วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2558

YOU ( Sehun x Luhan x Boran) 2











“...”

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

พอรุ่งเช้า ลู่หานที่เพิ่งขยี้ตาลงมาจากชั้นบนก็อ้าปากค้างเมื่อพบจิงป๋อหรันกำลังนั่งดื่มกาแฟตอนหกโมงเหมือนที่พูดไว้เป๊ะๆ เด็กหนุ่มสะบัดศีรษะเล็กน้อยก่อนจะเข้าไปเตรียมช่วยพนักงานจัดอาหารเช้าให้แขก พลันลอบถามพนักงานเบาๆเกี่ยวกับคุณนักเขียนที่ยังนั่งไขว่ห้างสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์พอดีตัวขายาวนั่งจิบกาแฟไม่ทุกข์ร้อนใจคนนั้น

“เขามานานรึยังครับ?”

“เท่าที่เข้างานมา แขกก็ออกมาเดินเล่นตั้งแต่เช้ามืดแล้วค่ะ”ลู่หานยกจานปิดปากที่เบ้เบะทันที ให้ตายสิ... “คุณลู่หานจะทานพร้อมแขกเลยมั้ยคะ”

“ค..ครับ”ตอบรับพลันหมุนกายไปหยิบเหยือกน้ำผลไม้มาเทใส่แก้ว สังเกตเห็นนมกล่องที่วันนี้หายไปจากเดิมอีกกล่องหนึ่ง คาดว่าแขกที่ชื่อโอเซฮุนคงลงมาเอาไปดื่มอีกและตอนนี้คงยังไม่ตื่น เขาหยิบแก้วน้ำผลไม้นั้นเดินไปหาป๋อหรันที่ขยับหนังสือพิมพ์ลงพลันส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรมาให้

“นอนหลับสบายมั้ยครับ?”

“เอ่อ...มันต้องเป็นประโยคของเจ้าบ้านไม่ใช่เหรอครับ”ลู่หานกล่าวให้กับแขกที่ถามคำถามประหนึ่งเป็นเจ้าของเสียเอง จิงป๋อหรันจิบกาแฟเล็กน้อยพลันส่งยิ้มเรี่ยราดราวกับนางงาม

“ประโยคแบบนี้เฮียไม่ถือหรอก เฮียอยากถามก็ถาม หนูไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไรนี่”

“ยังใช้สรรพนามแบบนั้นเหรอครับ”ร่างเล็กทำหน้าเนือย “ผมหลับสบายครับ ตำราตั้งสองสามเล่ม”

“ยานอนหลับขนานเอกเลยนี่”ชายหนุ่มหัวเราะ “จะเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยนี่เรา”

“ใช่ครับ...เหมือนระเบิดเวลาเลย พอสอบเสร็จก็บึ้ม..ผมตาย”ลู่หานกล่าวพร้อมกับอาหารเช้าที่ถูกจัดเสิร์ฟ ซึ่งเป็นสลัดผักกับชุดอาหารเช้าแบบตะวันตกง่ายๆ ป๋อหรันจิบกาแฟที่พร่องลงไปเกือบก้นแก้วพลันเอ่ยขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

“ถ้ายังไงปรึกษาเฮียได้นะ ช่วงนี้คงจะเครียดมาก ตอนเฮียจะเข้ามหาลัยก็รู้สึกเหมือนจะตายเลยเหมือนกันล่ะ แต่ยังดีที่มีพ่อกับแม่คอยฟังคำปรึกษา”

“ผมไม่รู้จะปรึกษาอะไรหรอกครับ”

“อย่างนั้น หนูเอาตำรามาอ่านกับเฮียก็ได้ ถ้าไม่สะดวกใจก็ติวที่ห้องนั่งเล่น เฮียเองก็จะเขียนงานเหมือนกัน”ร่างสูงอาสา และดวงตากลมหวานก็ได้แต่กะพริบปริบๆ

“แล้วจะมีสมาธิเหรอครับ..คืออาจจะต้องใช้...”

“ไม่หรอกครับ จิ้มๆไปเรื่อยๆ อะไรที่นึกได้”ชายหนุ่มขยับยิ้ม และลู่หานก็พยักหน้ารับเบาๆ ต่างคนต่างทานอาหารโดยที่คุยเรื่องทั่วๆไป การใช้ชีวิต เป้าหมายของลู่หานและทัศนคติของป๋อหรัน และลู่หานก็คิดว่าเขาเองเดาได้ถูกว่านักเขียนสามารถถ่ายทอดถ้อยคำออกมาได้อย่างน่ารื่นหูอยู่เสมอ

เมื่อจบมื้อเช้า ที่ห้องนั่งเล่นชั้นบนลู่หานก็หยิบตำราออกมากางวาง และป๋อหรันก็มาพร้อมกับโน้ตบุ๊กทำงานของตนเองต่อปลั๊กพร้อม ต่างคนต่างนั่งขัดสมาธิหันหน้าเข้าหากันบนโต๊ะเตี้ยๆ ลู่หานขยับเรียงไฮไลต์ให้เรียบร้อยพลันมองป๋อหรันที่เปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คและเตรียมสมุดเล่มเล็กสำหรับจดข้อมูลเตรียมพร้อม เด็กหนุ่มเริ่มต้นอ่านหนังสือ ดวงตามองตัวหนังสือพลางไฮไลต์อย่างเชื่องช้ากับเวลาผ่านไปเงียบๆ ในขณะที่จิงป๋อหรันก็ยังพิมพ์งานต่อไปแบบนั้น เนิ่นนานเสียจนลู่หานไม่รู้ว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่ หรือจะเป็นยังไงต่อไป เพราะมันไม่ได้เข้าหัวเขาแม้แต่นิด มันเต็มไปด้วยความอึดอัด อ่านหนังสือก็ว่าไม่สบายพอแล้ว ยังมานั่งกับคนที่ไม่สนิทยิ่งอึดอัดไปกันใหญ่

“เฮ้อ”

“...”ลู่หานเงยหน้าขึ้นเมื่อป๋อหรันผ่อนลมหายใจออกเล็กน้อย ดวงตาเรียวนั้นขยับหยีลงนิดหน่อยโดยที่ร่างเล็กก็เดาความหมายไม่ออกนัก “มีอะไรรึเปล่าครับ?”

“เฮียคิดไม่ออกน่ะ”

“อ่า...”

“เฮียว่าน่าจะไปข้างนอกหน่อย ไปด้วยกันมั้ย?”ป๋อหรันส่งยิ้มมาให้ “หนูเองก็ไม่มีความสุขเลยไม่ใช่เหรอ?”

“...”คิ้วเรียวเลิกเล็กน้อย ไม่รู้ทำไมลู่หานถึงรู้สึกประหลาดใจ อาจเพราะว่าอีกฝ่ายเป็นคนแรกที่มองออกว่าเขารู้สึกอะไรอยู่ก็เป็นได้ เพราะอย่างนั้นเพียงไม่นาน ตำราและโน้ตบุ๊กก็ถูกเก็บกลับห้องตัวเอง และจักรยานที่บ้านหลังใหญ่ก็ถูกจิงป๋อหรันเข็นออกมาเช็คล้อ โดยที่น้าสาวเห็นหลานชายกับแขกตั้งท่าออกไปข้างนอกก็ไต่ถามอย่างแปลกใจ

“จะไปข้างนอกกันเหรอจ๊ะ”

“ครับ วันนี้อากาศดี แดดไม่ค่อยแรง ก็เลยว่าจะไปปั่นจักรยานเล่นสักหน่อย”ชายหนุ่มตอบ ก่อนที่มือของหญิงสาวจะยกขึ้นแตะปากตน

“ลู่หาน...ปั่นจักรยานไม่เป็นนะจ๊ะ”

“หืม?”ป๋อหรันร้องในลำคอก่อนจะหันมาหาลู่หานที่ทำหน้าแหยเล็กน้อย ดวงตาเรียวหรี่ลงเป็นเชิงยิ้มอีกหนพลันตอบหญิงสาวเจ้าของที่พักไป “ไม่เป็นไรครับ เราจะไปด้วยกัน”

“เดินทางดีๆนะ”หล่อนว่าด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับจิงป๋อหรันที่พาลู่หานออกจากที่พัก เด็กหนุ่มนั่งตัวเกร็งไปตามทางก่อนจะถามอีกฝ่ายอย่างเงอะงะ

“เรา...เราจะไปที่ไหนกันครับ”

“ไม่รู้ซิ...หนูอยากไปไหนล่ะ”

“มีแผนที่เหรอครับ?”

“ไม่มีหรอก”

“ห๋า?”เด็กน้อยร้องเสียงสูงก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มเนิบนุ่มนวลลอยล่องมา

“ไม่มีก็ถามชาวบ้าน ไม่มีก็เรียนรู้เส้นทาง ชีวิตเรามีอะไรอีกเยอะนะ เหมือนประโยคที่บอกว่า ชีวิตไม่ใช่รอคอยให้พายุฝนผ่านไป แต่ชีวิตคือเรียนรู้ที่จะเต้นรำกลางสายฝน”

“...”

“หนูพอจะมองเห็นอะไรที่อยากทำรึยังครับ?”ประโยคคำถามแม้คนถามจะไม่ได้หันหน้ามาและเหมือนจะไม่คิดหาคำตอบ แต่ทำให้ลู่หานไม่สามารถละสายตาไปจากแผ่นหลังกว้างๆภายใต้เสื้อยืดสีขาวซึ่งมีท้องฟ้าอากาศค่อนข้างร่มเป็นฉากหลัง เขาเห็นก้อนเมฆก้อนเล็กๆล่องลอยไปบนท้องฟ้า

และในตอนนั้น..จักรวาลของลู่หานก็ประกอบไปด้วยแผ่นหลังของจิงป๋อหรันและก้อนเมฆขนาดเล็กสามก้อน...





“ไม่อยากเรียนมหาลัยเหรอ?”

ชายหนุ่มถามอีกครั้งในเวลาต่อมา หลังจากจอดจักรยานตรงเนินหญ้าติดสะพานข้ามคลองซึ่งนานๆจะมีรถขับมาสักหนหนึ่ง ป๋อหรันดื่มโคล่าแล้วมองลู่หานที่ยังลูบนิ้วกับกระป๋องโพคาริอยู่เงียบๆ และลู่หานเองก็อยู่ในช่วงชั่งใจว่าจะพูดต่อไปดีหรือไม่

“ฮะ...แต่ไม่เชิงว่าไม่อยากเรียนเลย..ผมไม่อยากเรียนมหาลัยที่มีชื่อเอาไว้อวดกับคนอื่น ผมอยากเรียนอะไรที่ผมอยากเรียน”ดวงตากลมโตหรุบลง “แต่อย่างที่เห็น...ผมลูกคนเดียว ผมทำให้พ่อแม่ผิดหวังไม่ได้”

“...”

“ชีวิตของผมอาจจบลงแค่ว่าเป็นพนักงาน แล้วก็เท่านั้น ไม่มีอะไรอีก มันน่าเสียดายนะ มันก็อึดอัดล่ะครับ ดีที่คุณได้ทำอะไรที่คุณชอบ”

“ไม่หรอก”ชายหนุ่มเอ่ยเนิบๆจนลู่หานเลิกคิ้วเล็กน้อย

“เอ๋?”

“จะว่ายังไงดี..แต่เฮียไม่ได้โชคดีขนาดนั้น งานเฮียเคยถูกปฏิเสธหลายรอบจนเกือบจะยอมแพ้ ตอนนั้นมีรุ่นพี่ที่เคยรู้จักติดต่อเฮียมาทำกับที่ปัจจุบัน มันก็เลยโอเค ความรู้สึกที่ผิดหวังติดๆกันหลายครั้งนี่มันแย่เป็นบ้าเลย แต่มันโอเค..เฮียผ่านมันมาได้เพื่อจะข่มปัญหาใหม่ๆว่าเราเคยผ่านอะไรแบบนี้มาแล้ว”ป๋อหรันส่งยิ้มให้ “แม้จะเบื่อ เจอเพื่อนๆน่ารำคาญ สังคมหน้ากาก แต่หนูเรียนเถอะนะ... อย่างน้อยก็เพื่อตัวเอง ไม่ต้องสนใจหรอกว่าใครจะมองยังไง”

ดวงตากลมโตจ้องมองคำพูดราวกับเวทมนตร์ของอีกคนนิ่งๆ

“ให้ทุกๆวันของเรามีความหมายและมีความสุข ไม่ใช่เพียงเพราะทำเพื่อคนอื่น แต่ทำเพื่อตัวเราเอง เชื่อเฮียนะ”

“สรรพนามนั่น..”ลู่หานก้มหน้าหัวเราะเบาๆพร้อมกับคิ้วเข้มที่ขยับเล็กน้อย

“ทำไมล่ะ สะดวกดีนะ เฮียทำงานก็พูดกับพวกพิสูจน์อักษรพวกเร่งต้นฉบับตลอดล่ะ”

“คึ...ฮ่าฮ่า...โอเคครับ”ใบหน้าหวานขยับยิ้ม “ขอบคุณมากนะ”

“...”จิงป๋อหรันคนนั้นนิ่งไปเล็กน้อย อาจเป็นเพราะแดดแรงเกินไปช่วงแก้มของร่างสูงจึงได้แดงราวกับบ่มแดดขึ้นมานิดหน่อย นิ้วเรียวเกี่ยวเปิดกระป๋องพลันจิบโพคาริก่อนจะมองท้องฟ้า ทุกอย่างเงียบลงอีกครั้งจนกระทั่งชายหนุ่มกล่าวถามเนิบๆ “หนูไม่มีความฝันเหรอ?”

“มันว่างเปล่าไปหมดเลยฮะ...อาจเพราะอนาคตถูกคิดไว้ให้แล้ว ก็เลยลืมความต้องการของตัวผมเองไป”

“อา...”เสียงทุ้มครางเล็กน้อย ก่อนที่ฝ่ามือที่เงื้อค้างอยู่นานจะแปะลงกลางศีรษะของลู่หานแล้วขยับเบาๆ “ไม่ต้องคิดมาก..ให้มันค่อยๆเป็นไป ไม่ต้องรีบ ถ้ามีแล้วก็อย่าละทิ้งความฝันล่ะ เพราะปาฏิหาริย์มันเกิดขึ้นได้ทุกวันอยู่แล้ว”

“ครับ”ลู่หานส่งยิ้มให้ หลังจากการพูดคุยกับอีกฝ่ายเขาก็รู้สึกสบายใจกับตัวเองขึ้นมาเล็กน้อย ลู่หานรู้สึกได้ว่าจักรวาลของเขาเริ่มไม่รกร้างว่างเปล่า พอพูดคุยเรื่องทั่วไป ดินฟ้าอากาศกันสักพัก จิงป๋อหรันก็พาลู่หานกลับมาที่บ้าน พอดีกับเสียงมือถือของอีกฝ่ายดังขึ้นพอดี

“โอ๊ะ...สักครู่นะ”ลู่หานยืนอยู่กับจักรยานก่อนที่ป๋อหรันจะออกไปโรศัพท์และกลับมากับรอยยิ้มแห้งๆ “อ่า..ตอนนี้เพื่อนเฮียมาพักอยู่หมู่บ้านข้างๆ ว่าจะออกไปดื่มกันสักหน่อย คืนนี้อาจจะไม่กลับมาน่ะ”

“รักษาสุขภาพด้วยนะครับ”ถ้อยคำปรารถนาดีนั้นทำให้อีกฝ่ายอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่ป๋อหรันจะพูดขึ้นอีกครั้ง

“งั้นเฮียไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน หนูก็อย่าหักโหมมากล่ะ”

ลู่หานพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะแยกกับป๋อหรันไป ร่างเล็กกลับไปหาน้าสาวพลางอาสาช่วยทำกับข้าวและนั่งเล่นกับคุณยาย ซึ่งไม่นานจิงป๋อหรันที่อาบน้ำแต่งตัวใหม่ก็มาโบกมือให้ก่อนจะขึ้นรถรับส่งเล็กๆระหว่างหมู่บ้านเพื่อไปหมู่บ้านข้างๆ ลู่หานเองก็อยู่ที่บ้านใหญ่ ทานข้าวเย็นและกลับมาที่บ้านพักเพื่ออ่านหนังสือต่อ

เขาไม่เห็นแขกที่ชื่อโอเซฮุนเลยตลอดทั้งวัน และถือโอกาสว่าบ้านนี้เป็นของเขา จึงได้หยิบตำรามาอ่านชั้นล่างพลางเปิดทีวีเพื่อไม่ให้มันเงียบ ในครั้งนี้เขาไม่รู้สึกอึดอัดกับการอ่านมากนัก คงเพราะคำพูดของจิงป๋อหรันคนนั้นทำให้เขาเลือกที่จะวางความเครียดลง แต่ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มี มันยังคงอยู่แต่เบาบางลงไปมาก ลู่หานนั่งชันเข่าอ่านหนังสือไปเรื่อยๆจนไม่ได้สังเกตว่าแขกที่ออกไปกำลังกลับเข้ามา

ติ๊ด!

“?!

ลู่หานเงยหน้าขึ้นเมื่อเสียงแตะบัตรกับประตูจนเสียงเซนเซอร์ตอบรับดัง เซฮุนสวมเสื้อฮู้ดตัวใหญ่กับกางเกงพอดีตัวสีดำเดินย่างเท้าช้าๆ ดวงตาสีเทานั้นมองมาที่ร่างเล็กซึ่งยังอยู่ที่ห้องด้านล่างอย่างนึกฉงนนิดหน่อย

“คุณยังไม่นอนเหรอ ดึกป่านนี้แล้ว”

“เพิ่งหัวค่ำเองครับ..โอ๊ะ”ลู่หานเลิกคิ้วเมื่อมองไปยังนาฬิกาแขวนผนังก็พบว่าจวนจะห้าทุ่ม เด็กหนุ่มยกหนังสือปิดหน้าจนเหลือแค่ดวงตาก่อนจะพบว่าเป้ของอีกฝ่ายวางลงที่โต๊ะตัวเตี้ยที่เขาวางหนังสือไว้ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินไปที่ตู้เย็นและหยิบบะหมี่กระป๋องมากดน้ำร้อนใส่

“ขยันจังนะครับ”

“ไม่หรอกครับ..ผมแค่...”ลู่หานพึมพำและเซฮุนก็วางกระป๋องบะหมี่ลงพร้อมกับน้ำเปล่า ร่างสูงนั้นเหยียดตัวเอนโซฟาพลันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า

“แถวนี้มีบ่อน้ำร้อนบ้างมั้ย คุณพอรู้รึเปล่า”

“ด้านหลังมีนะครับ ตอนนี้ไม่น่าจะปิด”เด็กหนุ่มแนะนำ และโอเซฮุนก็ขยับตัวขึ้นนั่งเปิดกระป๋องบะหมี่ ดวงตาคมสีเทาหรี่ลงเป็นเชิงยิ้มและเอ่ยขอบคุณเบาๆ ไม่มีคำพูดจากลู่หานที่เอาแต่มองตัวหนังสืออย่างไม่ค่อยจะรู้เรื่องกับอีกฝ่ายที่ทานบะหมี่เงียบๆ  

“คุณ...”เสียงเบาๆดังออกมาจากริมฝีปากเล็ก และชายหนุ่มก็เลิกคิ้วนิดหน่อย

“?”

“คุณ...เที่ยวเป็นยังไงบ้างครับ”ลู่หานพยายามยื่นไมตรีไปก่อนแม้จะดูยากเย็น โดยที่อีกคนก็แค่อมยิ้มเล็กน้อย

“เรื่อยๆครับ มาพักผ่อน ก็เลยไม่อยากจะคิดอะไรมาก”ดวงตาของเซฮุนปรายลงที่ตำรา เพียงเท่านั้นลู่หานก็หลังตรงขึ้นมา

“เอ่อ..ผมจะสอบเข้ามหาลัย ก็เลยต้องอ่าน”

“อา...ไม่ใช่..ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น”รอยยิ้มนิดๆที่ริมฝีปากได้รูปนั่นทำให้ลู่หานก้มหน้าลงเพราะสู้สายตาไม่ไหว เขาอดยอมรับไม่ได้ว่าโอเซฮุนนั้นเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีจริงๆ “ทุกคนมีหน้าที่ๆต้องทำอยู่แล้ว ถึงจะไม่ชอบแต่ก็ต้องทำล่ะนะครับ”

“...”ใบหน้าหวานเริ่มม้านขึ้นมาเมื่อรู้สึกได้ว่าคู่สนทนาจับท่าทางเขาได้ว่าไม่ได้มีความสุขกับการจมตำรานัก จนกระทั่งนิ้วยาวๆจิ้มหนังสือที่ลู่หานเอาบังหน้าลง

“ไม่อยากคุยกับผม?... อา โอเค ยังไงซะไม่ค่อยมีใครอยากคุยกับผมเท่าไหร่”

“ผมเปล่า..แต่ผมแค่ไม่สนิทก็เลยทำท่าไม่ค่อยดี ขอโทษฮะ”กล่าวเสียงอ่อยพลันหลบสายตาที่จ้องมองมาอย่างนิ่งๆนั้นราวกับไม่อาจต่อสู้

“ผมว่าผมเข้าใจ...ไม่มีใครมนุษย์สัมพันธ์ดีทุกคน..ผมเองก็เหมือนกัน แต่ตอนที่คุณบอกผมว่าโล่งใจที่ผมพูดจีนได้ แปลว่าคุณพยายามได้ดีแล้วล่ะครับ”เซฮุนหยัดกายลุกขึ้น ปล่อยให้ลู่หานมองตามรูปร่างและท่วงท่าเหล่านั้น... ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ทำไมเขาถึงไม่ดูดีแบบนี้นะ

“คุณจะไปบ่อน้ำร้อนเหรอครับ?”

“ก็อยากอยู่นะครับ”เซฮุนตอบ “แต่ดึกป่านนี้คงไม่มีคน เหงาตายเลย เก็บไว้วันหลังก็ได้... แต่ผมว่าคุณขึ้นห้องจะดีกว่านะ เว้นแต่ว่าคุณชอบอยู่คนเดียวจริงๆ”

“อ่า...”ริมฝีปากเล็กร้องค้างเมื่อใบหน้าคมคายนั้นหันไปมองโทรทัศน์ที่ถูกเปิดแก้เงียบ ทว่าเซฮุนก็แค่ผงกศีรษะให้นิดหน่อยแล้วคว้าเป้กลับขึ้นไปข้างบน เมื่อท่อนขายาวหายไปจากบันได ลู่หานก็ได้แต่นั่งนิ่งๆราวกับตุ๊กตา ก่อนจะลุกขึ้นปิดทีวีและเก็บตำราไปอ่านชั้นบนเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศแทน ใช่..แม้ว่าเขาจะไม่ชอบ แต่มันก็เป็นหน้าที่ หากคำพูดของจิงป๋อหรันได้ให้กำลังใจเกี่ยวกับอนาคต พูดถึงความฝัน โอเซฮุนก็เหมือนกำลังเตือนเขาเรื่องหน้าที่และความเป็นจริงที่ต้องเจอ

ไม่มีทีท่าว่าห้องของเซฮุนจะเปิดออกมาอีกหลังจากที่เจ้าตัวอาบน้ำ (และลู่หานก็พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่มองร่างสูงโปร่งผิวขาวจัดพันผ้าขนหนูผืนเดียวเดินใส่รองเท้าฟองน้ำเดินเช็ดผมกลับห้อง) โอเซฮุนกลับไปทำท่าเฉยๆเหมือนเก่า จักรวาลของลู่หานในตอนนี้เลยมีก้อนเมฆสามก้อน จิงป๋อหรันที่เหมือนดวงจันทร์ของดาวโลกที่อ่อนโยนเสมอแม้ในตอนกลางวันที่ไม่มีแสง และโอเซฮุนที่เหมือนพลูโตผู้เย็นชา,หลุดออกจากกลุ่มนพเคราะห์ ไม่สุงสิงกับใครนอกจากพื้นที่ของตัวเอง

อาจเพราะตอนเด็กๆลู่หานชอบมองท้องฟ้าตอนกลางคืน ชอบดูดาว ทำให้เขาชอบเปรียบเปรยความรู้สึกของตัวเองเป็นจักรวาล (แต่เขาไม่เคยเห็นตัวเองเป็นศูนย์กลาง) หากความรู้สึกที่ว่างเปล่าถูกทดแทนด้วยอะไรหลายๆอย่างมันก็เหมือนจักรวาลที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

แต่ลู่หานไม่แน่ใจนักว่าคนอย่างเขาจะสามารถทำอะไรที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบออกมาได้จริงๆหรือไม่





“...”

เซฮุนที่ลุกขึ้นมากลางดึกโดยสวมเสื้อกล้ามกับกางเกงนอนขายาวก็เลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าลู่หานได้ย้ายตัวมานอนหลับบนชั้นสองแทน ร่างเล็กที่มีแต่หนังสือตำราน่าปวดหัวรายล้อมนั้นกำลังนอนหลับฝันถึงอะไรสักอย่างที่ชายหนุ่มไม่แน่ใจ เขาไล่สายตาจนไปหยุดที่หน้าท้องของเด็กน้อยที่เสื้อยืดถลกจนเห็นเนินเนื้อ เขาก้มตัวขยับดึงเสื้อปิดให้ ก่อนจะลงไปข้างล่างเหมือนไม่คิดจะสนใจอะไร

ทว่าพอชายหนุ่มกลับขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็วางนมสองกล่องลงกับโต๊ะ หยิบกุญแจห้องของลู่หานขึ้นพร้อมกับรวบตำรามาไว้ในอ้อมแขน เซฮุนเดินไปเปิดห้องวางพวกตำราและนมโดเรม่อนหนึ่งกล่องไว้กับโต๊ะ ก่อนจะเดินมาอุ้มเด็กหนุ่มที่นอนหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องลงกับเตียง ดวงตาคมทอดมองใบหน้าหวานที่หลับสนิท ไล่สายตาลงไปที่ช่วงคอก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น จัดท่าทางให้กับคนนอนให้เรียบร้อยก่อนจะวางกุญแจห้องให้ เซฮุนกดล็อคประตู กลับมาที่ห้องของตัวเองพร้อมกับนมหนึ่งกล่อง ดวงตาคมมองรองเท้าสำหรับวิ่งที่แขวนอยู่ ก่อนจะค่อยๆเอนตัวลงพร้อมกับดึงขากางเกงนอนขึ้นซึ่งปรากฏผ้ายืดพันแผลเอาไว้ที่ข้อเท้าจนมาถึงกลางแข้ง


โอเซฮุนล้มตัวลงนอนมองเพดาน...และจักรวาลของเจ้าตัวเองก็ว่างเปล่าไม่ต่างกันนัก...




*************

#YOUhhb

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น