วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

[SF]Thinking Missing {Baby and The Bear Special}










Title : Thinking Missing {Baby and The Bear Special}
Author : RUNAWAY05
Couple : SEHUN x LUHAN
Note : มันคือสเปไวท์เดย์ที่ไม่หื่นนะ




ร่างสูงๆของโอเซฮุนคาบคีย์การ์ดสองมือถือถุงพะรุงพะรังเข้ามายังหน้าห้องคอนโดแห่งหนึ่งในเวลาย่ำเย็น ชายหนุ่มวางถุงลงกับพื้นข้างหนึ่งพร้อมกับรูดการ์ดเปิดประตูแล้วเข้าไปยังด้านใน เขาวางของที่ซื้อมาวันนี้ลงกับโต๊ะทานข้าวแถวเคาน์เตอร์ครัว ดวงตาคมทอดมองห้องพักสำหรับหนึ่งคนของตัวเองที่พักนี้เป็นระเบียบและน่าอยู่เพราะใครคนหนึ่ง แต่ในวันนี้ใครคนนั้นอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่ของเจ้าตัว ซึ่งเซฮุนรู้ดีว่าอีกคนยังไม่โตพอที่จะเอาชีวิตมาทุ่มกับเขา จึงได้แต่เปิดสวิตช์ไฟก่อนจะพับแขนเสื้อเชิ้ตแล้วตรงไปยังโต๊ะหยิบจับของที่ซื้อมาวางกับโต๊ะเรียงเป็นระเบียบตามประสา ก่อนจะหยิบไอแพดตั้งกับเคสแล้วเปิดไปยังแอพลิเคชั่นวิดิโอออนไลน์ชื่อดัง โดยในทีก็ปรากฏภาพหญิงสาวคนหนึ่งส่งเสียงออกมา

“สวัสดีค่ะ วันนี้กับรายการซอจูฮยอนคิชเช่น เราจะมาทำไวท์ช็อคโกแลตแบบง่ายๆกันนะคะ”

“ได้ฮะ”

ลู่หานส่งเสียงตอบรับเมื่อมารดาวานให้หยิบน้ำยาทำความสะอาดพรมที่เก็บไว้ในตู้เก็บบริเวณห้องซักล้าง เด็กชายวัยสิบสี่ตัวเล็กๆขาวๆวันนี้สวมเพียงเสื้อยืดย้วยๆประสาอยู่บ้านกับกางเกงขาสั้นของตน สองขาก้าวไปยังเป้าหมายปลายทางพร้อมกับเปิดตู้หยิบของให้กับมารดาที่ยังไม่หยุดทำความสะอาดบ้านเล็กๆน้อยๆหลังจากทานมื้อเย็นจบไป พ่อของเขากำลังนอนดูโทรทัศน์เกี่ยวกับข่าวการเมืองทั่วไปตามประสา หลังจากเดินทางกลับมาเพื่อพักอยู่บ้านในวันหยุดที่ผ่านมา

“ไม่ชวนคุณครูเขามาทานข้าวด้วยกันล่ะลูก”มารดาเอ่ยถามเด็กชายตัวเล็กที่เชิดริมฝีปากเล็กน้อยพลันตอบกลับไปง่ายๆ

“ซอนแซงนิมบอกว่าวันนี้พ่อกลับมาบ้าน ผมควรจะอยู่กับครอบครัวน่ะแม่”

“น่ารักจังน้า”หล่อนเปรย “คงโตมากับครอบครัวที่น่ารักระดับหนึ่งเลยสินะ ทั้งที่รู้ว่าตัวเองมีปัญหา แต่ก็เอาปัญหานั้นผลักดันตัวเองให้มีอาชีพได้ คุณครูเป็นคนเก่งมากนะ หนูต้องเอาอย่างนะรู้มั้ย”

“รู้แล้วล่ะครับ ก็แม่เล่นชมซอนแซงนิมทุกวันเลยนี่นา”

“แน่ะ แซวแม่อีก ไปอาบน้ำนอนได้แล้วเรา”

ใบหน้าหวานส่งยิ้มหยีก่อนจะขอตัวขึ้นไปบนชั้นสองเพื่ออาบน้ำแต่งตัว ลู่หานเปลี่ยนชุดเป็นชุดนอนพร้อมกับเป่าผมให้แห้ง ดวงตาโตแลมองมือถือที่นอนสงบนิ่งอยู่หลายครั้ง จิตใจลังเลว่าจะโทรไปหาดีมั้ย แต่ใจหนึ่งก็กลัวว่าจะไปรบกวนเพราะไม่รู้ว่าอีกคนกำลังทำอะไร ลู่หานหยิบมือถือเลื่อนนิ้วค้างลังเลว่าจะโทรไปหาดีหรือไม่ สุดท้ายก็กดรายชื่อเตรียมโทรออก ทว่าสายจากเซฮุนก็โทรเข้ามาก่อน ดวงตากลมโตเบิกเล็กน้อยพลันกดรับแล้วกรอกเสียงลงไป

“ครับ”

((นอนรึยังครับ))

“กำลังฮะ...เพิ่งอาบน้ำเลย”พูดพลางกลิ้งตัวไปกับที่นอน “แม่ถามว่าทำไมซอนแซงนิมไม่มากินข้าวด้วยล่ะ”

((วันนี้ครูทำธุระครับ ส่งเราเสร็จก็ไปธุระต่อเลย))

“เห๋..ผมทำซอนแซงนิมไปธุระสายรึเปล่าครับ”เด็กชายส่งเสียงตระหนกจนเสียงหัวเราะแว่วเบามาตามสาย

((ไม่ครับ ไม่ยุ่งอะไรหรอก))

“อาบน้ำรึยังครับเนี่ย”

((อาบแล้วครับ ใส่เสื้อกล้ามสีดำ กับกางเกงนอนสีเทาขายาว ตัวนี้ใส่สบายสุดเลย))ลู่หานได้ยินเสียงปลายสายหัวเราะแว่วเบา ((แล้วเรา..ใส่ชุดอะไรครับ?))

“เอ๋...ก็ชุดนอนลายการ์ตูนที่ไปซื้อกันที่อับกูจองเดือนที่แล้วฮะ”

((อา...))เสียงของอีกฝ่ายลากยาวก่อนที่ลู่หานจะได้ยินเสียงเพี้ยะเหมือนอีกคนตบตีอะไรบางอย่าง ((ดีแล้วครับ อยากไปหาจัง))

“สี่ทุ่มแล้วนะครับ จะมาจริงๆมั้ย ถ้ามาผมจะได้บอกแม่”

((ไม่เป็นไรครับ...แต่ อยากกอดชะมัดเลย))เสียงครวญจากซอนแซงนิมแว่วมาปลายสาย เรียกรอยยิ้มหวานประดับบนใบหน้าของเด็กชาย ก่อนจะคว้าหมอนใกล้มือติ๊ต่างว่าเป็นอีกคนไว้กอดเล่น

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้กอดแล้วครับ”

((กอดนานๆนะ))

“ไม่รู้ครับ”ตัดบทเสียงเรียบๆทั้งที่ใบหน้ากำลังแย้มยิ้มจนได้เสียงต่างดาวลอดสายมาอีกหลายประโยค จริงๆลู่หานก็ชอบเวลาที่ซอนแซงนิมกลายเป็นเด็กแบบนี้นะ ก็เวลาซอนแซงนิมงอแงน่ารักน่าหยิก น่าดึงแก้มดึงปากมากๆเลย ว่าแต่ทำไมซอนแซงนิมบอกละเอียดจังว่าใส่อะไร... ตอนนี้ลู่หานกำลังนึกถึงซอนแซงนิมตัวสูงๆกับชุดนอนที่เจ้าตัวบอกกำลังนอนกอดผ้าห่มอยู่เลยนะเนี่ย

((จุ๊บก่อน แล้วนอนนะครับ))

“อ่า..จุ๊บครับ”

((มัวะ! ฝันดีนะครับซอนซา))กล่าวอย่างนุ่มนวลแล้วก็เกี่ยวกันว่าใครจะวางสายก่อนจนสุดท้ายก็พบกันครึ่งทางด้วยการนับหนึ่งสองสามแล้วกดวางพร้อมกัน เซฮุนอยากจะตบกะโหลกตัวเองแรงๆที่เผลอถามซอกแซกอย่างไม่จำเป็น เพราะถ้าเขาถามมากไปกว่านี้มันต้องลงท้ายด้วยการเซ็กซ์โฟนแน่ๆ แล้วซอนซาตัวน้อยของเขาจะถูกปลูกฝังกับอะไรที่ผิดเพี้ยนไปอย่างแน่นอน เขาไม่อยากให้อีกคนต้องมาเรียนรู้กับเรื่องบางเรื่องทั้งที่ยังอายุเท่านี้ แม้เรื่องที่เรียนรู้มาจากเขามันจะเตลิดเลยชีวิตเด็กสิบสี่ไปแล้วก็ตาม(แต่อีกคนก็แค่หัวเราะแล้วบอกว่ารู้สึกใช้ชีวิตคุ้มดี)

เซฮุนตื่นอีกทีก็หกโมงครึ่ง ชายหนุ่มลุกขึ้นปิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะรับสายของลู่หานที่โทรมาปลุก มือกดรีโมตเปิดข่าวช่วงเช้า ก่อนจะเดินนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวสวมรองเท้าเดินในห้องลายหมีใส่ชุดกระต่ายที่นางฟ้าซื้อมาทิ้งไว้ให้ เซฮุนเปิดเครื่องชงกาแฟ เอาผ้าขนหนูซับหยาดน้ำที่ศีรษะแล้ววกกลับไปที่ห้องเพื่อแต่งตัว ชายหนุ่มเลือกเชิ้ตขาวไม่สวมเนคไทเพราะเขาไม่ใช่อาจารย์บรรจุ ฉะนั้นการแต่งตัวจึงไม่มีชุดที่ตายตัว แต่เป็นชุดค่อนข้างสุภาพ ชายหนุ่มหยิบบ็อกเซอร์สวมตามด้วยกางเกงสแลคสีดำ หยิบแจ็คเกตสีดำมาพาดเตรียมไว้ ก่อนจะกลับมาดูแลหน้าผมอีกนิดหน่อย หน้าม้าสีน้ำตาลถูกหวีแบ่งข้างเพื่อใช้แวกซ์จัดแต่งทรงผม แต่เซฮุนก็ตัดใจวางแวกซ์ที่ใช้ประจำลงพร้อมกับปล่อยทรงผมตามปกติ เขาเดินไปกดกาแฟดื่มกับขนมปังมาร์ทที่ซื้อมาเก็บไว้เพื่อรองท้อง เขาวางแก้วกาแฟลงกับซิงค์ หยิบทิชชู่มาเช็ดปากก่อนจะเข้าดูผลงานในตู้เย็น เซฮุนยิ้มจนเห้นเขี้ยวเมื่อพบว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี

“เอาไว้ตอนเย็นแล้วกันนะ”

“รอไม่ไหวแล้วนะครับ”

ลู่หานพึมพำเบาๆหลังจากหงายนาฬิกาข้อมือแล้วทำหน้ายุ่งเมื่อซอนแซงนิมไม่มารับในเวลาเจ็ดโมงยี่สิบเหมือนเคย แต่เมื่อเข็มยาวแตะเลขหก รถของคุณครูหนุ่มก็เข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ลู่หานจึงหันไปลาพ่อกับแม่แล้วจึงขึ้นรถไปกับอีกคนอย่างเร่งด่วน

“ซอนแซงนิมตื่นสายเหรอครับ ผมก็ไม่หวีเหมือนทุกวันเลย”

“อ่อ ครูปล่อยให้แบบนี้แหล่ะครับ ใส่แวกซ์มากๆมันไม่ดีต่อหนังศีรษะน่ะ”เซฮุนตอบพลางส่งยิ้มแห้งๆไปให้

“อ่า..นั่นสินะครับ เดี๋ยวผมร่วงแล้วซอนแซงนิมหัวจะล้านเอาได้นะ พักก็ดีแล้วฮะ”ลู่หานพูดตามซื่อๆอย่างถูกชักจูงอย่างง่ายดาย จนเซฮุนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

“หัวล้านจะรักมั้ยครับเนี่ย”

“ก็ปลูกผมสิครับ คึคึ”

“ซอนซาอ่า...”ปากร้องเรียกคางยานแต่ก็ยังขับรถไปยังท้องถนนได้อย่างระมัดระวังและปลอดภัย เป็นภาพชินตาที่อาจารย์สอนภาษาอังกฤษจะมากับเด็กน้อยที่สวมแว่นหนาๆเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ชีวิตของเซฮุนและลู่หานยามทำหน้าที่ก็สงบนิ่งไม่หวือหวาหรือทำอะไรออกหน้าออกตา มองเผินๆก็คล้ายญาติกันไปเสียอย่างนั้นเพราะเค้าโครงหน้าก็คล้ายๆ (แต่สำหรับเซฮุนคำถามที่เลวร้ายที่สุดคือคิดว่าเขาเป็นคุณพ่อใบเลี้ยงเดี่ยวโดยลู่หานเป็นลูกชาย)

ช่วงเวลาผ่านไปโดยลู่หานก็ทำหน้าที่นักเรียน และเซฮุนก็ทำหน้าที่ของคุณครูผู้สอน เมื่อช่วงเลิกเรียนมาถึง ลู่หานก็เดินถือชีทตรงมาที่ห้องของอีกคนอย่างที่เคยทำประจำ เด็กชายยังจำได้ดีถึงวันแรกที่เขาเข้าไปในห้องนั้น และเรื่องหลายหลากที่ตามมา การที่เขารู้จักกับอีกคนมันทำให้เขาได้รู้จักคนเพิ่มขึ้น ได้เปิดประสบการณ์และได้เรียนรู้ว่าคนเรามีจิตใจที่ไม่เหมือนกัน บางจิตใจก็ถูกหล่อเลี้ยงมาอย่างดี บางจิตใจก็มีอะไรกระทบกระทั่งให้ต้องรักษา คนที่มีปัญหาทางจิตไม่ใช่คนโรคจิต แต่เป็นคนที่พยายามประคับประคองการใช้ชีวิตไปบนโลกนี้อย่างเข้มแข็งต่างหาก

“เหม่ออะไรครับหืม?”เสียงของเซฮุนทักขึ้นพร้อมกับเปิดประตูให้ลู่หานเข้ามา ดวงตากลมโตกระพริบปริบก่อนจะรีบส่ายหน้า พร้อมกับเข้ามาวางชีทให้อีกคนเรียงเป็นระเบียบอีกครั้ง เด็กชายหย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามชายหนุ่มที่ก้มหน้าก้มตาตรวจแบบฝึก ก่อนจะแย้มริมฝีปากออกมาเล็กน้อย

“ซอนแซงนิม”

“ครับ”

“พักนี้ไม่รู้สึกแปลกๆแล้วใช่มั้ยครับ”

“หืม..ไม่ครับ”เซฮุนก้มหน้าก้มตาตรวจแบบฝึก ก่อนจะสำลักไอเมื่อจู่ๆลู่หานก็พูดขึ้น

“ผมยังจำตอนที่ซอนแซงกระชากผมลงไปตรงโซฟาตรงนั้นได้อยู่เลย”

“แค่ก!...โอย...คิดถึงมันทำไมครับ...TT

“ก็ตอนนั้นผมดันคิดว่าซอนแซงนิมแปลงร่างเป็นมนุษย์หมาป่า จับโยงไปกับนิยายที่อ่านเยอะๆอีก น่าอายจังเลย”เด็กชายลู่หานยังคงยิ้มหวานให้กับตัวเอง โดยที่โอเซฮุนคิดว่าเขาต่างหากที่น่าอายกว่า อยู่ๆก็หื่นจนเก็บอาการไม่ได้แบบนั้นน่ะ

“ครูก็อายเหมือนกันครับ..เราไม่พูดเรื่องนี้แล้วดีมั้ย...”บอกเสียงอ่อนเพราการกระทำของตนเองตอนนั้นพูดได้เต็มปสกว่าไม่เข้าท่า แม้ว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะทำให้เขาได้เห็นว่าเด็กชายแว่นหนาๆไม่น่าสนใจความจริงแล้วน่ารักแบบร้ายกาจอย่างที่สุด ลู่หานได้ยินดังนั้นก็ไม่กวนเซฮุนอีก ได้แต่เอามือเท้าคางยู่ปากรอซอนแซงนิมคนเก่งตรวจคำตอบนักเรียนจนเรียบร้อยก็ได้เวลากลับบ้านกัน

“วันนี้นอนกับครูมั้ยครับ มีอะไรจะให้ด้วย”เซฮุนเอ่ยชวนกับคนตัวเล็กที่เดินตามต้อยๆมาถึงรถ ลู่หานเอียงหน้าเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มให้อีกคนเช่นเดิม

“ถ้าบอกแม่ก่อนก็โอเคฮะ เพราะยังไงพ่อก็อยู่บ้าน”

“ใช่..เพราะพ่อเราอยู่บ้านครูถึงไม่กล้าไปขอค้าง...”

“พ่อผมไม่น่ากลัวซะหน่อย”

“ก็ท่านนิ่งๆนี่ครับ”เอ่ยอ้างลักษณะภายนอกผู้รับบทพ่อตาที่แม้จะไม่ได้ขัดขวางหรือต่อว่า แต่ก็ชอบหรี่ตาใส่เซฮุนบ่อยๆเวลาที่ชายหนุ่มไปปรากฏตัวที่บ้าน มันก็ไม่เชิงจับผิดหรอก แต่เหมือนจะคาดคั้นฝากชีวิตลู่หานไว้กับเขาพิกลๆ

“พ่อผมชอบซอนแซงนิมออกนะ ชอบพูดว่าเหมือนพ่อตอนสมัยหนุ่มแหละ ฮ่าฮ่า”เสียงหัวเราะใสดังออกมาจากลู่หาน ทำเอาเซฮุนเผลอเลียปากอย่างรู้สึกเขินๆไม่น้อย ชายหนุ่มลองต่อสายขอกับทางบ้านของเด็กชาย และได้รับคำตกลงกลับมา แน่นอนว่าที่บ้านของลู่หานวางใจกับเขาเอามากๆ แต่เขาคิดว่าการโทรไปขอผู้ปกครองมันจะดีกว่าให้พวกท่านโทรมาหามากกว่า

“เรียบร้อยแล้วครับ งั้นเดี๋ยวไปซื้ออะไรกินกันดีกว่า”เซฮุนกล่าวกับลู่หานที่อมยิ้มแล้วพยักหน้าอย่างว่าง่าย จริงๆเซฮุนก็พอรู้ว่าลู่หานไม่ใช่คนที่คล้อยตามอะไรง่ายนัก แต่อีกคนแค่เป็นคนอะไรก็ได้ไปตามกันมากกว่า และเป็นกับเขาแค่คนเดียว เท่านั้นเซฮุนก็พอรู้ว่าอีกคนเอาความเชื่อมั่นวางไว้กับเขามากมายเท่าไหร่

ยิ่งลู่หานรักเขามากไหร่...เขาก็ยิ่งอยากปิดตายเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของเขาไว้เท่ากัน...

“เอาล่ะ เบนโตะแบบห่อกลับสองชุด แล้วก็ชาผลไม้ เราเอาอะไรอีกมั้ยครับ”เอ่ยถามเด็กชายตัวเล็กที่อมหลอดชาเขียวปั่น ลู่หานแลบลิ้นเลียคราบสีเขียวครีมที่ริมฝีปากก่อนจะช่วยอีกคนถือถุงอาหารไว้ เพื่อนำมันใส่ที่เบาะหลังรถ

“ไม่แล้วฮะ ว่าแต่ขนมปังที่ห้องหมดรึยัง”

“ยังนะ อีกสามสี่ห่อเลย เดี๋ยวเราค่อยมาซื้อใหม่”

“ระวังมันเป็นรานะครับ”

“กินเช้ากินดึกไม่เป็นหรอกครับ อยากกินโตเกียวบานาน่าจังนะ”เหลียวหน้าไปมองร้านเบอเกอรี่ที่อยู่ไม่ไกล ลู่หานเห็นดังนั้นจึงเอ่ยปาก

“ซอนแซงนิมไปซื้อก็ได้ครับ เดี๋ยวผมรอตรงนี้”

“ไม่ไปด้วยกันเหรอครับ?”

“เดี๋ยวก็ไปหยิบนั่นนี่อีกครับ ผมอยู่นี่ดีกว่า”เด็กชายกล่าวอย่างพอรู้นิสัยตัวเองว่าถ้าเจอขนมน่ารักๆต้องอดซื้อไม่ได้แน่ๆ เขไม่อยากรบกวนเงินของอีกคนไปมากกว่านี้

“เดี๋ยวมานะครับ”เซฮุนว่าเท่านั้นก่อนจะรีบสาวเท้าไปที่ร้านเบเกอรี่ใกล้ๆ ลู่หานมองตามยิ้มๆก่อนจะเบนหน้ามาสนใจชาเขียวปั่นของตนต่อ จนกระทั่งได้ยินเสียงใครสักคนพูดขึ้น

“หนูคะ..หนู”

“ฮะ?”ลู่หานเงยหน้าขึ้นก็พบผู้หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่ง ใบหน้าของหล่อนใจดีและดูอ่อนโยนเอามากๆ เธอส่งยิ้มนุ่มนวลมาให้กับลู่หานพลันเอ่ยถามอีกครั้งเบาๆ

“เห็นคุณครูโอเซฮุนอยู่เมื่อกี้ ไม่ทราบว่าเขาไปไหนเหรอคะ?”

“อ่อ ซอนแซงนิมไปซื้อของร้านใกล้ๆนี้ฮะ เดี๋ยวก็มาแล้ว”หานตอบ ก่อนจะได้รับรอยยิ้มจากเธออีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้น...ฝากนี่ให้คุณครูด้วยนะคะ”หล่อนยื่นกล่องของขวัญทรงแบนยาวให้กับลู่หานที่รับมาอย่างงุนงง ก่อนจะเดินขึ้นรถคันหรูหราสีดำสนิทออกไป ทิ้งไว้เพียงลู่หานที่มองตามตาปริบๆพร้อมกับเซฮุนที่ซื้อของเสร็จกำลังก้าวเข้ามา

“รอนานมั้ยครับ? เอ๊ะ นั่นอะไรน่ะ”ชายหนุ่มชะโงกหน้าดูของในมือของคนตัวเล็ก

“มีคนฝากให้ซอนแซงนิมครับ”

“หืม? ครูเหรอครับ”เลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหยิบกล่องที่ว่ามาดู โดยลู่หานก็รับของในมือมาถือไว้ ลู่หานแปลกใจเมื่อทันทีที่เปิดกล่องออก สีหน้าของเซฮุนก็เรียบลงและนิ่งอึ้งไป เด็กชายเขย่งดูก็พบเพียงไวท์ช็อกโกแลตเป็นรูปฮีโร่แมงมุมชิ้นใหญ่ๆหนึ่งชิ้นในกล่อง ถูกห่อด้วยกระดาษไขและกระดาษฝอยสีพาสเทลเท่านั้น

“ซอนแซงนิม?”

“เรา..กลับกันเถอะครับ เย็นแล้ว”เซฮุนคืนกล่องของขวัญให้กับลู่หานพลางเปิดประตูให้อีกคนได้เข้าไปนั่งในรถ แล้วขึ้นรถขับกลับ ท่ามกลางความเงียบนั้น จู่ๆเซฮุนก็พูดขึ้นเบาๆ “วันนี้วันไวท์เดย์นะครับ”

“เอ๋?”

“เป็นวันให้คำตอบ หลังจากหนึ่งเดือนของวาเลนไทน์น่ะ ถ้าตอบรับความรัก ก็จะให้ไวท์ช็อกโกแลตคืนมา”เซฮุนกล่าวเนิบๆ

“ซอนแซงนิมไปให้ช็อคโกแลตคนอื่นเหรอครับ เขาถึงเอาไวท์ช็อคโกแลตมาให้”

“วาเลนไทน์ที่ผ่านมา ครูก็ได้แค่ช็อคโกแลตจากเรานะ”ลู่หานร้อนแก้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงคืนวาเลนไทน์ที่ทั้งหวานแล้วก็เหนอะหนะตัวถึงขั้นเสื้อผ้าเป็นคราบช็อกโกแลตจนเอามาใส่ไม่ได้ เด็กชายอมลมพองแก้ม ก่อนจะหันมองโอเซฮุนที่คลี่ยิ้มออกมาหม่นๆ

“เมื่อเกือบๆสิบปีมาแล้ว ตอนนั้นครูยังเรียนมัธยมปลาย... วันวาเลนไทน์ครูซื้อช็อกโกแลตให้กับคุณแม่ในวันหยุดที่ได้กลับบ้าน... แต่พอกลับมาที่โรงเรียน ก็เกิดเรื่องกับมินซอก แล้วหลังจากนั้นครูก็ถูกตราหน้าว่าเป็นเด็กไม่ดี ครูถูกส่งไปหลายที่และไม่ได้พบท่านอีกเลย อย่างมากก็แค่คุยโทรศัพท์กัน ครูเรียนและเริ่มทำงานอยู่คนเดียวลำพัง มีแค่เงินเข้าบัญชีมาจากคุณพ่อคุณแม่”

“ซอนแซงนิม...”

“จนครูมารักษากับหมอจงแด สิบปีแล้วมั้งครับที่ครูไม่ได้พูดคุยหรืออยู่กับท่านนานๆ อย่างมากก็แค่โทรคุยกัน ครูรู้ว่าสิ่งที่ครูเคยทำผิดมันทำให้พวกท่านเจ็บปวด พวกท่านโทษตัวเองที่ทำให้ครูมีอาการแบบนี้...และชดเชยความรู้สึกผิดด้วยการหายไป”

“...”

“คนที่เอามาให้ เป็นผู้หญิงหน้าตาใจดี เสียงนุ่มนวลใช่มั้ยครับ”

“ใช่..ใช่แล้วฮะ”

“ดีแล้วล่ะ”เซฮุนพูดเบาๆก่อนจะเลี้ยวรถเข้าคอนโดตัวเอง เขากับลู่หานพากันมาถึงห้อง ก่อนที่คนตัวสูงจะเปิดประตู มือเล็กๆก็ยื้อแขนเอาไว้ซะก่อน

“ซอนแซงนิม...ไม่เศร้าใช่มั้ยฮะ”

“ดีใจต่างหากครับ”เขากล่าวเท่านั้น ก่อนจะเปิดห้องแล้ววางของลงกับโต๊ะทานข้าว ลู่หานที่ปิดล็อคประตูตามมา ก็มองเซฮุนที่ยืนรอที่หน้าตู้เย็น “เพราะงั้น...อันนี้ ครูจะเก็บไว้”

“คุณแม่ของซอนแซงนิม..สวยจังเลยนะครับ”นางฟ้าตัวน้อยที่แม้จะไม่เข้าใจอะไรมากนัก ก็เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อเซฮุนหยิบกล่องบางอย่างออกมาจากตู้เย็น เป็นกล่องเหล็กที่บรรจุคุกกี้ขายในร้านกาแฟชื่อดัง แต่เมื่อเปิดออก ปากเล็กๆก็เผยอออกอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นไวท์ช็อคโกแลตก้อนสี่เหลี่ยมคล้ายลูกเต๋าและรูปหัวใจนอนเรียงกันอยู่ในนั้น

“ของเราครับ”

“ของผมเหรอครับ? ซอนแซงนิมทำเองเหรอครับเนี่ย?”

“ก็..เมื่อวานนี้น่ะครับ เละไปพอสมควรเหมือนกัน”ใบหน้าหล่อส่งยิ้มให้ลู่หานที่อมยิ้มตอบก่อนจะหยิบช้อกโกแลตมากินทันที

“เอ๊ะ ใส่ไส้ด้วย ซอนแซงนิมเก่งจัง”

“ใส่แยมครับ อร่อยมั้ย”

“อร่อยมากฮะ”

“ทำยังไงก่อน?”โน้มหน้าลงมาหาดวงตากลมโตที่กะพริบเล็กน้อย ก่อนจะหลับตาปล่อยริมฝีปากให้อีกฝ่ายเป็นรางวัล เซฮุนแนบจูบเบาๆอย่างนุ่มนวล กอดรัดร่างน้อยๆไว้กับตัว โดยแขนของเด็กชายก็เอื้อมขึ้นจิกเชิ้ตสีขาวตัวนั้น พวกเขาสบตากันเล็กน้อย ก่อนที่เซฮุนจะจับลู่หานยกขึ้นนั่งบนโต๊ะทานข้าวแทนที่จะอุ้มเข้าไปด้านใน

“ซอนแซงนิม...”

“เรียกว่าไงนะครับ...หืม?”กระซิบเบาๆที่ริมฝีปากเล็ก ก่อนที่จะลู่หานจะเรียกแผ่วๆกลับมา

“อปป้า...”

“ไม่เล่นสิ”ชายหนุ่มก้มหน้าหัวเราะ “ดื้อเดี๋ยวได้นอนช้านะครับ”

“เซฮุนอ่า”เรียกชื่อของคนตัวสูงเบาๆโดยมีความรักเป็นเครื่องหมายอนุญาตให้เรียกได้ตามแต่ใจ โอเซฮุนครางรับแผ่วๆพร้อมกับสอดมือปลดเสื้อตัวนอกพร้อมกับกระเป่านักเรียนของลู่หานออก รสจูบยังคงพัวผันอย่างนุ่มนวลแบบที่อีกคนชอบ กดจูบเล็กน้อยที่ริมใบหูจนไหล่เล็กห่อ ดวงตากลมหวานตวัดขึ้นมองใบหน้าของคนที่โน้มหน้ามาใกล้ แม้จะแปลกตาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังปล่อยผมตามสบายอยู่ ลู่หานค่อยๆยกมือแตะข้างแก้มของอีกคนอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเคลื่อนไปจิกที่หลังคอเมื่อถูกวกเข้าปล้ำจูบกับซอกคอ ลู่หานผ่อนลมหายใจแรง ความรู้สึกเกร็งสะท้านยังแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ใบหน้าหวานหลับแน่นเมื่อความนุ่มนวลทะนุถนอมยังคงมาพร้อมกับริมฝีปากร้อนผะผ่าวเหล่านั้น

“อื้อ...อืม...”

ครางเบาๆในลำคอเมื่อรู้สึกเหมือนตัวเองจะละลายท่ามกลางอากาศเย้นสบายของแอร์คอนดิชันเนอร์ที่ทำงานตามปกติ ลู่หานกอบลมหายใจแผ่วแล้วผ่อนเบา สาบเสื้อแยกออกจากกันพร้อมกับจมูกโด่งที่สุดกลิ่นอ่อนของเด็กชายอย่างรักใคร่ วกไล้ยอดอกด้วยปลายลิ้นจนเสียงครางแว่วในลำคอสะท้านออกมา ฝ่ามือไล่ลงจากหน้าท้องลูบลงไปด้านล่างทำเอาคนตัวเล็กห่อไหล่อีกรอบ

“หายใจไม่ออกอีกแล้วครับ”

“อ๊ะ!”อุทานแผ่วเมื่อเสียงกระเส่าที่ดังขึ้นเงียบลงไป เซฮุนกดใบหน้าซุกไว้ไปยังบริเวณระหว่างขาของลู่หาน ทั้งปาดด้วยริมฝีปากไปตามเนื้อผ้าจนมือเล็กเกาะไหล่กว้างสั่นระริก ลู่หานผ่อนเสียงครางออกมาแผ่วเบา ความรู้สึกของลู่หานยังคงสับสนและเต็มไปด้วยการเรียนรู้ในวัยเด็ก รวมทั้งความรักที่ค่อยๆฝังรากลงไป เด็กชายสามารถพูดได้เต็มปากว่าโอเซฮุนเป็นรักแรก เป็นคนแรกในเรื่องความรักทั้งหมด และลู่หานก็เต็มใจจะให้เป็นเช่นนั้น เขาคิดว่าเพราะความรัก เขาจึงไม่รู้สึกแปลกที่กลัวหากว่าเซ็กซ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นบนโต๊ะทานข้าว

แผ่นหลังของลู่หานทาบลงกับพื้นโต๊ะ องศาขาปรับขึ้นสูงเพื่อความสัมพันธ์ที่เข้าถึง ลู่หานโอบกอดเซฮุนที่ไสกายเข้าหาอย่างเป็นจังหวะ เขาไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงกับเสียงคราวทุ้มของอีกคนที่บริเวณหน้าอก ท่ามกลางความรู้สึกดีในเพศรสที่ถูกมอบให้ ลู่หานเอาแต่คิดว่าบางครั้งคนที่เห็นความสำคัญของครอบครัวอาจไม่ใช่คนที่โตมาอย่างอบอุ่นในครอบครัวที่เข้าใจกันแบบเขาเสมอไป มันสามารถมาจากคนที่โดดเดี่ยว ไม่เคยได้รับแม้แต่อ้อมกอด เพราะถูกชดเชยด้วยการหายไปทั้งที่ความต้องการของอีกคนอาจไม่ใช่การไปจากกัน แต่เป็นความต้องการถูกเติมเต็ม ไวท์ช็อกโกแลตของคุณแม่ซอนแซงนิม อาจเป็นการตอบกลับหลังจากที่ซอนแซงนิมเคยซื้อมันให้ในวันวาเลนไทน์เมื่อหลายปีก่อน


ลู่หานไม่มีเงินมากพอจะซื้อไวท์ช็อคโกแลต..หรือเก่งพอจะทำช็อคโกแลตให้กับซอนแซงนิม...

ลู่หานมีแค่อ้อมกอดที่แม้จะไม่อบอุ่นหรือกว้างใหญ่..แต่พร้อมจะกอดอีกคนจนกว่าอีกคนจะไม่ต้องการมันอีกต่อไปเท่านั้นเอง...


“ฮะ..อึ้ก!”ยิ่งเข้าลึกร่างเล็กๆก็ยิ่งรู้สึกปวดมวนในท้อง เหงื่อกาฬไหลหยดไปทั่วกาย ถูกโน้มน้าวและตะล่อมด้วยรสจูบหวานจนอ่อนระทวย ลู่หานอายเหลือเกินที่จะมารับรู้ว่าตัวเองในตอนนี้อยู่ในสภาพไหน เขากอบลมหายใจแผ่วก่อนจะเอ่ยวาจาบางเบา “เจ็บหลัง...แล้วครับ”

“อา..ครับ..กอดไว้นะ”แทนที่จะถอยตัวออก เซฮุนกลับอุ้มลู่หานยกขึ้นแล้วพาเข้าไปในห้องนอนแทน จังหวะฝีเท้ากระแทกกับพื้นทำเอาดวงตาโตเผลอหรี่ไปข้างอย่างสะท้านภายใน ก่อนจะถูกวางลงบนเตียงใหญ่อย่างทะนุถนอม นิ้วยาวสอดเข้ากับร่องนิ้วเล็กแล้วกดจมลงกับที่นอนนุ่ม ร่างสูงกดตัวลงลึกจนลู่หานเผลอร้องออกมาเบาๆไม่ได้

“อื้อ..ลึกไปแล้วนะครับ..อ่ะ..อา...”

“อ่า..ก็จะให้กอด...ไม่ใช่เหรอครับ”สะโพกกลมสวยลอยยกขึ้นจากผืนเตียง เปิดรับสัมผัสจากอีกคนแม้จะนุ่มนวลแต่หนักหน่วงในที หยดน้ำตาไหลออกจากดวงตากลมโตจนชุ่มฉ่ำ ลู่หานไม่เข้าใจนักว่าทำไมเขาถึงร้องไห้ แต่เขาไม่ได้เจ็บ เขาแค่ทรมานและได้บิดตัวไปมาอยู่ภายใต้การชักนำของอีกคนเท่านั้น

เด็กชายผู้ไม่รู้ว่าร่างเล็กๆขาวๆของตนเองกำลังทำให้อีกคนรู้สึกอะไรอยู่ สำหรับเซฮุนแล้วนั้นหากเป็นเรือนร่างเด็กผู้ชายมาอยู่ตรงหน้ามันอาจทำให้เขาเขิน เก็บไปทำอะไรบางอย่าง หรือเผลอทำอะไรผิดๆซ้ำสอง แต่พอเป็นลู่หาน จิตใต้สำนึกของเขากลับรู้สึกพอใจ

โอเคแม้ในอนาคตอีกคนจะโตเป็นผู้ใหญ่ สรีระเปลี่ยนไปไม่เป็นเด็กน้อยเหมือนเดิม เขาก็ยังโอเคอยู่

รสจูบหวานที่ส่งมอบให้กันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่วานิลลาเซ็กซ์ในวันไวท์เดย์จะจบลง ต่างคนต่างผ่อนลมหายใจช้าๆและเป็นเซฮุนที่กดจูบร่างที่นอนอ่อนปวกเปียกกับผืนเตียงก่อนจะอุ้มไปล้างตัวให้พร้อมกับอาบน้ำให้ตัวเอง เซฮุนวางร่างเล็กๆของลู่หานลงกับที่นอน ใช้ริมฝีปากหยอกล้อเล่นกันสักพัก ก่อนจะเป็นเซฮุนที่ขอตัวไปหาน้ำดื่ม ชายหนุ่มเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเย็นมาดื่ม จู่ๆก็นึกถึงกล่องของขวัญที่เขาวางไว้ในช่องแช่ไอศกรีม เซฮุนกลับมานั่งที่โต๊ะ(โชคดีที่มันไม่เปื้อนอะไรมากนัก)และจัดการเปิดมันดูอีกครั้งก่อนจะสังเกตว่านอกจากไวท์ช็อกโกแลตแล้วนั้น ใต้กระดาษไขด้านล่างยังมีซองพลาสติกที่บรรจุกระดาษเอาไว้และติดเทปแนบสนิทไปกับก้นกล่อง




เซฮุนคนดีของแม่,

ดีใจที่วันนี้แม่ได้ทำช็อกโกแลตกลับไปให้ลูก ไม่รู้ว่าเซฮุนจะจำได้มั้ยว่าเคยซื้อช็อกโกแลตให้แม่เมื่อนานมาแล้ว แม่ไม่รุ้จะทำยังไงให้ลูกหายโกรธแม่ แม่กับพ่อไม่คิดปล่อยลูกให้อยู่ลำพังเลยสักครั้ง แต่บางความรู้สึกของลูก แม่เสียใจที่แบ่งเบามันไม่ได้ เซฮุนจ๊ะ...พักนี้แม่ได้ฟังเรื่องจากคุณมินซอก ว่าเซฮุนของแม่มีความสุขมากขึ้น เป็นเพราะเสียงของคนที่โทรมาหาแม่ตอนนั้นใช่มั้ย? เราจะมีโอกาสเจอกันมั้ย...แม่อยากเจอ ทั้งลูกและคนของลูกสักวันหนึ่ง มันคงนานจนกว่าลูกจะรู้ว่ามีจดหมายอยู่ในนี้ โดยที่ลูกไม่ทิ้งมันไปก่อน แม่รักลูกมากนะ แม่คิดถึงลูก...กลับมาหาแม่บ้างนะ



“...”

เซฮุนเม้มปากแน่น ความรู้สึกบางอย่างกำลังต่อสู่กันในสมองและช่องอก ความรู้สึกของเซฮุนที่ถูกซ่อมแซมด้วยลู่หานแม้จะยังไม่แข็งแรงนัก แต่มันถูกซ่อมแซมทีละน้อยอย่างตั้งใจ ความรู้สึกของเขาเกี่ยวกับวันเวลาที่ผ่านมาจะมาพังทลายเพราะจดหมายฉบับเดียวไม่ได้หรอก

“มีจดหมายด้วยเหรอฮะ”

เสียงเบาๆของลู่หานดังขึ้น เซฮุนหันไปมองก่อนจะพบร่างเล็กๆที่ห่อตัวด้วยผ้าห่มเดินลากพื้นมาหาตน เด็กชายชะโงกหน้าท่ามกลางแสงสลัวที่เปิดไว้ตรงห้องครัว ดวงตากลมโตหรี่ลงเพราะมองไม่ชัด แล้วจึงแย้มริมฝีปากออกมาในที่สุด

“จริงๆท่านไม่ได้อยู่เมืองนอกเหรอครับ”

“บินไปหลายที่น่ะครับ ตอนแรกเลยบอกว่าอยู่ต่างประเทศ ไม่มีเวลามาสนใจลูกหรอก”

“ใจน้อยจัง”ว่าเท่านั้นก่อนจะกดจูบขมับของเซฮุนคืนบ้าง ลู่หานใช้ผ้าห่มที่เอามาคลุมตัวเผื่อแผ่ไปให้คนที่นั่งเก้าอี้อยู่จากด้านหลัง “ผมจะปกป้องซอนแซงนิมเองนะ”

“ตัวแค่นี้เหรอครับ”

“แต่ผ้าห่มอุ่นมากเลยนะครับ”

“ฮ่าฮ่า...”ใบหน้าหล่อหัวเราะออกมาในที่สุด “อุ่นมากเลยครับ...ว่าแต่มีแรงเดินมาถึงนี่เลยเหรอเนี่ย”

“ก็แค่...รอบเดียวเองไม่ใช่เหรอครับ”เสียงอ้อมแอ้มจากด้านหลังทำเอาเซฮุนหันไปมองก่อนจะหัวเราะอย่างไม่อยากจะเชื่อหู ก็นางฟ้าตัวน้อยชอบมีประโยคน่าตระหนกตกใจออกมาให้ได้ยินอยู่ซะเรื่อยโดยเฉพาะเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง

“งั้นก็ต่อนะ”ว่าเท่านั้นก่อนจะลุกขึ้นอุ้มก้อนผ้าห่มตรงไปยังห้องนอนอีกครั้ง เซฮุนไม่รู้ว่าเขาควรจะตอบจดหมายกลับไปหรือไม่ หรือจะทำอย่างไรต่อไปดี แน่นอนว่าความรู้สึกของเขาถูกซ่อมแซมด้วยลู่หาน แต่ใจของเซฮุนยังมีความรู้สึกหลงเหลืออีกมากมายหลายอย่างที่ชายหนุ่มยังไม่จัดการ เขาหวังว่าความรู้สึกผิดหวังท้อแท้จากการถูกทอดทิ้งโดยพ่อแม่จะหายไป หายไปเหมือนกับอาการที่แสดงพฤติกรรมเฉพาะที่ซึ่งบางเบาลงตั้งแต่มีลู่หานมาอยู่ใกล้ๆ เซฮุนรู้ว่าลู่หานรู้..เด็กคนนั้นรู้ดีว่าความรู้สึกของเขาไมได้ต้องการการรับผิดชอบด้วยการอยู่ห่างๆไม่ให้รำคาญใจ แต่เป็นการโอบกอดเพียงสักครั้งเพื่อทดแทนความอบอุ่นที่เสียไปมากกว่า



มันเป็นหนึ่งในร้อยเหตุผลที่เซฮุนเรียกลู่หานว่านางฟ้า...



-------------------
คิดถึงหมีมั้ย._.
แท็ก #ฟิคพี่หมีฮุน นะคัพนะ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น