Title : LOVERDOSE 3/3
Author : RUNAWAY05
Couple : BYUN BAEKHYUN x DO KYUNGSOO
Note : จบพาร์ทเจงแล้วคับ....*บยอนนิมเอามีดจี้หลัง*
*******************
เป็นเวลาเกือบสัปดาห์ที่ชีวิตของแบคฮยอนมีเจ้าเด็กเอเลี่ยนปากรูปหัวใจมาคอยทำให้ผวาอยู่ห้องตรงข้าม
และมันทำให้เขาชินที่จะไปเคาะห้องตรงข้ามเวลาเช้า
และซื้อข้าวมาสองกล่องในตอนเย็นไปโดยปริยาย
อีกข้อหนึ่งที่แบคฮยอนได้เรียนรู้จากคยองซูก็คือ เด็กคนนี้แปลกประหลาดเหมือนสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก
แถมมีพฤติกรรมของสตอล์กเกอร์แอบซ่อน แต่ก็เป็นเด็กดีและค่อนข้างเชื่อฟังถ้าพูดคุยแบบใช้เหตุผลสักหน่อย
ทว่าอีกสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายตัวไม่สบายใจก็คงจะเป็นพฤติกรรมชอบเล่นอะไรประหลาดๆ
เดี๋ยวก็มีกระดาษเขียนชื่อเขาลอยมาตกหน้าห้อง
เดี๋ยวก็ได้กลิ่นน้ำหอมแบบแปลกในตู้เย็น
วันดีคืนดีเด็กคนนั้นก็เอาน้ำสีตุ่นๆรสชาติอัปลักษณ์มาให้กิน
เขาคิดว่าเพราะคยองซูเป็นเด็กเรียน ช่วงนี้เลยค้นคว้าหาอะไรทำละมัง
“บยอนนิม...บยอนนิม...บโยนเนมมม”เสียงตะโกนที่ดังมาจากห้องตรงข้ามทำให้แบคฮยอนกำลังจัดแต่งทรงผมลวกๆหันไปมอง
ชายหนุ่มคว้าของจำเป็นก่อนจะล็อคห้องตัวเองแล้วเดินไปที่ห้องของเจ้าตัวเล็กที่ยืนเบะปากกับเนคไทหนึ่งเส้น
“เป็นอะไรอีก นายนี่มีปัญหาประจำวันเลยนะ”
“เค้าผูกไทด์ไม่เป็นอะ”
“โตตัวเท่าตู้เย็นแล้วทำไมยังผูกไม่เป็น”ชายหนุ่มคว้าเนคไทมาถือแล้วยืนนิ่ง
โดยที่ดวงตากลมโตเกินกว่าตาคนปกติจับจ้องมองตาม
แบคฮยอนมองเนคไทในมือก่อนจะตวัดพาดคอแล้วเริ่มผูกอย่างคล่องแคล่ว
แล้วรูดปมออกเพียงเล็กน้อยออกจากศีรษะส่งให้ “เอาไป”
“สอนเค้าผูกบ้าง”
“เดี๋ยวไปโรงเรียนสายหรอก”
“น่า สอนก่อนเด่ะ”
“นี่ผูกไม่เป็น?”
“ปกติคุณแม่ผูกอะ”แบคฮยอนขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นรอบที่เท่าไหร่ชายหนุ่มก็จำไม่ได้
เขาแก้ปมเนคไทออก ก่อนจะอ้อมไปดึงคอเสื้อเด็กชายให้ยืนอยู่หน้ากระจก แบคฮยอนจับเนคไทพาดลำคอคยองซูไว้น้มตัวลงจับเนคไทพร้อมกับอธิบาย
“นี่ดูนะ ปมปกติก็ผูกไม่เป็นว่ะ
อันนี้จำได้เพราะครูที่มหาลัยสอน เป็นปมแบบวิคตอเรีย
ง่ายดี”แบคฮยอนจับด้านไทด์ทั้งสองข้าง “ดูนี่นะ มันมีด้านใหญ่ด้านเล็ก
เอาด้านใหญ่เนี่ยทบทับด้านเล็กมาทางขวา แล้วก็สอดพันขึ้นมางี้
ทำแบบเดียวกันอีกทีนึง อย่าให้พันแน่นมากเพราะเราจะเอาเส้นใหญ่ใส่เข้าไป
สอดเข้าจากด้านบนแบบนี้”
คนสอนก็สอนอย่างตั้งอกตั้งใจเพราะจะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยผูกอีก
แต่เด็กดื้อกลับยืนตัวแข็งทื่อเมื่อจู่ๆบยอนนิมก็มายืนแนบถึงลูกถึงคนหน้ากระจกแบบนี้
ลมหายใจรดจมูกแบบนี้ดโยจะเป็นลมแล้วงื้อ คอเค้าขาวนะ จุ๊บเส่ จุ๊บเบย*เอียงคอให้*
“เป็นไร นอนตกหมอนเหรอ”
“._.”คยองซูสั่นศีรษะดุ๊กดิ๊กกลับไปให้
โดยอีกฝ่ายก็แค่ขยับคิ้วเล็กน้อยแล้วจึงค่อยๆมัดปมต่อไปจนกระทั่งรูดปมไทด์ขึ้นปกคอของอีกคน
แบคฮยอนถึงได้รู้ว่าตัวเองเอาหน้าและตัวไปใกล้คยองซูมากเสียจนเด็กน้อยยืนตัวแข็งหน้าแดงหูแดงแทนที่จะส่งเสียงน่าหนวกหูอย่างประจำ
“เฮ้ยๆโทษที”ว่าเท่านั้นก่อนจะผละตัวออก ต่างคนต่างยืนทำอะไรไม่ถูกไปเสียอย่างนั้น
แม้แต่คยองซูเองที่รอคอยจังหวะ(?)มานานหนักหนาเจอแบบนี้ก็ไปไม่เป็น
วันนี้เขายังไม่ได้ทำเวทมนตร์ความรักกับบยอนนิมเลยนะ.////.
เด็กชายคยองซูวันนี้พกอารมณ์มาเรียนอย่างมีความสุข
แม้จะไม่สามารถทำอะไร(?)ได้ไปมากกว่านั้น แต่การที่ได้เห็นอีกคนที่ห้องตรงข้ามทุกวันแถมด้วยข่าวว่าตนนั้นกำลังคบหาดูใจกับคุณหมอหน้าตาดีให้พวกรุ่นอื่นอิจฉานี่มันเซเลบสิ้นดี
เด็กน้อยตัวป้อมสะพายกระเป๋ามาโรงเรียนอย่างมีความสุขล้นในหัวใจ
ใบหน้าอิ่มเอิบอุดมไปด้วยไขมันทั้งสองแก้มลงมาถึงคอวิ่งเริงร่าเพื่อไปผจญกับวิชาด้วยพลังแห่งรัก
ส่วนแบคฮยอนเองที่มาทำงานตามปกติ แต่เหมือนวันนี้จะค่อนข้างแปลกเพราะจงแดมาที่คลินิกด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างไม่เคยเห็น
ชายหนุ่มเลิกคิ้วเมือ่จงแดสาวเท้าเข้ามาในคลินิกพร้อมกับจ้องหน้าของเพื่อนรักแล้วกล่าวออกมาสั้นๆ
“ไปคุยกับฉันหน่อย”
“ห่ะ?”แบคฮยอนอุทานแต่ก็ยอมเดินตามจงแดไปแต่โดยดี
ปล่อยให้พยาบาลผู้ช่วยคอยท่าทำงานอยู่ด้านนอก ทันทีที่ประตูปิดลง
จงแดก็ถอดเสื้อนอกพาดกับพนักเก้าอี้ แล้วจึงเปิดปากอย่างไม่รอเสียเวลา
“เมื่อคืนนี้
ฉันติดต่อศูนย์จิตเวชเกี่ยวกับข้อมูลของโดคยองซูเพื่อเอาไว้เป็นแนวทางในการรักษา”
“อือฮึ แล้วไงอะ”แบคฮยอนเลิกคิ้ว
ซึ่งจงแดก็เอ่ยขึ้นมา
“โดคยองซูไม่ได้เป็นเจอรอนโตฟิเลีย
เขาไม่มีข้อมูลการรักษาทางจิตอื่น
และผลการตรวจสอบสภาพจิตใจของนักเรียนมัธยมต้นประจำปี เด็กคนนี้อยู่ในเกณฑ์ปกติ”
“เฮ้ย! ได้ไงล่ะ”ชายหนุ่มโวยวาย “เด็กนั่นไม่ได้เป็นอะไร
ทำไมพ่อเด็กถึง...”
“นั่นน่ะสิ ทำไมสส.ชินถึงมาขอร้องพวกเราเพราะอะไรกันแน่
ทำไมต้องให้เด็กคนนั้นมาอยู่ที่นี่กับนาย... โอเคจากที่นายบ่นให้ฉันฟังทุกวัน เขาน่าจะมีแค่อาการแมเนีย
(คลั่งไคล้,ชื่นชอบ) ขั้นต้นกับตัวนาย ซึ่งก็เหมือนวัยรุ่นที่ชื่นชอบดาราทั่วๆไปนะ”
“มิน่า สส.อะไรนั่นไม่เห็นมาดูแลลูกชาย
ส่งแต่พวกการ์ดมาห่างๆ...แสดงว่าเด็กนั่นก็ขอให้พ่อช่วยเหมือนลูกคนรวยที่อยากได้อะไรแบบเอาแต่ใจล่ะสินะ”
“แบคฮยอนใจเย็นก่อนนะ..ฉันก็ไม่ได้อยากให้คิดแบบนั้น”จงแดปราม
“แต่ยังไงนายลองคุยกับคยองซูดูดีๆจะดีกว่า ว่ามาอยู่ที่นี่เพราะอะไร
ห้ามใช้อารมณ์กับเด็กเด็ดขาดนะรู้มั้ย วัยรุ่นน่ะยังเป็นวัยวิตกกังวล
ถ้าเอาแต่อารมณ์ทุกอย่างมันก็จะยากไปกันใหญ่”
“นายดูหน้าฉันดิว่าจะไม่เม้งมั้ย?!”
“เออก็ถึงได้เตือนนี่ไงล่ะ”
“...”
“หรือให้ฉันไปพูดเอง?
เออฉันว่าฉันพูดเองดีกว่า”จงแดตัดบทให้แบคฮยอนได้จิปากขัดใจอยู่พัก
“ห้ามใช้อารมณ์เด็ดขาด เข้าใจมั้ย?”
“ทำอะไรก็ทำ”อีกฝ่ายว่าเรียบพร้อมน้ำเสียงไม่พอใจนักก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน
วันนี้แม้แต่คนไข้ประจำของจงแดก็ยังไม่มาให้เห็นสักคน
ความเงียบเหงานี้ยิ่งทำให้ความคิดยิ่งฟุ้งซ่าน เวลาผ่านไปเชื่องช้าจนแบคฮยอนชักจะหงุดหงิด
แต่แล้วก็ถึงช่วงเย็นที่โรงเรียนเลิก คยองซูปรากฏตัวที่คลินิกอย่างมีความสุข
เด็กน้อยเดินฮัมเพลงเบาๆ
ก่อนจะงงไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าใบหน้าของบยอนนิมวันนี้ช่างดุร้ายกว่าทุกวันทั้งที่โดนชักสีหน้าใส่ตลอดเป็นประจำ
แต่วันนี้ยังไม่ทำอะไรให้เลยนะ
“คยองซู
ผมมีเรื่องจะคุยด้วยนิดนึงนะครับ”จงแดรีบออกมาทักกับเด็กชายที่กำลังจะก้าวเข้าไปด้านข้าง
ดวงตากลมโตเหลียวมองจิตแพทย์หนุ่มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ
“ฮะ”
“ฉันด้วย”แบคฮยอนว่าก่อนจะเดินอาดๆตามคยองซูไปด้วยกัน
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง จงแดก็เชื้อเชิญเด็กชายให้นั่งลงก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างใจดี
“คยองซู...รู้มั้ยครับว่าทำไมถึงต้องมาพักที่คลินิก
ทำไมถึงไม่พักที่บ้าน?”
“เอ๋?”เด็กชายอุทานอย่างงุนงง
ก่อนจะมองหน้าจงแดกับแบคฮยอนสลับกัน “ก็คุณพ่อ...คุณพ่อให้ผมมาที่นี่”
“ทำไมต้องมาที่นี่ล่ะครับ”
“คุณพ่อบอกว่าพวกคุณหมอต้องการเก็บข้อมูลคนไข้นี่ครับ”คยองซูตอบไปตามตรง
ซึ่งจงแดก็อ้าปากค้างหันไปมาแบคฮยอนที่เริ่มยัวะหนัก
ครั้นจะอ้าปากเอ่ยแบคฮยอนก็ยกมือขึ้นเสียก่อน
“นายจะโทษว่าพ่อนายโกหกนายเหรอ?”
“เอ๊ะ...”
“พ่อของนายบอกพวกเราว่านายมีอาการทางจิต
อยากให้พวกเราเฝ้าดูนาย และพวกเราก็ยอมทำตามที่พ่อของนายขอเพราะสงสาร”ชายหนุ่มกล่าวกับร่างเล็กๆที่นิ่งไป
“แล้วนายมาบอกแบบนี้จะให้เราเชื่อใคร?
ในเมื่อที่ผ่านมาพฤติกรรมของนายไม่ได้แสดงออกเลยว่าหวาดกลัวกับเรื่องที่ผ่านมาที่พ่อนายเล่าให้ฟัง!
นายเอาแต่แอบดูฉันจนบางวันฉันไม่เป็นอันทำอะไร!
แต่ฉันก็เข้าใจว่าที่นายเป็นน่ะเป็นเพราะว่านายมีอาการ
แต่นายบอกว่าพ่อนายพูดว่าพวกฉันอยากได้นายมาเป็นข้อมูลเนี่ยนะ!”
“แบคฮยอน เฮ้ยพอ...ฉันแล้วบอกแล้วไง”จงแดยื้อตัวเพื่อนไว้โดยที่คยองซูก็กะพริบตาช้าๆกับน้ำเสียงและสีหน้าที่พรั่งพรูออกมาจากอีกฝ่ายจนแทบหมด
ร่างเล็กๆนั่นนิ่งไปพักใหญ่ๆ ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงบางเบาออกมา
“หมายความว่า...คุณหมอกับบยอนนิม...คิดว่าผมโกหกใช่มั้ย”
“...”
“คิดว่าผม...สร้างเรื่องเอาตัวรอด...เพราะความจริงผมสมรู้ร่วมคิดกับคุณพ่อ...เพื่อคุกคามบยอนนิมใช่มั้ยครับ”
“คยองซู เดี๋ยวนะครับ
ใจเย็นๆนะ”จงแดพยายามพูดโดยที่แบคฮยอนก็เหวี่ยงตัวหัวเสียไปอีกทางหนึ่ง
ท่าทีที่ไม่ยอมแม้แต่จะหันหน้ามามองกันสักนิดนั้นทำเอาร่างเล็กๆเจ็บแปลบไปทั้งหัวใจ
คยองซูกัดปากแน่นจนรู้สึกว่าน้ำตารื้นขึ้นขอบตาเล็กน้อย
ก่อนที่เด็กชายตัวเล็กจะพูดขึ้นแผ่วในที่สุด
“ผมเข้าใจแล้วครับ...ผมขอตัวก่อน”
“...”
“จะไม่มา..วุ่นวาย...อีกแล้วครับ...”ใบหน้ากลมๆก้มลงต่ำเพื่อค้อมศีรษะลาก่อนจะก้าวเดินออกจากห้องและปิดประตูอย่างเงียบเชียบ
ปล่อยให้จงแดอ้าปากค้างพลันผ่อนลมหายใจแรงสีหน้าเหมือนอยากจะฆ่าเพื่อนซะให้ได้
พร้อมกับตวัดสายตาไปมองอย่างคาดโทษกับแบคฮยอนที่ทำแข็งใจไม่มองคยองซูเดินออกไปจากคลินิกตรงไปหารถของบอดี้การ์ดคุณพ่อที่รออยู่
ใบหน้าน่ารักนั้นกำลังกัดริมฝีปากก่อนจะร้องไห้ออกมาจนหยดน้ำตาโตๆไหลเต็มสองแก้มกลมๆนั้น
ใช่สินะ...ที่ผ่านมาบยอนนิมคงคิดว่าเขาเป็นเด็กมีปัญหาทางจิต ก็เลยดีด้วย...
คงคิดว่าเขาเป็นคนไข้คนนึงก็เท่านั้น...
ไม่ได้รู้สึกลึกซึ้งอะไรไปมากกว่านั้น...และมันคงไม่มีทาง...
“เวทมนตร์อะไร..ไม่เล่นแล้ว..ดโยจะกลับบ้าน...”กล่าวกับบอดี้การดที่สีหน้าตื่นตระหนกเมื่อเห็นร่างเล็กๆกลมๆเหมือนลูกเพนกวินเดินเตาะแตะมาหาที่รถ
“คุณหนูดโยครับ..”
“ฮือ..จะหาพ่อ..จะกลับบ้าน..ไม่อยู่แล้ว...ฮือ...”เด็กชายคนเก่งของห้องตอนนี้กำลังร้องไห้โฮออกมาเป็นเด็กๆด้วยหัวใจที่เจ็บปวด
โลกของผู้ใหญ่กลายเป็นว่ายิ่งอยู่ใกล้จนเด็กชายแทบตามไปไม่ถึง
รถแวนคันสีดำสนิทแล่นออกจากคลินิกเล็กๆกลับสู่บานของสส.คนดังโดยที่เด็กชายก็ฟุบหน้าร้องไห้กับเบาะหลัง
ความรู้สึกโหยหาพระเอกการ์ตูนใจดีนั้นเป็นเรื่องที่ยากแต่คงเพราะฝืนที่จะค้นหาเองละมัง
เพราะคยองซูได้รับรู้ความจริงข้อหนึ่งว่าไม่มีใครจะใจดีกับเขาตลอดไป
แม้แต่คุณหมอจงแดที่เหมือนจะถนอมใจของเขา แต่กลับไม่แย้งหรือช่วยแก้ต่างแม้แต่นิด
ไม่เอาแล้ว..พระเอกการ์ตูน...พอกันที...
คยองซูไม่ต้องการอะไรลมๆแล้งๆอีกแล้ว...
“อ้าว...ไม่ทำแล้วเหรอ เวทมนตร์ความรักอะ”
อี้ชิงทักเพื่อนที่นั่งก้มหน้าก้มตาตีเส้นจบการบ้านท่ามกลางบรรยากาศเดิมๆในห้องเรียนวันต่อมา
คยองซูเบ้หน้าเล็กน้อยก่อนจะตีเส้นต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ขี้เกียจแล้ว”
“ดโยนี่น้า..ทำไมเบื่อง่ายหน่ายเร็ว”อี้ชิงบู้ปาก
“นี่ๆลืมอวด คุณแม่เราจ้างครูมาสอนพิเศษทุกเย็น อยู่เล่นนานๆไม่ได้หรอกนะ”
“อื้อ”
“ห้ามเหงาล่ะ นี่
พี่จุนมยอน...เป็นติวเตอร์ชื่อดังเลยนะ อันนี้แม่เราจ้างแบบตัวต่อตัว
เท่อะดิ”อี้ชิงเปิดมือถือยื่นให้คยองซูที่ปกติก็น่าจะดีใจที่เห็นหนุ่มหน้าตาดีเส้นผมสีน้ำตาลตามสเปค
แต่ตอนนี้เจ้าตัวกลับแค่มองผ่านๆแล้วพยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น”
“ก็ดีอ่า สู้ๆนะ”
“ห๋า? ไม่น่าเชื่อ แบบนี้คยองซูต้องฮืดฮาดๆแล้วพูดว่าพระเอกการ์ตูนซิ...”อี้ชิงอุทานอย่างแปลกใจ
โดยที่ลู่หานเองก็เดินเข้ามาเลียบๆเคียงๆที่โต๊ะสองคนเก่งของห้อง
คยองซูเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ค่อยๆเอ่ยเบาๆออกมา
“คยองซูอ่า..ทำไมไม่ไปที่คลินิกล่ะ
จู่ๆเก็บของออกมาฉันตกใจหมดเลยนะ”
“...”
“ได้พูดอะไรกับหมอแบค...”ไม่ทันที่ซอนซาสวมแว่นจะพูดจบ
คยองซูก็แหวลั่นออกมาซะก่อน
“ไม่พูดอะไรแล้ว! นายแว่นอย่ามาซักดโยนักซี่! ตอนนี้ดโยกับบยอนนิมเลิกกันแล้ว!”เจ้าตัวเล็กส่งเสียงลั่นท่ามกลางสีหน้าตื่นตระหนกของทุกคน
แม้จะไม่เคยคบกันเลยก็เถอะแต่เรื่องอะไรที่จะบอกว่าคยองซูถูกปฏิเสธมาตลอดล่ะจริงมั้ย...
ทั้งที่ความจริง...ใช่...เขาโดนปฏิเสธมาตลอด...
“คยองซู...”
“จากนี้ไป..บยอนนิม..ไม่มีความหมายกับดโยอีกแล้ว”ร่างเล็กๆก้มหน้าร้องไห้อีกครั้งอย่างเจ็บปวด
ทำเอาสายตาอยากรู้ของเพื่อนๆเปลี่ยนมาเป็นสงสาร คยองซูกอดอี้ชิง #ร้องไห้หนักและนานมาก
หลังจากทนเก็บความอึดอัดใจมาหลายวัน ขนาดพ่อของเขาไม่ยอมให้ซื้อสแตนดี้จัสตินบีเบอร์คยองซูยังไม่เจ็บปวดเท่านี้เลยจริงๆนะ...
ฟากแบคฮยอนและจงแดที่ทำงานตามปกติ
เหมือนว่าจะมีชายชุดดำมาทยอยขนของใช้ของเด็กชายห้องตรงข้ามออกไปแล้ว
ทว่าการจากไป(?)ของโดคยองซูกลับไม่ได้สร้างความสบายใจให้กับจงแดและแบคฮยอนเลยแม้แต่นิด
ไม่นานนัก รถคันสีดำก็จอดหน้าคลินิกพร้อมกับพรมสีแดงถูกปูไปตามทางและท่านสส.พร้อมกับลูกน้องก็ปรากฏตัวอีกครั้งให้สองหนุ่มหน้าตื่นผวากันเล่นๆเมื่อชายที่ไม่คิดว่าจะได้เจอหน้าอีกปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเอ่ยทักเรียบๆ
“พวกคุณทั้งสองคน...ผมขอคุยเป็นการส่วนตัวหน่อย”
“..ครับ”ต่างเหล่กันหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยจนกระทั่งกลับมายังห้องทำงานของจงแด
ซึ่งเจ้าของห้องทำท่าจะเชื้อเชิญสส.ชินให้นั่งลง ทว่าชายอาวุโสก็ค้อมศีรษะลงซะก่อน
“ผมมาเพื่อขอโทษพวกคุณ”
“เอ๊ะ! เอ่อ..ท่านอย่าทำแบบนี้เลยครับ
มีอะไรคุยกันก่อนดีกว่า”จงแดรีบพูดโดยแบคฮยอนก็สีหน้าไม่ดีไปเหมือนกัน
“ผมผิดเอง...ผมเห็นลูกชายของผมชอบหมอคนนี้มากๆ
ผมเลยสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อให้เขาได้มาอยู่ที่คลินิก”จงแดและแบคฮยอนมองหน้ากันทันทีเมื่อได้รับฟังประโยคเหล่านั้น
“ผมเคยอ่านหนังสือมาว่าถ้าเด็กได้อยู่ในสถานที่ๆมีความสุข ผลการเรียนก็จะออกมาดี
และผมเห็นช่องทางนี้ที่พอจะทำให้คยองซูมีความสุขขึ้นมาได้”
“แล้วทำไม...คุณต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะครับ
ความสุขของคนเรามันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้นี่”แบคฮยอนเอ่ยถาม
“มันเป็นชั่ววูบของผมเอง...ตั้งเห็นว่าระยะนี้คยองซูเริ่มมีความสุขมากขึ้นหลังจากกลับมาจากที่นี่
จนภรรยาผมไปเจออีกคนกำลังเล่นอะไรเป็นเด็กๆ สิ่งที่คยองซูทำอาจทำให้คุณกลัว
แต่มันแค่เวทมนตร์ความรักของเด็กญี่ปุ่นที่ลูกผมสรรหามาเล่นเท่านั้น
...ผมใช้ประโยชน์จากความสุขของเขา
คยองซูจะมาทำเรื่องใหญ่แบบนี้คนเดียวทั้งที่ยังเด็กได้ยังไงกัน”
“แล้วคุณไม่คิดเหรอครับ...
ว่ามันจะทำให้ใครเจ็บปวดรึเปล่า?!”แบคฮยอนขึ้นเสียงโดยจงแดก็รีบยื้อแขนปรามก่อนที่พวกการ์ดจะมากระหน่ำยิงเอา
“แบคฮยอนอย่าน่า...”
“เรื่องนั้นผมรู้ดี...ว่าสิ่งที่คยองซูทำอาจทำให้คุณอึดอัด...คุณลำบากใจ..แต่...”
“ผมไม่ได้หมายถึงผม”ชายหนุ่มกล่าวชัด “ผมหมายถึงเด็กคนนั้น”
“...”
“ตอนเขากลับไปบ้าน...คุณไม่ได้ถามอะไรเขาเลยเหรอ?”
“เขาร้องไห้ผมก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว...ผมรู้ดีตั้งแต่เขากลับมาพร้อมกับร้องไห้ไม่หยุด
ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันทำร้ายลูกชายของผมเอง...ผมเลยมาเพื่อขอโทษ
และจะไม่ให้คยองซูมาวุ่นวาย...”
“ได้ยังไงล่ะครับ!”บยอนแบคฮยอนส่งเสียงอีกครั้ง
“แล้วผมล่ะ! ความรู้สึกของผมล่ะ รู้มั้ยว่าตั้งแต่ลุกคุณมาอยู่ที่นี่ผมเสียอะไรไปบ้าง
นิตยสารเกือบสิบเล่ม ความเป็นส่วนตัว ความรู้สึกสบายใจไม่ระแวง
แถมตุ๊กตายางผมยังโดนน้ำซัดเพราะลูกชายคุณอีกนะ!”
“โอ้ยแบคฮยอน..อย่ามางกตอนนี้...”จงแดครางเพราะเห็นพวกการ์ดเตรียมจะชักปืนอยู่ร่อมร่อ
โดยสส.ชินก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อน
“คุณต้องการเท่าไหร่...มีอะไรบ้างที่ลูกชายผมทำให้ของๆคุณเสียหายไป
ผมรู้ว่าเงินมันไม่ได้แก้ไขทุกอย่าง แต่ผมมีเท่านี้ที่จะให้คุณได้
คุณเองก็ไม่ได้กระจอกงอกง่อย คิดว่าผมไม่สืบสาวตามประวัติพวกคุณกันบ้างรึยังไง
มีอะไรที่คุณขาดและต้องการการชดใช้”
“หัวใจผม...ขาดไป”
“...”
“ผมต้องการ...ลูกชายของคุณ”แบคฮยอนกล่าวขึ้นในที่สุด
“ผมไม่รู้หรอกว่าผมรู้สึกอะไร แต่บอกเลยว่าผมรู้สึกไม่ง่าย และผมก็ลืมไม่ง่าย
ผมไม่ยอมให้ลูกชายคุณมาวิ่งเล่นบนความรู้สึกผมแล้วหายไปเฉยๆแบบนี้หรอกนะ
ผมไม่ยอมเด็ดขาด”
“แล้วจะเอายังไงล่ะ...ในเมื่อคยองซูบอกว่าไม่อยากเจอคุณอีกต่อไป”สส.ชินย้อนถามชายหนุ่มที่นิ่งเงียบ
“ระหว่างที่ลูกชายผมวิ่งบนความรู้สึกคุณ...คุณก็เอาคำพูดทิ่มแทงเขาตลอดเลยไม่ใช่เหรอ?
เพราะแบบนั้นล่ะผมถึงได้คิดว่าพวกเราควรจากกันไปนั่นแหละดีที่สุด”
“ไม่ได้นะ...มันจบแบบนี้ไม่ได้”
“แบคฮยอนพอเถอะน่า”
“ไม่รู้ไม่ชี้แล้วโว้ย!!”สุดท้ายเจ้าตัวก็ตบะแตกตะโกนลั่นจนสส.ชินผงะไปเช่นกัน
ไม่ทันที่การ์ดจะทำอะไรแบคฮยอนก็วิ่งออกไปทันที
เขาวิ่งไปทางหลังอาคารที่มีส่วนต่อเติมก่อนจะกดรีโมทเปิดส่วนที่เป็น ‘ที่จอดรถ’ อย่างเร่งร้อน
ไม่นานนัก Bugatti Veyron
สีดำแดงก็พุ่งออกมากก่อนจะหักดริฟท์เลี้ยวออกนอกคลินิกอย่างไม่สนใจใคร
ทิ้งให้จงแดมองตามพลันเปรยออกมาเบาๆ
“ท่านจะให้ผมห้ามมั้ยครับ...”
“ไม่ต้องหรอก...พวกที่ดูจนๆ
แต่จริงๆรวยยิ่งกว่าพวกชอบดูถูกคนอื่นว่าจน
หรือพวกกระจอกแต่ซ่อนท่าไม้ตายเด็ดๆเอาไว้มันเป็นลักษณะของพระเอกนี่นะ”สส.คนดังยืดตัว
“ลูกผมชอบอะไรแบบนี้นักล่ะ”
“แต่ลูกท่านเป็นผู้ชายนะครับ...”
“ที่คุณเป็นผู้ชายยังมีแฟนเป็นผู้ชายได้
ทำไมลูกผมจะมีไม่ได้ล่ะ”
“อุ่ย...”จงแดอุทานพลันเกาหลังคอ
ไม่รู้ว่าจะถูกสาวประวัติลึกขนาดนี้ ในขณะเดียวกันคยองซูที่หลังจากร้องไห้ฟูมฟายเสร็จก็เข้าสู่ช่วงพัก
โดยทีชเชอร์ผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษก็มองเด็กชายตัวเล็กอย่างเป็นห่วง
แต่สุดท้ายก็แค่ผ่อนลมหายใจสั้นๆแล้วเอ่ยเบาออกมา
“วันนี้ทุกคนกลับไปทบทวน...”
“ตึ๊งตึงตึ๊งตึ่ง...ตึ่งตึงตึ๊งตึง...ประกาศ...โดคยองซูนักเรียนชั้นมัธยมสองห้องx มาพบผู้ปกครองที่ประชาสัมพันธ์ด้วยค่ะ...”
“เอ๊ะ...เค้าเหรอ”คยองซูเลิกคิ้ว
ก่อนเสียงวี๊แรงๆจะดังลั่นดังปรากฏการณ์ไมค์หอน ทำเอาเด็กๆยกมือปิดหูพร้อมกับเสียงที่แตกต่างจากประชาสัมพันธ์ดังลั่นออกมา
“โดคยองซู!
ออกมาพบฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“บยอนนิม...เสียงบยอนนิมนี่”คยองซูพึมพำพร้อมกับเพื่อนๆที่ชะเง้อมองเสียงตามสายกับเพื่อนคนเก่งของห้องสลับกัน
ท่ามกลางเสียงที่ตะโกนอย่างมุทะลุนั่นยังดังออกมาเป็นระยะ”
“ฉันไม่สนหรอกนะว่าที่นี่จะมองยังไงในเมื่อพ่อนายปล่อยฉันมาแล้ว!
นายจะเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้เข้าใจมั้ย!
เก็บของออกไปเฉยๆแบบนั้นหมายความว่ายังไง!
ไม่คิดจะลากันสักนิดเลยเหรอไง!!
ไม่ได้นึกถึงตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเลยเหรอ!”
“อยู่กินด้วยกันแล้วเหรอ...กับพี่หมอคนนั้นน่ะเหรอ?”อี้ชิงหันมาหาคยองซูที่รีบส่ายหน้าปฏิเสธดวงตาแดงก่ำ
“ฉันให้เวลานายลงมาหาฉัน!
หรือจะให้ฉันขึ้นไปหานาย!! ฉันจะนับหนึ่งถึงห้านะเข้าใจมั้ย...หนึ่ง!...สอง!”
“คยองซู...”เพื่อนๆหันมาลุ้นกับเด็กชายที่ยังนั่งตัวแข็งที่เดิมท่ามกลางเสียงตามสายที่ยังดังต่อเนื่อง
“สาม!....สี่!....”
“...”
“เฮ้ย! อย่าเข้ามาดิวะ! ออกไปนะเว้ย!!”เสียงร้องของอีกฝ่ายที่แว่วลอดไมค์ออกมาเหมือนจะโดนจับกักตัวไว้เหตุเพราะสร้างความวุ่นวายให้กับเด็กๆ
ทำให้คยองซูตาเบิกโพลง ไม่ทันที่สมองของเขาจะนึกอะไรออก
สองขาก็พาตัวเองวิ่งลงมาจากอาคารตรงไปยังห้องประชาสัมพันธ์อย่างไม่คิดชีวิต
แล้วก็จริงที่ว่าบยอนนิมคนนั้นกำลังถูกอาจารย์พละกล้ามโตสองคนล็อคเอาไว้โดยที่อีกฝ่ายก็ยังทำท่ามุทะลุดุดันตามประสา
คยองซูเห็นดังนั้นก็รีบร้องออกมาทันที
“หยุดนะครับ! หยุดเดี๋ยวนี้!”
“โดคยองซู...ผู้ชายคนนี้พูดจาเสื่อมเสียให้เธออับอายนะ...”อาจารย์คนหนึ่งเดินมาแตะไหล่ของคยองซูเอาไว้
“เธออายุแค่นี้จะไปอยู่กินอะไรแบบนั้นได้ยังไง... เธอเป็นเด็กเรียน...เป็นความภาคภูมิใจของเรานะ”
“...”
“พวกครูมั่นใจว่าเด็กที่สอบได้ที่หนึ่ง...ไม่มีทางทำตัวมั่วๆแบบนั้นแน่นอน”
“หนวกหูน่า!”คยองซูร้องลั่นออกมา
“เรียนดีหรือไม่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับตรงนี้สักหน่อย
เลิกทำตัวหลอนประสาทเด็กๆซะทีเถอะครับ!”
“โดคยองซู...”
“ถ้าไม่เลิกวุ่นวายผมกับเขา
ก็รอเจอพ่อผมก็แล้วกัน!”คยองซูสะบัดตัวออกก่อนจะใช้มือเล็กๆผลักครูพละสองคนออกให้ห่าง
แน่นอนว่าด้วยแรงของเด็กชายไม่มีทางทำได้
แต่ถ้าเป็นแรงอิทธิพลของผู้เป็นบิดานั้นไม่ยากเลย
ร่างเล็กปรี่เข้าไปดูคุณหมอหนุ่มที่หอบปนไอเบาๆออกมานิดหน่อย
“บยอนนิมเป็นยังไงบ้าง
เค้าตามรถพยาบาลให้เอาเปล่า...”
“จู่ๆก็มาอัดท้อง..โคตรจุกเลย...”แบคฮยอนว่าพลางหอบเบา
พร้อมกับบรรดาคุณครูคนอื่นที่ค่อยๆล่าถอยไป
“ทำแบบนี้คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกมากนักรึไง! ทำตัว...อย่างกับพระเอกการ์ตูนตาหวานน้ำเน่างั้นแหล่ะ”ต่อว่าอีกฝ่ายที่ยังนั่งหอบกับพื้น
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อแบคฮยอนพูดออกมาเบาๆ
“ก็ชอบไม่ใช่เหรอ?”
“?”
“พระเอกการ์ตูนไง...แต่ตอนที่ฉันล้างเมคอัพ
หน้าคนละเรื่องเลยนะ...”
“เห็นแล้วล่ะน่า...”
“ขอโทษที่เข้าใจผิด...พ่อนายบอกทุกอย่างหมดแล้ว...”แบคฮยอนพูดในที่สุด
โดยคยองซูก็เม้มปากแน่น
“เค้าวุ่นวายบยอนนิมมาตลอดเลยใช่ป่ะ...เค้าไม่น่ารักเลยสักนิด”
“อือ...ไม่น่ารักเลย ตัวก็เตี้ยๆตันๆ เหนียงก็ออก
หน้าตาก็แย่”แต่ละคำพูดแทบทำเอาคยองซูแทบทรุดจนอยากกรีดร้องดังๆว่าถูกคุณหมอปากร้ายคนนี้ลวนลามให้อีกคนโดนรุมประชาทัณฑ์
แต่ทว่าคำพูดที่ดังต่อจากนั้นทำให้เจ้าตัวนิ่งงันไป
“แต่เมื่อกี้...ที่ตวาดครูคนนั้นว่าหนวกหูน่ะ โคตรเท่เลย ตอนฉันเป็นนักเรียนยังไม่กล้าเลยนะ”
“เค้า..เค้าลืมตัว...ครูต้องโกรธเค้าแน่ๆ...”
“ครูคนนั้นชอบกรอกสมองเด็กๆอยู่แล้วล่ะ
เหมือนกลุ่มผู้ปกครองจะไม่ค่อยพอใจการกระทำที่สอบกดดันเด็กเหมือนกัน
เจอพูดใส่หน้าตรงๆก็คงจะอึ้งไปละมั้ง”เซฮุนปรากฏตัวขึ้น
พร้อมกับลู่หานที่เดินเอากระเป๋านักเรียนมาให้คยองซูก่อนจะส่งยิ้ม
“อี้ชิงฝากมาบอกว่าสู้ๆนะ
ทุกคนเป็นกำลังใจให้คยองซูนะ”
“อะ..อื้อ...”
“งั้นก็กลับกันเถอะ
รีบกลับก่อนที่พกนักเรียนคนอื่นจะออกมา เราก็จะไปรอซอนแซงนิมตรวจการบ้านเหมือนกัน
บ๊ายบายนะ”ลู่หานส่งยิ้มหวานให้กับคยองซูที่พยักหน้ารับช้าๆ
ก่อนที่เซฮุนจะหันมายกนิ้วโป้งให้กับแบคฮยอนแล้วจึงพาเด็กในปกครองออกไป
ซึ่งใจจริงแบคฮยอนไม่อยากจะยอมรับนิ้วโป้งจากโอเซฮุนซะด้วยซ้ำ
มันไม่ได้ให้กำลังใจอะไรเขาหรอก...
เพราะสีหน้าครูบ้านั่นมันโคตรจะล้อเลียน...เหมือนกับว่า
อ้า..ยินดีต้อนรับสู่สมาคมเพดโด้นะ อย่างนั้นแหละ
ทั้งที่เขาก็ล้อมันมานาน...
ไม่น่าเล้ย...
“บยอนนิมมาไง..เดี๋ยวเค้าเรียกรถที่บ้านนะ...”ไม่ทันจะหยิบมือถือ
ชายร่างกะทัดรัดก็ลุกขึ้นพร้อมกับส่งมือให้คยองซูจับ พลันจูงออกมาอย่างไม่พูดอะไรสักคำท่ามกลางสายตาของทุกคน
และเป็นคยองซูที่อ้าปากหวอเมื่อพบบูกาติราคาแพงระยับจอดรออยู่โดยที่แบคฮยอนก็ทำการเปิดและเข้าไปนั่งรอบนที่นั่งคนขับ
“อะไร...คิดว่าฉันเป็นหมอกระจอกๆจนๆรึไง...จะตามติดชีวิตใครไม่สืบดูหน่อยเหรอ...”
“ก็เผื่อบยอนนิมเช่ามา...”
“ตังค์ฉันหมดไปกับตุ๊กตายางแล้วเฟ้ย”
“สมแล้วง้ะ...”คยองซูพูดเบาๆก่อนจะยอมขึ้นนั่งข้างๆโดยดี
รถคันหรูหรานั้นแล่นไปบนถนนเพื่อกลับคลินิก
แม้จะเป็นเวลาไม่นานแต่คยองซูก็จำเส้นทางได้ชัดเจน
จนกระทั่งแบคฮยอนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“จริงๆฉันไม่น่าไปประกาศบ้าบอแบบนั้นเลยอะ...
แล้วจะไม่มีใครล้อนายใช่มั้ย”
“คุณพ่อไม่ให้เค้าโดนล้อหรอกน่า”คยองซูยู่ปากจนกระทั่งรถเข้ามาจอดสนิทในโรงรถต่อเติมนั้น
ร่างเล็กๆก้าวลงมา โดยที่แบคฮยอนก็ปิดโรงรถเรียบร้อย
“ทำไมบยอนนิมไม่เห็นขับเลย”
“ขับแค่วันว่างๆ กับตอนกลางคืน
ตอนไปออกกำลังกาย”เจ้าตัวบอก “แต่ถ้าจากนี้จะให้พาไปไหนก็บอก..จะพาไป”
“...”แก้มกลมๆเป็นสีระเรื่อเล้กน้อย
ก่อนจะกอดกระเป๋าตามชายหนุ่มเข้าไปด้านใน
และที่พบก็คือจงแดที่สีหน้าโล่งใจและบิดาของคยองซูที่ทอดสายตามองลูกชายนิ่งๆ
ก่อนจะยิ้มแล้วตบไหล่แบคฮยอนเบาๆ
“ส่งก่อนสี่ทุ่มล่ะ”
“...ครับ”รับคำเบาๆก่อนจะมองหน้าจงแดที่พยักหน้าแบบว่ารีบไปเถอะ
เพราะจงแดอึดอัดกับพวกการ์ดชุดดำแทบจะเป็นลม
แบคฮยอนจึงกระชับฝ่ามือเล็กๆพร้อมกับจูงไปยังบันไดที่จะพาขึ้นไปยังชั้นสองของอาคารอีกครั้ง
“บยอนนิม...”
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”กล่าวเรียบๆจนคยองซูไม่กล้าพูดอะไรอีก
แม้ในใจจะกังวลว่าจะถูกต่อว่าอะไรอีกหรือไม่
ร่างเล็กก้าวตามอีกฝ่ายขึ้นไปจนกระทั่งแบคฮยอนรูดคีย์การ์ดเปิดขึ้นชั้นสอง
คยองซูมองไปที่ส่วนซักล้าง..ครัว...ห้องนั่งเล่นรวม...ทอดเข้าไปจนเห็นห้องสองห้องที่อยู่ตรงข้าม
โดยทางก็ไปสุดกับผนังซึ่งมีหน้าต่างกระจกติดอยู่ แบคฮยอนไขห้อง ก่อนจะเปิดประตูออกแล้วพาอีกคนเข้าไปข้างใน
ทว่าคยองซูก็ยื้อตัวเอากายติดกับขอบประตูอย่างไม่กล้า
“บยอนนิมจะฆ่าเค้าเหรอ...”
“...”
“บยอนนิมแค้นที่เค้าทำคุณแทยอนจมน้ำตายใช่ม่า...”เอ่ยถึงชื่อตุ๊กตายางที่พ้องกับชื่อนักร้องเกิร์ลกรุ๊ป
แบคฮยอนถอนใจเบาๆ เมื่ออีกคนไม่เข้ามาเขาก็ตัดสินใจที่จะพูดมันตรงนั้น
ตรงที่คยองซูคาขอบประตูโผล่เข้ามาแค่แขนนี่แหล่ะ
“นายทำชีวิตของฉันวุ่นวายมากนะ...”
“...”
“แล้วฉันก็ไม่รู้ว่านายจะทำเวทมนตร์บ้าบอของนายไปทำไม...
เกือบจมน้ำตายคาอ่างเลยไม่ใช่เหรอไง ทำไมไม่คิดถึงตัวเองบ้าง”คยองซูเบะปากด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจเมื่อโดนตำหนิอีกครั้ง
พร้อมกับเห็นแป้งโดพันด้ายนอนคลุกฝุ่นข้างๆถังขยะ
“ดุอีกแล้วนะ..ถ้าทำเค้าโมโหอีกจะไม่ใจอ่อนแล้วนะเว้ย”
“รักตัวเองไม่ได้จะไปรักคนอื่นได้ยังไง...ถ้านายไม่รักตัวเอง...ฉันจะกล้าให้นายมารักฉันได้เหรอ”เสียงพูดที่เบาลงทำให้คยองซูรีบเอียงหน้าโผล่ขอบประตูออกมาเหลือลูกตาและช่วงศีรษะหนึ่งซีกจ้องไปที่แบคฮยอนซึ่งกำลังหน้าแดงเล็กน้อย
“บยอนนิมจะสารภาพรักกับเค้าเหรอ...”
“แก่แดด”คำที่สวนขึ้นมาทำคยองซูหมดอารมณ์อีกครั้ง
นิ้วน้อยๆเริ่มพยศทำเอาแบคฮยอนต้องรีบดึงเอาไว้
“ว่าอีกแล้วนะเว้ย!”
“ถ้านายหายไปแล้วฉันคิดถึงมันก็ต้องมีอะไรใช่มั้ยล่ะ!”ประโยคที่อีกคนโพล่งออกมาทำให้คยองซูเอียงศีรษะออกมาอีกครั้ง
ครั้งนี้เด็กชายไม่ได้พูดอะไรออกไป
ได้แต่มองหน้าของบยอนนิมที่เป็นเค้าโครงหน้าคล้ายดาราๆกำลังจับมือตนไว้ข้างเหลังคอแกร่กๆไปข้าง
“คือ..ถ้าน่ารักมากๆ..มันก็ต้องชอบแหละ”
“...”
“ทั้งที่ไล่ตามฉันมาตลอด...พอฉันอยู่ตรงหน้าทำไมถึงแอบแบบนั้นล่ะ...ไม่อยากให้ฉัน...ทำให้มันเป็นความรักเหรอ”
แรงขืนจากอีกฝ่ายค่อยๆลดลงจนสุดท้ายแบคฮยอนก็พาคยองซูเข้ามาหาตนเองได้ในที่สุด
ชายหนุ่มยิ้มนิดๆเมื่อพบว่าหน้ากลมๆของเด็กชายกำลังแดงแจ๋ไปถึงใบหู ดวงตาเรียวนั้นมองคยองซูเดินทื่อๆออดแอดมาหาอย่างเกร็งๆ
“บยอนนิม..จะเป็นแฟนเค้า...ใช่ป้ะ”
“ฉันขี้หึงมากนะ แล้วถ้าฉันโมโหฉันจะขาดสติมากๆ
ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง..นายโอเครึเปล่า ถ้ารู้สึกแย่ ต้องรีบบอก ตกลงมั้ย”
“...”
“ถ้านายตกลง...ก็เลิกเรียกฉันว่าบยอนนิมซะที...”นิ้วเรียวเกี่ยวสายเป้นักเรียนของเด็กชายทั้งสองข้างจนมันเลื่อนหลุดลงกับพื้นช้าๆ
ฉับพลันนั้นคยองซูรู้สึกว่าเอวของตนกำลังถูกวงแขนคนตรงหน้าโอบไว้
ความรู้สึกร้อนฉ่าจนหน้าแทบไหม้บังเกิดขึ้นเมื่อริมฝีปากบางนั่นกระซิบเอ่ยถ้อยคำเบาๆ
“เอาล่ะ คิดซิ..จะเรียกอะไร”
“พ...”ริมฝีปากอวบขยับตามเบา “พี่แบคฮยอน...”
“ครับ”แค่เสียงอีกคนตอบเบาๆที่ริมหูคยองซูก็แทบกองลงกับพื้น
ฝ่ามือเล็กๆป้อมๆเลื่อนขึ้นแตะแผงอกอีกคนเบาๆเหมือนจะดันออกเพราะองศาหน้าใกล้เคียงกันมากเกินไป
แบคฮยอนไม่คิดแกล้งเด็กตรงหน้าด้วยการถามว่ารักเขามั้ย เพราะการแสดงออกของโดคยองซูก็ฟ้องแจ่มชัดมากพอ
“เค้า...เค้า...”
“ไม่ต้องพูดแล้ว”ว่าเท่านั้นก็กดริมฝีปากกับเด็กชายไปเบาๆ
ก่อนจะค่อยๆไล่ต้อนเด็กชายจนคยองซูทรุดฮวบลงกับเตียงที่ใฝ่ฝันมาตลอดว่าสักวันจะได้มานอนกลิ้ง
แบคฮยอนไม่รู้คำตอบ...เขาไม่รู้ว่าที่เขาทำมันผิดหรือถูก เขาชอบจริงๆหรือแค่ชอบผิวเผิน
หรือแค่อยากจะลองเป็นหมีดูบ้าง... คยองซูยังเด็ก..แม้จะเป็นเด็กแปลกๆชอบทำอะไรเปิ่นๆหรือเพี้ยนๆไปบ้าง
แต่แบคฮยอนก็เชื่อว่าความน่าเบื่อของชีวิตแต่ละวันมันจะเปลี่ยนแปรไปเหมือนที่คยองซูทำให้มันเปลี่ยนมาตลอดที่เด็กคนนี้มาอาศัย
พวกเขาไม่มีใครที่มีปมในใจ พวกเขาแค่คนธรรมดาที่ดำเนินชีวิตที่ถูกตีค่ามาตรฐานตามสังคม
แต่แบคฮยอนแค่อยากจะสอนใครสักคนผูกเนคไทไปตลอดชีวิต....
---------------------------------------
อะเฮะ -3-
แท็ก #ฟิคพี่หมีฮุน คั่บ ยืมๆกันไปคั่บ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น