วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2558

[SF] LOVERDOSE {BAEKHYUN x KYUNGSOO} 3/3









Title : LOVERDOSE 3/3
Author : RUNAWAY05
Couple : BYUN BAEKHYUN x DO KYUNGSOO
Note : จบพาร์ทเจงแล้วคับ....*บยอนนิมเอามีดจี้หลัง*

*******************


เป็นเวลาเกือบสัปดาห์ที่ชีวิตของแบคฮยอนมีเจ้าเด็กเอเลี่ยนปากรูปหัวใจมาคอยทำให้ผวาอยู่ห้องตรงข้าม และมันทำให้เขาชินที่จะไปเคาะห้องตรงข้ามเวลาเช้า และซื้อข้าวมาสองกล่องในตอนเย็นไปโดยปริยาย อีกข้อหนึ่งที่แบคฮยอนได้เรียนรู้จากคยองซูก็คือ เด็กคนนี้แปลกประหลาดเหมือนสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก แถมมีพฤติกรรมของสตอล์กเกอร์แอบซ่อน แต่ก็เป็นเด็กดีและค่อนข้างเชื่อฟังถ้าพูดคุยแบบใช้เหตุผลสักหน่อย

ทว่าอีกสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายตัวไม่สบายใจก็คงจะเป็นพฤติกรรมชอบเล่นอะไรประหลาดๆ เดี๋ยวก็มีกระดาษเขียนชื่อเขาลอยมาตกหน้าห้อง เดี๋ยวก็ได้กลิ่นน้ำหอมแบบแปลกในตู้เย็น วันดีคืนดีเด็กคนนั้นก็เอาน้ำสีตุ่นๆรสชาติอัปลักษณ์มาให้กิน เขาคิดว่าเพราะคยองซูเป็นเด็กเรียน ช่วงนี้เลยค้นคว้าหาอะไรทำละมัง

 “บยอนนิม...บยอนนิม...บโยนเนมมม”เสียงตะโกนที่ดังมาจากห้องตรงข้ามทำให้แบคฮยอนกำลังจัดแต่งทรงผมลวกๆหันไปมอง ชายหนุ่มคว้าของจำเป็นก่อนจะล็อคห้องตัวเองแล้วเดินไปที่ห้องของเจ้าตัวเล็กที่ยืนเบะปากกับเนคไทหนึ่งเส้น

“เป็นอะไรอีก นายนี่มีปัญหาประจำวันเลยนะ”

“เค้าผูกไทด์ไม่เป็นอะ”

“โตตัวเท่าตู้เย็นแล้วทำไมยังผูกไม่เป็น”ชายหนุ่มคว้าเนคไทมาถือแล้วยืนนิ่ง โดยที่ดวงตากลมโตเกินกว่าตาคนปกติจับจ้องมองตาม แบคฮยอนมองเนคไทในมือก่อนจะตวัดพาดคอแล้วเริ่มผูกอย่างคล่องแคล่ว แล้วรูดปมออกเพียงเล็กน้อยออกจากศีรษะส่งให้ “เอาไป”

“สอนเค้าผูกบ้าง”

“เดี๋ยวไปโรงเรียนสายหรอก”

“น่า สอนก่อนเด่ะ”

“นี่ผูกไม่เป็น?”

“ปกติคุณแม่ผูกอะ”แบคฮยอนขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นรอบที่เท่าไหร่ชายหนุ่มก็จำไม่ได้ เขาแก้ปมเนคไทออก ก่อนจะอ้อมไปดึงคอเสื้อเด็กชายให้ยืนอยู่หน้ากระจก แบคฮยอนจับเนคไทพาดลำคอคยองซูไว้น้มตัวลงจับเนคไทพร้อมกับอธิบาย

“นี่ดูนะ ปมปกติก็ผูกไม่เป็นว่ะ อันนี้จำได้เพราะครูที่มหาลัยสอน เป็นปมแบบวิคตอเรีย ง่ายดี”แบคฮยอนจับด้านไทด์ทั้งสองข้าง “ดูนี่นะ มันมีด้านใหญ่ด้านเล็ก เอาด้านใหญ่เนี่ยทบทับด้านเล็กมาทางขวา แล้วก็สอดพันขึ้นมางี้ ทำแบบเดียวกันอีกทีนึง อย่าให้พันแน่นมากเพราะเราจะเอาเส้นใหญ่ใส่เข้าไป สอดเข้าจากด้านบนแบบนี้”

คนสอนก็สอนอย่างตั้งอกตั้งใจเพราะจะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยผูกอีก แต่เด็กดื้อกลับยืนตัวแข็งทื่อเมื่อจู่ๆบยอนนิมก็มายืนแนบถึงลูกถึงคนหน้ากระจกแบบนี้ ลมหายใจรดจมูกแบบนี้ดโยจะเป็นลมแล้วงื้อ คอเค้าขาวนะ จุ๊บเส่ จุ๊บเบย*เอียงคอให้*

“เป็นไร นอนตกหมอนเหรอ”

“._.”คยองซูสั่นศีรษะดุ๊กดิ๊กกลับไปให้ โดยอีกฝ่ายก็แค่ขยับคิ้วเล็กน้อยแล้วจึงค่อยๆมัดปมต่อไปจนกระทั่งรูดปมไทด์ขึ้นปกคอของอีกคน แบคฮยอนถึงได้รู้ว่าตัวเองเอาหน้าและตัวไปใกล้คยองซูมากเสียจนเด็กน้อยยืนตัวแข็งหน้าแดงหูแดงแทนที่จะส่งเสียงน่าหนวกหูอย่างประจำ

“เฮ้ยๆโทษที”ว่าเท่านั้นก่อนจะผละตัวออก ต่างคนต่างยืนทำอะไรไม่ถูกไปเสียอย่างนั้น แม้แต่คยองซูเองที่รอคอยจังหวะ(?)มานานหนักหนาเจอแบบนี้ก็ไปไม่เป็น วันนี้เขายังไม่ได้ทำเวทมนตร์ความรักกับบยอนนิมเลยนะ.////.

เด็กชายคยองซูวันนี้พกอารมณ์มาเรียนอย่างมีความสุข แม้จะไม่สามารถทำอะไร(?)ได้ไปมากกว่านั้น แต่การที่ได้เห็นอีกคนที่ห้องตรงข้ามทุกวันแถมด้วยข่าวว่าตนนั้นกำลังคบหาดูใจกับคุณหมอหน้าตาดีให้พวกรุ่นอื่นอิจฉานี่มันเซเลบสิ้นดี เด็กน้อยตัวป้อมสะพายกระเป๋ามาโรงเรียนอย่างมีความสุขล้นในหัวใจ ใบหน้าอิ่มเอิบอุดมไปด้วยไขมันทั้งสองแก้มลงมาถึงคอวิ่งเริงร่าเพื่อไปผจญกับวิชาด้วยพลังแห่งรัก

ส่วนแบคฮยอนเองที่มาทำงานตามปกติ แต่เหมือนวันนี้จะค่อนข้างแปลกเพราะจงแดมาที่คลินิกด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างไม่เคยเห็น ชายหนุ่มเลิกคิ้วเมือ่จงแดสาวเท้าเข้ามาในคลินิกพร้อมกับจ้องหน้าของเพื่อนรักแล้วกล่าวออกมาสั้นๆ

“ไปคุยกับฉันหน่อย”

“ห่ะ?”แบคฮยอนอุทานแต่ก็ยอมเดินตามจงแดไปแต่โดยดี ปล่อยให้พยาบาลผู้ช่วยคอยท่าทำงานอยู่ด้านนอก ทันทีที่ประตูปิดลง จงแดก็ถอดเสื้อนอกพาดกับพนักเก้าอี้ แล้วจึงเปิดปากอย่างไม่รอเสียเวลา

“เมื่อคืนนี้ ฉันติดต่อศูนย์จิตเวชเกี่ยวกับข้อมูลของโดคยองซูเพื่อเอาไว้เป็นแนวทางในการรักษา”

“อือฮึ แล้วไงอะ”แบคฮยอนเลิกคิ้ว ซึ่งจงแดก็เอ่ยขึ้นมา

“โดคยองซูไม่ได้เป็นเจอรอนโตฟิเลีย เขาไม่มีข้อมูลการรักษาทางจิตอื่น และผลการตรวจสอบสภาพจิตใจของนักเรียนมัธยมต้นประจำปี เด็กคนนี้อยู่ในเกณฑ์ปกติ”

“เฮ้ย! ได้ไงล่ะ”ชายหนุ่มโวยวาย “เด็กนั่นไม่ได้เป็นอะไร ทำไมพ่อเด็กถึง...”

“นั่นน่ะสิ ทำไมสส.ชินถึงมาขอร้องพวกเราเพราะอะไรกันแน่ ทำไมต้องให้เด็กคนนั้นมาอยู่ที่นี่กับนาย... โอเคจากที่นายบ่นให้ฉันฟังทุกวัน เขาน่าจะมีแค่อาการแมเนีย (คลั่งไคล้,ชื่นชอบ) ขั้นต้นกับตัวนาย ซึ่งก็เหมือนวัยรุ่นที่ชื่นชอบดาราทั่วๆไปนะ”

“มิน่า สส.อะไรนั่นไม่เห็นมาดูแลลูกชาย ส่งแต่พวกการ์ดมาห่างๆ...แสดงว่าเด็กนั่นก็ขอให้พ่อช่วยเหมือนลูกคนรวยที่อยากได้อะไรแบบเอาแต่ใจล่ะสินะ”

“แบคฮยอนใจเย็นก่อนนะ..ฉันก็ไม่ได้อยากให้คิดแบบนั้น”จงแดปราม “แต่ยังไงนายลองคุยกับคยองซูดูดีๆจะดีกว่า ว่ามาอยู่ที่นี่เพราะอะไร ห้ามใช้อารมณ์กับเด็กเด็ดขาดนะรู้มั้ย วัยรุ่นน่ะยังเป็นวัยวิตกกังวล ถ้าเอาแต่อารมณ์ทุกอย่างมันก็จะยากไปกันใหญ่”

“นายดูหน้าฉันดิว่าจะไม่เม้งมั้ย?!

“เออก็ถึงได้เตือนนี่ไงล่ะ”

“...”

“หรือให้ฉันไปพูดเอง? เออฉันว่าฉันพูดเองดีกว่า”จงแดตัดบทให้แบคฮยอนได้จิปากขัดใจอยู่พัก “ห้ามใช้อารมณ์เด็ดขาด เข้าใจมั้ย?”

“ทำอะไรก็ทำ”อีกฝ่ายว่าเรียบพร้อมน้ำเสียงไม่พอใจนักก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน วันนี้แม้แต่คนไข้ประจำของจงแดก็ยังไม่มาให้เห็นสักคน ความเงียบเหงานี้ยิ่งทำให้ความคิดยิ่งฟุ้งซ่าน เวลาผ่านไปเชื่องช้าจนแบคฮยอนชักจะหงุดหงิด แต่แล้วก็ถึงช่วงเย็นที่โรงเรียนเลิก คยองซูปรากฏตัวที่คลินิกอย่างมีความสุข เด็กน้อยเดินฮัมเพลงเบาๆ ก่อนจะงงไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าใบหน้าของบยอนนิมวันนี้ช่างดุร้ายกว่าทุกวันทั้งที่โดนชักสีหน้าใส่ตลอดเป็นประจำ แต่วันนี้ยังไม่ทำอะไรให้เลยนะ

“คยองซู ผมมีเรื่องจะคุยด้วยนิดนึงนะครับ”จงแดรีบออกมาทักกับเด็กชายที่กำลังจะก้าวเข้าไปด้านข้าง ดวงตากลมโตเหลียวมองจิตแพทย์หนุ่มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ

“ฮะ”

“ฉันด้วย”แบคฮยอนว่าก่อนจะเดินอาดๆตามคยองซูไปด้วยกัน ทันทีที่ประตูห้องปิดลง จงแดก็เชื้อเชิญเด็กชายให้นั่งลงก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างใจดี

“คยองซู...รู้มั้ยครับว่าทำไมถึงต้องมาพักที่คลินิก ทำไมถึงไม่พักที่บ้าน?”

“เอ๋?”เด็กชายอุทานอย่างงุนงง ก่อนจะมองหน้าจงแดกับแบคฮยอนสลับกัน “ก็คุณพ่อ...คุณพ่อให้ผมมาที่นี่”

“ทำไมต้องมาที่นี่ล่ะครับ”

“คุณพ่อบอกว่าพวกคุณหมอต้องการเก็บข้อมูลคนไข้นี่ครับ”คยองซูตอบไปตามตรง ซึ่งจงแดก็อ้าปากค้างหันไปมาแบคฮยอนที่เริ่มยัวะหนัก ครั้นจะอ้าปากเอ่ยแบคฮยอนก็ยกมือขึ้นเสียก่อน

“นายจะโทษว่าพ่อนายโกหกนายเหรอ?”

“เอ๊ะ...”

“พ่อของนายบอกพวกเราว่านายมีอาการทางจิต อยากให้พวกเราเฝ้าดูนาย และพวกเราก็ยอมทำตามที่พ่อของนายขอเพราะสงสาร”ชายหนุ่มกล่าวกับร่างเล็กๆที่นิ่งไป “แล้วนายมาบอกแบบนี้จะให้เราเชื่อใคร? ในเมื่อที่ผ่านมาพฤติกรรมของนายไม่ได้แสดงออกเลยว่าหวาดกลัวกับเรื่องที่ผ่านมาที่พ่อนายเล่าให้ฟัง! นายเอาแต่แอบดูฉันจนบางวันฉันไม่เป็นอันทำอะไร! แต่ฉันก็เข้าใจว่าที่นายเป็นน่ะเป็นเพราะว่านายมีอาการ แต่นายบอกว่าพ่อนายพูดว่าพวกฉันอยากได้นายมาเป็นข้อมูลเนี่ยนะ!

“แบคฮยอน เฮ้ยพอ...ฉันแล้วบอกแล้วไง”จงแดยื้อตัวเพื่อนไว้โดยที่คยองซูก็กะพริบตาช้าๆกับน้ำเสียงและสีหน้าที่พรั่งพรูออกมาจากอีกฝ่ายจนแทบหมด ร่างเล็กๆนั่นนิ่งไปพักใหญ่ๆ ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงบางเบาออกมา

“หมายความว่า...คุณหมอกับบยอนนิม...คิดว่าผมโกหกใช่มั้ย”

“...”

“คิดว่าผม...สร้างเรื่องเอาตัวรอด...เพราะความจริงผมสมรู้ร่วมคิดกับคุณพ่อ...เพื่อคุกคามบยอนนิมใช่มั้ยครับ”

“คยองซู เดี๋ยวนะครับ ใจเย็นๆนะ”จงแดพยายามพูดโดยที่แบคฮยอนก็เหวี่ยงตัวหัวเสียไปอีกทางหนึ่ง ท่าทีที่ไม่ยอมแม้แต่จะหันหน้ามามองกันสักนิดนั้นทำเอาร่างเล็กๆเจ็บแปลบไปทั้งหัวใจ คยองซูกัดปากแน่นจนรู้สึกว่าน้ำตารื้นขึ้นขอบตาเล็กน้อย ก่อนที่เด็กชายตัวเล็กจะพูดขึ้นแผ่วในที่สุด

“ผมเข้าใจแล้วครับ...ผมขอตัวก่อน”

“...”

“จะไม่มา..วุ่นวาย...อีกแล้วครับ...”ใบหน้ากลมๆก้มลงต่ำเพื่อค้อมศีรษะลาก่อนจะก้าวเดินออกจากห้องและปิดประตูอย่างเงียบเชียบ ปล่อยให้จงแดอ้าปากค้างพลันผ่อนลมหายใจแรงสีหน้าเหมือนอยากจะฆ่าเพื่อนซะให้ได้ พร้อมกับตวัดสายตาไปมองอย่างคาดโทษกับแบคฮยอนที่ทำแข็งใจไม่มองคยองซูเดินออกไปจากคลินิกตรงไปหารถของบอดี้การ์ดคุณพ่อที่รออยู่ ใบหน้าน่ารักนั้นกำลังกัดริมฝีปากก่อนจะร้องไห้ออกมาจนหยดน้ำตาโตๆไหลเต็มสองแก้มกลมๆนั้น ใช่สินะ...ที่ผ่านมาบยอนนิมคงคิดว่าเขาเป็นเด็กมีปัญหาทางจิต ก็เลยดีด้วย... คงคิดว่าเขาเป็นคนไข้คนนึงก็เท่านั้น...


ไม่ได้รู้สึกลึกซึ้งอะไรไปมากกว่านั้น...และมันคงไม่มีทาง...


“เวทมนตร์อะไร..ไม่เล่นแล้ว..ดโยจะกลับบ้าน...”กล่าวกับบอดี้การดที่สีหน้าตื่นตระหนกเมื่อเห็นร่างเล็กๆกลมๆเหมือนลูกเพนกวินเดินเตาะแตะมาหาที่รถ

“คุณหนูดโยครับ..”

“ฮือ..จะหาพ่อ..จะกลับบ้าน..ไม่อยู่แล้ว...ฮือ...”เด็กชายคนเก่งของห้องตอนนี้กำลังร้องไห้โฮออกมาเป็นเด็กๆด้วยหัวใจที่เจ็บปวด โลกของผู้ใหญ่กลายเป็นว่ายิ่งอยู่ใกล้จนเด็กชายแทบตามไปไม่ถึง รถแวนคันสีดำสนิทแล่นออกจากคลินิกเล็กๆกลับสู่บานของสส.คนดังโดยที่เด็กชายก็ฟุบหน้าร้องไห้กับเบาะหลัง ความรู้สึกโหยหาพระเอกการ์ตูนใจดีนั้นเป็นเรื่องที่ยากแต่คงเพราะฝืนที่จะค้นหาเองละมัง เพราะคยองซูได้รับรู้ความจริงข้อหนึ่งว่าไม่มีใครจะใจดีกับเขาตลอดไป แม้แต่คุณหมอจงแดที่เหมือนจะถนอมใจของเขา แต่กลับไม่แย้งหรือช่วยแก้ต่างแม้แต่นิด



ไม่เอาแล้ว..พระเอกการ์ตูน...พอกันที...

คยองซูไม่ต้องการอะไรลมๆแล้งๆอีกแล้ว...









“อ้าว...ไม่ทำแล้วเหรอ เวทมนตร์ความรักอะ”

อี้ชิงทักเพื่อนที่นั่งก้มหน้าก้มตาตีเส้นจบการบ้านท่ามกลางบรรยากาศเดิมๆในห้องเรียนวันต่อมา คยองซูเบ้หน้าเล็กน้อยก่อนจะตีเส้นต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ขี้เกียจแล้ว”

“ดโยนี่น้า..ทำไมเบื่อง่ายหน่ายเร็ว”อี้ชิงบู้ปาก “นี่ๆลืมอวด คุณแม่เราจ้างครูมาสอนพิเศษทุกเย็น อยู่เล่นนานๆไม่ได้หรอกนะ”

“อื้อ”

“ห้ามเหงาล่ะ นี่ พี่จุนมยอน...เป็นติวเตอร์ชื่อดังเลยนะ อันนี้แม่เราจ้างแบบตัวต่อตัว เท่อะดิ”อี้ชิงเปิดมือถือยื่นให้คยองซูที่ปกติก็น่าจะดีใจที่เห็นหนุ่มหน้าตาดีเส้นผมสีน้ำตาลตามสเปค แต่ตอนนี้เจ้าตัวกลับแค่มองผ่านๆแล้วพยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น”

“ก็ดีอ่า สู้ๆนะ”

“ห๋า? ไม่น่าเชื่อ แบบนี้คยองซูต้องฮืดฮาดๆแล้วพูดว่าพระเอกการ์ตูนซิ...”อี้ชิงอุทานอย่างแปลกใจ โดยที่ลู่หานเองก็เดินเข้ามาเลียบๆเคียงๆที่โต๊ะสองคนเก่งของห้อง คยองซูเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ค่อยๆเอ่ยเบาๆออกมา

“คยองซูอ่า..ทำไมไม่ไปที่คลินิกล่ะ จู่ๆเก็บของออกมาฉันตกใจหมดเลยนะ”

“...”

“ได้พูดอะไรกับหมอแบค...”ไม่ทันที่ซอนซาสวมแว่นจะพูดจบ คยองซูก็แหวลั่นออกมาซะก่อน

“ไม่พูดอะไรแล้ว! นายแว่นอย่ามาซักดโยนักซี่! ตอนนี้ดโยกับบยอนนิมเลิกกันแล้ว!”เจ้าตัวเล็กส่งเสียงลั่นท่ามกลางสีหน้าตื่นตระหนกของทุกคน แม้จะไม่เคยคบกันเลยก็เถอะแต่เรื่องอะไรที่จะบอกว่าคยองซูถูกปฏิเสธมาตลอดล่ะจริงมั้ย...

ทั้งที่ความจริง...ใช่...เขาโดนปฏิเสธมาตลอด...

“คยองซู...”

“จากนี้ไป..บยอนนิม..ไม่มีความหมายกับดโยอีกแล้ว”ร่างเล็กๆก้มหน้าร้องไห้อีกครั้งอย่างเจ็บปวด ทำเอาสายตาอยากรู้ของเพื่อนๆเปลี่ยนมาเป็นสงสาร คยองซูกอดอี้ชิง #ร้องไห้หนักและนานมาก หลังจากทนเก็บความอึดอัดใจมาหลายวัน ขนาดพ่อของเขาไม่ยอมให้ซื้อสแตนดี้จัสตินบีเบอร์คยองซูยังไม่เจ็บปวดเท่านี้เลยจริงๆนะ...

ฟากแบคฮยอนและจงแดที่ทำงานตามปกติ เหมือนว่าจะมีชายชุดดำมาทยอยขนของใช้ของเด็กชายห้องตรงข้ามออกไปแล้ว ทว่าการจากไป(?)ของโดคยองซูกลับไม่ได้สร้างความสบายใจให้กับจงแดและแบคฮยอนเลยแม้แต่นิด ไม่นานนัก รถคันสีดำก็จอดหน้าคลินิกพร้อมกับพรมสีแดงถูกปูไปตามทางและท่านสส.พร้อมกับลูกน้องก็ปรากฏตัวอีกครั้งให้สองหนุ่มหน้าตื่นผวากันเล่นๆเมื่อชายที่ไม่คิดว่าจะได้เจอหน้าอีกปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเอ่ยทักเรียบๆ

“พวกคุณทั้งสองคน...ผมขอคุยเป็นการส่วนตัวหน่อย”

“..ครับ”ต่างเหล่กันหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยจนกระทั่งกลับมายังห้องทำงานของจงแด ซึ่งเจ้าของห้องทำท่าจะเชื้อเชิญสส.ชินให้นั่งลง ทว่าชายอาวุโสก็ค้อมศีรษะลงซะก่อน

“ผมมาเพื่อขอโทษพวกคุณ”

“เอ๊ะ! เอ่อ..ท่านอย่าทำแบบนี้เลยครับ มีอะไรคุยกันก่อนดีกว่า”จงแดรีบพูดโดยแบคฮยอนก็สีหน้าไม่ดีไปเหมือนกัน

“ผมผิดเอง...ผมเห็นลูกชายของผมชอบหมอคนนี้มากๆ ผมเลยสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อให้เขาได้มาอยู่ที่คลินิก”จงแดและแบคฮยอนมองหน้ากันทันทีเมื่อได้รับฟังประโยคเหล่านั้น “ผมเคยอ่านหนังสือมาว่าถ้าเด็กได้อยู่ในสถานที่ๆมีความสุข ผลการเรียนก็จะออกมาดี และผมเห็นช่องทางนี้ที่พอจะทำให้คยองซูมีความสุขขึ้นมาได้”

“แล้วทำไม...คุณต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะครับ ความสุขของคนเรามันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้นี่”แบคฮยอนเอ่ยถาม

“มันเป็นชั่ววูบของผมเอง...ตั้งเห็นว่าระยะนี้คยองซูเริ่มมีความสุขมากขึ้นหลังจากกลับมาจากที่นี่ จนภรรยาผมไปเจออีกคนกำลังเล่นอะไรเป็นเด็กๆ สิ่งที่คยองซูทำอาจทำให้คุณกลัว แต่มันแค่เวทมนตร์ความรักของเด็กญี่ปุ่นที่ลูกผมสรรหามาเล่นเท่านั้น ...ผมใช้ประโยชน์จากความสุขของเขา คยองซูจะมาทำเรื่องใหญ่แบบนี้คนเดียวทั้งที่ยังเด็กได้ยังไงกัน”

“แล้วคุณไม่คิดเหรอครับ... ว่ามันจะทำให้ใครเจ็บปวดรึเปล่า?!”แบคฮยอนขึ้นเสียงโดยจงแดก็รีบยื้อแขนปรามก่อนที่พวกการ์ดจะมากระหน่ำยิงเอา

“แบคฮยอนอย่าน่า...”

“เรื่องนั้นผมรู้ดี...ว่าสิ่งที่คยองซูทำอาจทำให้คุณอึดอัด...คุณลำบากใจ..แต่...”

“ผมไม่ได้หมายถึงผม”ชายหนุ่มกล่าวชัด “ผมหมายถึงเด็กคนนั้น”

“...”

“ตอนเขากลับไปบ้าน...คุณไม่ได้ถามอะไรเขาเลยเหรอ?”

“เขาร้องไห้ผมก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว...ผมรู้ดีตั้งแต่เขากลับมาพร้อมกับร้องไห้ไม่หยุด ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันทำร้ายลูกชายของผมเอง...ผมเลยมาเพื่อขอโทษ และจะไม่ให้คยองซูมาวุ่นวาย...”

“ได้ยังไงล่ะครับ!”บยอนแบคฮยอนส่งเสียงอีกครั้ง “แล้วผมล่ะ! ความรู้สึกของผมล่ะ รู้มั้ยว่าตั้งแต่ลุกคุณมาอยู่ที่นี่ผมเสียอะไรไปบ้าง นิตยสารเกือบสิบเล่ม ความเป็นส่วนตัว ความรู้สึกสบายใจไม่ระแวง แถมตุ๊กตายางผมยังโดนน้ำซัดเพราะลูกชายคุณอีกนะ!

“โอ้ยแบคฮยอน..อย่ามางกตอนนี้...”จงแดครางเพราะเห็นพวกการ์ดเตรียมจะชักปืนอยู่ร่อมร่อ โดยสส.ชินก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อน

“คุณต้องการเท่าไหร่...มีอะไรบ้างที่ลูกชายผมทำให้ของๆคุณเสียหายไป ผมรู้ว่าเงินมันไม่ได้แก้ไขทุกอย่าง แต่ผมมีเท่านี้ที่จะให้คุณได้ คุณเองก็ไม่ได้กระจอกงอกง่อย คิดว่าผมไม่สืบสาวตามประวัติพวกคุณกันบ้างรึยังไง มีอะไรที่คุณขาดและต้องการการชดใช้”

“หัวใจผม...ขาดไป”

“...”

“ผมต้องการ...ลูกชายของคุณ”แบคฮยอนกล่าวขึ้นในที่สุด “ผมไม่รู้หรอกว่าผมรู้สึกอะไร แต่บอกเลยว่าผมรู้สึกไม่ง่าย และผมก็ลืมไม่ง่าย ผมไม่ยอมให้ลูกชายคุณมาวิ่งเล่นบนความรู้สึกผมแล้วหายไปเฉยๆแบบนี้หรอกนะ ผมไม่ยอมเด็ดขาด”

“แล้วจะเอายังไงล่ะ...ในเมื่อคยองซูบอกว่าไม่อยากเจอคุณอีกต่อไป”สส.ชินย้อนถามชายหนุ่มที่นิ่งเงียบ “ระหว่างที่ลูกชายผมวิ่งบนความรู้สึกคุณ...คุณก็เอาคำพูดทิ่มแทงเขาตลอดเลยไม่ใช่เหรอ? เพราะแบบนั้นล่ะผมถึงได้คิดว่าพวกเราควรจากกันไปนั่นแหละดีที่สุด”

“ไม่ได้นะ...มันจบแบบนี้ไม่ได้”

“แบคฮยอนพอเถอะน่า”

“ไม่รู้ไม่ชี้แล้วโว้ย!!สุดท้ายเจ้าตัวก็ตบะแตกตะโกนลั่นจนสส.ชินผงะไปเช่นกัน ไม่ทันที่การ์ดจะทำอะไรแบคฮยอนก็วิ่งออกไปทันที เขาวิ่งไปทางหลังอาคารที่มีส่วนต่อเติมก่อนจะกดรีโมทเปิดส่วนที่เป็น ที่จอดรถ อย่างเร่งร้อน ไม่นานนัก Bugatti Veyron สีดำแดงก็พุ่งออกมากก่อนจะหักดริฟท์เลี้ยวออกนอกคลินิกอย่างไม่สนใจใคร ทิ้งให้จงแดมองตามพลันเปรยออกมาเบาๆ

“ท่านจะให้ผมห้ามมั้ยครับ...”

“ไม่ต้องหรอก...พวกที่ดูจนๆ แต่จริงๆรวยยิ่งกว่าพวกชอบดูถูกคนอื่นว่าจน หรือพวกกระจอกแต่ซ่อนท่าไม้ตายเด็ดๆเอาไว้มันเป็นลักษณะของพระเอกนี่นะ”สส.คนดังยืดตัว “ลูกผมชอบอะไรแบบนี้นักล่ะ”

“แต่ลูกท่านเป็นผู้ชายนะครับ...”

“ที่คุณเป็นผู้ชายยังมีแฟนเป็นผู้ชายได้ ทำไมลูกผมจะมีไม่ได้ล่ะ”

“อุ่ย...”จงแดอุทานพลันเกาหลังคอ ไม่รู้ว่าจะถูกสาวประวัติลึกขนาดนี้ ในขณะเดียวกันคยองซูที่หลังจากร้องไห้ฟูมฟายเสร็จก็เข้าสู่ช่วงพัก โดยทีชเชอร์ผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษก็มองเด็กชายตัวเล็กอย่างเป็นห่วง แต่สุดท้ายก็แค่ผ่อนลมหายใจสั้นๆแล้วเอ่ยเบาออกมา

“วันนี้ทุกคนกลับไปทบทวน...”

“ตึ๊งตึงตึ๊งตึ่ง...ตึ่งตึงตึ๊งตึง...ประกาศ...โดคยองซูนักเรียนชั้นมัธยมสองห้องx มาพบผู้ปกครองที่ประชาสัมพันธ์ด้วยค่ะ...”

“เอ๊ะ...เค้าเหรอ”คยองซูเลิกคิ้ว ก่อนเสียงวี๊แรงๆจะดังลั่นดังปรากฏการณ์ไมค์หอน ทำเอาเด็กๆยกมือปิดหูพร้อมกับเสียงที่แตกต่างจากประชาสัมพันธ์ดังลั่นออกมา

“โดคยองซู! ออกมาพบฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!

“บยอนนิม...เสียงบยอนนิมนี่”คยองซูพึมพำพร้อมกับเพื่อนๆที่ชะเง้อมองเสียงตามสายกับเพื่อนคนเก่งของห้องสลับกัน ท่ามกลางเสียงที่ตะโกนอย่างมุทะลุนั่นยังดังออกมาเป็นระยะ”

“ฉันไม่สนหรอกนะว่าที่นี่จะมองยังไงในเมื่อพ่อนายปล่อยฉันมาแล้ว! นายจะเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้เข้าใจมั้ย! เก็บของออกไปเฉยๆแบบนั้นหมายความว่ายังไง! ไม่คิดจะลากันสักนิดเลยเหรอไง!! ไม่ได้นึกถึงตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเลยเหรอ!

“อยู่กินด้วยกันแล้วเหรอ...กับพี่หมอคนนั้นน่ะเหรอ?”อี้ชิงหันมาหาคยองซูที่รีบส่ายหน้าปฏิเสธดวงตาแดงก่ำ

“ฉันให้เวลานายลงมาหาฉัน! หรือจะให้ฉันขึ้นไปหานาย!! ฉันจะนับหนึ่งถึงห้านะเข้าใจมั้ย...หนึ่ง!...สอง!

“คยองซู...”เพื่อนๆหันมาลุ้นกับเด็กชายที่ยังนั่งตัวแข็งที่เดิมท่ามกลางเสียงตามสายที่ยังดังต่อเนื่อง

“สาม!....สี่!....”

“...”

“เฮ้ย! อย่าเข้ามาดิวะ! ออกไปนะเว้ย!!เสียงร้องของอีกฝ่ายที่แว่วลอดไมค์ออกมาเหมือนจะโดนจับกักตัวไว้เหตุเพราะสร้างความวุ่นวายให้กับเด็กๆ ทำให้คยองซูตาเบิกโพลง ไม่ทันที่สมองของเขาจะนึกอะไรออก สองขาก็พาตัวเองวิ่งลงมาจากอาคารตรงไปยังห้องประชาสัมพันธ์อย่างไม่คิดชีวิต แล้วก็จริงที่ว่าบยอนนิมคนนั้นกำลังถูกอาจารย์พละกล้ามโตสองคนล็อคเอาไว้โดยที่อีกฝ่ายก็ยังทำท่ามุทะลุดุดันตามประสา คยองซูเห็นดังนั้นก็รีบร้องออกมาทันที

“หยุดนะครับ! หยุดเดี๋ยวนี้!

“โดคยองซู...ผู้ชายคนนี้พูดจาเสื่อมเสียให้เธออับอายนะ...”อาจารย์คนหนึ่งเดินมาแตะไหล่ของคยองซูเอาไว้ “เธออายุแค่นี้จะไปอยู่กินอะไรแบบนั้นได้ยังไง... เธอเป็นเด็กเรียน...เป็นความภาคภูมิใจของเรานะ”

“...”

“พวกครูมั่นใจว่าเด็กที่สอบได้ที่หนึ่ง...ไม่มีทางทำตัวมั่วๆแบบนั้นแน่นอน”

“หนวกหูน่า!คยองซูร้องลั่นออกมา “เรียนดีหรือไม่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับตรงนี้สักหน่อย เลิกทำตัวหลอนประสาทเด็กๆซะทีเถอะครับ!

“โดคยองซู...”

“ถ้าไม่เลิกวุ่นวายผมกับเขา ก็รอเจอพ่อผมก็แล้วกัน!”คยองซูสะบัดตัวออกก่อนจะใช้มือเล็กๆผลักครูพละสองคนออกให้ห่าง แน่นอนว่าด้วยแรงของเด็กชายไม่มีทางทำได้ แต่ถ้าเป็นแรงอิทธิพลของผู้เป็นบิดานั้นไม่ยากเลย ร่างเล็กปรี่เข้าไปดูคุณหมอหนุ่มที่หอบปนไอเบาๆออกมานิดหน่อย

“บยอนนิมเป็นยังไงบ้าง เค้าตามรถพยาบาลให้เอาเปล่า...”

“จู่ๆก็มาอัดท้อง..โคตรจุกเลย...”แบคฮยอนว่าพลางหอบเบา พร้อมกับบรรดาคุณครูคนอื่นที่ค่อยๆล่าถอยไป

“ทำแบบนี้คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกมากนักรึไง! ทำตัว...อย่างกับพระเอกการ์ตูนตาหวานน้ำเน่างั้นแหล่ะ”ต่อว่าอีกฝ่ายที่ยังนั่งหอบกับพื้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อแบคฮยอนพูดออกมาเบาๆ

“ก็ชอบไม่ใช่เหรอ?”

“?”

“พระเอกการ์ตูนไง...แต่ตอนที่ฉันล้างเมคอัพ หน้าคนละเรื่องเลยนะ...”

“เห็นแล้วล่ะน่า...”

“ขอโทษที่เข้าใจผิด...พ่อนายบอกทุกอย่างหมดแล้ว...”แบคฮยอนพูดในที่สุด โดยคยองซูก็เม้มปากแน่น

“เค้าวุ่นวายบยอนนิมมาตลอดเลยใช่ป่ะ...เค้าไม่น่ารักเลยสักนิด”

“อือ...ไม่น่ารักเลย ตัวก็เตี้ยๆตันๆ เหนียงก็ออก หน้าตาก็แย่”แต่ละคำพูดแทบทำเอาคยองซูแทบทรุดจนอยากกรีดร้องดังๆว่าถูกคุณหมอปากร้ายคนนี้ลวนลามให้อีกคนโดนรุมประชาทัณฑ์ แต่ทว่าคำพูดที่ดังต่อจากนั้นทำให้เจ้าตัวนิ่งงันไป “แต่เมื่อกี้...ที่ตวาดครูคนนั้นว่าหนวกหูน่ะ โคตรเท่เลย ตอนฉันเป็นนักเรียนยังไม่กล้าเลยนะ”

“เค้า..เค้าลืมตัว...ครูต้องโกรธเค้าแน่ๆ...”

“ครูคนนั้นชอบกรอกสมองเด็กๆอยู่แล้วล่ะ เหมือนกลุ่มผู้ปกครองจะไม่ค่อยพอใจการกระทำที่สอบกดดันเด็กเหมือนกัน เจอพูดใส่หน้าตรงๆก็คงจะอึ้งไปละมั้ง”เซฮุนปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับลู่หานที่เดินเอากระเป๋านักเรียนมาให้คยองซูก่อนจะส่งยิ้ม

“อี้ชิงฝากมาบอกว่าสู้ๆนะ ทุกคนเป็นกำลังใจให้คยองซูนะ”

“อะ..อื้อ...”

“งั้นก็กลับกันเถอะ รีบกลับก่อนที่พกนักเรียนคนอื่นจะออกมา เราก็จะไปรอซอนแซงนิมตรวจการบ้านเหมือนกัน บ๊ายบายนะ”ลู่หานส่งยิ้มหวานให้กับคยองซูที่พยักหน้ารับช้าๆ ก่อนที่เซฮุนจะหันมายกนิ้วโป้งให้กับแบคฮยอนแล้วจึงพาเด็กในปกครองออกไป ซึ่งใจจริงแบคฮยอนไม่อยากจะยอมรับนิ้วโป้งจากโอเซฮุนซะด้วยซ้ำ มันไม่ได้ให้กำลังใจอะไรเขาหรอก...



เพราะสีหน้าครูบ้านั่นมันโคตรจะล้อเลียน...เหมือนกับว่า อ้า..ยินดีต้อนรับสู่สมาคมเพดโด้นะ อย่างนั้นแหละ

ทั้งที่เขาก็ล้อมันมานาน... ไม่น่าเล้ย...




“บยอนนิมมาไง..เดี๋ยวเค้าเรียกรถที่บ้านนะ...”ไม่ทันจะหยิบมือถือ ชายร่างกะทัดรัดก็ลุกขึ้นพร้อมกับส่งมือให้คยองซูจับ พลันจูงออกมาอย่างไม่พูดอะไรสักคำท่ามกลางสายตาของทุกคน และเป็นคยองซูที่อ้าปากหวอเมื่อพบบูกาติราคาแพงระยับจอดรออยู่โดยที่แบคฮยอนก็ทำการเปิดและเข้าไปนั่งรอบนที่นั่งคนขับ

“อะไร...คิดว่าฉันเป็นหมอกระจอกๆจนๆรึไง...จะตามติดชีวิตใครไม่สืบดูหน่อยเหรอ...”

“ก็เผื่อบยอนนิมเช่ามา...”

“ตังค์ฉันหมดไปกับตุ๊กตายางแล้วเฟ้ย”

“สมแล้วง้ะ...”คยองซูพูดเบาๆก่อนจะยอมขึ้นนั่งข้างๆโดยดี รถคันหรูหรานั้นแล่นไปบนถนนเพื่อกลับคลินิก แม้จะเป็นเวลาไม่นานแต่คยองซูก็จำเส้นทางได้ชัดเจน จนกระทั่งแบคฮยอนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“จริงๆฉันไม่น่าไปประกาศบ้าบอแบบนั้นเลยอะ... แล้วจะไม่มีใครล้อนายใช่มั้ย”

“คุณพ่อไม่ให้เค้าโดนล้อหรอกน่า”คยองซูยู่ปากจนกระทั่งรถเข้ามาจอดสนิทในโรงรถต่อเติมนั้น ร่างเล็กๆก้าวลงมา โดยที่แบคฮยอนก็ปิดโรงรถเรียบร้อย

“ทำไมบยอนนิมไม่เห็นขับเลย”

“ขับแค่วันว่างๆ กับตอนกลางคืน ตอนไปออกกำลังกาย”เจ้าตัวบอก “แต่ถ้าจากนี้จะให้พาไปไหนก็บอก..จะพาไป”

“...”แก้มกลมๆเป็นสีระเรื่อเล้กน้อย ก่อนจะกอดกระเป๋าตามชายหนุ่มเข้าไปด้านใน และที่พบก็คือจงแดที่สีหน้าโล่งใจและบิดาของคยองซูที่ทอดสายตามองลูกชายนิ่งๆ ก่อนจะยิ้มแล้วตบไหล่แบคฮยอนเบาๆ

“ส่งก่อนสี่ทุ่มล่ะ”

“...ครับ”รับคำเบาๆก่อนจะมองหน้าจงแดที่พยักหน้าแบบว่ารีบไปเถอะ เพราะจงแดอึดอัดกับพวกการ์ดชุดดำแทบจะเป็นลม แบคฮยอนจึงกระชับฝ่ามือเล็กๆพร้อมกับจูงไปยังบันไดที่จะพาขึ้นไปยังชั้นสองของอาคารอีกครั้ง

“บยอนนิม...”

“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”กล่าวเรียบๆจนคยองซูไม่กล้าพูดอะไรอีก แม้ในใจจะกังวลว่าจะถูกต่อว่าอะไรอีกหรือไม่ ร่างเล็กก้าวตามอีกฝ่ายขึ้นไปจนกระทั่งแบคฮยอนรูดคีย์การ์ดเปิดขึ้นชั้นสอง คยองซูมองไปที่ส่วนซักล้าง..ครัว...ห้องนั่งเล่นรวม...ทอดเข้าไปจนเห็นห้องสองห้องที่อยู่ตรงข้าม โดยทางก็ไปสุดกับผนังซึ่งมีหน้าต่างกระจกติดอยู่ แบคฮยอนไขห้อง ก่อนจะเปิดประตูออกแล้วพาอีกคนเข้าไปข้างใน ทว่าคยองซูก็ยื้อตัวเอากายติดกับขอบประตูอย่างไม่กล้า

“บยอนนิมจะฆ่าเค้าเหรอ...”

“...”

“บยอนนิมแค้นที่เค้าทำคุณแทยอนจมน้ำตายใช่ม่า...”เอ่ยถึงชื่อตุ๊กตายางที่พ้องกับชื่อนักร้องเกิร์ลกรุ๊ป แบคฮยอนถอนใจเบาๆ เมื่ออีกคนไม่เข้ามาเขาก็ตัดสินใจที่จะพูดมันตรงนั้น ตรงที่คยองซูคาขอบประตูโผล่เข้ามาแค่แขนนี่แหล่ะ

“นายทำชีวิตของฉันวุ่นวายมากนะ...”

“...”

“แล้วฉันก็ไม่รู้ว่านายจะทำเวทมนตร์บ้าบอของนายไปทำไม... เกือบจมน้ำตายคาอ่างเลยไม่ใช่เหรอไง ทำไมไม่คิดถึงตัวเองบ้าง”คยองซูเบะปากด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจเมื่อโดนตำหนิอีกครั้ง พร้อมกับเห็นแป้งโดพันด้ายนอนคลุกฝุ่นข้างๆถังขยะ

“ดุอีกแล้วนะ..ถ้าทำเค้าโมโหอีกจะไม่ใจอ่อนแล้วนะเว้ย”

“รักตัวเองไม่ได้จะไปรักคนอื่นได้ยังไง...ถ้านายไม่รักตัวเอง...ฉันจะกล้าให้นายมารักฉันได้เหรอ”เสียงพูดที่เบาลงทำให้คยองซูรีบเอียงหน้าโผล่ขอบประตูออกมาเหลือลูกตาและช่วงศีรษะหนึ่งซีกจ้องไปที่แบคฮยอนซึ่งกำลังหน้าแดงเล็กน้อย

“บยอนนิมจะสารภาพรักกับเค้าเหรอ...”

“แก่แดด”คำที่สวนขึ้นมาทำคยองซูหมดอารมณ์อีกครั้ง นิ้วน้อยๆเริ่มพยศทำเอาแบคฮยอนต้องรีบดึงเอาไว้

“ว่าอีกแล้วนะเว้ย!

“ถ้านายหายไปแล้วฉันคิดถึงมันก็ต้องมีอะไรใช่มั้ยล่ะ!ประโยคที่อีกคนโพล่งออกมาทำให้คยองซูเอียงศีรษะออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้เด็กชายไม่ได้พูดอะไรออกไป ได้แต่มองหน้าของบยอนนิมที่เป็นเค้าโครงหน้าคล้ายดาราๆกำลังจับมือตนไว้ข้างเหลังคอแกร่กๆไปข้าง “คือ..ถ้าน่ารักมากๆ..มันก็ต้องชอบแหละ”

“...”

“ทั้งที่ไล่ตามฉันมาตลอด...พอฉันอยู่ตรงหน้าทำไมถึงแอบแบบนั้นล่ะ...ไม่อยากให้ฉัน...ทำให้มันเป็นความรักเหรอ”

แรงขืนจากอีกฝ่ายค่อยๆลดลงจนสุดท้ายแบคฮยอนก็พาคยองซูเข้ามาหาตนเองได้ในที่สุด ชายหนุ่มยิ้มนิดๆเมื่อพบว่าหน้ากลมๆของเด็กชายกำลังแดงแจ๋ไปถึงใบหู ดวงตาเรียวนั้นมองคยองซูเดินทื่อๆออดแอดมาหาอย่างเกร็งๆ

“บยอนนิม..จะเป็นแฟนเค้า...ใช่ป้ะ”

“ฉันขี้หึงมากนะ แล้วถ้าฉันโมโหฉันจะขาดสติมากๆ ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง..นายโอเครึเปล่า ถ้ารู้สึกแย่ ต้องรีบบอก ตกลงมั้ย”

“...”

“ถ้านายตกลง...ก็เลิกเรียกฉันว่าบยอนนิมซะที...”นิ้วเรียวเกี่ยวสายเป้นักเรียนของเด็กชายทั้งสองข้างจนมันเลื่อนหลุดลงกับพื้นช้าๆ ฉับพลันนั้นคยองซูรู้สึกว่าเอวของตนกำลังถูกวงแขนคนตรงหน้าโอบไว้ ความรู้สึกร้อนฉ่าจนหน้าแทบไหม้บังเกิดขึ้นเมื่อริมฝีปากบางนั่นกระซิบเอ่ยถ้อยคำเบาๆ “เอาล่ะ คิดซิ..จะเรียกอะไร”

“พ...”ริมฝีปากอวบขยับตามเบา “พี่แบคฮยอน...”

“ครับ”แค่เสียงอีกคนตอบเบาๆที่ริมหูคยองซูก็แทบกองลงกับพื้น ฝ่ามือเล็กๆป้อมๆเลื่อนขึ้นแตะแผงอกอีกคนเบาๆเหมือนจะดันออกเพราะองศาหน้าใกล้เคียงกันมากเกินไป แบคฮยอนไม่คิดแกล้งเด็กตรงหน้าด้วยการถามว่ารักเขามั้ย เพราะการแสดงออกของโดคยองซูก็ฟ้องแจ่มชัดมากพอ

“เค้า...เค้า...”

“ไม่ต้องพูดแล้ว”ว่าเท่านั้นก็กดริมฝีปากกับเด็กชายไปเบาๆ ก่อนจะค่อยๆไล่ต้อนเด็กชายจนคยองซูทรุดฮวบลงกับเตียงที่ใฝ่ฝันมาตลอดว่าสักวันจะได้มานอนกลิ้ง แบคฮยอนไม่รู้คำตอบ...เขาไม่รู้ว่าที่เขาทำมันผิดหรือถูก เขาชอบจริงๆหรือแค่ชอบผิวเผิน หรือแค่อยากจะลองเป็นหมีดูบ้าง... คยองซูยังเด็ก..แม้จะเป็นเด็กแปลกๆชอบทำอะไรเปิ่นๆหรือเพี้ยนๆไปบ้าง แต่แบคฮยอนก็เชื่อว่าความน่าเบื่อของชีวิตแต่ละวันมันจะเปลี่ยนแปรไปเหมือนที่คยองซูทำให้มันเปลี่ยนมาตลอดที่เด็กคนนี้มาอาศัย พวกเขาไม่มีใครที่มีปมในใจ พวกเขาแค่คนธรรมดาที่ดำเนินชีวิตที่ถูกตีค่ามาตรฐานตามสังคม



แต่แบคฮยอนแค่อยากจะสอนใครสักคนผูกเนคไทไปตลอดชีวิต....


---------------------------------------
อะเฮะ -3-

แท็ก #ฟิคพี่หมีฮุน คั่บ ยืมๆกันไปคั่บ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น