วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

[SF]Vitamin L. {Baby and The Bear Special}






Title : Vitamin L {Baby and The Bear’s Special}
Author : RUNAWAY05
Couple : SEHUN x LUHAN
Note : จะมีทุกเทศกาลเลยมั๊ย...นางฟ้าช้ำหมด

****************


เสียงประทัดดังลั่นนั้นทำให้หมอจงแดที่กำลังแอบงีบระหว่างไม่มีคนไข้สะดุ้งตื่น ชายหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมกับหาต้นตอของเสียงพลันถอนใจนิดหน่อย แม้วันนี้จะเป็นวันซอลลัล หรือวันปีใหม่เกาหลีที่เป็นวันหยุดยาว ทว่าชีวิตของคิมจงแดก็ยังคงจ่อมจมกับการทำงานต่อไป เพราะทางบ้านตอนนี้ของเขา พี่น้องก็แต่งงานมีครอบครัวไปหมด ส่วนมารดาก็แต่งงานใหม่กับฝรั่งหนุ่มผู้มั่งคั่ง ตอนนี้คงเที่ยวรอบโลกใช่ชีวิตเกร๋ๆอยู่ตรงไหนสักที่นั่นแหล่ะ

และถึงนางพยาบาลสองสามคนจะหยุดปีใหม่กันไปวันนี้ จงแดก็ไม่ได้นั่งเฝ้าคลินิกเดียวดาย เพราะยังมีบยอนแบคฮยอน เภสัชกรหนุ่มเกาหลีเชื้อสายจีนที่คอยทำความสะอาดคลินิกและจุดประทัดด้านนอกอย่างมีความสุขหลังจากลากเขาไปไหว้บรรพบุรุษตอนเช้า ประวัติของแบคฮยอนก็น่าเหนื่อยหน่ายหัวใจพอๆกับเขา พ่อเป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับอัญมณี แม่ก็เป็นนางแบบไฮโซ อยู่กันแบบชิคๆจนมาแยกทางกัน และลูกคนเดียวอย่างแบคฮยอนก็เลือกไม่ได้ สุดท้ายก็แยกวงกับพ่อแม่มาโซโล่เดี่ยว

เห็นบยอนแบคฮยอนชอบเล่นคุกกี้รันทั้งวันแบบนั้นจงแดเคยเห็นโรงพยาบาลใหญ่มาติดต่อตื๊อแบคฮยอนให้ไปเป็นคนจัดยาให้กับพวกสุลต่านอยู่ครั้ง เงินเดือนปีละหมื่นล้านกว่าวอนเสียด้วยซ้ำ แต่หมอนั่นก็ชิคๆเหมือนพ่อแม่นั่นแหล่ะ ถึงได้ปฏิเสธตามเขามาหุ้นเปิดคลินิกจิตเวชเพี้ยนๆที่คอยจ่ายยา รักษาคนไข้ขั้นต้น(โดยแบคฮยอน) และให้คำปรึกษาและวินิจฉัยคนไข้ทางจิต(โดยเขาเอง)แบบนี้ จงแดคิดว่าตรงนี้ยังไม่มีใครทำมากนัก หากพูดถึงคนไข้จิตเวชทุกคนก็มักจะนึกถึงคนบ้า แต่แท้แล้วอาการทางจิตใจมีหลายแขนงและคนที่เป็นไม่จำเป็นต้องบ้าหรือเสียสติ แถมสามารถใช้ชีวิตประจำวันปะปนไปกับคนอื่นอย่างแนบเนียน

“นายจะกวาดคลินิกทำไมวะ ในเมื่อจุดประทัดเศษมันก็กระเด็นเข้ามา”จงแดบ่นเมื่อเห็นเศษกระดาษสีแดงปลิวเข้ามาในคลินิก วันนี้เขามานั่งหาวอยู่ข้างนอกแทนที่จะอยู่ในห้องแห่งความลับอย่างที่ทำประจำ โดยแบคฮยอนหลักจุดประทัดเสร็จก็ปล่อยให้เศษกระดาษสีแดงลอยไปลอยมาหน้าคลินิกอยู่แบบนั้น

“สีแดงเนี่ยคือความเฮงนะ เฮงๆรวยๆ”

“งมงาย”

“ไอ้คนที่เอาพกโจรี(กรองที่ทำจากไม้ไผ่ ในอดีตมักใช้จุ่มลงไปในข้าว เพื่อตักเอาเศษฟางและตะกอนทิ้ง ในปัจจุบันก็ความหมายคล้ายกัน คือตักเอาสิ่งไม่ดีออกไป)ไปแขวนหน้าคลินิกก็เหมือนกันละวะ”

“ให้ฉันได้ทำอะไรตามเทศกาลบ้างเถอะ”

“คุณมินซอกล่ะ”

“ก็อยู่กับที่บ้าน เดี๋ยวดึกๆคงมา”

“แล้วทำไมไม่ไปกับเขาเลยวะ แนะนำตัวกับพ่อแม่เขางี้”

“ไม่เอาอะ ถ้าฉันไปแกจะอยู่ยังไงล่ะ”

“โห เขินเลยครับ ขนลุกรัวๆ”

“หรือใจจริงอยากให้ไป แกนัดเด็กคิ้วหนานั่นไว้แล้วใช่มั๊ย นั่นน่ะลูกสส.เชียวนะเว้ย ระวังพ่อเขามาสั่งเก็บ”

“ใครจะไปนัดฟะ”

ทั้งคู่ต่อล้อต่อเถียงกันพอไม่ให้เงียบเหงา ก่อนจะหรี่ตาเมื่อเห็นรถสองคันเข้ามาจอด จงแดกับแบคฮยอนขมวดคิ้วมองคนไข้ทั้งสี่ของจงแดที่ลงรถมาส่งยิ้มแป้นให้ ไม่ว่าจะเป็นอี้ฟานกับชานยอลที่มากับตะกร้าส้ม และจื่อเทากับจงอินที่แปลกกว่านิดนึงเพราะคนที่ชอบแต่งตัวเป็นนิจวันนี้อยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดงเปิดข้างขาจนเห็นถุงน่องตาข่ายสีดำ ทรงผมวันนี้เจิดเป็นพิเศษเพราะต่อยาวม้วนรวบติดดอกไม้ดอกใหญ่...

“หวัดดีหมอ ไม่มีที่ไปเหมือนกันเลย”

“ที่ไปอะมีครับ แต่กลัวไปแล้วพวกคุณจะไม่มีที่ไป”จงแดตอบเนือยๆ เพราะคนไข้สี่คนนี้ก็ชอบเสนอหน้ามาทุกเทศกาลอยู่แล้ว จงอินและชานยอลถูกทางบ้านปล่อยเกาะตั้งแต่รู้ว่ามีสามีเป็นตัวตน ส่วนอี้ฟานและจื่อเทา คนจีนในเกาหลีทั้งคู่นี้ก็ไม่คิดจะกลับบ้านไปไหว้บรรพบุรุษด้วยเหตุผลส่วนตัว(เมียเข้ากับแม่ไม่ได้) เลยพากันเสนอหน้าฮาเฮที่คลินิกเขาทุกปี ตามประวัติการรักษานั้น ชานยอลกับอี้ฟานรักษากับเขามาสองปี ส่วนจงอินและจื่อเทารักษามาปีครึ่ง(จนพบรักกันในคลินิก) เลยค่อนข้างสนิทสนมกับเขาและแบคฮยอนมากกว่าคนไข้รายอื่นๆ แต่ก็ไม่เท่าเจ้าหมีเพดโด้ที่รักษาตัวปีนี้ขึ้นปีที่สามหรอก รายนั้นเป็นๆหายๆ แม้จะมีการ์ดนางฟ้าแต่ก็ยังมีอาการเป็นระยะกับคนของเขานั่นแหล่ะ

“เซเลอร์มูนน้อยกับเจ้าหมียังไม่มาเหรอ”จงอินบ่นด้วยความเสียดาย โดยที่ชานยอลก็ว่าขึ้นทันกัน

“ไอ้ตัวเล็กเป็นคนจีนนี่ คงทำพิธีอะไรกันอยู่บ้านล่ะมั้ง”

“ดีจัง”จงอินว่าพลางยกกล่องอาหารลง “นี่ขนมต๊อกกับซุปต๊อกกุกครับ มากินกันเร็วเข้าจะได้โชคดีก่อนมันจะเย็นนะ”

ทั้งชานยอลและจงอินช่วยกันจัดอาหาร ส่วนที่เหลือก็นั่งพูดคุยกันไป ท่ามกลางครอบครัวที่อยู่ร่วมกันก็ยังมีมนุษย์ใบเลี้ยงเดี่ยวในสังคมที่ยังอยู่กันได้แม้จะไม่มีครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนกับใครๆก็ตาม แบคฮยอนที่ลากอี้ฟานไปทำแผลเพราะเหมือนอีกฝ่ายจะเอาตัวไปแถกอะไรมาให้ได้เลือด และจงแดที่ชวนจื่อเทาที่คุยด้วยท่าทางปกติเพราะเกณฑ์จิตใจยังอยู่ในระดับดี แลละพร้อมจะกลับไปแอบมองชาวบ้านอีกครั้งเมื่อรู้สึกอึดอัด

ป่านนี้หมีเพดโด้คงมีความสุขกับครอบครัวชุดใหญ่เลยสินะ...





จริงๆก็จัดชุดใหญ่มาตั้งแต่สามโมงเช้าแล้วล่ะ...

“ฮ่ะ..อาาา..ไม่เลียตรงนั้นสิครับ..อื๊อ...”

เสียงครางระทวยดังลั่นอยู่ในห้องชั้นสองของบ้านหลังหนึ่ง บนเตียงขนาดสองคนปรากฏร่างขาวผ่องอยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดงแบบซีทรู ผ่าข้างเลิกสูงไปตามอารมณ์เตลิดเปิดเปิงของคนทั้งคู่ บริเวณยอดอกกำลังถูกสัมผัสด้วยปลายลิ้นผ่านเนื้อผ้าบางเบานั้น ลู่หานคิดว่าตัวเองน่าอายที่แสดงรู้สึกหลงใหลออกมาอย่างโจ่งแจ้งเวลาที่อีกคนเปลือยท่อนบนและสวมเพียงกางเกงยีนส์ตัวเดียวเอาไว้ นี่มันดีเกินไปสำหรับเขาและมันช่างน่าตื่นเต้นเสมอแม้มันจะไม่ใช่ครั้งแรกหรือนานๆครั้ง

“ทำไมถึงไม่ให้ละครับ?”ไม่ถามเปล่ายังส่งลิ้นสัมผัสไตแข็งพร้อมกับมองหน้าเด็กน้อยที่หลับตาปี๋อย่างรู้สึกอาย เสียงลมหายใจถี่กระชั้นนั้นบ่งบอกถึงอุณหภูมิอารมณ์ที่ทะลุระดับ ผิวเนื้อทั้งขาวทั้งหอมนั้นตัดกับสีแดงของชุดได้อย่างลงตัว ไหนจะการสั่นเกร็งที่เว้าวอนในทีทำให้เซฮุนคิดว่าท่าคลานเข่าคงไม่ใช่ท่าที่เขาชอบอีกต่อไปแล้ว เขาชอบด้านหน้า ด้านที่เห็นว่าลู่หานกำลังต้องการหรือรู้สึกอะไร

“มัน...เขินนะครับ”บ่นอุบพลางส่งเสียงครางอือออกมาเมื่อถูกบีบส่วนกลางลำตัวเบาๆ เรียวขานวลขาวขยับแยกออก เปิดรับอย่างไม่เป็นปฏิปักษ์กับการหยอกล้อร่างกายของตน ดวงตากลมโตกระพริบถี่ก่อนจะหลับตาสัมผัสรสจูบนุ่มนวลหอมหวาน รสจูบที่ผสมด้วยปลายลิ้นนุ่มนวลราวกับคอตตอนแคนดี้ ยิ่งทำให้เด็กชายลุ่มหลงพอๆกับรักใคร่คนที่มอบสัมผัสทะนุถนอมทบทวีคูณ

“เข้าไปแล้วนะ”

“..ฮะ..”ส่งเสียงตอบรับเบาๆก่อนหลุดครางเมื่อท่อนแข็งที่ชโลมเจลมาอย่างดีนั้นกดแทรกเข้ามา เอวสอบกระดกขึ้นขยับเข้าหา บีบผิวเนื้อโดยรอบให้ผ่อนคลายไม่นานก็เข้าไปสะดวก ชายหนุ่มขยับเอวสาวกายช้าๆ มือเล็กก็เริ่มจิกลงที่ต้นแขนพร้อมกับเสียงผะแผ่ว

“เข้าไป..สุดมั๊ยครับ...”

“...”

“ผมรู้สึกเหมือนมันเข้ามาไม่หมดเลย”

“อยากให้หมดเหรอครับ?”เซฮุนตระกองร่างเล็กตลบขึ้น ร่างของลู่หานที่สวมกี่เพ้าซีทรูสีแดงนั้นกำลังคร่อมทับตัวเขาอยู่ ชายหนุ่มถลกชายของมันขึ้นเพื่อให้เด็กน้อยขยับแยกออกโดยสะดวก และเขาก็ค่อนข้างรู้สึกดีที่สีข้างเขานั้นถูกหนีบด้วยต้นขาของเด็กน้อย หน้าท้องเรียบแขม่วเกร็งเมื่อสัมผัสได้ว่าลงมาจนลึก เขาลูบไล้ผิวเนื้อช่วงต้นเขาของลู่หานเบาๆจนกระทั่งอีกคนกล่าวระโหยออกมาอีกครั้ง

“เหมือนมันอยู่ในท้องเลย...”

“ฮึ..”เขาหัวเราะในลำคอก่อนะจะแสร้งสวนสะโพกขึ้นจนลู่หานร้องเบา

“อ๊ะ!”

“เดี๋ยวคราวหน้าจะสอนให้ขยับนะครับ”ว่าเท่านั้นก่อนจะจับร่างเล็กพลิกหงายลง เขาพรมจูบกับข้างแก้มนุ่มโดยเจ้าตัวก็หรี่ตาลงน้อยๆเพราะเข้ามาลึกเกินไป เขาปล่อยให้ลู่หานขยับตัวด้านล่างอย่างอิสระในท่าทางถนัดพลันตระกองต้นขาเอาไว้ แล้วเริ่มขย่มกายลงแรงๆจนร่างที่อยู่ในชุดสุดเซ็กซี่นั้นกระตุกและส่งเสียงครางรับจนไปถึงจุดที่ไม่สามารถหยุดความรู้สึกได้อีก แรงกระทั้นหนักๆยิ่งกระตุ้นให้เสียงร้องดังลั่นราวขาดใจ ส่วนเชื่อมต่อยิ่งรุนแรงก็ยิ่งดูดดึงเอาไว้หนักหน่วง ใบหน้าหล่อคมเขม็งเกร็ง เหงื่อไหลหยดออกจากปลายคางกับกิจกรรม โดยร่างเล็กๆข้างใต้ก็บิดตัวเร่าสะโพกโยกโยนรับจังหวะหนักหน่วงด้วยความนุ่มนวล แขนเรียวผวากอดไหล่กว้างเมื่อใกล้ถึงจุดหมาย ก่อนจะลงท้ายด้วยเสียงอุทานหนักพร้อมกับลมหายใจที่ผ่อนออกยาว

เซฮุนก้มมองลู่หานที่กำลังปรับลมหายใจ เส้นไหมนุ่มๆของเด็กน้อยปัดปลิวอยู่กับหมอนใบโต ท่ามกลางสภาพยับๆย่นๆของที่นอน หน้าผากขมับของเจ้าตัวมีแต่เหงื่อผุดพรายออกมาจนคิ้วเปียก ดวงตากลมหวานที่มีแก้วตาใสนั้นกำลังปรือลงครึ่งอย่างเหนื่อยอ่อนจนเห็นแพขนตายาวๆนั่นชัดเจนขึ้น จมูกแท่งเล็กกำลังผ่อนลมหายใจช้าๆร่วมด้วยริมฝีปากอิ่มตึงที่เผยอออกเพื่อช่วยหายใจ เรื่อยลงไปถึงลำคอ ไหปลาร้า ยอดอกเปียกแฉะผ่านซีทรู หน้าท้องเรียบ ผิวนิ่มตึงแบบเด็กๆลงไปจนถึง...

“ซอนแซงนิมไม่เอาออกเหรอครับ...”เสียงอ่อยๆดังขึ้นและเซฮุนก็เงยหน้ามองเด็กน้อยที่กำลังทำหน้าเหมือนจะอ้อนให้พอแล้วเพราะเหนื่อย หลังจากที่อยู่กับครอบครัวของลู่หานตั้งแต่เมื่อวาน ก่อนจะอาศัยช่วงที่พ่อแม่ของลู่หานเอาของขวัญไปมอบให้คนในที่ทำงาน ลุกขึ้นมาทำเรื่องตามอารมณ์กันเสียบ้างหลังจากว่างเว้นไปหลายวัน เรียกได้ว่าหลังจากวันวาเลนไทน์ไปนั้นเซฮุนก็แทบไม่ได้จับชอนซาคนดีฟัดสักนิดเลยเพราะงานที่โรงเรียนยุ่งเหลือเกิน อีกอย่างเด็กน้อยกำลังเตรียมตัวขึ้นม.สาม ซึ่งต้องหาที่ต่อโรงเรียนมัธยมปลายอีก

“อาบน้ำกันนะ”ชักชวนเบาๆก่อนจะถอยตัวออกพร้อมกับคาวน้ำที่หลั่งออกมาติดๆกัน ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาไปเห็นชุดนี้ในอินเตอร์เน็ตและสั่งมาเพื่อขอให้เด็กน้อยของเขาใส่อย่างกล้าๆกลัวๆ แล้วนิสัยของลู่หานยิ่งเป็นเด็กใจเย็นและเอื่อยๆไม่ค่อยงอแงก็รับไปใส่อย่างว่าง่าย...

ก็เลยจัดยาวตั้งแต่สายจวนจะบ่ายแบบนี้...นี่อาการของเขาหายแล้วจริงๆใช่รึเปล่านะ...*อิโมหมีสงสัย*

หลังจากอาบน้ำแล้วนอนกกเด็กจนสมใจก็บ่ายคล้อย วันหยุดยาวแบบนี้เป็นสิ่งที่เซฮุนถวิลหาทุกปี เพียงแต่ปีนี้แปลกไปเพราะเขาไม่ได้นอนดูซีรี่ส์หรือนอนมาราธอนอย่างเคย แต่ได้อยู่กับเด็กน้อยที่น่ารักเอามากๆคนนี้ ขณะที่นอนหมกกันอยู่นั้นลู่หานก็เอ่ยถามขึ้นมาเบาๆ

“ซอนแซงนิมไม่อยู่กับที่บ้านเหรอครับ”

“...”

“ไม่เห็นซอนแซงนิมกลับบ้านเลย”ร่างเล็กๆพลิกตัวไปหาชายหนุ่มแล้วมองหน้า ในขณะที่เซฮุนเองก็ระบายยิ้มออกมาจางๆ

“อยู่กับชอนซาดีกว่าครับ”

?”

“พวกเขาไม่ว่างน่ะ อยู่แบบนี้ดีกว่า”ว่าพลางกระเถิบกอดเด็กพร้อมกับสูดกลิ่นกายหอมๆของร่างนุ่มนิ่ม ลู่หานทำตัวไม่มีกระดูกใส่เซฮุนอยู่พักแล้วจึงเอ่ยขึ้น

“ไปหาหมอจงแดกันมั๊ยครับ พ่อกับแม่กว่าจะมาก็คงค่ำ”

“จะดีเหรอครับ...เผื่อท่านกลับมาไม่เห็นพวกเรา”

“ไม่เป็นไรครับ ทุกปีผมไปด้วย แต่ก็ไม่มีอะไรนอกจากพ่อดื่มโซจูจนเมากลับบ้านน่ะ”เจ้าตัวหัวเราะเบาๆก่อนจะยอมจูบแก้มผู้ใหญ่ที่กำลังอ้อนให้หอม “ทำไมซอนแซงนิมอ้อนจัง”

“วันนี้ไม่ได้เป็นซอนแซงนิมนี่ครับ”เอ่ยเบาพลางเล่นนิ้วเล็กๆของอีกฝ่ายไปมา “ว่าแต่โตขึ้นอยากทำงานอะไรเหรอครับ?”

“ผมเหรอ?”ดวงตากลมโตกระพริบปริบ “ไม่รู้สิครับ ผมไม่ค่อยถนัดอะไรเลย คงจบไปเป็นพนักงานเงินเดือนธรรมดาๆน่ะครับ”

“ไหงอย่างนั้น”ครูหนุ่มหัวเราะ “นี่อยากเป็นครูมาตั้งแต่เด็กเลยนะ เพราะไปเจอครูใจร้ายมา เลยอยากจะเป็นครูน่ารักกับเขาบ้างน่ะครับ”

“นี่ก็น่ารักมากแล้วนะครับ”เด็กน้อยส่งยิ้มก่อนจะพากันเปลี่ยนเสื้อ อากาศกึ่งเย็นๆเซฮุนจึงให้ลู่หานใส่เสว็ตเตอร์ทับอีกชั้น เด็กชายในเสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยเสว็ตเตอร์สีแดงนั้นช่างน่ารักเหลือเกินสำหรับเซฮุน เขาเองก็แค่สวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์แล้วทับด้วยโค้ทสีเข้มเท่านั้น ทรงผมก็แค่ปล่อยตามสบาย ไม่ต้องแสกหวีให้ดูเรียบร้อยแต่อย่างใด ทั้งคู่ออกมายังย่านร้านค้าบางส่วนที่ยังเปิดบริการอยู่ ส่วนใหญ่มักเป็นร้านครอบครัวเพราะบริษัทห้างร้านในวันซอลลัลมักจะหยุดยาวเพื่อให้พนักงานกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว

“เราซื้ออะไรไปฝากคุณหมอกันดีครับ”ลู่หานเปรยทันที และสิ่งนั้นก็ทำให้เซฮุนยิ้มไปกับนิสัยที่คิดถึงผู้อื่นเสมอของเด็กคนนี้

“หิวแล้วครับ หาอะไรกินกันก่อนดีกว่า”

“อปป้ากินต๊อกกุก(แป้งต๊อกในน้ำซุปสำหรับทานในวันซอลลัล)กัน”เจ้าตัวเรียกชื่ออีกฝ่ายชัดแจ๋วไม่เคอะเขิน เล่นเอาชายหนุ่มยืนนิ่งก่อนที่สีแดงจะแล่นขึ้นไปทั่วหน้า เซฮุนหันหน้าซบกำแพงเพราะเหนื่อยกับความน่ารักไม่รู้เวลาโดยที่เด็กชายยังเอียงคอมองอย่างงุนงงว่าเรียกสรรพนามผิดไปหรือไม่...หรืออีกคนอยากให้เขาเรียกอาจอชี่...มันแก่ไปนี่นา... อีกคนก็ยังหนุ่มอยู่เลยนี่

“อปป้าไม่สบายเหรอครับ?”

“เอ่อะ..เอ่อ..เรียกซอนแซงนิมเหมือนเดิมก็ได้ครับ”..ไม่อยากแปลงร่างตอนนี้

“ก็อปป้าบอกว่า วันนี้ไม่ได้เป็นซอนแซงนิมนี่ครับ”เจ้าตัวทำเสียงทุ้มๆเลียนแบบเขามาเสียอย่างนั้น อยากจะจับฟัดแล้วก็ฟาดก้นซะตอนนี้..แต่นั่นกลางถนนคนเดินผ่านไปมา เซฮุนจึงทำได้แค่เก็บความรู้สึกเอาไว้...ไม่เอาน่ะเซฮุน..น้องยังเด็ก...รับแรงฟัดและแรงฟัคต่อๆกันไม่ไหวหรอกนะ...

“โอเคครับ งั้นไปกินต๊อกกุกนะ”ข่มความหื่นเอาไว้แล้วพาเด็กน้อยไปหาอะไรทานในช่วงบ่ายๆ ความสุขรายล้อมไปทั้งสองฟากถนนโดยฝ่ามือก็จับจูงกันแนบแน่น ใครก็พากันมองชายหนุ่มหุ่นสูงใบหน้าหล่อจัดกับเด็กน้อยตัวเล็กสวมแว่นสายตาหน้าตาน่ารักกำลังจูงมือกันเดินอย่างน่าเอ็นดู เซฮุนไม่รู้ว่าตัวเองจะทนไหวมั๊ยเวลาเสียงนุ่มหูนั้นเรียกเขาว่าอปป้าๆ 

คำนั้นมันสำหรับผู้หญิงเรียกแฟนไม่ใช่เหรอ... *อิโมหมีทรุด*

หลังจากกินต๊อกกุกหรือแป้งต๊อกรูปวงกลมในน้ำซุปเพื่อความโชคดีและเลิกหิว พวกเขาก็ซื้อผลไม้และเดินทางไปที่คลินิก และสิ่งที่เซฮุนคิดเอาไว้ก็ถูกต้องเพราะคนไข้สี่คนที่เซฮุนไม่ได้ทำความรู้จักมาก่อน แต่มาสนิทสนมกันระดับหนึ่งเพราะชอนซาตัวน้อยคนนี้กำลังร่าเริงอยู่ในคลินิก โดยที่จงแดก็นั่งเล่นหมากรุกอยู่กับจงอิน จื่อเทานั่งเซลฟี่หน้าตาตัวเอง และแบคฮยอนที่คอยเอ็ดคู่รักซาดิสม์ที่กำลังจะเริ่มเล่นแผลงๆกัน

“สวัสดีครับ”

ทุกคนหันหน้ามามองเด็กน้อยที่กำลังถือกล่องขนมโดยมีเซฮุนที่ถือตะกร้าผลไม้ตามหลัง เพียงเท่านั้นบรรยากาศก็เปลี่ยน เริ่มด้วยจื่อเทาก็รีบเดินมาถือกล่องขนมก่อนจะหรี่ตาใส่เซฮุนเล็กน้อย

“ทำไมให้น้องถือหนักๆล่ะ”

“...”ผิดอีก...

“เซเลอร์มูนน้อย คิดถึงจัง”พ่วงด้วยจงอินที่วิ่งเข้ามากอดลู่หานจนใบหน้าหวานชนกับฟองน้ำคัพซีเต็มรัก โดยที่ชานยอลกับคริสก็เลิกเล่นกันแล้วเข้ามารุมเล่นกับเด็กชายตัวน้อย

“ไม่เจอหลายวันเลย เป็นยังไงบ้างเรา”

“สบายดีฮะ สวัสดีปีใหม่นะครับ”

“แฮปปี้ๆครับ”อี้ฟานเดินมายีผมนุ่มๆโดยที่ลู่หานก็ยิ้มหวานก่อนจะถามผู้ใหญ่ตัวโต

“คุณอี้ฟานสบายดีมั๊ยครับ”

“มันไม่สบายหรอกครับ ล่าสุดมันไปซื้อเชือกมารัดหะ...อ๋ำ...อื้อ!”ชานยอลที่กำลังบ่นก็ถูกอี้ฟานลุกขึ้นปิดปากแล้วลากออกไปข้างๆประกอบด้วยเสียงนุ่มนวล

“ตัวเองครับน้องยังเด็กนะครับ...”

“เอ้อออ..อู๊แอ๊ว อ่อยโอ้ยยยย(เออ รู้แล้ว ปล่อยโว้ยย)”ลู่หานมองผู้ใหญ่สองคนที่จู่ๆก็เล่นบทสวีทกันก่อนที่จงอินจะดึงให้หันมาหา

“วันนี้ไม่ใช่ชุดแบบนี้เหรอครับ เซ็กซี่จะตายนะ”

“ไม่หรอกครับ”..อปป้าไม่ให้บอกใครว่าใส่ชุดนี้นี่นา

“ออกจะน่ารัก ถ้าเราใส่ต้องน่ารักแน่ๆ นี่รุ่นนี้แถมฟองน้ำมาด้วยนะครับ”ไม่พูดเปล่า จงอินทำการจับมือเด็กน้อยไปแปะกับหน้าอก(ปลอม)ของตัวเอง ลู่หานนิ่งไปพักใหญ่ก่อนที่แก้มจะแดงเหมือนมีควันพุ่งออกมาเล่นเอาผู้ใหญ่พากันหัวเราะ

“ทำไมน่ารัก..เขินก็ยังน่ารัก...”ชานยอลคร่ำครวญดิ้นไปดิ้นมาโดยที่อี้ฟานก็พร่ำออกมาพร้อมกัน

“ทำไมน่ารักแบบนี้กันน้า..อยากให้ฟาดแรงๆทุกวันเลย

“ดูซิแก้มแดงใหญ่เลย”จงอินว่าอย่างเอ็นดูพร้อมกับบีบแก้มยุ้ยๆไปทีหนึ่ง โดยที่เซฮุนก็หันมองจื่อเทาที่ค่อยๆมีอาการแอบตามเสามองดูลู่หานก่อนจะหันมามองแบคฮยอนที่ทำให้ป่วยใส่

“ฉันบอกแล้วว่าเด็กคนนี้เซ็กซ์แอพพีลสูง และอนาคตจะเพิ่มขึ้นตามวัยด้วย ถ้าใช้ประโยชน์จากจุดนี้ ปั้นเป็นดาราไอดอลได้สบายๆเลยล่ะ”

“ห้ามบอกลู่หานเด็ดขาดเลยนะ”เซฮุนว่าโดยอีกคนก็หัวเราะ

“แต่ท่าทางเขายังไม่ค่อยสนใจนะ รอไว้สักปีสองปี อาจมีโมเดลลิ่งมาจีบก็ได้ ใช่มั๊ยจงแด”เจ้าตัวพยักเพยิดไปหาเพื่อนที่กำลังวางแผนเดินหมากบนกระดานอยู่ใกล้ๆ

“ใช่ เด็กวัยนี้กำลังอยู่ในขั้นต้นการค้นหาตัวเอง บางคนต้องการการแสดงออกและการยอมรับ ต้องให้เหตุผลและใจเย็นมากๆกว่าช่วงยังเล็กอีกนะ แต่ดูพื้นฐานอารมณ์ของเขาอยู่ในเกณฑ์ดีมากเลยล่ะ”

“อายุจิตประมาณยี่สิบห้า”

“และมีแนวโน้มมากกว่านั้น แฟนนายไม่ได้เด็กกว่านายนะ เขาแค่เกิดช้ากว่ารอบนึงกับสองปี”จงแดว่าหลังจากแบคฮยอนเสริมไปพร้อมกับรุกฆาตปิดกระดาน โดยที่เซฮุนก็ถอนหายใจเบาๆจนแบคฮยอนแอบถาม

“เฮ้ย มีอะไรรึเปล่า?”

“อยู่ๆก็คิดถึงอนาคตน่ะ”เซฮุนถอนใจยาวอีกครั้ง “เดี๋ยวเขาก็ขึ้นม.สาม ต่อม.ปลาย เจอคนมากมายในชีวิตเรื่อยๆ ผมยังไม่พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงเลย”

“การเปลี่ยนแปลงมันไม่แย่หรอกน่า นายนี่ขี้กังวลจังนะ”แบคฮยอนกอดอก “ต่อให้เปลี่ยนแปลง แค่นายยังอยู่กับเขา ทุกอย่างมันก็โอเคแล้วล่ะ”

“ใช่...ถ้าคิดว่าสักวันต้องมีการเปลี่ยนแปลง ทำไมไม่ทำทุกวันให้ดีที่สุดไปเลยละครับ หากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น จะได้ไม่เสียดายกับสิ่งที่ยังไม่ได้ทำในวันที่ไม่สามารถทำได้ ความรักไม่ใช่ความลับที่ต้องแอบซ่อนมันไว้นะครับ มันแค่ความรู้สึกที่ว่า ถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็สามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้”

“...”

“ความรักเป็นอาการทางจิตอย่างหนึ่งครับ แต่เป็นจิตที่หวังดีแต่กัน ถ้าคิดแบบนั้นความรักก็จะอยู่ในมุมที่ดีขึ้นนะ”

“ขอบคุณนะครับหมอ”เซฮุนยิ้มรับในที่สุดโดยที่แบคฮยอนก็เปลี่ยนบรรยากาศด้วยการกระเซ้าเบา

“ว่าแต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยสูบแล้วเหรอ?”

“ก็ไม่เครียดนะ...แล้วก็..ถ้าสูบมากๆแล้วชอนซาจะโดนควันไปด้วยนะครับ”ชายหนุ่มตอบตามตรง ก่อนจะเลิกคิ้วกับคำพูดตัวเองและรอยยิ้มของแบคฮยอนก็คลี่ออกมา

“ก็นั่นแหล่ะความรัก”

“...”

“ว่าแต่ออกมาแบบนี้พ่อแม่น้องไม่บ่นเหรอไง?”จงแดทักขึ้น ซึ่งเซฮุนก็ให้คำตอบไปทั้งรอยยิ้มอีกครั้ง

“เดี๋ยวก็กลับแล้วล่ะครับ ต้องเป็นลูกเขยที่ดีน่ะ ฮ่าฮ่า”

“คุณแม่คุณก็อยากจะติดต่อคุณนะ แต่ติดต่อไม่ได้เลยมาติดต่อผมแทน จะไม่คุยกับคุณแม่คุณจริงๆเหรอ?”จงแดว่าพลางเรียงหมากลงกล่องอย่างเรียบร้อย โดยที่เซฮุนก็ยักไหล่นิดหน่อยก่อนจะพูดขึ้น

“ไม่จำเป็นหรอกครับ คนที่ทิ้งลูกไปเพราะคิดว่าลูกเป็นโรคจิตไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้น...สำหรับผมนะ”

“...”

“ขอตัวก่อนนะครับ”กล่าวเท่านั้นก่อนจะเดินไปหาลู่หานที่หน้าม่อยเมื่อรู้ว่าได้เวลากลับบ้าน จำต้องลาพี่ๆที่ยกมือลาเบะปากอยากจะร้องไห้พร้อมกันไม่เว้นจื่อเทาที่ยื่นมือออกมาโบกจากหลังเสา เมื่อพ้นภาพแผ่นหลังคุณครูหุ่นสูงและเด็กชายตัวน้อยแบคฮยอนก็เปรยขึ้นมาเบาๆ

“หมอนั่นเจ้าคิดเจ้าแค้นน่าดูเลยแฮะ”

“นั่นสิ เขามีบาดแผลทางจิตใจหลายอย่าง นอกจากเรื่องของมินซอกก็เรื่องแม่ของเขานี่ล่ะ”จงแดยกมือเท้าคาง

“ว่าก็ว่า ตอนที่หมอนั่นถูกแม่พามาทิ้งไว้ที่คลินิกเรา ให้รับการรักษาและเรียนไปด้วยเพียงลำพังมันแย่มากนะ อาการแบบนี้มันต้องได้รับการเยียวยาทางจิตใจ ไม่ใช่คิดจะทิ้งก็ทิ้งกันดื้อๆซะหน่อย”

“คงปิดแฟนน่าดูเลยล่ะมั้งว่าพ่อแม่ตัวเองเป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยกับโรงพยาบาลใหญ่ โอเซฮุนจริงๆแฮะ”จงแดพูดเท่านั้นก่อนจะหันไปตามเสียงเรียกของชานยอลที่ดังขึ้น

“หมอไปกินร้านเดิมกันเหอะ!

“โอเค เดี๋ยวผมตามมินซอกไปดื่มด้วยนะ งั้นวันนี้ปิดคลินิกเร็วแล้วกัน เด็กคิ้วหนาของนายจะมามั๊ยเนี่ย”

“มาก็มาสิ ฉันจะได้รีบปิดหนี มันก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้ว”แบคฮยอนยกนิ้วโป้งให้ก่อนจะช่วยกันเก็บกวาดและปิดคลินิกเพื่อออกไปพักผ่อน ความลับของเซฮุนมีแค่จงแดกับแบคฮยอนที่รู้ และเขาคิดว่ามันคงไม่ถึงเวลาที่ต้องพูด ซึ่งถ้าเลือกได้พวกเขาก็ไม่อยากพูดมันออกมาให้คนอื่นฟังเลยด้วยซ้ำ

หากขอพรในวันซอลลัล...คนที่ไม่มีครอบครัวแบบเขาทั้งสองคนก็อยากจะขอให้หมีเพดโด้ตัวนี้มีความสุขไปนานๆ...







เซฮุนขับรถพาลู่หานกลับมาที่บ้านพร้อมกับของที่ซื้อมาก่อนจะแวะไปคลินิกของจงแด ชายหนุ่มจอดรถบริเวณหน้าบ้านของอีกฝ่ายซึ่งเป็นที่ประจำและพบว่ายังไม่มีใครกลับมา พวกเขาคิดว่าดีแล้วที่ยังไม่มีคนกลับเพราะถ้ากลับมาที่หลังพ่อแม่ของลู่หานมันก็จะดูไม่ดีไปหน่อย หลังจากโทรหาและได้ความว่าผู้เป็นมารดากำลังออกมาหาซื้อของสดไปทำหม้อไฟกินตอนเย็น(และลู่หานแปลกใจที่ปีนี้พ่อของเขาไม่เมาและคุยรู้เรื่อง)ทั้งคู่จึงช่วยกันเก็บข้าวของบางส่วนที่ไม่เป็นระเบียบให้เรียบร้อย อย่างน้อยเซฮุนก็อยากมีประโยชน์ยามพักที่นี่บ้าง

“อปป้า...”ลู่หานส่งเสียงเรียกขณะที่กำลังหยิบถุงกี่เพ้าซีทรูเปื้อนคราบไปให้เจ้าตัวเอาไปแอบในรถเพื่อเอากลับไปซักที่คอนโด เซฮุนรับถุงนั้นมาก่อนจะทำหน้าที่ดูไม่ออกว่าร้องไห้หรือหัวเราะ

“เรียกซอนแซงนิมเถอะครับ”

“ทำไมล่ะครับน่ารักออก เซฮุนอปป้า”

“ขี้แกล้งใหญ่แล้วนะ”พึมพำก่อนจะเอาของไปเก็บในรถแล้วดิ่งมาอุ้มลู่หานเข้าบ้านพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก จากที่ตั้งใจจับจับฟาดก้นสักทีสองที เซฮุนก็เปลี่ยนใจไปก่อนเพราะคนที่ดิ้นกระดุกกระดิกสักพักกอดเขาเอาไว้ทั้งที่อยู่ในท่านั่งตักทั้งตัวแบบนั้น

“ไม่เหงาใช่มั๊ยครับ?”

?”

“เห็นอยู่คนเดียวเลย คุณพ่อคุณแม่คงจะยุ่งมากๆ จากนี้ทุกปีก็อยู่กับผมนะ จะได้ไม่เหงา”

“...”

“ตอนนั้นได้คุยกับพ่อแม่ซอนแซงนิมแป๊บเดียวเอง ท่านไม่ชอบผมรึเปล่าครับ? หรือไม่ชอบที่เราเป็นแบบนี้....”ดวงตากลมโตจ้องมองเซฮุนที่กระพริบตาช้าๆก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่หรอกครับ...”

“ผมเองก็อยากเจอท่านบ้าง..หรือผมยังไม่โตพอที่ซอนแซงนิมจะพาไป? ถ้าอย่างนั้นผมจะรีบโต และจะเป็นเด็กดีนะครับ”กล่าวเบาๆกับเซฮุนไปตามประสา โดยที่ชายหนุ่มก็ยกมือลูบข้างแก้มของลู่หานพลันส่งยิ้มให้จางๆ

“เป็นแบบนี้ดีแล้วล่ะครับ แบบนี้ก็น่ารักมากแล้ว พวกท่านต้องชอบแน่ๆ แต่ตอนนี้พวกท่านยังไม่ว่าง”

“...”

“พวกท่านไม่เคยว่าง...นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมตอนเด็กถึงได้เรียนในโรงเรียนแบบปิด...”เซฮุนลูบใบหน้าของลู่หานเบาๆ “ถ้าทุกอย่างโอเคกว่านี้ ต้องเจอแน่นอนครับ”

“จริงๆนะครับ?”

“สัญญาครับ...สัญญาเลย”ชายหนุ่มกุมมือเล็กๆนั้นไว้แล้วคว้ามาจูบเบาๆที่หลังมือก่อนจะพลิกฝ่ามือเด็กน้อยแนบแก้มตัวเอง ลู่หานที่ได้ฟังอย่างนั้นก็ขยับยิ้มขึ้นมาในที่สุด ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้ากระซิบเบาๆ

“ผม..ขอจูบได้มั๊ยครับ”

เซฮุนส่งยิ้มก่อนจะเอียงหน้าสัมผัสริมฝีปากของอีกคนอย่างนุ่มนวล ฝ่ามือของลู่หานยังถูกกอบกุมด้วยมือของเซฮุนอย่างไม่ยอมปล่อยไปไหน พวกเขาละริมฝากออกพลันกดจูบลงไปใหม่อย่างไม่คิดเบื่อ และนั่นเป็นความรู้สึกที่ดี เขาจูบแก้ม ปลายจมูกรั้นๆเลื่อนไปถึงหน้าผากและวกจูบริมฝีปากเล็กๆซ้ำอีกหน

“อือ..รักจัง”เด็กชายพึมพำเบาๆก่อนจะหอมแก้มสองข้างของเซฮุน เจ้าตัวส่งยิ้มหยีให้แม้ว่าแก้มกำลังแดงเป็นมะเขือเทศสุกจนชายหนุ่มอยากจะกัดลงไป เมื่อได้ฟังคำรักดีๆสักครั้ง ร่างสูงก็ระบายรอยยิ้มพร้อมกับกระซิบเบาๆ

“รักครับ”






“แม่กลับมาแล้วจ้า มาช่วยแม่ถือของหน่อยเร็วลูก”

เสียงของมารดาดังขึ้นและพวกเขาก็ผละออกจากกัน ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กันและกันก่อนจะเป็นร่างเล็กๆที่วิ่งแผล็วไปหาคนเป็นแม่ที่ส่งเสียงจากทางหน้าบ้าน โดยมีชายวัยกลางคนหิ้วของมาตามหลัง เซฮุนแย้มริมฝีปากให้ก่อนจะเดินตามออกไปช่วยขนข้าวของสำหรับมื้อเย็นเข้ามาในบ้าน


สำหรับเขาแล้ว...อาการที่เขาเป็นและความรู้สึกทุกอย่างถูกซ่อมแซมด้วยลู่หาน...

หัวใจของเขากำลังถูกเยียวยาด้วยความรัก....





*****************
อิ้อิ้
พลังหมีจงสถิตแก่ท่าน
#ฟิคพี่หมีฮุน


วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

[SF]Loathe {OH SEHUN x LUHAN} 5/5








Title : Loathe(End)
Author : RUNAWAY05
Pairing : OH SEHUN x LU HAN
Note : เวอร์ชั่นเซลู่ หลังจากที่พี่โอไม่มีตัวตนเลยในเวอร์ชั่นหานลู่ พี่เซฮุนหนูเลือกพี่ละนะ*ปาโปเกบอล*
ปล.1 เนื้อเรื่องไม่ต่างจากโลธเวอร์ชั่นหานลู่นะคะ แค่เปลี่ยนตัวละครและบริบท
ปล.2 หนาว กอดพี่จีซึงก่อน


**********************





ความจริง...ถ้าไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงดี...


เซฮุนนั่งมองตั๋วเครื่องบินเที่ยวดึกของวันขณะที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของพ่อ การฟ้องร้องหย่าขาดต่อกันนั้นเขารับรู้มันก่อนจะไปหาลู่หานเมื่อคืนแล้ว และแน่นอนว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้ เพียงแต่เขาตอนนี้กลับมีอะไรบางอย่างจะบอกกับบิดา แม้ใจจะรู้ดีว่าเขาคงไม่สามารถตามไปบอกลาลู่หานที่จะเดินทางไปปักกิ่งบ่ายนี้เช่นกัน


ไม่มีแม้แต่ข้อความล่ำลาหรือเบอร์โทรเข้า...

พวกเขากำลังจะเดินกลับไปสู่ความเป็นจริงที่รออยู่ข้างหน้า...



“มีอะไร? เก็บของแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่ไปเตรียมตัวล่ะ?”บิดาที่เพิ่งว่างงานเข้ามาถามคนเป็นลูกชายที่ลุกขึ้น เซฮุนหลับตาถอนใจอยู่พัก ก่อนจะตัดสินใจส่งตั๋วเครื่องบินคืนให้กับผู้พ่อ

“ผมว่า..มันไม่จำเป็นแล้วครับ”

“...”

“ผมดีใจนะครับที่พ่อไม่ได้ดุด่าอะไรผมเลยกับเรื่องที่เกิด... และผมโอเคถ้าเลขาลีจะดูแลพ่อต่อจากนี้”เซฮุนมองหน้าบิดาที่ยังคงความไม่เข้าใจ “แต่ถ้าวันไหนไม่มีเธอ ก็เหลือแค่เราสองพ่อลูก แน่นอนว่าผมไม่ไปยุ่งชีวิตของพ่อต่อจากนี้ แต่ผมไม่อยากไปไกลจากพ่อกว่านี้อีกแล้วครับ”

“เซฮุน...”

“ผมรู้ว่าที่นั่นสร้างสถาปนิกเก่งๆได้หลายคน ผมก็เคยหวังว่าจะไปเรียนที่นั่น แต่ที่นี่...ผมเชื่อว่าที่นี่ก็สามารถทำให้ผมเป็นสถาปนิกได้เหมือนกัน ผมก็แค่..ตั้งใจเรียนต่อ ผมไม่ทิ้งความฝันของพ่อและตัวผมเองหรอกครับ แต่ผมอยากจะลองหาทางอื่นดู ทางที่ผมสบายใจและเป็นตัวเอง”

“แต่ที่บ้าน...”

“ผมรู้ครับ..ปกติของผมที่บ้านนั้นก็ไม่ค่อยมี ผมจะอยู่ที่ห้องต่อ ผมตัวคนเดียวจะลองใช้ชีวิตอยู่เองในสังคมแบบนี้ และผมเชื่อว่าสิ่งที่พ่อสอนผมมา มันทำให้ผมแข็งแรงพอและเอาตัวรอดได้”

“จะเอาแบบนั้นใช่มั๊ย?”บิดาถอนใจเบาก่อนจะมองหน้าเซฮุนยิ้มๆ “เอาเถอะ...ถ้ามันเป็นความต้องการของแก...พ่อไม่เคยขัด ส่วนตั๋วนี่กับเรื่องที่เรียนพ่อจัดการเอง กลับไปจัดของแล้วพรุ่งนี้ก็ค่อยไปเรียนนะ”

“ครับ...ขอบคุณนะครับ”เซฮุนขยับกายโอบกอดคนเป็นพ่อเอาไว้ เขาที่ไม่มี ลู่หานและพ่อที่ไม่มีแม่อีกต่อไปแล้วนั้นไม่ควรจะห่างไกลกันมาก เขาไม่ควรให้เลขาลีแบกรับความรู้สึกของพ่อคนเดียวต่อจากนี้ แม้จะไม่มีลู่หานอยู่อีกแล้ว แต่เขาคิดว่าเขาจะต้องอยู่ต่อไปให้ได้


แม้ความคิดถึงจะย้อนกลับมาทำร้ายให้เขาเจ็บจนแทบขาดใจก็ตาม...


เซฮุนละมือจากผ้าม่านที่กลับมาปิดหน้าต่างอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็จัดการรูดม่านออกเพื่อมองดูภาพภายนอก แน่นอนว่าตอนนี้เขายังไม่ได้สมบูรณ์พร้อมนัก แต่เซฮุนเชื่อว่าเขาจะดีกว่านี้ได้ หลังจากที่เฝ้ามองทุกอย่างร่วงโรยมาตลอด เขาตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับแสงสว่างนอกหน้าต่างดูบ้าง ขณะที่คิดอะไรเพลินๆก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นได้ จึงได้ต่อสายหาบยอนแบคฮยอนที่ตอนนี้น่าจะเรียนอยู่

“แบคฮยอน เรียนอยู่มั๊ย?”

((นี่ยังไม่ไปอีกเหรอ? ฉันเบื่อหน้าจะแย่แล้ว))

“อ๋อเหรอ? งั้นเสียใจด้วยนะฉันไม่ไปแล้ว พ่อฉันไปจัดการเรื่องมหาลัยแล้ว ฉันจะเรียนที่นี่ คอยขวางหูขวางตาแกกับตาลุงนั่นคอยดูสิ”

((ว้าวๆ ตื่นเต้นจัง แต่เสียใจด้วยนะพอดีฉันไม่ว่างอะ))

“ไปไหน?”

((ไปฮันนีมูนกับลุง มีแฟนแก่ๆก็ดีงี้ล่ะ รูดบัตรสบายดี))

“นายนี่มันจริงๆเลย ฉันอุตส่าห์กะให้เลคเชอร์ให้”

((ขอโทษนะเพื่อนรัก ช่วยจดแทนฉันทีแล้วกัน จุ๊บ))

ตู้ด..ตู้ด...

“ไอ้เวรเอ๊ย”เซฮุนสบถก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างไม่มีอะไรทำ หันมองข้างๆบนเตียงที่เป็นร่องรอยของใครบางคนที่เคยนอนข้างๆก็ได้แต่แย้มริมฝีปากออกมาอย่างเศร้าๆ เขารู้...ทุกอย่างแก้ไขไม่ได้ แต่มันเลือกทางที่จะเป็นไปได้

เขาก็หวังว่าลู่หานจะมีความสุขกับสิ่งที่เลือกเสียที...


ในขณะเดียวกัน ลู่หานก็กำลังทำหน้าเบื่อหน่ายกับการรอขึ้นเครื่อง เขาเอาสัมภาระมาแค่หนึ่งกระเป๋าขนาดเล็กก็มากพอแม้ว่ามารดาจะคะยั้นคะยอให้ขนมามากกว่านี้ ลู่หานจึงได้ให้เหตุผลว่าเดี๋ยวให้คนมาจัดการและเขาไม่ชอบโหลดกระเป๋า แม่ของเขาจึงยอมรามือไป ลู่หานยืนสีหน้าสงบโดยที่อี้ฟานก็มองอย่างเป็นห่วง

“นี่นายมั่นใจแล้วใช่มั๊ย?”เอ่ยถามกับลู่หานที่พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับส่งยิ้มให้ อี้ฟานที่เห็นอย่างนั้นก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างปลงๆ พกเขายังอยู่ในโซนพับบลิคที่รอเข้าไปในส่วนพื้นที่เฉพาะผู้โดยสาร ลู่หานเห็นคนอื่นกำลังล่ำลาญาติตนเองกันที่โซนนี้ก็ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเอ่ยกับอี้ฟานช้าๆ

“ขอบใจมากนะ”

?”

“นายเป็นคนดี”

“...”แม้จะงุนงงที่อีกคนพูดออกมาอย่างไม่มีอารัมภบท แต่อี้ฟานก็พยักหน้าเบาๆพลางส่งยิ้มให้ ท่ามกลางเสียงทักของมารดาที่เหมือนจะเห็นความสัมพันธ์ของเด็กทั้งสองไปในทางที่ดี

“อะไรกัน เมื่อวานยังทำท่าไม่คุ้นกันเลยแท้ๆ สองคนนี้สนิทกันดีจังเลยนะคะ”

“นั่นสิครับ เข้ากันได้ดี”พ่อของอี้ฟานปรายตามองลูกชายที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ไปเสีย จนได้เวลาเข้าส่วนเฉพาะผู้โดยสารก็มีคนคนหนึ่งเดินมาชนด้านหลังของลู่หาน ก่อนจะกล่าวอะไรบางอย่างให้ร่างเล็กเบิกตาเล็กน้อยท่ามกลางกลุ่มคนที่ทยอยเข้าไปด้านใน

“ลู่หาน มานี่เร็วลูก”คนเป็นแม่หันไปเรียกลูกชายที่ยังยืนนิ่งกับกระเป๋าท่ามกลางคนที่หลั่งไหลขึ้นมา เธอเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีกับการตัดสินใจของลู่หานที่ยังยืนมองเธอนิ่งๆพร้อมกับขยับยิ้มที่มุมปาก

“...”

“ลู่หาน!แม่บอกให้มานี่! ลู่หาน!!”เธอตะโกนขึ้นแต่ก็ถูกเด็กหนุ่มร่างเล็กริมฝีปากตกที่เพิ่งชนลู่หานไปเมื่อครู่พูดขึ้นมาก่อน

“ป้าอย่ามาขวางทางได้ป่ะครับ พวกผมจะเข้าไปข้างใน คนอื่นๆเขาก็จะเข้าไปกัน”

“แต่ลูกฉัน..ลู่หาน เข้ามากับแม่เดี๋ยวนี้นะ! ลู่หาน!!”

เจ้าของชื่อทำแค่เพียงคลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะจับหูกระเป๋าแล้วลากมันออกมาจากพับบลิคโซนทันที ในขณะที่ผู้เป็นแม่ก็ถูกฝูงชนและชายคนรักใหม่พาเข้าไปในโซนสำหรับผู้โดยสาร ลู่หานรีบลากกระเป๋าอย่างเร่งร้อนก่อนจะหันไปมองด้านหลังอย่างพะวงเล็กน้อยว่าแม่อาจส่งคนมาตาม แต่เขาคิดว่าเขาจะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว เขาเร่งโบกแท็กซี่หยิบกระเป๋าขึ้นพร้อมกับบอกเป้าหมาย ยังไงซะแม่ก็ไม่มีทางตามเขามาในตอนนี้ และสิ่งนี้ลู่หานเลือกเอง เขาปกป้องใครไม่ได้สักคน แต่เขาสามารถเลือกที่จะปกป้องตัวเองได้

แม้จะรู้สึกใจหายเล็กน้อยที่เลือกทางเดินแบบนี้ แต่ตอนนี้ลู่หานกลับรู้สึกตื่นเต้นมากกว่า เขาไปที่อพาร์ทเม้นต์หลังนั้น กดลิฟต์ไปชั้นที่ต้องการก่อนจะรุดไปที่หน้าประตู เขาไม่รู้ว่ามีใครอยู่หรือไม่ และในตอนนั้นเขาตัดสินเสี่ยงกดกริ่งดู ลู่หานพลิกตัวหนีไม่ให้คนในห้องมองเห็นว่าเขามาถึง หัวใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อเสียงปลดล็อคประตูดังออก ลู่หานเม้มริมฝีปากทำหน้าไม่ถูกเช่นกันเมื่อเซฮุนเปิดประตูแล้วมองหน้าเขาเหมือนจะช็อคไปพักใหญ่

“หวะ...หวัดดี ...คือ...แบคฮยอนบอกว่านายจะไม่ไปไหน”

“มาทำไม...ยังลาไม่พอเหรอ?”ขมวดคิ้วพร้อมทำท่าจะปิดประตูแต่ลู่หานก็สอดแขนไว้กับช่องประตูทันที แล้วก็ได้ผลที่ว่าเซฮุนไม่มีทางที่จะปิดประตูลงไปได้

“ฉันตกเครื่อง”

?”

“แล้วฉันก็..อกหักมาน่ะ”

“...”

“พ่อแม่ของฉันหย่ากันและกำลังทำเรื่องฟ้องร้อง... แม่ของฉันมีผู้ชายคนใหม่..ฉันไม่มีที่ไปแล้ว...ถ้ายังไง...ฉันอยู่ด้วย...ได้มั๊ย?”

“ลู่หาน...?”เซฮุนเรียกชื่อน้องชายฝาแฝดออกมาเบาๆ โดยที่ลู่หานก็รีบพูดทันที

“ฉันซักผ้าเก่งนะ! ฉันทำอาหารเป็น...ฉันกินไม่เยอะหรอก..เอ้อ...ช่วงนี้ฉันแพ้แชมพู ผมร่วงง่าย อย่าจิกผมฉัน อย่าตะคอกฉันก็พอ”

“หาเรื่องชัดๆ”เซฮุนว่าก่อนจะเอื้อมมือลากกระเป๋าเข้ามาด้านใน ท่าทีนั้นทำให้ลู่หานยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะตามเข้าไปแล้วปิดประตู เซฮุนลากกระเป๋าเขาไปไว้ที่หน้าโซฟา ก่อนจะพูดเสียงอ่อนอกอ่อนใจ

“มันแคบนะ...จะอยู่ได้เหรอ?”

“ฉันอยู่ได้นะ”

“อยู่ไม่ได้หรอก”คนพี่กล่าวทำเอาลู่หานเบะปากน้อยๆอย่างขัดใจ ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่ออีกคนเอ่ยเนิบๆ “หาบ้านอยู่ดีกว่า ห้องแคบๆจะไม่แพ้ฝุ่นเหรอ?”

“ตรงไหนก็ได้...จะอยู่ด้วย”โอเซฮุนเบนหน้ามองลู่หานที่เดินมากอดด้านหลัง ฝ่ามือเรียวนั้นกอดกระชับตรงผืนท้องของเขา พร้อมกับแก้มของลู่หานที่แนบลงไปกับแผ่นหลัง

“แต่พวกเรา..”

“ฉันรู้ว่านายบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้..นายย้ำกับฉันไปเมื่อคืนว่ามันไม่มีทาง..แต่นายรู้อะไรมั๊ย? ในคำว่าเป็นไปได้ที่ใครๆว่า มันทำให้ฉันอยากที่จะเป็นไปได้”

“ลู่หาน?”คนพี่จะขยับหันมามองแต่ผู้เป็นน้องก็กอดเอาไว้แน่น

“อย่าเพิ่งหันมานะ...ให้ฉันพูดให้จบก่อน ทั้งหมดฉันไม่โทษใครทั้งนั้นแม้แต่ตัวฉันเอง การตัดสินใจหรือเรื่องราวที่ดำเนินโดยตัวเรา เราเลือกที่จะเป็นและมันแก้ไขไม่ได้...และฉันก็รับรู้แล้วว่านายดีที่สุดสำหรับฉัน ฉันก็เคยตัวจนทนอยู่แบบไม่มีนายไม่ได้หรอก ใครจะว่ามันผิด ฉันก็ไม่เถียงเพราะมันผิดจริงๆ ไม่มีใครที่มีสถานะแบบนี้รู้สึกแบบนี้ นายเองก็รู้ดี”

“...”

“เพราะไม่มีใครทำแบบนี้ฉันเลยอยากทำ..และฉันเชื่อว่าเราทำมันได้ ฉันพูดไม่ถูกแต่... ความรักฉันไม่รู้ว่าพวกเราเป็นรักแบบไหน แต่ฉันมั่นใจว่าฉันได้จากนายมานานแล้ว และมันถึงเวลาที่ฉันต้องทอนกลับเหมือนกัน”

“...”

“แต่..แต่ฉันปกป้องนายไม่ได้หรอกนะ...แต่ถึงอย่างนั้นถ้ารู้สึกเหนื่อยก็กอดแน่นๆได้นะ ฉันจะไม่ขี้แยอีกแล้ว แล้วก็..จะเลิกกลัว...”เสียงของลู่หานเบาลงเมื่อเซฮุนพลิกตัวหันหน้ามาหา และพบว่าใบหน้าของลู่หานนั้นแดงจัดและร้อนผ่าว เขาหลบตาของอีกฝ่ายที่จ้องมองมา ก่อนที่เซฮุนจะลูบข้างแก้มของลู่หานอย่างแผ่วเบา

“นายทำฉันเป็นคนวิปริตไปจริงๆด้วย”

“...”

“ฉันก็อยากหัวเราะใส่หน้าคนที่ละเลยนายนะ แต่ก็เถอะ”เซฮุนขยับยิ้มก่อนจะกอดอีกฝ่ายไว้กับตัว เขาไมได้หวังฉากจบแฮปปี้เอนดิ้งที่ว่ากอดกันแล้วขึ้นไตเติ้ลอวสาน ยังมีอะไรอีกมากที่เขาต้องจัดการ อย่างน้อยก็เรื่องของลู่หาน ทั้งรับมือผู้เป็นแม่ แต่การที่พวกเขาบรรลุนิติภาวะเรียบร้อยแล้วนั้น ก็ทำให้เซฮุนวางใจพอที่จะคิดว่ามันจะไม่เป็นไร เขากับลู่หานสามารถเลือกได้ว่าจะอยู่กับใครหรือไม่อยู่กับใครเลย

และเซฮุนคิดว่าพวกเขาเลือกที่จะอยู่ด้วยกัน...



โอเซฮุนกดจูบไปที่พวงแก้มแดงร้อนนั้นอย่างนุ่มนวล โดยที่ลู่หานก็ขยับกอดอยู่พักก่อนจะถอดเสื้อโค้ทออก เขาไม่รู้ว่าเขาเป็นบ้าไปแล้วหรือยังกับการไม่สามารถอดทนต่อการเฝ้ามองลู่หานเวลาค่อยๆถอดเสื้ออกจากตัวได้แม้จะแค่เสื้อตัวนอก เซฮุนสอดมือเข้ากับใต้เสื้อยืดของลู่หานและถลกขึ้นพร้อมกับเสียงอุทานแว่วเบาของตัวลู่หานเอง ฟันคมกัดริมฝีปากตนเองทันทีที่ปลายนิ้วเย็นๆลากไปกับผิวเนื้อ ลู่หานแตะมือทั้งสองข้างกับสันกรามของเซฮุน ก่อนจะพบอะไรบางอย่างในดวงตานั้น เขาก้าวข้ามมุมมองเดิมๆของตัวเองด้วยการขยับเข้ากดจูบมุมปากอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะยอมให้ทุกอย่างเป็นไปตามแต่ใจอีกฝ่าย

“ชดเชยได้มั๊ย? เราไม่เจอกันหลายวันเลยนะ”

“อื้อ”ลู่หานพยักหน้าและเซฮุนก็เริ่มเลียกลีบปากเล็กๆอย่างนุ่มนวล ฝ่ามือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นสัมผัสแถวหน้าอก แต่อีกข้างกลับเลื่อนลงไปด้านล่าง ลู่หานครางหือเบาๆในลำคอพร้อมกับลูบไล้แผ่นหลังของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล

“นิ้วของนาย..”

“หืม?”

“ดี”เซฮุนกล่าวต่อสั้นๆเมื่อนิ้วเล็กๆนั้นเลื่อนลงคลึงกับเป้ากางเกง พวกเขาเบื่อที่จะมามองสิ่งนั้นถูกสิ่งนี้ผิด ในเมื่อสิ่งที่พวกเขาเป็นมันผิด พวกเขาก็จะผิดให้สุด ลู่หานคลึงนิ้วกับส่วนที่แข็งตึงขึ้น โดยเซฮุนก็บีบแก้มก้นนิ่มๆใต้สกินนี่ยีนส์นั้นไว้ เสียงจูบดังขึ้นและลู่หานก็สัมผัสถึงกลิ่นช็อคโกแลตไหม้ในลมหายใจของเซฮุนอีกครั้ง เขาหลับตาเมื่อถูกดันริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเรียวลิ้นที่สอดเข้ามาภายใน จูบรั้งริมฝีปากล่างก่อนจะรวบขึ้นปล่อยและใช้ลิ้นเลียไปตามแนวฟัน เสียงครางอือดังขึ้นในลำคอของลู่หานเองพร้อมกับโอบกอดร่างของเซฮุนเอาไว้แนบแน่นจนถูกวางให้นั่งข้างเตียง และลู่หานก็นั่งมองอีกฝ่ายถอดกางเกงออกไปจากเรียวขาอยู่แบบนั้น

“เซฮุน..”

“หืม?”

“เปล่า”ลู่หานส่ายหน้าให้คนที่เงยหน้าขึ้นมาได้ขมวดคิ้วใส่ ก่อนจะก้มลงจูบต้นขาของเขาอย่างค่อยๆไม่เร่งร้อน ลู่หานหรี่ตาลงเล็ก ความรู้สึกตื่นตัวและเขินอายทำให้แก้มของลู่หานเป็นสีแดงจางอีกครั้ง ทั้งที่ตั้งใจจะมองเซฮุนให้ตลอดแต่เขาก็ไม่สามารถทำได้เมื่อลิ้นของเซฮุนเข้าสัมผัสเขาอย่างไม่ผ่อนปรน ปลายลิ้นนั้นเสียดผสมกับการจูบจนลู่หานหลุดครางในลำคอ ร่างที่มีแค่เสื้อยืดกับถุงเท้านั้นดูจะไม่มีทางอื่นที่จะหลบหนีไปได้นอกจากตอบรับมัน เป็นอีกครั้งที่ลู่หานเผลอขยุ้มเรือนผมของอีกฝ่าย เป็นอีกครั้งที่แผ่นหลังของเขาทาบลงบนที่นอนหลังนี้ และสองขาของเขาก็พาดเกยกับบ่าของเซฮุนที่ขานรับเสียงหวีดครางของเขาด้วยเสียงดูดดุนกลับมาเท่านั้น

“ฮือ..อา...อ่ะ...อื้ออ อื๋ออ”ลู่หานทั้งกัดปากทั้งกัดหลังนิ้วด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกัน เซฮุนกำลังลิ้มรสความเป็นตัวเขาทั้งหมด เรียนรู้กันในฐานะคนๆหนึ่งต่อคนๆหนึ่งและลู่หานก็คิดว่าเท่านั้นก็คงมากพอ เป็นอีกครั้งที่พวกเขาไม่ได้ปิดม่านและจงใจให้มันค้างไว้ครึ่งหน้าต่างอยู่อย่างนั้น ลู่หานได้ยินเสียงหัวเข็มขัดกระทบพื้น และน่าจะเป็นของเซฮุนที่ขยับตัวเข้าหาเขา เซฮุนใช้หน้าขาตัวเองยกสะโพกของลู่หานขึ้นจนหัวเข่าสีชมพูอ่อนแทบชิดกับแผงอก พวกเขายินดีที่จะสัมผัสเนื้อตัวกันอย่างไม่รู้สึกแปลกแยกจนการเข้าถึงเป็นไปด้วยดี และเซฮุนก็รวบมือของลู่หานทั้งสองข้างมาจูบพร้อมกับขยับตัวเบาๆให้ลู่หานที่ทั้งเขินและรู้สึกวาบหวามหลุดร้องออกมาแผ่วๆ

“ปวดท้องมั๊ย?”

“...”ลู่หานส่ายหน้า

“มานี่เร็ว”เอ่ยเรียกอย่างนุ่มนวลและลู่หานก็ทำตามอย่างว่าง่าย เซฮุนรับร่างของลู่หานให้ขึ้นคร่อมตัวโดยที่เขาก็ขยับตัวลงนอนอยู่ด้านล่าง นี่เป็นกลางวันและเป็นอีกครั้งที่เขาได้เห็นลู่หานเต็มตา สะโพกกลมกลึงขยับควบตัวเบาๆให้คนที่นอนอยู่หลุดครางพร่าออกมา  ลู่หานที่ยังรู้สึกขัดเขินก็ค่อยๆยอมขยับตัวเหยียบกับที่นอนพร้อมกับพิงเกาะหน้าขาของเซฮุนพร้อมกับขย่มตัวขึ้นลง เสียงครางผสานต่อกันอยู่เช่นนั้นจนลู่หานรู้สึกเสียววาบไปทั้งช่องท้อง


มันไม่ใช่ความรู้สึกแรกๆที่เป็นใครก็ได้ที่ไม่เลือก...

แต่เป็นคนที่เลือกแล้วว่าต้องเป็นคนนี้เท่านั้นที่เขาต้องการ...


“อ๊ะ..อื้ม..”จู่ๆเซฮุนก็ดึงแขนลู่หานให้ก้มลงมาหาพร้อมกับป้อนจูบลงไป สะโพกมนขยับยกให้การสอดใส่เป็นไปได้ง่าย รสจูบปนเสียงกระท่อนกระแท่นและลู่หานก็ฉวยหัวเตียงเอาไว้ให้อีกฝ่ายสวนตัวขึ้นพร้อมกับสัมผัสติ่งไตที่หน้าอกไปด้วย เสียงกระทบกระทั่งดังต่อเนื่องจนสุดท้ายเซฮุนก็พลิกตัวขึ้นข้างบน ร่างของลู่หานถดลงไปข้างล่าง ซึ่งเซฮุนเองก็ประคองท่อนขาของลู่หานไว้จนร่างเล็กๆพลิกตัวบิดตะแคง การเข้าถึงเริ่มอีกครั้งโดยที่ลู่หานก้มหน้าครางพร้อมกับจิกขยุ้มผ้าปูที่นอนจนยับย่น พร้อมกับดันสะโพกส่วนกลับไปจนเสียงร้องผะแผ่วดังออกมาจากโอเซฮุน หยาดเหงื่อเย็นเฉียบนั้นตกลงกระทบเรียวขา นิ้วมือของเซฮุนตะปบจิกกับต้นขาของลู่หานอย่างไม่สามารถควบคุมได้อีก และสุดท้ายก็เป็นเซฮุนเองที่พลิกลู่หานขึ้นนอนหงายและโถมกายลงไปทั้งตัว โดยที่สองแขนของลู่หานก็กระหวัดโอบกอดอีกคนไว้อย่างเต็มใจ


พวกเขาต่างมีบาดแผลที่มองไม่เห็น..แต่รู้สึกได้เสมอมา...

และพวกเขาได้แต่หวังว่า...พวกเขาจะสามารถเยียวยากันและกันให้หาย...




“พ่อยังไม่รู้ใช่มั๊ยที่นายไม่ได้ขึ้นเครื่อง”

เซฮุนเขี่ยเถ้าบุหรี่กับกระป๋องเบียร์ในขณะที่พวกเขานอนอยู่ข้างกันและมีเพียงผ้าห่มผืนบางคลุมตัวพวกเขาเท่านั้น ลู่หานนอนตะแคงตัวมองเซฮุนที่พิงหัวเตียงสูบบุหรี่ราวกับพระเอกละครหลังฉากข่มขืนก่อนจะถามกลับไปเบาๆ

“พ่อจะยอมให้ฉันอยู่ใช่มั๊ย?”

“พ่อรักนายนะ...พ่อไม่เคยเกลียดนาย...แต่ความรักของแม่ทำให้พ่อเข้าไปไม่ถึง”

“แม่ต้องโทรมาวีนพ่อแน่ๆ”

“ถ้าแบบนั้นคงเข้าทางเลขาลีแล้วล่ะ เธอบอกว่าการที่แม่มีปากเสียงมากเท่าไหร่ การแบ่งสมบัติกับพ่อก็ยิ่งมีโอกาสได้ส่วนแบ่งน้อย”เซฮุนสูดลมผ่านไรฟันก่อนจะอัดควันกลิ่นช็อคโกแลตเข้าปอด

“เลขาลีเป็นคนดีใช่มั๊ย?”

“เธอแค่ต้องการปกป้องพ่อของพวกเรา”

“ทุกคนมีคนให้ปกป้อง”ลู่หานรำพึง ปล่อยให้อีกฝ่ายขยี้ก้นบุหรี่พร้อมกับพ่นลมหายใจที่มีแต่ควันออกมา

“นายไม่ต้องปกป้องใครทั้งนั้นแหล่ะ แค่ทำตัวเองไม่ให้ร้องไห้ขี้มูกโป่งเวลาได้ยินชื่อหวงจื่อเทาก็พอแล้ว”

“เซฮุน”

“อะไรอีก”

“หึงเหรอ?”ลู่หานที่นอนเท้าแขนกับที่นอนเอ่ยถามประโยคที่ทำให้เซฮุนรู้สึกคอแห้งกะทันหัน และเจ้าตัวไม่ได้ตอบอะไรนอกจากดื่มเบียร์ที่อยู่ข้างเตียงเงียบๆอยู่พักก่อนจะส่งเสียงตอบกลับ

“ทำไมต้องหึงด้วย ตอนนายร้องไห้มันขี้เหร่ น้ำมูกน้ำตาเต็มหน้า น่าเกลียดจะตาย”

“ย่าห์ ทำไมพูดจาแบบนี้กันล่ะ”ลู่หานทุบกำปั้นลงกับต้นขาของเซฮุนเบาๆและพบว่าอีกคนกำลังหัวเราะเบาๆก่อนจะพลิกตัวเข้าลูบข้างแก้มของเขาอย่างนุ่มนวล

“ฉันคิดอะไรก็พูดไปแบบนั้น...บางทีอาจจะทำร้ายใจนายได้ง่ายๆ แต่สัญญามั๊ยว่าถ้าไม่ชอบที่ฉันพูดต้องบอกทันที...ห้ามเก็บไปน้อยใจคนเดียว”

“อืม..ก็ได้”

“สัญญามั๊ยว่าถ้าพวกผู้หญิงเข้ามาหา นายจะช่วยฉันไล่พวกเธอออกไป”

“นายก็ต้องปฏิเสธด้วยตัวเองด้วยล่ะ”

“แล้วสัญญามั๊ยว่าถ้ามีใครเข้าหานาย...นายต้องปฏิเสธพวกนั้น ฉันขี้หึงมากนะ โมโหร้ายด้วย นายไม่รู้หรอกว่าตอนฉันหึงจนหน้ามืดฉันทำอะไรได้บ้าง”

“งั้นฉันจะกอดนายแน่นๆ จะได้ใจเย็นลงนะ”

“ในอนาคต...ถ้าใครคนใดคนหนึ่งต้องแต่งงานกับผู้หญิงสักคน หรือเราทั้งคู่... สัญญานะว่าจะไม่ลืมว่านั่นคือหน้าที่ของพวกเรา และจะมีแค่เราสองคนอยู่ด้วยกันตอนแก่ตายเท่านั้น ไม่ใช่พวกเธอ”

“นายนี่ใจร้ายชะมัด ก็ตามนั้นแหล่ะ”ลู่หานบ่น

“แล้วก็...ช่วงนี้อาจจะไม่ค่อยได้ไปไหน เพราะช่วงนี้ฉันหลงนายอยู่ รออีกสองสามเดือนนะ ฉันจะปล่อยทิ้ง...”

“เอาอีกแล้วนะ! โอเซฮุน!”ลู่หานทุบตีอีกคนที่ส่งเสียงหัวเราะ และเพิ่งค้นพบว่าอีกคนน่าจะชอบแกล้งเขาพอๆกับทำท่าถอนหายใจใส่ พวกเขารู้ว่าที่เขาทำไม่ถูก และพวกเขายินดีจะรับความไม่ถูกต้องนั้นเอาไว้ ลู่หานหรี่ตาลงเมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากที่แตะแต้มข้างแก้มของตน ไล่ไปจนถึงใบหู เมื่อเริ่มรู้สึกจึงเอ่ยถามเซฮุนที่กดจูบข้างขมับของเขาเบาๆเช่นนั้น “เอาอีกเหรอ...”

“ก็บอกแล้วว่าหลงอยู่”

“...”

“ถ้าหมดหลงไปแล้วก็เหลือแค่รักแล้วล่ะ”

“รักเหรอ...นั่นสินะ”ลู่หานขยับยิ้มจางๆก่อนจะยอมให้ทุกอย่างเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งหนึ่ง พวกเขานึกถึงความทรงจำที่ลึกที่สุดในชีวิตตั้งแต่วินาทีที่เห็นหน้ากัน เล่นด้วยกัน มองดูเสื้อผ้าที่ซื้อมาเหมือนกัน คนหนึ่งร้องไห้เวลาที่ตัวเองได้ทรงผมไม่ดูดีเหมือนอีกคน เด็กสองคนจูงมือกันไปในสวน ซ้อนจักรยานกันไปเรียน พวกเขากอด หอมแก้มในวัยเด็ก และเปลี่ยนเป็นจูบและทำอะไรที่มากกว่านั้นเมื่อโตขึ้น ทั้งพื้นฐานทางสังคมครอบครัวที่เอียงทำให้พวกเขาต่างคนต่างขาดและค้นพบว่าต่างคนต่างเป็นชิ้นส่วนเดียวที่สามารถทำให้มันเชื่อมต่อกันได้ ทั้งลู่หานที่โตขึ้นบนโลกเสมือนเทพนิยายและพบรักกับผู้ชายคนหนึ่ง เขียนการ์ดให้อีกฝ่าย นั่งทำขนมไปให้  ได้รับความรักอย่างอ่อนหวานและจบลงอย่างโหดร้าย และเซฮุนที่โตขึ้นบนสังคมของวัยรุ่น ได้เที่ยว ได้ดื่ม ได้ทำในสิ่งที่เด็กผู้ชายได้ทำ มองเด็กผู้หญิงร้องไห้ต่อหน้า ตัดสายคนที่โทรเข้าไม่รู้เวลา ดื่มเหล้าให้หมดขวด สูบบุหรี่ให้หมดมวน สัมผัสผู้หญิงสักคนปิดฉากในค่ำคืน จนสุดท้ายก็เหลือแต่พวกเขาสองคนบนโลกที่ยังมองเห็นกัน และยอมเดินข้ามเส้นจิตสำนึกเพื่อจะกอดกันไว้ให้แนบแน่น

มันจริงที่ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมันอยู่บนความไม่ถูกต้องและพวกเขาพอใจที่จะให้มันบิดเบี้ยวไปอย่างนั้น ไม่เป็นไรอีกแล้ว... เขาพอใจกับความไม่สมบูรณ์แบบ พอใจกับค่านิยมของตัวเองที่ไม่ใช่คนอื่น เรียนรู้ที่จะรักใครสักคนแบบก้าวผ่านสิ่งที่ทุกคนพอใจ ทั้งลู่หานและเซฮุนรู้ดีว่าระหว่างพวกเขามันคือความรัก แม้จะไม่รู้ว่าเป็นรักแบบไหนก็ตาม เป็นความสัมพันธ์ไร้ชื่อที่ลึกซึ้งกว่าความสัมพันธ์ได้ชื่อของคนอื่นๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต


และพวกเขาเชื่อเสมอว่าความรู้สึกในวัยเด็กเหล่านั้นมันจะยังคงอยู่และไม่จางหายไป...



“ฉันไม่เข้าใจเลย...ทำไมลู่หานถึงเป็นแบบนี้...ฉันไม่เข้าใจจริงๆค่ะ”

หญิงวัยกลางคนคร่ำครวญลงจากเครื่องมาถึงปักกิ่งและนั่งพักสงบสติอารมณ์ที่ร้านกาแฟในสนามบิน หล่อนที่เอาแต่ร่ำไห้มาตลอดการเดินทางจนหลับไปและตื่นมาร้องห่มร้องไห้อีกครั้งเริ่มทำให้ชายที่มาด้วยกันชักมีสีหน้ารำคาญ แต่ก็ยังคงใจเย็นและส่งยิ้มไปให้

“ไม่เป็นไรนะครับ เขาคงไม่เข้าใจเหตุผลของเรา เดี๋ยวคุณพักผ่อนสักหน่อยแล้วพวกเราค่อยติดต่อไป”

“แต่ว่าฉัน..”หล่อนยังสะอื้นฮักจนเด็กหนุ่มที่มาด้วยกันกลอกตา ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นบอกกับผู้เป็นพ่อเบาๆ

“ผมไปโรงพยาบาลก่อนนะครับ”

“อี้ฟาน...”ผู้เป็นบิดาส่งสายตาปราม แต่เจ้าตัวก็ไม่ยี่หระ เขาหยิบบางอย่างที่ลู่หานส่งให้เขาตั้งแต่อยู่บนรถขามาถึงสนามบินพร้อมกับกำชับว่าให้มารดาของตนเมื่อถึงปักกิ่งแล้ว และหน้าที่เขาก็แค่ทำมันให้ลุล่วง

“คุณน้าครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”

“จ..จ้ะ..”

“แล้วก็...ลู่หานฝากนี่ไว้กับผมน่ะครับ บอกให้เอาให้คุณน้าเมื่อถึงปักกิ่งแล้ว”อี้ฟานส่งจดหมายซึ่งเป็นกระดาษโน้ตที่ถูกพับครึ่งให้ และเขาก็ไม่ได้อ่านเพราะรู้สึกว่าไม่จำเป็น อี้ฟานทำความเคารพคนทั้งคู่ตามหน้าที่ก่อนจะเดินออกมาอย่างโล่งใจ อย่างน้อยเขาก็จะได้ไปหาคนที่เขาอยากพบเจอเสียที

ฟากคนทั้งคู่ที่นั่งมองแผ่นกระดาษที่อี้ฟานส่งให้ก็เงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะสูดลมหายใจสั้นๆและเอานิ้วป้ายหยาดน้ำตาออกจากดวงตาของตนพร้อมกับเปิดจดหมายอ่าน และเนื้อความนั้นก็ทำให้ทุกอย่างนิ่งเงียบไปสำหรับเธอ


เธอปล่อยเวลาที่เหลือของวันอยู่กับเนื้อความในใจของลูกชายที่เธอเลี้ยงมายี่สิบปีคนนั้น...





‘ แม่ครับ...

ผมขอโทษที่ผมต้องทำแบบนี้... การที่ผมไม่ได้ไปกับแม่ไม่ได้แปลว่าผมเลือกพ่อ ผมแค่อยากเลือกทางอื่นที่เป็นทางของผมเอง ผมรู้ว่าแม่รักผม... แต่บางครั้งความรักของแม่ก็ขังผมเอาไว้จนผมไปไหนไม่ได้ แม่อาจจะรู้ทุกอย่าง..แต่แม่ไม่มีทางรู้สิ่งที่อยู่ในใจผมลับหลังแม่แน่นอน แม่ไม่รู้ความเจ็บปวดของผมเวลาที่มองแม่พูดถึงพ่อหรือเซฮุนลับหลัง แม่ไม่รู้ความทรมานของผมเวลาเห็นแม่ทำร้ายเซฮุน ผมอ่อนแอและปกป้องใครไม่ได้เลย...นั่นคือเรื่องที่ผมรู้สึกเศร้า และนั่นคือเหตุผลที่ผมเลือกที่จะไม่อยู่กับใครทั้งนั้นเพื่อรักษาเซฮุนไว้ พวกเรากำลังทำผิดครับ...ผมรู้...แม่รู้ พ่อรู้...ทุกคนที่รู้เรื่องระหว่างพวกเราก็รู้ว่านี่มันไม่ใช่เรื่องถูกต้องอะไรเลยด้วยซ้ำ... ผมไม่รู้ว่าผมจะเจอเซฮุนที่ห้องมั๊ย? ผมไม่รู้จะพูดยังไงให้เขายอมอยู่กับผม แม่ไม่ได้ทิ้งผม ผมไม่ได้ทิ้งแม่ แต่ความเป็นจริงทิ้งพวกเรา ผมหวังว่าเรื่องระหว่างพ่อแม่จะจบลงด้วยดี และผมขอร้องว่าอย่าติดต่อ อย่าตามหาพวกเรา อย่าพบเจอทักทายพวกเราอีก เพราะสิ่งเหล่านั้นเราจะทำเมื่อพวกเราพร้อม แม่สามารถว่าผมอกตัญญูได้ แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่แม่ทำกับเซฮุน ผมคิดว่านี่มันถูกต้องแล้วที่พวกเราควรจะเป็นแบบนั้น...
สุดท้ายนี้ ผมก็หวังว่าแม่จะมีความสุขกับคนที่แม่รัก หวังว่าแม่จะไม่เจ็บปวดกับอะไรเล็กๆน้อยๆอีก ส่วนตัวผมเชื่อว่าสักวัน...ผมจะกุมมือเซฮุนได้แน่นมากขึ้นต่อหน้าแม่ได้ และยอมรับกับทุกคนว่าอ้อมกอดของเขาปลอดภัยที่สุดเช่นกัน


                                                                                        ยังรักและเคารพแม่เสมอ


                                                                                                    ลู่หานของแม่’




******