาม หนูไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไรนี่”

“ยังใช้สรรพนามแบบนั้นเหรอครับ”ร่างเล็กทำหน้าเนือย “ผมหลับสบายครับ ตำราตั้งสองสามเล่ม”

“ยานอนหลับขนานเอกเลยนี่”ชายหนุ่มหัวเราะ “จะเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยนี่เรา”

“ใช่ครับ...เหมือนระเบิดเวลาเลย พอสอบเสร็จก็บึ้ม..ผมตาย”ลู่หานกล่าวพร้อมกับอาหารเช้าที่ถูกจัดเสิร์ฟ ซึ่งเป็นสลัดผักกับชุดอาหารเช้าแบบตะวันตกง่ายๆ ป๋อหรันจิบกาแฟที่พร่องลงไปเกือบก้นแก้วพลันเอ่ยขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

“ถ้ายังไงปรึกษาเฮียได้นะ ช่วงนี้คงจะเครียดมาก ตอนเฮียจะเข้ามหาลัยก็รู้สึกเหมือนจะตายเลยเหมือนกันล่ะ แต่ยังดีที่มีพ่อกับแม่คอยฟังคำปรึกษา”

“ผมไม่รู้จะปรึกษาอะไรหรอกครับ”

“อย่างนั้น หนูเอาตำรามาอ่านกับเฮียก็ได้ ถ้าไม่สะดวกใจก็ติวที่ห้องนั่งเล่น เฮียเองก็จะเขียนงานเหมือนกัน”ร่างสูงอาสา และดวงตากลมหวานก็ได้แต่กะพริบปริบๆ

“แล้วจะมีสมาธิเหรอครับ..คืออาจจะต้องใช้...”

“ไม่หรอกครับ จิ้มๆไปเรื่อยๆ อะไรที่นึกได้”ชายหนุ่มขยับยิ้ม และลู่หานก็พยักหน้ารับเบาๆ ต่างคนต่างทานอาหารโดยที่คุยเรื่องทั่วๆไป การใช้ชีวิต เป้าหมายของลู่หานและทัศนคติของป๋อหรัน และลู่หานก็คิดว่าเขาเองเดาได้ถูกว่านักเขียนสามารถถ่ายทอดถ้อยคำออกมาได้อย่างน่ารื่นหูอยู่เสมอ

เมื่อจบมื้อเช้า ที่ห้องนั่งเล่นชั้นบนลู่หานก็หยิบตำราออกมากางวาง และป๋อหรันก็มาพร้อมกับโน้ตบุ๊กทำงานของตนเองต่อปลั๊กพร้อม ต่างคนต่างนั่งขัดสมาธิหันหน้าเข้าหากันบนโต๊ะเตี้ยๆ ลู่หานขยับเรียงไฮไลต์ให้เรียบร้อยพลันมองป๋อหรันที่เปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คและเตรียมสมุดเล่มเล็กสำหรับจดข้อมูลเตรียมพร้อม เด็กหนุ่มเริ่มต้นอ่านหนังสือ ดวงตามองตัวหนังสือพลางไฮไลต์อย่างเชื่องช้ากับเวลาผ่านไปเงียบๆ ในขณะที่จิงป๋อหรันก็ยังพิมพ์งานต่อไปแบบนั้น เนิ่นนานเสียจนลู่หานไม่รู้ว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่ หรือจะเป็นยังไงต่อไป เพราะมันไม่ได้เข้าหัวเขาแม้แต่นิด มันเต็มไปด้วยความอึดอัด อ่านหนังสือก็ว่าไม่สบายพอแล้ว ยังมานั่งกับคนที่ไม่สนิทยิ่งอึดอัดไปกันใหญ่

“เฮ้อ”

“...”ลู่หานเงยหน้าขึ้นเมื่อป๋อหรันผ่อนลมหายใจออกเล็กน้อย ดวงตาเรียวนั้นขยับหยีลงนิดหน่อยโดยที่ร่างเล็กก็เดาความหมายไม่ออกนัก “มีอะไรรึเปล่าครับ?”

“เฮียคิดไม่ออกน่ะ”

“อ่า...”

“เฮียว่าน่าจะไปข้างนอกหน่อย ไปด้วยกันมั้ย?”ป๋อหรันส่งยิ้มมาให้ “หนูเองก็ไม่มีความสุขเลยไม่ใช่เหรอ?”

“...”คิ้วเรียวเลิกเล็กน้อย ไม่รู้ทำไมลู่หานถึงรู้สึกประหลาดใจ อาจเพราะว่าอีกฝ่ายเป็นคนแรกที่มองออกว่าเขารู้สึกอะไรอยู่ก็เป็นได้ เพราะอย่างนั้นเพียงไม่นาน ตำราและโน้ตบุ๊กก็ถูกเก็บกลับห้องตัวเอง และจักรยานที่บ้านหลังใหญ่ก็ถูกจิงป๋อหรันเข็นออกมาเช็คล้อ โดยที่น้าสาวเห็นหลานชายกับแขกตั้งท่าออกไปข้างนอกก็ไต่ถามอย่างแปลกใจ

“จะไปข้างนอกกันเหรอจ๊ะ”

“ครับ วันนี้อากาศดี แดดไม่ค่อยแรง ก็เลยว่าจะไปปั่นจักรยานเล่นสักหน่อย”ชายหนุ่มตอบ ก่อนที่มือของหญิงสาวจะยกขึ้นแตะปากตน

“ลู่หาน...ปั่นจักรยานไม่เป็นนะจ๊ะ”

“หืม?”ป๋อหรันร้องในลำคอก่อนจะหันมาหาลู่หานที่ทำหน้าแหยเล็กน้อย ดวงตาเรียวหรี่ลงเป็นเชิงยิ้มอีกหนพลันตอบหญิงสาวเจ้าของที่พักไป “ไม่เป็นไรครับ เราจะไปด้วยกัน”

“เดินทางดีๆนะ”หล่อนว่าด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับจิงป๋อหรันที่พาลู่หานออกจากที่พัก เด็กหนุ่มนั่งตัวเกร็งไปตามทางก่อนจะถามอีกฝ่ายอย่างเงอะงะ

“เรา...เราจะไปที่ไหนกันครับ”

“ไม่รู้ซิ...หนูอยากไปไหนล่ะ”

“มีแผนที่เหรอครับ?”

“ไม่มีหรอก”

“ห๋า?”เด็กน้อยร้องเสียงสูงก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มเนิบนุ่มนวลลอยล่องมา

“ไม่มีก็ถามชาวบ้าน ไม่มีก็เรียนรู้เส้นทาง ชีวิตเรามีอะไรอีกเยอะนะ เหมือนประโยคที่บอกว่า ชีวิตไม่ใช่รอคอยให้พายุฝนผ่านไป แต่ชีวิตคือเรียนรู้ที่จะเต้นรำกลางสายฝน”

“...”

“หนูพอจะมองเห็นอะไรที่อยากทำรึยังครับ?”ประโยคคำถามแม้คนถามจะไม่ได้หันหน้ามาและเหมือนจะไม่คิดหาคำตอบ แต่ทำให้ลู่หานไม่สามารถละสายตาไปจากแผ่นหลังกว้างๆภายใต้เสื้อยืดสีขาวซึ่งมีท้องฟ้าอากาศค่อนข้างร่มเป็นฉากหลัง เขาเห็นก้อนเมฆก้อนเล็กๆล่องลอยไปบนท้องฟ้า

และในตอนนั้น..จักรวาลของลู่หานก็ประกอบไปด้วยแผ่นหลังของจิงป๋อหรันและก้อนเมฆขนาดเล็กสามก้อน...





“ไม่อยากเรียนมหาลัยเหรอ?”

ชายหนุ่มถามอีกครั้งในเวลาต่อมา หลังจากจอดจักรยานตรงเนินหญ้าติดสะพานข้ามคลองซึ่งนานๆจะมีรถขับมาสักหนหนึ่ง ป๋อหรันดื่มโคล่าแล้วมองลู่หานที่ยังลูบนิ้วกับกระป๋องโพคาริอยู่เงียบๆ และลู่หานเองก็อยู่ในช่วงชั่งใจว่าจะพูดต่อไปดีหรือไม่

“ฮะ...แต่ไม่เชิงว่าไม่อยากเรียนเลย..ผมไม่อยากเรียนมหาลัยที่มีชื่อเอาไว้อวดกับคนอื่น ผมอยากเรียนอะไรที่ผมอยากเรียน”ดวงตากลมโตหรุบลง “แต่อย่างที่เห็น...ผมลูกคนเดียว ผมทำให้พ่อแม่ผิดหวังไม่ได้”

“...”

“ชีวิตของผมอาจจบลงแค่ว่าเป็นพนักงาน แล้วก็เท่านั้น ไม่มีอะไรอีก มันน่าเสียดายนะ มันก็อึดอัดล่ะครับ ดีที่คุณได้ทำอะไรที่คุณชอบ”

“ไม่หรอก”ชายหนุ่มเอ่ยเนิบๆจนลู่หานเลิกคิ้วเล็กน้อย

“เอ๋?”

“จะว่ายังไงดี..แต่เฮียไม่ได้โชคดีขนาดนั้น งานเฮียเคยถูกปฏิเสธหลายรอบจนเกือบจะยอมแพ้ ตอนนั้นมีรุ่นพี่ที่เคยรู้จักติดต่อเฮียมาทำกับที่ปัจจุบัน มันก็เลยโอเค ความรู้สึกที่ผิดหวังติดๆกันหลายครั้งนี่มันแย่เป็นบ้าเลย แต่มันโอเค..เฮียผ่านมันมาได้เพื่อจะข่มปัญหาใหม่ๆว่าเราเคยผ่านอะไรแบบนี้มาแล้ว”ป๋อหรันส่งยิ้มให้ “แม้จะเบื่อ เจอเพื่อนๆน่ารำคาญ สังคมหน้ากาก แต่หนูเรียนเถอะนะ... อย่างน้อยก็เพื่อตัวเอง ไม่ต้องสนใจหรอกว่าใครจะมองยังไง”

ดวงตากลมโตจ้องมองคำพูดราวกับเวทมนตร์ของอีกคนนิ่งๆ

“ให้ทุกๆวันของเรามีความหมายและมีความสุข ไม่ใช่เพียงเพราะทำเพื่อคนอื่น แต่ทำเพื่อตัวเราเอง เชื่อเฮียนะ”

“สรรพนามนั่น..”ลู่หานก้มหน้าหัวเราะเบาๆพร้อมกับคิ้วเข้มที่ขยับเล็กน้อย

“ทำไมล่ะ สะดวกดีนะ เฮียทำงานก็พูดกับพวกพิสูจน์อักษรพวกเร่งต้นฉบับตลอดล่ะ”

“คึ...ฮ่าฮ่า...โอเคครับ”ใบหน้าหวานขยับยิ้ม “ขอบคุณมากนะ”

“...”จิงป๋อหรันคนนั้นนิ่งไปเล็กน้อย อาจเป็นเพราะแดดแรงเกินไปช่วงแก้มของร่างสูงจึงได้แดงราวกับบ่มแดดขึ้นมานิดหน่อย นิ้วเรียวเกี่ยวเปิดกระป๋องพลันจิบโพคาริก่อนจะมองท้องฟ้า ทุกอย่างเงียบลงอีกครั้งจนกระทั่งชายหนุ่มกล่าวถามเนิบๆ “หนูไม่มีความฝันเหรอ?”

“มันว่างเปล่าไปหมดเลยฮะ...อาจเพราะอนาคตถูกคิดไว้ให้แล้ว ก็เลยลืมความต้องการของตัวผมเองไป”

“อา...”เสียงทุ้มครางเล็กน้อย ก่อนที่ฝ่ามือที่เงื้อค้างอยู่นานจะแปะลงกลางศีรษะของลู่หานแล้วขยับเบาๆ “ไม่ต้องคิดมาก..ให้มันค่อยๆเป็นไป ไม่ต้องรีบ ถ้ามีแล้วก็อย่าละทิ้งความฝันล่ะ เพราะปาฏิหาริย์มันเกิดขึ้นได้ทุกวันอยู่แล้ว”

“ครับ”ลู่หานส่งยิ้มให้ หลังจากการพูดคุยกับอีกฝ่ายเขาก็รู้สึกสบายใจกับตัวเองขึ้นมาเล็กน้อย ลู่หานรู้สึกได้ว่าจักรวาลของเขาเริ่มไม่รกร้างว่างเปล่า พอพูดคุยเรื่องทั่วไป ดินฟ้าอากาศกันสักพัก จิงป๋อหรันก็พาลู่หานกลับมาที่บ้าน พอดีกับเสียงมือถือของอีกฝ่ายดังขึ้นพอดี

“โอ๊ะ...สักครู่นะ”ลู่หานยืนอยู่กับจักรยานก่อนที่ป๋อหรันจะออกไปโรศัพท์และกลับมากับรอยยิ้มแห้งๆ “อ่า..ตอนนี้เพื่อนเฮียมาพักอยู่หมู่บ้านข้างๆ ว่าจะออกไปดื่มกันสักหน่อย คืนนี้อาจจะไม่กลับมาน่ะ”

“รักษาสุขภาพด้วยนะครับ”ถ้อยคำปรารถนาดีนั้นทำให้อีกฝ่ายอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่ป๋อหรันจะพูดขึ้นอีกครั้ง

“งั้นเฮียไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน หนูก็อย่าหักโหมมากล่ะ”

ลู่หานพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะแยกกับป๋อหรันไป ร่างเล็กกลับไปหาน้าสาวพลางอาสาช่วยทำกับข้าวและนั่งเล่นกับคุณยาย ซึ่งไม่นานจิงป๋อหรันที่อาบน้ำแต่งตัวใหม่ก็มาโบกมือให้ก่อนจะขึ้นรถรับส่งเล็กๆระหว่างหมู่บ้านเพื่อไปหมู่บ้านข้างๆ ลู่หานเองก็อยู่ที่บ้านใหญ่ ทานข้าวเย็นและกลับมาที่บ้านพักเพื่ออ่านหนังสือต่อ

เขาไม่เห็นแขกที่ชื่อโอเซฮุนเลยตลอดทั้งวัน และถือโอกาสว่าบ้านนี้เป็นของเขา จึงได้หยิบตำรามาอ่านชั้นล่างพลางเปิดทีวีเพื่อไม่ให้มันเงียบ ในครั้งนี้เขาไม่รู้สึกอึดอัดกับการอ่านมากนัก คงเพราะคำพูดของจิงป๋อหรันคนนั้นทำให้เขาเลือกที่จะวางความเครียดลง แต่ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มี มันยังคงอยู่แต่เบาบางลงไปมาก ลู่หานนั่งชันเข่าอ่านหนังสือไปเรื่อยๆจนไม่ได้สังเกตว่าแขกที่ออกไปกำลังกลับเข้ามา

ติ๊ด!

“?!

ลู่หานเงยหน้าขึ้นเมื่อเสียงแตะบัตรกับประตูจนเสียงเซนเซอร์ตอบรับดัง เซฮุนสวมเสื้อฮู้ดตัวใหญ่กับกางเกงพอดีตัวสีดำเดินย่างเท้าช้าๆ ดวงตาสีเทานั้นมองมาที่ร่างเล็กซึ่งยังอยู่ที่ห้องด้านล่างอย่างนึกฉงนนิดหน่อย

“คุณยังไม่นอนเหรอ ดึกป่านนี้แล้ว”

“เพิ่งหัวค่ำเองครับ..โอ๊ะ”ลู่หานเลิกคิ้วเมื่อมองไปยังนาฬิกาแขวนผนังก็พบว่าจวนจะห้าทุ่ม เด็กหนุ่มยกหนังสือปิดหน้าจนเหลือแค่ดวงตาก่อนจะพบว่าเป้ของอีกฝ่ายวางลงที่โต๊ะตัวเตี้ยที่เขาวางหนังสือไว้ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินไปที่ตู้เย็นและหยิบบะหมี่กระป๋องมากดน้ำร้อนใส่

“ขยันจังนะครับ”

“ไม่หรอกครับ..ผมแค่...”ลู่หานพึมพำและเซฮุนก็วางกระป๋องบะหมี่ลงพร้อมกับน้ำเปล่า ร่างสูงนั้นเหยียดตัวเอนโซฟาพลันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า

“แถวนี้มีบ่อน้ำร้อนบ้างมั้ย คุณพอรู้รึเปล่า”

“ด้านหลังมีนะครับ ตอนนี้ไม่น่าจะปิด”เด็กหนุ่มแนะนำ และโอเซฮุนก็ขยับตัวขึ้นนั่งเปิดกระป๋องบะหมี่ ดวงตาคมสีเทาหรี่ลงเป็นเชิงยิ้มและเอ่ยขอบคุณเบาๆ ไม่มีคำพูดจากลู่หานที่เอาแต่มองตัวหนังสืออย่างไม่ค่อยจะรู้เรื่องกับอีกฝ่ายที่ทานบะหมี่เงียบๆ  

“คุณ...”เสียงเบาๆดังออกมาจากริมฝีปากเล็ก และชายหนุ่มก็เลิกคิ้วนิดหน่อย

“?”

“คุณ...เที่ยวเป็นยังไงบ้างครับ”ลู่หานพยายามยื่นไมตรีไปก่อนแม้จะดูยากเย็น โดยที่อีกคนก็แค่อมยิ้มเล็กน้อย

“เรื่อยๆครับ มาพักผ่อน ก็เลยไม่อยากจะคิดอะไรมาก”ดวงตาของเซฮุนปรายลงที่ตำรา เพียงเท่านั้นลู่หานก็หลังตรงขึ้นมา

“เอ่อ..ผมจะสอบเข้ามหาลัย ก็เลยต้องอ่าน”

“อา...ไม่ใช่..ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น”รอยยิ้มนิดๆที่ริมฝีปากได้รูปนั่นทำให้ลู่หานก้มหน้าลงเพราะสู้สายตาไม่ไหว เขาอดยอมรับไม่ได้ว่าโอเซฮุนนั้นเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีจริงๆ “ทุกคนมีหน้าที่ๆต้องทำอยู่แล้ว ถึงจะไม่ชอบแต่ก็ต้องทำล่ะนะครับ”

“...”ใบหน้าหวานเริ่มม้านขึ้นมาเมื่อรู้สึกได้ว่าคู่สนทนาจับท่าทางเขาได้ว่าไม่ได้มีความสุขกับการจมตำรานัก จนกระทั่งนิ้วยาวๆจิ้มหนังสือที่ลู่หานเอาบังหน้าลง

“ไม่อยากคุยกับผม?... อา โอเค ยังไงซะไม่ค่อยมีใครอยากคุยกับผมเท่าไหร่”

“ผมเปล่า..แต่ผมแค่ไม่สนิทก็เลยทำท่าไม่ค่อยดี ขอโทษฮะ”กล่าวเสียงอ่อยพลันหลบสายตาที่จ้องมองมาอย่างนิ่งๆนั้นราวกับไม่อาจต่อสู้

“ผมว่าผมเข้าใจ...ไม่มีใครมนุษย์สัมพันธ์ดีทุกคน..ผมเองก็เหมือนกัน แต่ตอนที่คุณบอกผมว่าโล่งใจที่ผมพูดจีนได้ แปลว่าคุณพยายามได้ดีแล้วล่ะครับ”เซฮุนหยัดกายลุกขึ้น ปล่อยให้ลู่หานมองตามรูปร่างและท่วงท่าเหล่านั้น... ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ทำไมเขาถึงไม่ดูดีแบบนี้นะ

“คุณจะไปบ่อน้ำร้อนเหรอครับ?”

“ก็อยากอยู่นะครับ”เซฮุนตอบ “แต่ดึกป่านนี้คงไม่มีคน เหงาตายเลย เก็บไว้วันหลังก็ได้... แต่ผมว่าคุณขึ้นห้องจะดีกว่านะ เว้นแต่ว่าคุณชอบอยู่คนเดียวจริงๆ”

“อ่า...”ริมฝีปากเล็กร้องค้างเมื่อใบหน้าคมคายนั้นหันไปมองโทรทัศน์ที่ถูกเปิดแก้เงียบ ทว่าเซฮุนก็แค่ผงกศีรษะให้นิดหน่อยแล้วคว้าเป้กลับขึ้นไปข้างบน เมื่อท่อนขายาวหายไปจากบันได ลู่หานก็ได้แต่นั่งนิ่งๆราวกับตุ๊กตา ก่อนจะลุกขึ้นปิดทีวีและเก็บตำราไปอ่านชั้นบนเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศแทน ใช่..แม้ว่าเขาจะไม่ชอบ แต่มันก็เป็นหน้าที่ หากคำพูดของจิงป๋อหรันได้ให้กำลังใจเกี่ยวกับอนาคต พูดถึงความฝัน โอเซฮุนก็เหมือนกำลังเตือนเขาเรื่องหน้าที่และความเป็นจริงที่ต้องเจอ

ไม่มีทีท่าว่าห้องของเซฮุนจะเปิดออกมาอีกหลังจากที่เจ้าตัวอาบน้ำ (และลู่หานก็พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่มองร่างสูงโปร่งผิวขาวจัดพันผ้าขนหนูผืนเดียวเดินใส่รองเท้าฟองน้ำเดินเช็ดผมกลับห้อง) โอเซฮุนกลับไปทำท่าเฉยๆเหมือนเก่า จักรวาลของลู่หานในตอนนี้เลยมีก้อนเมฆสามก้อน จิงป๋อหรันที่เหมือนดวงจันทร์ของดาวโลกที่อ่อนโยนเสมอแม้ในตอนกลางวันที่ไม่มีแสง และโอเซฮุนที่เหมือนพลูโตผู้เย็นชา,หลุดออกจากกลุ่มนพเคราะห์ ไม่สุงสิงกับใครนอกจากพื้นที่ของตัวเอง

อาจเพราะตอนเด็กๆลู่หานชอบมองท้องฟ้าตอนกลางคืน ชอบดูดาว ทำให้เขาชอบเปรียบเปรยความรู้สึกของตัวเองเป็นจักรวาล (แต่เขาไม่เคยเห็นตัวเองเป็นศูนย์กลาง) หากความรู้สึกที่ว่างเปล่าถูกทดแทนด้วยอะไรหลายๆอย่างมันก็เหมือนจักรวาลที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

แต่ลู่หานไม่แน่ใจนักว่าคนอย่างเขาจะสามารถทำอะไรที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบออกมาได้จริงๆหรือไม่





“...”

เซฮุนที่ลุกขึ้นมากลางดึกโดยสวมเสื้อกล้ามกับกางเกงนอนขายาวก็เลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าลู่หานได้ย้ายตัวมานอนหลับบนชั้นสองแทน ร่างเล็กที่มีแต่หนังสือตำราน่าปวดหัวรายล้อมนั้นกำลังนอนหลับฝันถึงอะไรสักอย่างที่ชายหนุ่มไม่แน่ใจ เขาไล่สายตาจนไปหยุดที่หน้าท้องของเด็กน้อยที่เสื้อยืดถลกจนเห็นเนินเนื้อ เขาก้มตัวขยับดึงเสื้อปิดให้ ก่อนจะลงไปข้างล่างเหมือนไม่คิดจะสนใจอะไร

ทว่าพอชายหนุ่มกลับขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็วางนมสองกล่องลงกับโต๊ะ หยิบกุญแจห้องของลู่หานขึ้นพร้อมกับรวบตำรามาไว้ในอ้อมแขน เซฮุนเดินไปเปิดห้องวางพวกตำราและนมโดเรม่อนหนึ่งกล่องไว้กับโต๊ะ ก่อนจะเดินมาอุ้มเด็กหนุ่มที่นอนหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องลงกับเตียง ดวงตาคมทอดมองใบหน้าหวานที่หลับสนิท ไล่สายตาลงไปที่ช่วงคอก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น จัดท่าทางให้กับคนนอนให้เรียบร้อยก่อนจะวางกุญแจห้องให้ เซฮุนกดล็อคประตู กลับมาที่ห้องของตัวเองพร้อมกับนมหนึ่งกล่อง ดวงตาคมมองรองเท้าสำหรับวิ่งที่แขวนอยู่ ก่อนจะค่อยๆเอนตัวลงพร้อมกับดึงขากางเกงนอนขึ้นซึ่งปรากฏผ้ายืดพันแผลเอาไว้ที่ข้อเท้าจนมาถึงกลางแข้ง


โอเซฮุนล้มตัวลงนอนมองเพดาน...และจักรวาลของเจ้าตัวเองก็ว่างเปล่าไม่ต่างกันนัก...




*************

#YOUhhb

วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2558

YOU ( Sehun x Luhan x Boran) 1











Title : YOU (Your Ordinary Universe)
Pairing : OHSEHUN x LUHAN x JINGBORAN
Author : RUNAWAY05
Note : นั่ลลัคๆ


เมื่อขบวนรถไฟชะลอความเร็วลงรวมทั้งประกาศให้ผู้โดยสารทราบถึงสถานีปลายทาง ท่ามกลางผู้โดยสารทั้งหลายที่ทยอยลงปลายทางก็ปรากฏใครคนหนึ่งได้ขนกระเป๋าซึ่งเป็นกระเป๋าเดินทางล้อลากใบเดียวของตนเองลงจากรถ เด็กหนุ่มรูปร่างกะทัดรัดลากกระเป๋าเดินทางพลางต่อสายหาญาติก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อไม่มีคนรับสาย จนต้องต่อซ้ำอีกสองสามครั้งถึงจะติด

เดิมทีลู่หานเองนั้นเรียนอยู่มัธยมปลายอยู่โรงเรียนในเมือง อาศัยอยู่กับพ่อแม่ในห้องคอนโดที่แสนจะแคบและแพงไปตามเศรษฐกิจของสังคมจีน มีเพียงช่วงปิดเทอมเท่านั้นที่เขาจะมาพักผ่อนที่บ้านพักของคุณยายซึ่งอยู่เขตเมืองข้างๆซึ่งร่มรื่นและสงบมากกว่า ลู่หานกำลังจะเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่มหาวิทยาลัย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกของเด็กหนุ่มที่จะพกตำราเรียนหลายเล่มใส่กระเป๋าเดินทางมาด้วย

“คุณน้า..ผมมาถึงแล้วนะครับ ให้ผมรอตรงไหนดี”กรอกเสียงพลางสอดส่ายสายตามองหา ลู่หานเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างเล็กกะทัดรัด เส้นผมสีน้ำตาลเข้ม ดวงตากลมโตหวานราวกับดวงตาของกวาง จมูกโด่งเล็กปลายรั้นผ่อนลมหายใจเบาๆ ริมฝีปากเล็กเอ่ยถ้อยความตกลงกับปลายสาย จึงได้กระชับหูลากดึงกระเป๋าไปยังตำแหน่งตามที่ตกลงกับคุณน้า ผู้เป็นน้องสาวของมารดาซึ่งอาศัยอยู่กับคุณยายและเปิดห้องพักให้แขกเข้ามาอาศัยระหว่างการเดินทาง

จะว่าไปให้เรียกโรงแรมก็คงไม่ถูกต้องนัก อาจจะเหมือนโฮสเทลแบบสมัยเก่า เพราะดัดแปลงจากบ้านหลังใหญ่สองหลังซึ่งเป็นบ้านของแม่และบ้านของคุณลุงที่ตอนนี้ก็ไปทำงานอยู่ต่างประเทศ ตกแต่งภายในและดูแลใหม่จนเป็นเหมือนบ้านเช่าสำหรับให้คนมาเข้าพัก ซึ่งบ้านของลุงนั้นหลังใหญ่กว่าหน่อย ทำห้องพักได้หลายห้อง แต่บ้านของแม่มีเพียงสามห้อง นั่นคือห้องพ่อแม่ ห้องของเขา และห้องว่างชั้นบนเหมือนห้องรับแขก

“ขอโทษด้วยนะจ๊ะลู่หาน หนูบอกน้าช้าไปหน่อย ก็เลยให้คนมาเช่าพักในบ้านไปบ้างแล้วน่ะจ้ะ”ทันทีที่ขึ้นรถปิดประตูเรียบร้อย น้าของลู่หานซึ่งเป็นหญิงสาววัยกลางคนกล่าวอย่างเกรงใจ ในขณะที่เด็กหนุ่มก็สั่นหน้าเบาๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ให้แขกมาพักดีกว่า ผมนอนที่ไหนก็ได้”

“จะให้นอนกับคุณยายเสียงมันก็คงจะดังเกินไปน่ะซี...จริงสิ บ้านหลังเล็กมีอีกห้องนะ ถ้าหนูไม่ว่าอะไรอยู่กับแขกไปก่อน แต่เป็นห้องรับแขกนะ”

“ไม่มีปัญหาครับ ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยบอกผมได้เลยนะ”เจ้าตัวยังตอบรับสดใส น้าสาวจึงคลี่ยิ้มแล้วเอ่ยปากขึ้น

“งั้นอย่างนี้ หนูดูแลแขกสองคนให้น้านะ เป็นผู้ชายทั้งคู่ล่ะ ยังไงถ้าตื่นทันก็ช่วยเด็กๆเตรียมอาหารเช้าให้แขก รับตะกร้าผ้ามาที่บ้านใหญ่ แล้วก็ทำความสะอาดห้องพักแขกก็พอ เดี๋ยวพวกด้านนอกให้เด็กคนอื่นทำนะ เพราะที่ของเราบริการแค่อาหารเช้า เดี๋ยวมื้ออื่นแขกก็ออกไปหาทานเองล่ะจ้ะ”

“โอ๊ะ โอเคครับ”ตอบรับพลันส่งยิ้มให้ อย่างน้อยก็ดีใจที่เป็นผู้ชายทั้งสองคน หากจะให้ไปบริการผู้หญิงลู่หานก็รู้สึกว่าตนคงทำตัวไม่ถูก แต่ก็มาหนักใจต่อเพราะไม่รู้ว่าแขกที่มาพักเป็นชาวต่างชาติหรือว่าคนจีนด้วยกัน “คุณน้าครับ..แขก”

“?”

“ไม่ใช่ชาวต่างชาติใช่มั้ยครับ”เลียบเคียงเบาๆเพราะเป็นโรคกลัวฝรั่ง ซึ่งหญิงสาวได้ยินดังนั้นก็ได้แต่อมยิ้ม

“ไม่เชิงจ้ะ”

“...”

“อ่า..คนนึงเป็นคนจีน ส่วนอีกคนเป็นนักศึกษามาเรียนในจีน การสื่อสารไม่น่ามีปัญหานะน้าว่า”หล่อนกล่าวพลางหักเลี้ยวรถเพื่อเข้าซอย “หากคุยไม่เข้าใจยังไง ก็ใช้ภาษามือไปก่อนนะ น้าว่าเขาน่าจะเข้าใจ”

“อ่า โอเคครับ”

“อย่างนั้นก็เอาของไปเก็บแล้วพักผ่อนก่อนนะ  แขกคนหนึ่งมาถึงบ่ายสามโมง ส่วนอีกคนมาตอนสองทุ่มครึ่ง นี่ก็สิบเอ็ดโมงพอดี กินข้าวเที่ยงเลยแล้วกัน”น้าสาวกล่าวรวบรัดและลู่หานก็พยักหน้ารับประสาคนว่าง่าย หลังจากทานข้าวร่วมกับคุณน้าและคุณยาย เขาก็กลับเข้ามาที่ห้องรับแขก จัดข้าวของของตนเองอยู่ครู่ในห้องพักแขกเก่าซึ่งเป็นห้องนอนเหมือนโรงแรมทั่วไป มีเตียงพร้อมที่นอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะขนาดกลางพอให้นั่งอ่านหนังสือได้ ลู่หานเอาตำราออกมาวางกองเต็มเตียง แต่สมองกลับคิดไม่ออกว่าควรจะทำอะไรกับมันก่อน เขาควรจะหยิบเล่มไหนมาอ่าน หรือควรทำอย่างไรกับชีวิตต่อไป

เพราะลู่หานเองแทบจะไม่มีคำตอบด้วยซ้ำว่าเขาจะวางอนาคตตัวเองไว้ที่ไหน...

“...”ลู่หานลืมตาขึ้นก่อนจะชันตัวขยี้ดวงตาเล็กน้อย ใบหน้าง่วงงุนทอดสายตามองไปรอบๆก่อนจะพบว่าตอนนี้เวลาสี่โมงเย็น แขกคนแรกของบ้านคงมาถึงแล้ว เขายืดตัวเล็กน้อยก่อนจะเข้าไปล้างหน้าที่ห้องน้ำซึ่งเป็นห้องอาบน้ำสองห้องและห้องน้ำหนึ่งห้อง และอ่างล้างหน้าที่มีไดร์เป่าผมเสียบไว้ให้อยู่พื้นที่ข้างๆซึ่งตกแต่งแบบเรียบง่าย มีก้านไม้หอมส่งกลิ่นผลไม้ฤดูร้อนหอมหวาน เมื่อล้างหน้าเรียบร้อย ร่างเล็กก็เดินเข้ามาดูส่วนครัวว่ามีอะไรให้ทำกินหรือไม่ อย่างไม่ทันได้สังเกตว่ามีร่างสูงโปร่งเดินท่อมๆลงมาจากชั้นสองเข้ามาในครัว และยืนมองลู่หานที่ใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงผ้าขาสั้นกำลังยืนโก้งโค้งดูของอยู่ในตู้เย็น

Excuse me”เสียงทุ้มเนิบๆดังขึ้นทำเอาลู่หานสะดุ้งตัวเล็กน้อย เขาหันมาก็พบชายหนุ่มร่างสูงผมสีน้ำตาลทองหม่น ดวงตาสีเทาจดจ้องมายังเขา จมูกโด่ง ริมฝีปากได้รูป เครื่องหน้าสัดส่วนราวกับนายแบบ พวกเขายืนจ้องหน้ากันอยู่พัก ก่อนที่ลู่หานจะสังเกตนมกล่องในมืออีกฝ่าย จึงได้รู้จุดประสงค์ว่าอีกคนกำลังจะใช้ตู้เย็น

“เชิญครับ!

“...”อีกฝ่ายไม่ได้ตอบหรือยื่นไมตรีกลับจนลู่หานรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนซื่อบื้อที่เผลอทำอะไรโง่ๆใส่ เขาถอยตัวออกมาอย่างสงบ โดยที่ชายคนนั้นก็ค้อมศีรษะให้เล็กน้อยก่อนจะออกจากบ้านไป ทิ้งให้ลู่หานเกาหัวแกร่กๆก่อนจะมองนมยี่ห้อภาษาเกาหลีรูปโดราเอม่อนอย่างไม่มีความคิดเห็นใดใด

วันแรกที่บ้านหลังนี้ของลู่หานดำเนินไปอย่างว่างเปล่า เขากลับไปอ่านอ่านหนังสือเล่มที่ต้องอ่าน นั่งจดนั่งลองทำจนกระทั่งน้าสาวโทรมาให้ไปทานข้าวเย็นที่บ้านใหญ่ ลู่หานถึงได้รู้ตัวว่าตอนนี้ทุ่มกว่าๆแล้ว และเขาควรจะทานอะไรสักหน่อยก่อนจะกลับมาอ่านหนังสือต่อ แขกคนนั้นยังไม่กลับมา และเขาคงต้องถามน้าสาวว่าควรทำอย่างไรกับกรณีนี้

“ขอโทษนะครับที่ผมมาก่อนกำหนด”

เมื่อลู่หานไปที่บ้านใหญ่ก็พบว่าน้าสาวกำลังต้อนรับแขกซึ่งเป็นชายหนุ่มตัวสูงที่หอบสัมภาระมาหลายใบ เจ้าตัวสวมเชิ้ตสีขาวกับกางเกงขายาวดูเหมือนนักศึกษา ชายคนนั้นหันมามองลู่หานอยู่พักก่อนที่คุณน้าจะเป็นคนแนะนำ

“อ่า..นั่นลู่หาน หลานของฉันเองค่ะ น้องจะช่วยดูแลเรือนที่คุณจิงไปพักผ่อนนะคะ ลู่หาน นี่แขกที่น้าว่า ชื่อคุณจิงป๋อหรันจ้ะ”รอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้าของชายหนุ่มที่ส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร และลู่หานก็อมยิ้มน้อยๆกลับไปให้

“สวัสดีครับ”

“อ่า..สวัสดีครับ ฝากตัวด้วยนะครับ”ร่างสูงกล่าวพร้อมกับน้าสาวที่ออกปากขึ้น

“เดินทางมาเหนื่อยๆ ถ้าคุณจิงไม่มีนัดหมายที่ไหน ทานข้าวด้วยกันได้นะคะ”

“อ่า..จะดีเหรอครับ”ดวงตาเรียวสองชั้นหลบในนั้นลังเลอยู่พัก แต่แล้วก็คลี่ยิ้มน้อยๆออกมาอีกครั้งอย่างเกรงใจ “รบกวนด้วยนะครับ”

“...”


ลู่หานสบตากับผู้ชายคนนั้นอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเบนสายตาออกไปมองทางอื่น...
เหมือนว่าฤดูร้อนนี้กำลังพัดพาอะไรบางอย่างเข้ามาในชีวิตของเขา




“เป็นนักเขียนเหรอคะเนี่ย? โอ๊ะ ดีจังเลย”

คุณน้าเอ่ยปากชมชายหนุ่มซึ่งมาเป็นสมาชิกบนโต๊ะอาหารที่ประกอบไปด้วยคุณยาย คุณน้า ตัวลู่หานเองและแขกที่ชื่อจิงป๋อหรัน ดวงตาเรียวชั้นเดียวนั้นหรี่หยีลงอย่างเป็นมิตร ก่อนจะออกปากเนิบๆ

“ก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่หรอกครับ อย่างที่เขาว่าเป็นนักเขียนไส้แห้ง”

“ไม่หรอกค่ะ คนที่เขียนหนังสือได้เป็นเล่มๆก็ต้องมีจินตนาการ มีความคิดกว้างๆ เนอะลู่หาน”คุณน้าหันมาหาเด็กหนุ่มที่เอาแต่คีบผัดเห็ดเข็มทองกินกับข้าวไม่พูดคุยกับใคร โดยใบหน้าหวานนั้นก็พยักหน้าน้อยๆ

“ครับ เก่งมากเลย”

“แต่จะให้ลู่หานไปเขียนบ้างคงไม่ได้ละมัง ไม่ได้ชอบทางนี้นี่ ใช่ไหม แม่เราอยากให้เรียนอะไรนะ”คุณน้าชวนคุยจนลู่หานเริ่มอึดอัดที่จะพูดอนาคตขึ้นมา ทว่าสุดท้ายคุณยายก็ส่งเสียงปรามเบาๆ

“อาฮัว...”

“โอ๊ะ ขอโทษด้วยนะจ๊ะ อุตส่าห์มาพักผ่อนแท้ๆ”เธอยิ้ม “คุณจิงคะ ลู่หานจะพักเรือนหลังเดียวกับคุณจิงแล้วก็แขกอีกคนหนึ่งค่ะ หากติดอะไรก็บอกหลานของฉันได้เลยนะคะ”

“อ่า..ได้ครับ”ใบหน้าหล่อนั้นหันมาส่งยิ้มให้ “รบกวนได้นะ”

“ฮะ...”รับคำเบาๆแล้วก็เอาหน้ามุดถ้วยข้าวไปใหม่ โดยที่ป๋อหรันก็แย้มยิ้มนิดๆอย่างนึกเอ็นดู สำหรับลู่หานแล้ว การพูดคุยกับคนแปลกหน้าไม่ใช่เรื่องถนัดของเขาสักเท่าใด เด็กหนุ่มทานข้าวไปตามปกติและมื้อเย็นก็จบลง ลู่หานอาสาช่วยป๋อหรันขนของไปที่เรือนด้านในเอง เพราะในห้องพักพวกผ้าขนหนูก็จัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

“หนักมั้ยเรา พี่หิ้วเองได้นะครับ”ชายหนุ่มเอ่ยถามคนตัวเล็กที่สะพายเป้ใบย่อมและกอดกระเป๋าโน้ตบุ๊กให้กับแขกมาถึงบ้านพักที่เปิดไฟด้านหน้าอยู่ ลู่หานจัดการแตะการ์ดเปิดบ้านหลังจากรู้จากน้าสาวว่าถ้าแขกกลับมาดึกก็จะเอาการ์ดแตะเพื่อเข้าบ้านซึ่งเป็นประตูกระจกติดฟิล์มสีดำ เขาแตะการ์ดพร้อมกับช่วยจิงป๋อหรันขนของมาด้านใน จนเมื่อต้องขึ้นบันได ป๋อหรันจึงอาสาขนของขึ้นไปเอง เหลือเพียงของเบาๆให้ลู่หานสะพายหลัง

“โอเค ถึงแล้วครับ เหนื่อยน่าดูเลย”ลู่หานพูดกับแขกอย่างเกรงใจ ห้องพักของป๋อหรันอยู่ชั้นสอง เดิมเป็นห้องพ่อแม่ของเขาเอง โดยห้องของแขกที่พูดภาษาอังกฤษเมื่อเย็นก็อยู่ตรงข้าม ส่วนห้องของลู่หานอยู่อีกฝั่ง ติดกับส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่นชั้นบนซึ่งมีชุดรับแขกกับชั้นหนังสือ รวมทั้งกีตาร์ กับทีวีจอแบนติดผนัง

“ไม่เป็นไรครับ เราสิเหนื่อย เหงื่อโชกแล้ว”ชายคนนั้นหัวเราะ

“น้ำดื่มอยู่ชั้นล่างนะครับ ในครัว ส่วนที่เป็นเหยือกดื่มกินได้เลย ส่วนเป็นกล่องเป็นขวดของแขกอีกคนน่ะครับ”ลู่หานอธิบายอีกครั้ง และป๋อหรันก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย

“ตกลงครับผู้จัดการ”

“อ่า..ผมไม่ได้เป็นผู้จัดการสักหน่อย”แย้งเบาพลันเลิกคิ้วเมื่อจิงป๋อหรันกล่าวขึ้นยิ้มๆ

“ตกลงครับหนู

“หนู?”ร้องเสียงสูงพลันชีนิ้วหาตนเอง “ผม?”

“ใช่..หนู เราคงอยู่กันหลายวัน งั้นเรามาเรียกกันแบบสบายๆนะ เรียกนี่ว่าเฮียได้เลย”ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่ลู่หานยังคงงุนงงกับทุกอย่างที่ดูปุบปับ

“แต่ว่าผม...”

“อ่า..ไม่ได้นะ แทนตัวว่าหนูสิ...คุณน้าคงไม่ชอบถ้าขัดใจลูกค้านะ”ดวงตาเรียวพราวระยับจนเด็กน้อยถึงกับเผลอคว่ำปาก “เอาล่ะครับหนู เฮียต้องจัดของแล้ว”

“ผมไม่พูดหรอก”แม้จะรู้สึกตลกสรรพนามที่ช่างน่าขัดเขิน ทว่าลู่หานก็แย้มยิ้มออกมาอย่างไม่โกรธขึ้งอะไร “อย่างนั้นราตรีสวัสดิ์นะครับ อาหารเช้าเจ็ดโมงถึงเก้าโมงเช้า ลงมาไม่ทันผมเก็บนะ”

“เดี๋ยวมารอตั้งแต่หกโมงเช้าเลยครับ”คำพูดทีเล่นทีจริงของป๋อหรันทำเอาอีกฝ่ายอมยิ้มจนแก้มตุ่ย เมื่อเริ่มเกิดความรู้สึกคุ้นเคยเป็นกันเองมากขึ้น ลู่หานพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะขอตัวกลับห้อง เหลียวหน้าไปมองอกรอบตอนจะเปิดประตูเข้าห้องก็พบอีกฝ่ายกำลังยักแย้ยักยันขนสัมภาระเข้าไปข้างใน แต่ไม่วายยังโบกมือส่งยิ้มให้อีกทีหนึ่ง

อ่า...มีเพื่อนไว้ก็ไม่เสียหายล่ะนะ...

ลู่หานกลับมาเปิดตำรานั่งอ่านหนังสือ แวะไปเล่นโซเชี่ยลคุยกับเพื่อนๆที่ใช้เวลาปิดเทอมกับการไปเที่ยวเมืองนอกหรือใช้ชีวิตกับการติวหนังสือที่สถาบัน ทุกคนมีจุดมุ่งหมายว่าจะเรียน เพื่อที่จะมีอนาคต กับไม่เรียน เพื่อที่จะออกแบบเส้นทางเดินของตัวเอง เหมือนทุกคนต่างย่างเท้าก้าวไปในเส้นทางที่ตัวเองเลือก เหลือเพียงเขาที่ยังยืนอยู่ที่จุดเริ่มต้นอย่างไม่เห็นเส้นชัย

“หิวน้ำแฮะ”ลู่หานพึมพำเบาๆก่อนจะสังเกตว่าตนเองไม่ได้หยิบน้ำจากด้านล่างมาไว้ดื่ม ร่างเล็กลุกขึ้นเดินออกจากห้องโดยไม่ลืมที่จะล็อคห้องอย่างเรียบร้อย เขาค่อยๆก้าวไปตามบันไดที่ติดไฟสลัว เท้าเล็กย่างเตาะแตะลงมาถึงครัว ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งอยู่หน้าตู้เย็น ตอนแรกลู่หานคิดว่าเป็นจิงป๋อหรัน แต่คำตอบคือเปล่าเมื่อใบหน้านั้นเบี่ยงมามองท่ามกลางแสงจากตู้เย็น

“ฮะ...ไฮ”ลู่หานเอ่ยทัก และอีกฝ่ายก็พยักหน้าเล็กน้อย “คุณกลับมาตอนไหน...อ่า เว็นยูคัมแบ็ค..ทูเฮีย..ใช่เฮียมั้ยนะ หรือเฮ้าส์”

“ฮึ..”เสียงหัวเราะพ่นลมทำให้ใบหน้าหวานเงยขึ้น “กลับมาสักพักแล้วครับ”

“...”ดวงตากลมโตเบิกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงทุ้มติดแหบนิดๆ พลันรีบฉกมือกับขวดน้ำทันทีที่อีกคนเบี่ยงกายให้ ลู่หานส่งยิ้มแห้งๆก่อนผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก “ขอบคุณครับ...คุณพูดจีนได้ผมก็โล่งใจแล้ว”

“?”

“คือน้าผมให้ผมดูแลแขกที่บ้านหลังนี้ครับ กลัวว่าถ้าเจอฝรั่งจะคุยไม่รู้เรื่อง..เอ้อ..ผมไม่ถนัดภาษาอังกฤษเท่าไหร่”กล่าวเสียงเบาหวิวพลันเชยตามองอย่างลอบดูอาการฝั่งตรงข้ามว่าจะนิ่งเงียบอีกหรือไม่ แล้วก็พบเพียงดวงตาคมหรี่ลงเป็นเชิงยิ้มนิดๆ ใช่..ดวงตาคม คิ้วเข้มได้รูป จมูกโด่ง ริมฝีปากรับกันอย่างไม่มีตรงไหนผิดเพี้ยน

“ผมนึกว่าคุณเป็นแขกด้วยกัน..ก็เลยไม่ได้ทักทาย ผมชื่อโอเซฮุน รบกวนด้วยครับ”กล่าวเท่านั้นพลางขยับตัวโดยที่ลู่หานก็ทำตัวลีบชิดผนัง เพิ่งสังเกตว่าอีกคนสวมเพียงเสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงนอนขายาวสีเทา

และเหมือนจะไม่ได้สวมอันเดอร์แวร์

“โอ๊ะ?”ลู่หานที่หันหน้าหนีก็เผลอร้องในลำคอเมื่อสัมผัสถึงความเย็นที่แก้ม ก่อนจะรับกล่องนมมาถือ โดยที่ใบหน้านิ่งๆนั่นก็ขยับเป็นเชิงให้รับไป และเจ้าตัวก็ดูดน้ำนมอีกกล่องเดินขึ้นบันไดกลับห้องพัก ลู่หานมองกล่องนมช็อคโกแลตรูปโดเรม่อน ก่อนจะหันไปขมวดคิ้วกับตู้เย็นเมื่อเจ้านมกล่องๆหนึ่งเมื่อเย็นได้งอกลูกหลานออกมาประมาณสองแพค มันอร่อยมากจนถึงขั้นต้องกักตุนเชียวหรือ นมช็อคโกแลตในจีนดาษดื่นถมไป ลู่หานยู่หน้าพลันหยิบขวดน้ำกลับขึ้นมาในห้อง โดยฉวยเอากล่องนมจากผู้ชายที่ชื่อโอเซฮุนติดมือมาด้วย เขากลับมา นั่งอ่านหนังสือและเจาะนมกล่องนั้นดื่มก่อนที่มันจะหายเย็น

“ไม่เห็นจะอร่อยตรงไหนเลย”

พึมพำกับตัวเองเพราะรสชาติก็ไม่ต่างไปจากนมช็อคโกแลตที่เขาเคยดื่ม ลู่หานนั่งอ่านหนังสืออยู่พักก็กลับมานอนแผ่มองผนังสมองว่างเปล่า ตำราที่อ่านไปไม่เข้าหัวเพราะไม่รู้ว่าอ่านไปแล้วเขาจะได้อะไร เข้ามหาวิทยาลัยไปแล้วเขาจะกลายเป็นผู้ใหญ่แบบไหน มีชีวิตอย่างไร...

หากในสมองของคนเราคือจักรวาลๆหนึ่ง..จักรวาลของลู่หานในตอนนี้ก็ช่างว่างเปล่าราวกับพื้นที่ว่างรกร้างเหลือเกิน...

********************
#YOUhhb