วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2558

[SF] Hard to say I LOVE YOU {ZITAO x JONGIN} 3/3






Title : Hard to say… I LOVE YOU 3/3
Author : RUNAWAY05
Couple : ZITAO x JONGIN
Note :ตะเปคนไข้ของจงแด...สาวดุ้นและหนุ่มถ้ำมองตอนจบจ้า

*******************



จงอินกำลังส่องหน้าตัวเองกับกระจกในห้องน้ำออฟฟิศ...

ใช่..วิศวกรชีวิตถึกทนอย่างเขากำลังส่องหน้าตัวเองเพื่อหาจุดที่น่าจะดึงดูดเทรนเนอร์ที่อายุยี่สิบสี่,เป็นลูกครึ่งจีน ไม่บอกฐานะทางบ้านแต่ดูสปอร์ตๆธรรมดาๆ ผิวคล้ำๆไม่ต่างกันและท่าทางแมนกว่าเขา ซึ่งจงอินไม่เห็นเลย ไม่มีอะไรที่น่าจะเป็นจุดสนใจของหวงจื่อเทาได้นอกจากอีกฝ่ายจะมีรสนิยมชนกล้ามแบบอาเบะ... ทำไมเป็นแบบนี้เนี่ย จงอินเองถึงจะหน้าตาหล่อเหลาแต่ก็แอบซ่อนหัวใจสีชมพูเอาไว้เหมือนกันนะเฟ้ย

“พักนี้สำอางนะเราน่ะ”กวางซูเอ่ยทักเมื่อจงอินเดินกระมิดกระเมี้ยนมาที่โต๊ะทำงาน ออฟฟิศแบบตู้คอนเทรนเนอร์กำลังจะถูกยกออกอีกวันสองเพราะงานก่อสร้างส่วนตรงนี้เรียบร้อยสมบูรณ์ นี่เป็นห้างใหญ่ที่จงอินได้ข่าวมาจากหัวหน้าแจซอกว่าเจ้าของเป็นสมาชิกวุฒิสภาคนดังของจีนที่มาเปิดห้างบุกตลาดเกาหลี อิทธิพลล้นฟ้าจนห้างเล็กๆต้องยอมสยบ มิหนำซ้ำยังเกี่ยวดองกับตระกูลดังหลายๆตระกูลในเกาหลีอีกด้วย นับว่าไม่ธรรมดาล่ะนะ

“ออกกำลังกายเยอะๆผมกลัวจะมีสิวน่ะครับ ตอนเป็นสิวน่ะทรมานสุดๆเลย”จงอินตอบ

“นั่นสินะ...ตอนที่มันเป็นตุ่มแดงๆล่ะทรมาน ให้เมียบีบให้ทีไรและเสียวไส้ทุกครั้ง”กวางซูว่า “แล้วเทรนเนอร์คนนั้นเป็นไงล่ะ”

“ก็...ดีครับ”จงอินยิ้มแห้งๆกลับไปเพราะไม่รู้จะตอบอะไรไปมากกว่านี้ ก่อนจะอาศัยจังหวะที่ทุกคนเผลอหยิบแป้งมาตบใบหน้าซ้ำเบาๆใต้โต๊ะแล้วเช็คความเรียบร้อย ชีวิตของจงอินตั้งแต่วันนั้นก็ดีเมื่อมีหวงจื่อเทามาเป็นเทรนเนอร์ออกกำลังกายให้ อีกฝ่ายมักจองคิวให้จงอินเป็นคนสุดท้ายเพราะปรับให้เหมาะกับเวลาเลิกงาน เมื่อออกกำลังกายเสร็จแล้วก็แอบไปอาบน้ำด้วยกันบ้าง เลยเถิดบ้างอะไรบ้างแล้วเลิกงานไปกินข้าวด้วยกัน บางวันจื่อเทาก็มานอนห้องจงอิน ดูจงอินรีวิวชุดใหม่ที่ซื้อมาทุกสัปดาห์ หรือช่วยเลือกตัวที่ไม่ค่อยโอเคให้ขายออนไลน์ออกไปซะบ้าง บางวันจงอินก็ไปนอนห้องของจื่อเทา ซึ่งเป็นห้องนอนเรียบๆง่ายๆประสาคนเงินเดือนระดับกลางๆ

“นี่จงอิน”กวางซูเอ่ยขึ้นโดยที่ชายหนุ่มก็สะดุ้งหลังตรง

“ครับ!

“ยังไงก็เถอะนะ...ระวังตัวไว้บ้างก็ดี ไม่ใช่พี่อยากจะเบลมเทรนเนอร์ของนายหรอกนะ แต่พวกเทรนเนอร์สมัยนี้น่ะก็ห่วงแต่ทำยอดขาย ทำรายได้กัน บางทีเขาอาจจะคุยดีทำดีด้วยก็อย่าไปเผลอไผลอะไรมากล่ะ สังคมเรามันต่างกัน”

“ผมรู้แล้วล่ะครับ...ผู้ชายเหมือนกันจะกลัวอะไรเล่า”จงอินแสร้งว่า

“ผู้ชายด้วยกันนี่แหล่ะตัวดี เผลอแป๊บเดียวเรียบร้อยไปเลย ดีไม่ดีมันยังย้อนกลับมาแบลคเมลนายอีกนะ ระวังเอาไว้บ้างก็ดีนี่”

“ครับครับคร้าบบ”

“เข้าใจก็ดีแล้ว นี่จะไปแล้วใช่มั๊ย? ขับรถระวังล่ะ”

“พี่กวางซูยังไม่กลับเหรอครับ?”

“ก็เคลียร์ข้าวของน่ะสิ เขาจะยกตู้ไปพรุ่งนี้แล้ว นายก็เก็บของแล้วนะ?”

“เรียบร้อยแล้วล่ะครับ”

“งั้นก็ไปได้”จงอินส่งยิ้มให้ทันทีพร้อมกับหอบกระเป๋าออกมา ข้าวของเบื้องต้นเกี่ยวกับประเภทเอกสารเขาก็ฝากบริษัทขนส่งไปเก็บที่สำนักงานใหญ่แล้ว หมดงานนี้จงอินตั้งใจว่าจะกลับไปเรียนสักพักก่อนจะถูกลืมหน้าไปเสียก่อน รถยนต์คันเดิมเลี้ยวเข้าจอดฟิตเนสที่จงอินทำคอร์สมาได้สักพัก ชายหนุ่มแต่งตัวเป็นชุดเสื้อยืดกางเกงกีฬาและรองเท้าออกกำลังกายขึ้นไปที่ชั้นเดิม และพบเทรนเนอร์คนเดิมที่สวมชุดเทรนเนอร์ของทางฟิตเนสซึ่งเป็นเสื้อยืดสกรีนยี่ห้อสถานที่และกางเกงวอร์มสีดำ ใบหน้าคมสีน้ำผึ้งเปรอะเหงื่อช่างดูเหมือนพวกกรรมการที่ทำงานมาอย่างหนัก ไหนจะผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดบริเวณลำคอนั่นอีก... จับกังกะเหรี่ยงซะไม่มีอะ..

“วันนี้ต้องทำอะไรบ้าง”จงอินเอ่ยทักจื่อเทาที่กำลังเช็คใบตรวจโปรแกรมก่อนจะกันมาบอก

“ลองโหนบาร์มั๊ย?”

“ห๋า?”

“มันจะเสริมตรงช่วงแขนและหน้าท้องนะ ไม่ลองดูหน่อยเหรอ?”ใบหน้าที่จงอินคิดว่าจืดชืดและดูต่างด้าวนั้นหันมาถาม ซึ่งจงอินก็กลอกตากก่อนจะเอ่ยอ่อยๆ

“ถ้านายว่าอย่างนั้นก็....”

“ต่อให้นายไม่เห็นด้วยก็ต้องทำแหล่ะ เพราะฉันคือเทรนเนอร์”จื่อเทาว่าพร้อมกับเดินลิ่วจากไปทิ้งจงอินบึนริมฝีปากตามหลัง สุดท้ายแล้วก็ต้องทำตามโปรแกรมแต่โดยดี ผลที่ได้คือเมื่อแขนเสียจนขับรถไม่ได้ จนจื่อเทาต้องเป็นคนขับรถกลับไปให้ รถเก๋งธรรมดาประสาวิศวกรที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายแล่นไปตามถนนซึ่งจงอินก็เอาแผ่นแปะประคบแขนสองข้างพลางมองค้อนเทรนเนอร์ที่ขับรถหน้าตาเรียบเฉย

“เจ็บชิบเป๋งเลย”

“ก็ตอนให้วอร์มอัพมัวแต่นั่งเหม่อก็แบบนี้ล่ะ เจ็บมากมั๊ยนั่น”

“มันก็ตึงๆนะ”

“ตึงก็หยุด”

“เฮ้ จะดีเหรอ เทรนเนอร์คนที่มาแทนนายแต่ก่อนเคยบอกว่าถ้าเจ็บแปลว่าได้ผล ให้ทำต่อเรื่อยๆไง”

“เทรนเนอร์ที่ดีต้องรู้ขีดจำกัดของลูกค้าด้วย ข้อจำกัดของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันหรอก สำหรับฉันสิ่งที่ดีที่สุดคือการทำโดยไม่ฝืน”จื่อเทากล่าว “ทุกสิ่งดีหมดแหล่ะถ้าทำโดยไม่ฝืนใจน่ะ”

“...”จงอินนิ่งไปสักพัก “นี่”

“ว่า?”

“ทำไมถึงชอบแอบดูล่ะ”

รถยนต์ที่กำลังแล่นตามถนนถึงกับเป๋ไปเล็กน้อยเมื่อถูกยิงคำถามออกมาแบบนั้น จื่อเทากำพวงมาลัยแน่นเพราะเกือบไปชนท้ายคันข้างหน้าเข้าให้ โดยที่จงอินก็สะดุ้งหลังตรงขึ้นมาเช่นกัน

“ถะ..ถามอะไรเนี่ย”

“โทษๆ ไม่คิดว่าจะตกใจ”ชายหนุ่มยิ้มแหย “ก็ตอนนั้นนายรู้ถึงปัญหาของฉันแล้ว ฉันก็อยากจะรู้บ้าง”

“ติดมั้ง”

“ห่ะ?”

“พ่อฉันน่ะ...หลงจากแยกทางกับแม่ฉันก็เอาฉันมาเลี้ยง เพราะแม่ฉันเดินทางบ่อย แต่พ่อฉันทำงานประจำ”จื่อเทาเอนหลังกับเบาะเมื่อจอดรอไฟแดง “แล้วท่านก็เริ่มพาผู้หญิงมานอนที่บ้านทุกวัน ฉันในตอนเด็กจากที่เคยได้เล่นกับพ่อทุกวันก็เปลี่ยนไป มีผู้หญิงมานอนกับพ่ออยู่เรื่อยๆ และที่ฉันทำได้คือโต้ตอบกับท่านผ่านช่องประตู...ฉันได้ทุกอย่างจากท่านยกเว้นกอดของคนเป็นพ่อของตัวเอง เศร้าเนอะ”

“...”

“ตลอดมาฉันถูกพ่อของฉันดูถูกมาตลอดว่าฉันไม่สามารถเก่งหรือดีขึ้นได้ ฉันรู้..ว่าสิ่งที่พ่อทำคือการกดดันให้ฉันฮึดเหมือนมุกในการ์ตูนต่อสู้ แต่ฉันไม่ใช่แบบนั้น...พอเป็นอย่างนั้นมากๆเข้า ฉันก็กลัวที่จะเผชิญหน้ากับอะไรตรงๆ และมีความกล้ามากกว่าถ้าได้พูดหรือทำอะไรอยู่หลังประตู ได้มองผู้คนผ่านช่องพวกนั้น ที่กำลังอาบน้ำ มีเซ็กซ์ หรือว่าฉี่...”

“นายมัน...”

“ไม่รู้ซิ พอรู้สึกว่าได้เห็นสิ่งที่คนๆหนึ่งไม่ให้คนอื่นเห็นแล้วมันตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก มันดีนะที่ได้เห็นความลับของคนอื่น ฉันรู้สึกชนะ...รู้สึกว่าเหนือคนอื่นจากที่ฉันไม่เคยอยู่เหนือพ่อฉันได้เลย แต่มันก็ไม่ดีหรอก..ฉันถึงมารักษากับหมอจงแดนี่ไงล่ะ”หวงจื่อเทาเลี้ยวรถไปชะลอที่หน้าคอนโของจงอิน โดยที่อีกคนก็พยักหน้าให้อีกฝ่ายขับรถขึ้นไปชั้นบนได้ถ้าสะดวก

“นายชอบที่จะแอบดูคนทุกคนเลยรึเปล่า”

“ไม่นะ...ฉันเลือกนะ...แต่ให้พูดยังไงดีล่ะ บางความลับของคนอื่นมันก็น่าเศร้า”

“...”

“เพราะอย่างนั้น...บางเรื่องปล่อยให้มันเป็นความลับไปนั่นแหล่ะดีแล้ว”จื่อเทาขยับคิ้วเล็กน้อยเมื่อพบว่าจงอินยกมือขึ้นมาจิ้มที่ข้างขมับของเขาเบาๆ

“นายเป็นคนดี ฉันรู้”

“...”

“แล้วก็เจ๋งมากๆด้วย ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพ่อนายเคยพูดอะไรให้นายรู้สึกเจ็บใจรึเปล่า...แต่สำหรับฉันแล้วนายดีมากเลยล่ะ...ดีแบบนายนั่นแหล่ะนะ”

“...”

“คำพูดของฉันมันอาจจะไม่ได้ช่วยให้นายเลิกแอบดูคนอื่นได้...แต่อย่ากังวลเลยนะ นายต้องดีขึ้น นายต้องไม่เป็นไรหรอก”

“ชอบฉันเหรอไง?”หวงจื่อเทาย้อนถามคิมจงอินที่อ้าปากค้างก่อนจะเหล่ตาออกข้างๆ

“ฉัน..ไม่ใจง่ายขนาดนั้นหรอกน่า”

“...”

“จะมาชอบคนที่รู้จักกันไม่เท่าไหร่ได้ยังไงกันเล่า”จงอินหัวเราะก่อนจะริบสีหน้าเมื่อพบว่าอีกคนกำลังหรุบตาลงต่ำพลันพยักหน้ากลับมาให้เขาช้าๆ

“นั่นสินะ”

“...เฮ้ย เป็นไร”

“เปล่า ฉันกลับห้องดีกว่า”จื่อเทาปลดเข็มขัดนิรภัยออกโดยจงอินก็ยื่นมือไปแตะอีกคนเอาไว้

“เดี๋ยว ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ?”

“ไม่ ไม่ผิดหรอก ฉันแค่อยากกลับห้อง”จื่อเทาหยิบเป้เข้าสะพายแล้วเดินออกมาอย่างไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้น เขาเดินออกมากดลิฟต์ขาลงเพื่อกลับไปที่ห้องตนเองซึ่งอยู่คอนโดข้างๆ จื่อเทาไม่ได้ขยับริมฝีปากแม้ในใจจะก่นด่าคิมจงอินว่างี่เง่าเต่าล้านปีไปร้อยรอบเห็นจะได้ จนกระทั่งหันไปกดลิฟต์ปิดนั่นแหละถึงได้พบว่าคนที่เขากำลังบ่นถึงอยู่นั้นวิ่งพรวดพราดเข้ามาในลิฟต์ ก่อนจะรีบกดลิฟต์ปิดและดันจื่อเทาชิดกับผนังพร้อมกับกดริมฝีปากจูบลงไปอย่างรีบเร่งระหว่างที่ลิฟต์กำลังลงไปที่ชั้นล่าง และกำลังจะต่อขึ้นไปยังชั้นหกของอาคารข้างๆกัน

จงอินก็ไม่รู้ทำไมเขาถึงตัดสินใจทำอะไรเร่งด่วนแบบนั้น ทั้งที่เขาก็กรุ๊ปเลือดเอผู้สงบนิ่งประสานักปราชญ์แท้จริงที่จะไม่หวั่นไหวอะไรง่ายๆ เขาแค่รู้สึกว่าอะไรที่เป็นหวงจื่อเทานั้นทำให้เขาใจร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลที่ควรจะรองรับ เขารู้สึกมั่นใจในตัวเองแม้ว่าจะไม่ได้สวมชุดลูกไม้ตัวโปรดหรือใส่วิกสีที่ชอบ เขาไม่รู้สึกอับอายเวลาที่เสื้อผ้าเขาตกลงไปกองกับพื้น ทอดกายลงบนเตียงแคบๆและฟังอีกคนกระซิบชมเขา มันทำให้เขารู้สึกกล้าที่จะทำทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่สาวน้อยและอีกคนก็ไม่ใช่เช่นกัน และในความคิดของจงอินนั้นหวงจื่อเทาก็ไม่ได้ถึงกับหล่อขาดบาดใจ (และพาลจะหมดอารมณ์เอาง่ายๆเวลาหน้าสด) แต่เขาแค่ชอบ...และเขาก็ไม่สนเลยในเมื่อคนที่อยู่กับเขาตอนนี้กำลังกอดเขา กำลังบอกว่าผิวที่เพื่อนๆชอบล้อว่ามันดำนั้นดูน่ารัก กุมมือที่ขนาดแทบไม่ต่างเอาไว้ และสัมผัสเขาอย่างทะนุถนอมนุ่มนวลทั้งที่เขาอยู่ในร่างของผู้ชายที่ลึกๆเขาไม่ภูมิใจ...เพราะมันคือร่างที่พ่อแม่อยากให้เขาเป็น ไม่ใช่เขาอยากให้เขาเป็น...

คิมจงอินรู้ดีว่ากำลังโกหกคำโตออกไปว่าไม่คิดอะไรกับความสัมพันธ์เหล่านี้...

“นี่เอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ฉันหายนอยด์นายรึไง”จื่อเทาเอ่ยถามขณะมองจงอินซึ่งเกาะที่นอนหมดสภาพหลังจากจบยกที่เท่าไหร่ไม่ทราบได้ จงอินซบหน้ากับที่นอนผ่อนลมหายใจในขณะที่จื่อเทาก็หยิบน้ำในตู้เย็นเล็กใกล้ๆมาดื่ม “มือไวใจไวเร็วตลอดเลยนะนายอะ ครั้งที่แล้วก็กระชากฉันลงจากรถไฟฟ้า ดีไม่ตัวขาดคารถไฟไปก่อน”

“ตอนนั้นเมานี่หว่า”จงอินพูดพลางกลิ้งตัวมานอนหงาย โดยที่จื่อเทาก็มองผิวเนื้อที่ชื้นเหงื่อกำลังขยับขึ้นลงเป็นจังหวะหายใจอยู่นิ่งๆ

“เมาบ่อยมั๊ย?”

“ก็ทุกทีเวลาโดนรุ่นพี่ลากมาร้านเหล้าน่ะ...ดีที่บอกว่าต้องมาฟิตเนสเลยไม่ได้ไปกินฉลองกับพวกรุ่นพี่ ไซต์ที่ทำเรียบร้อยดีแล้ว อีกไม่นานก็ได้เวลาเปิดตัวแล้วละมั้ง”

“จงอิน”

“หือ”

“ไม่ชอบฉันบ้างเหรอ?”ดวงตาของจงอินเหล่มองจื่อเทาที่ถามออกมาโต้งๆก่อนจะหลบตาออกไป

“ไม่รู้สิ”

“...”

“นายชอบฉันตรงไหนกันล่ะ ฉันก็คิดเหมือนกันนะว่าฉันไม่เห็นจะมีอะไรให้นายชอบเลย”

“เวลาใส่ชุดว่ายน้ำไง”

“ไม่ใช่แบบนั้นดิวะ”

“ก็ฉันพูดจริง”จื่อเทากล่าว “ช่างเถอะ ถ้าไม่มีคำตอบฉันก็ไม่อยากรู้หรอกนะ แต่แค่ตอนนี้พวกเราทำผิดกับหมอจงแดที่ห้ามให้เราพบกัน เขาบอกว่าถ้าเราไม่คิดอะไรก็ไม่ควรยุ่งกัน สังคมของเรามันต่างกัน นายก็เห็น..นายเป็นวิศวกรที่เงินผ่านมือไม่ขาด แต่ฉันก็แค่เทรนเนอร์จนๆคนนึงเท่านั้น”

“อย่าชวนดราม่าดิ”

“ไม่ได้ดราม่าสักหน่อย ฉันแค่พูดไปตามเนื้อผ้า”จื่อเทากล่าวช้าๆ “ฉันมาคิดดูถึงคำพูดหมอ ถ้าฉันสามารถ...ที่ไปอยู่สังคมเดียวกับนาย พวกเราก็ไม่ต้องทำเป็นลืมใช่มั้ย”

“...”

“ถ้านายไม่ลากฉันลงจากรถไฟตอนนั้น...พวกเราก็คงไม่มาอยู่ตรงนี้หรอก”

“จะว่าฉันผิดล่ะสิ”

“เปล๊า”

“เลิกพูดเลย อยากอาบน้ำชะมัด อย่ามาปล่อยใส่คนอื่นตามใจชอบดิวะ”จงอินฝืนตัวลุกขึ้นก่อนจะหันไปตามเสียงเรียก

“จงอิน”

“หือ?”เปล่งเสียงออกมาแค่นั้นก่อนจะหรี่ตาเล็กน้อยเมื่ออีกคนโน้มหน้าเข้ามาจูบ เป็นแค่จูบสั้นๆแต่ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีอัดในหัวใจให้พองโตอย่างน่าแปลก จื่อเทาผละริมฝีปากออกก่อนจะพูดเบาๆ

“ไปอาบน้ำเถอะ”

“แหงอยู่แล้ว”จงอินว่าก่อนจะหยิบผ้าขนหนูที่อีกคนส่งให้เดินเข้าห้องน้ำไป จื่อเทามองตามแผ่นหลังอันบึกบึน(?)ของจงอินก่อนจะผ่อนลมหายใจเล็กน้อย...

ไม่มีใครรู้ว่าหวงจื่อเทากำลังคิดอะไร...




วันรุ่งขึ้นจงอินมาทำงานตามปกติ จื่อเทาไม่ได้โทรนัดเขาซึ่งนั่นเป็นเรื่องปกติเพราะยังไงจงอินก็มา และเขาขอไม่ให้จื่อเทามาโทรนัดเขาเองเพราะมันอาจจะรบกวนจื่อเทามากไป จงอินไม่ได้บอกเหตุผลนี้จนกระทั่งงานทุกอย่างเลิกจากออฟฟิศนี้ไปได้ด้วยดี และจงอินก็ทำเรื่องไปเรียนเหมือนดังเก่า เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าในฟิตเนสเพื่อออกกำลังกายตามปกติ แต่เทรนเนอร์ที่เขาพบในวันนี้กลับไม่ใช่หวงจื่อเทานายกะเหรี่ยงหน้าสดถ้ำมองดังเก่า... แต่เป็นเทรนเนอร์เซลล์แมนคนนั้นนั่นเอง

“สวัสดีครับคุณจงอิน จากนี้ไปให้ผมดูแลสุขภาพคุณร่วมกับอาหารเสริมซุปเปอร์ฟิตนะครับ!!

“เดี๋ยวครับเดี๋ยว..แล้วเอ่อ...คุณจื่อเทา...”จงอินสังหรณ์ใจไม่ดีเมื่อเห็นสีหน้าเทรนเนอร์คนนั้นเปลี่ยนไป “ไปไหนแล้วเหรอครับ...?”

“จื่อเทาลาออกไปแล้วล่ะครับ”ชายหนุ่มตัวชาวาบเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น “เขาออกไปอยู่กับครอบครัวน่ะครับ”

“เขามีเมียแล้วเหรอครับ?”จงอินยื่นหน้าไปหาเทรนเนอร์คนนั้นที่ผงะออกเล็กน้อย

“มะ..ไม่ใช่ครับ...เหมือนว่าพ่อแม่ของเขากลับมาคืนดีกันแล้วน่ะครับ...ก็เลยอยากให้หมอนั่นไปอยู่ที่บ้าน...เดี๋ยวครับคุณจงอิน!”ร้องเรียกเมื่อพบว่าอีกคนวิ่งอออกไปทันที จงอินรีบคว้ากระเป๋าเป้ที่ซื้อตามอีกคนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่แน่ใจก่อนจะบึ่งไปที่คอนโดของจื่อเทา และความเป็นจริงก็ทำให้จงอินถึงกับทรุดอยู่ตรงนั้นเมื่อพบว่าห้องของนายถ้ำมองกลายเป็นห้องว่างที่รอคนมาซื้อต่อเท่านั้นเอง

“เขา...ออกไปเมื่อไหร่ครับ”คิมจงอินถามผู้ดูแลที่เอ่ยตอบกลับมา

“วันนี้เองค่ะ ขนของออกไปตอนสายๆ ถ้าเรียบร้อยแล้วบอกฉันนะคะ”เธอว่าอย่างนั้นก่อนปลีกตัวออกไป ปล่อยให้จงอินเหลียวมองห้องว่างที่ไม่เหลืออะไรสักอย่าง ทั้งเตียงแคบๆตรงนั้น ตู้เสื้อผ้าสีดำ กระจก ตู้เย็นเล็กที่ตั้งไว้ใกล้เตียงเนื่องจากอีกคนไม่ชอบเดินออกไปไหนตอนกลางคืนเพราะไม่ชอบความมืด ไม่รู้ว่าจงอินรู้เรื่องของหวงจื่อเทาดีขนาดนี้ดีตั้งแต่เมื่อไหร่

จงอินขยับไปที่หน้าต่าง...ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อพบว่าถ้าก้มลงดูจากหน้าต่างนี้ไปก็พบว่าเป็นหน้าต่างห้องของเขา และสามารถเห็นห้องนอนบางส่วนของเขาได้อย่างง่ายดาย จงอินขบริมฝีปากทันที... เขาสามารถถามเรื่องนี้กับจื่อเทาได้เพราะโทรไปหลายครั้งก็ไม่มีคนรับสาย...

เหมือนคนที่จะช่วยเขาได้มีแค่คนนี้คนเดียวเท่านั้น...




“สองแสนสามหมื่นวอนนะครับ เพราะความลับของคนไข้มันค่อนข้างจะเป็นความลับ และจงแดคงโกรธมากถ้าผมเอามาพูด ดังนั้นถือว่านี่เป็นค่ารักษาความรู้สึกผมเวลาโดนหมอนั่นเฉ่งนะ”

จงอินมองบนอยู่พักก่อนจะเปิดแอพธนาคารโอนเงินให้กับแบคฮยอนขณะที่นั่งกันในร้านเหล้าแถวๆคอนโดของเขาเอง ซึ่งเภสัชหนุ่มตัวเล็กก็แย้มริมฝีปากเมื่อพบว่าเงินเข้าบัญชีของตนทุกวอน จงอินจิบเบียร์ก่อนจะเหล่มองแบคฮยอนที่กำลังทำท่าเหมือนงัดอะไรบางอย่างออกมาจากแฟ้ม

“จริงๆจื่อเทาก็แจ้งกับหมอจงแดแล้วล่ะว่าจะงดรับการรักษาไปสักพัก เขาจะมาเมื่อพร้อมกว่านี้และจงแดก็เห็นว่าถ้าจื่อเทาไม่รู้สึกเครียดจัดๆก็เป็นปกติดี จึงอนุญาตน่ะนะ ดังนั้นคุณคงไม่เห็นเขาในคลินิกพักใหญ่ๆเลยแหล่ะ”

“อย่างนั้นเหรอครับ...”จงอินถอนใจโดยที่แบคฮยอนก็กล่าวขึ้น

“ทำไมถึงยังติดต่อกันทั้งที่จงแดเคยห้ามแล้วล่ะครับ พวกคุณนี่ก็นะ....”

“พวกผม?”

“ใช่ พวกคุณนั่นแหล่ะ ครั้งที่แล้วหวงจื่อเทาก็มาขอข้อมูลคุณเกี่ยวกับคุณลีแทมินไป ครั้งนี้คุณก็มาขอข้อมูลเขาอีกคนงั้นเหรอ..นี่จะแบลคเมลกันรึไงน่ะครับ”

“เขาน่ะเหรอครับ?”จงอินเลิกคิ้วก่อนจะนึกภาพที่จื่อเทาเอากระเป๋าเงินมาโยนให้วันนั้น “นั่นสินะ”

“...”

“เขาน่ะใจดีจังเลยนะครับ...กับคนที่รู้จักได้วันสองวันแบบนั้น..ถึงจะเคยเลยเถิดกันไปบ้างก็เถอะ”

“หวงจื่อเทารู้จักคุณก่อนหน้านั้นมาสี่สิบห้าวันแล้วล่ะครับ”แบคฮยอนที่วางแก้วมาร์ตินี่ลงพูดเรียบกับจงอินที่เลิกคิ้ว

“สี่สิบห้า?”

“ใช่..ผมลักมาจากห้องจงแดน่ะ เพราะจื่อเทายังไม่ได้มาขอคืน และจงแดก็ยังรอให้จื่อเทามารับคืนอยู่  แต่ก็แค่บางส่วนนะ”เภสัชหนุ่มตัวเล็กส่งซองสีน้ำตาลให้จงอินเหมือนที่เคยส่งให้จื่อเทามาก่อน จงอินขมวดคิ้วก่อนจะรับมาแกะดูและสิ่งที่อยู่ในซองนั้นก็ทำให้จงอินพึมพำอย่างไม่เชื่อสายตา

“นี่...มัน...”

“เขาเห็นคุณมาก่อนแล้ว..แต่เป็นคุณตอนที่ใส่ชุดที่คุณชอบน่ะ”

“บ้าน่า...”

“ผมไม่รู้หอกนะว่าเจ้านั่นคิดอะไร ปกติก็เป็นคนเดาใจยากอยู่แล้ว...แต่ยังไงซะ...เขาก็น่าจะพูดอะไรให้คุณคิดเป็นนัยๆแล้วนี่ครับใช่มั้ย”

“เขาพูดถึงคำพูดของหมอจงแดน่ะครับ”

“?”

“เขาพูดว่า...ถ้าเราอยู่ในสังคมเดียวกัน....เราก็ไม่จำเป็นต้องลืมกัน”

“เขาไมได้พูดเรื่องทางบ้านเขาใช่มั้ยครับ”

“ไม่ครับ..แล้วทางบ้านเขา”

“ผมบอกไม่ได้ครับ”

“ผมเพิ่มเงิน...”

“บางสิ่งเงินซื้อไม่ได้นะ...เหมือนความรู้สึกของคุณนั่นล่ะครับ”แบคฮยอนว่าโดยจงอินเองก็เงียบไป “ถ้าเขาพูดมาแบบนั้น หน้าที่ของคุณคืออดทนรอ...ให้เท่ากับที่เขาอดทนรอเท่านั้นล่ะครับ”

“ผม...ไม่มีอะไรที่เขาชอบผมได้เลยนะ”

“เขาคงบอกคุณไปแล้วมั้งครับว่าเขาชอบตรงไหน”

“...”

“คำว่ารักมันพูดยากจริงๆแหล่ะนะ”แบคฮยอนว่าก่อนจะวางแก้วมาร์ตินี่ลงเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากระดกดื่มจนหมด ชายหนุ่มขอตัวเบาๆก่อนจะเดินออกมาทิ้งไว้เพียงคิมจงอินที่นั่งนิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะร้องไห้ออกมาเงียบๆ...






หลายเดือนผ่านไปชีวิตของจงอินก็กลับมาเป็นเด็กมหาลัยอีกครั้งในช่วงที่ไม่มีงาน เขาพยายามทุ่มเรียนเพื่อจะได้ไม่นึกถึงใครคนหนึ่งที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต และบอกตัวเองให้เลกเงยหน้าไปมองชั้นบนจนกระทั่งมีผู้มาใหม่ย้ายเข้ามาและจงอินก็เห็นกางเกงในผู้หญิงลายไร้รสนิยมแขวนหรอมแหรมอยู่ที่หน้าต่างแบบนั้น นั่นแหละเขาถึงเลิกส่องชั้นบนและทำใจว่าหวงจื่อเทาคงหายไปจากเขาแล้วจริงๆ จงอินก็ยังแต่งตัวอยู่คนเดียวเหมือนเดิมและเลิกใส่กางเกงในแบบกระโปรงไปโดยปริยาย เขาไม่อยากทำอะไรให้นึกถึงหวงจื่อเทาอีกแล้ว

วันนี้ในช่วงเย็นมีงานเลี้ยงห้างเปิดใหม่ที่จงอินเคยไปทำไซต์งานด้วยเมื่อหลายเดือนที่แล้ว บัตรเชิญมาพร้อมและครอบครัวของเขาก็จะไปด้วยเพื่อไปทำความรู้จักกับเจ้าของห้างเพื่อปูทางในด้านธุรกิจ สมัยนี้มีอะไรก็ต้องแลกเปลี่ยนทั้งนั้น ไม่มีเลยด้วยซ้ำกับอะไรก็ตามที่ทำแล้วไม่หวังผลอะไรกลับไป บางครั้งจงอินก็เบื่อจนพาลคิดไปว่าความห่วงใยของคนในครอบครัวของเขาก็เป็นเรื่องแลกเปลี่ยน ทุกอย่างมันดูเป็นธุรกิจมากเกินไปและมิหนำซ้ำยังถูกมองเป็นเรื่องธรรมดา และลึกๆในใจของจงอินยังโหยหาความจริงใจเป็นธรรมดาอยู่

“หล่อจังเลยจงอินของแม่ สูทตัวนี้ดูดีมากเลยจ้ะ”

“ครับ”จงอินก้มมองสูทราคาแพงบนตัวที่แม่เขาลงทุนซื้อให้หลังจากที่งานสำเร็จลงด้วยดี ความคาดหวังของแม่คือการที่เจ้าของห้างคนนั้นจ้างงานครอบครัวในส่วนต่างๆต่อไป หลังจากที่รู้ว่าเจ้าของห้างพอใจกับส่วนที่จงอินควบคุมการก่อสร้างเอามากๆ ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทดูดีก้าวลงจากรถ เขาผ่อนลมหายใจยาวๆออกมาครั้ง ความรู้สึกในใจจงอินยังบอกเสมอว่าเขาเหมาะกับชุดคอลเลคชั่นซัมเมอร์ของวิคตอเรียซีเครทมากกว่า

“คนเยอะจังเลยนะ งานใหญ่แบบนี้ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย”แม่ของเขากล่าวกับพี่สะใภ้ระหว่างที่เดินทางเข้างานซึ่งเป็นลานห้างขนาดใหญ่

“เจ้าของเป็นสส.จากจีนนี่คะแม่ เงินต่างจากเราอยู่แล้วล่ะค่ะ”

“อย่างนี้ต้องคุยเรื่องการตกแต่งภายในไว้นะ”

“ได้ค่ะแม่”

คิมจงอินถอนใจเหลือตามองที่เริ่มต้นขึ้น ปรบมือไปบ้างตามจังหวะผู้คน หันไปทักทายรุ่นพี่ในออฟฟิศที่ปรากฏตัวพร้อมกันในวันนี้ งานยังดำเนินไปด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย... จงอินยังรู้สึกแบบนั้นจนกระทั่งมีพนักงานมาแจ้งกับเขาว่าเจ้าของต้องการให้ทีมวิศวกรและผู้รับผิดชอบด้านการก่อสร้างขึ้นไปแสดงตัวพร้อมกับบนเวที เขาจึงได้ตามรุ่นพี่ทั้งหลายขึ้นไปท่ามกลางสีหน้าปลื้มใจของพ่อแม่... จงอินอยากกลับห้องจริงๆนะ

“ส่วนบุคคลที่เราเชิญขึ้นมาบนเวทีนี้คือทีมงานวิศวกรและสถาปนิกผู้ทำการออกแบบและก่อสร้างห้างนี้ให้สำเร็จลุล่วงค่า”พิธีกรสาวประกาศขึ้นซึ่งจงอินก็ไปยืนปะปนกับคนอื่นๆก่อนจะสังเกตเห็นผู้ชายหุ่นคุ้นๆแต่จงอินก็คิดว่าตัวเองตาฝาดไปเท่านั้น เสียงปรบมือดังขึ้นและพิธีกรสาวก็ยังเอ่ยต่อไป “โดยเฉพาะงานนี้ เราขอเสียงปรบมือซ้ำอีกครั้งให้กับวิศวกรที่อายุน้อยที่สุดในวงการวิศวกรสากลอย่างคุณคิมจงอินด้วยนะคะ”

ทุกคนปรบมือลั่นซึ่งจงอินก็ถูกดันมาอยู่ด้านหน้าอย่างเขินๆ แต่แล้วเสียงปรบมือหนึ่งก็ยังดังขึ้นแม้ทุกคนจะเงียบลงไปแล้ว จงอินหันมองตามเสียงก็ต้องใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มเมื่อพบว่าคนที่ไม่หยุดปรบมือคือใคร

“แทมิน...”

“ไงจงอิน...ไม่เจอกันนานเลยนะ...ฉันแค่จะมาแสดงความยินดีน่ะ...นายไปไกลแบบนี้นี่ช่างน่าอิจฉาจัง”เพื่อนเก่าของจงอินส่งยิ้มท่ามกลางผู้คนที่เริ่มหันไปมอง “ไหนๆก็ไหนๆที่ทุกคนอยู่พร้อมหน้าแบบนี้...งั้นฉันจะพูดเรื่องสำคัญของนายแล้วกันดีมั๊ย?”

“อย่าบ้าน่ะ...”จงอินพึมพำโดยที่แทมินก็หรี่ตาอย่างอาฆาตใส่ โดยไม่ทันสังเกตว่ามีคนๆหนึ่งเดินออกมาดึงไมค์จากมือพิธีกรสาวไป

“ความลับของนายที่ว่า....”

“ที่ผมเคยไปทวงเงินที่คุณรีดไถเขาน่ะเหรอครับ?”

“...”จงอินชะงักนิ่งก่อนจะหันมามองเสียงจากทางด้านหลัง ซึ่งต่อหน้าของจงอินคือชายหนุ่มร่างสูงผิวสีน้ำผึ้งที่ใบหน้าถูกตบแต่งอย่างดี ทั้งอายไลเนอร์คมกริบบนดวงตาทั้งสองข้าง ทั้งการแต่งตัวซึ่งเป็นสูทเนื้อดีจนไม่เหลือเค้าเทรนเนอร์หน้ากะเหรี่ยงที่เขาเคยแอบว่าในใจบ่อยๆ ซึ่งชายคนนั้นก็แค่หรี่ตาที่เหมือนจะสวมเลนส์เอาไว้พร้อมกับออกเสียงผ่านไมค์ในมือ

“แล้วพวกเราก็เข้าใจกันมากขึ้น..ต้องขอบคุณมากนะเนี่ย..ว่าแต่คุณเลิกไถเงินชาวบ้านรึยังครับ?”

“นาย....”ชายหนุ่มพึมพำก่อนจะมองอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อเสียงของกวางซูดังขึ้นในกลุ่มคนบนเวที

“นี่...ฉันว่าแล้วว่านามสกุลคุ้นๆ...คุณหวงจื่อเทาลูกชายของเจ้าของห้างนี้นี่นา!

“ห๋า?”จงอินอุทานโดยที่จื่อเทาก็ยัดไมค์ใส่มือคนข้างๆก่อนจะรวบกอดจงอินเอาไว้ท่ามกลางเสียงร้องของคนในงาน แต่จงอินกลับไม่ได้ยินเสียงใครอีกเลยนอกจากเสียงของจื่อเทาที่เอ่ยขึ้นมาเบาๆ

“เรา...สังคมเดียวกันแล้วใช่มั๊ย?”

“...”

“คิดถึงชะมัดเลย...ไปกันเถอะ”เมื่อเปลี่ยนจากการกอดเป็นการจับมือไว้แน่นจนเสียงร้องแตกตื่นดังขึ้นไม่หยุดหย่อน จงอินรู้สึกมึนไปหมดจนร่างกายชะงักนิ่งเมื่อเสียงของแม่เขาดังขึ้น

“จงอิน!อย่าไปนะ! ถ้าไปแม่จะตัดขาดกับแกนะ!

“...”

เขาไมได้ตอบอะไรแม่ของเขาอีก...นอกจากปล่อยตัวเองให้หวงจื่อเทาพาเขาออกไปแบบนั้น....








“นี่รถนายจริงดิ”

จงอินพึมพำหลังจากจื่อเทาขับรถออกมาได้สักพัก ซึ่งตามจริงจงอินก็นั่งรถมากับทางบ้านอยู่แล้ว และตอนนี้เขากำลังพิจาณามาเซราติคันหรูที่อีกคนกำลังบังคับไปตามถนน จงอินเหลียวไปด้านหลังอย่างระแวงซึ่งจื่อเทาก็พูดขึ้น

“ไม่เป็นไรหรอก..ไม่มีใครตามมา พ่อแม่ฉันรู้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ ก็แลกกับอิสระของฉันตั้งหลายเดือน พลอตซีรี่ส์เกาหลีชะมัดยาด”

“...”

“และถึงนายแทมินจะไม่ออกมาทำท่าจะแฉนายแบบนั้น...ฉันก็พานายออกมาอยู่ดี”

“ก็...”จงอินอ้าปากค้างก่อนจะเริ่มต่อยไหล่คนขับรถ “แล้วทำไมหายไปเฉยๆแบบนั้นเล่า! ทำไมไม่บอกก่อนสักคำล่ะว่าจะไปไหน! เจ้าบ้านี่!!

“คนจะไปมันไม่มีคำลากันหรอกนะ”

“...”

“แต่ฉันไม่ได้หายไปแบบนั้นสักหน่อย...อย่างน้อยฉันก็อยู่แบบนี้นี่ไง... ฉันแค่อยากรู้ว่า ตอนที่ฉันไม่อยู่นายจะรู้คำตอบที่ฉันถามมั๊ย”จื่อเทาเหลียวหน้าไปมองจงอินที่ก้มหน้านิ่ง “ว่าไง”

“...”จงอินเงยหน้าขึ้นก่อนจะสูดน้ำมูกสั้นๆ “ดีขนาดนั้น...ฉันก็ต้องรักไม่ใช่เรอะไง”

“ก็เลือกแฟนเป็นนี่นะ”หวงจื่อเทากล่าวเท่านั้นก่อนจะเหยียบคันเร่งออกไป ไม่มีใครรู้คำตอบว่าอนาคตจะเป็นยังไง เขาไม่ได้หวังให้ใครมาเข้าใจสิ่งที่พวกเขาเป็นเลยด้วยซ้ำ พวกเขาไม่หวัง...ไม่ได้นึกถึงจุดนั้นสักนิดเลย...

เพราะแค่พวกเขาเข้าใจกันเองมันก็มากเกินพอ...






“แล้วผมก็มาเปิดฟิตเนสอยู่แบบนี้ล่ะครับ แต่เป็นเทรนเนอร์ทั่วไป ไมได้เป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวเพราะจงอินน่ะดุมาก พอเกิดเรื่องนั้นจงอินก็กลายเป็นเจ้ในออฟฟิศไปเลยล่ะ ฮ่าฮ่า”

จื่อเทาขยับตัวเล็กน้อยให้กับเซฮุนที่ตั้งใจฟังก่อนจะพยักหน้าช้าๆ พวกเขานั่งมองจงอินที่ชวนลู่หานเล่นอะไรก๊อกแก๊กอยู่หน้าเคาน์เตอร์ของแบคฮยอน ไม่นานนักก็มีพยาบาลออกมาเรียกคิว ซึ่งสุดท้ายจงอินก็เงยหน้าขึ้นพยักหน้าให้กับจื่อเทาที่ตบไหล่ของคุณครูหนุ่มไป

“ไปเถอะครับ”

“อ้าว ไม่เข้าไปเหรอครับ?”

“ผมว่าเขารู้คำตอบแล้วล่ะ”จื่อเทาอมยิ้ม โดยเซฮุนก็หันมาขอตัวก่อนจะเดินไปหาลู่หาน เด็กน้อยตาโตที่ลุกขึ้นตามเซฮุนไปอย่างว่าง่าย โดยที่จงอินก็เดินมาหาเขาแทน

“ไม่คุยแล้วใช่มั้ย”

“ไม่เอาแล้ว...พอฟังเรื่องเก่าๆก็นึกได้ว่าชีวิตทรหดกว่านั้น พ่อแม่ตัดหางปล่อยวัด พ่อผัวก็ไม่ค่อยโอเคเพราะแม่งหล่อเสมอผัว ชีวิตเนาะครับ”

“พอเป็นเมียพับบลิคแล้วตัวเองกวนตีนมากเลยครับ”

“เออ เค้าว่านะเลิกคิดเลี้ยงเด็กแล้วไปซื้อหมาเพิ่มอีกตัวกันเหอะว่ะ ไม่ต้องทำเอกสารวุ่นวายด้วย”

“นี่จะเปิดฟาร์มเลี้ยงหมาแล้วนะ”

“ก็อิแคนดี้มันไล่งับหางน้องจังอาเค้าป้ะ เห็นอะไรเหมือนจู๋ไม่ได้เลย หมาหรือแรดก็ไม่รู้”จงอินบ่น

“อย่าว่าลูกสาวดิ ไปหาแมวเลี้ยงมั่งไป”

“กระต่ายก็ดีนะ”

“งั้นก็ไปกันเถอะ”จื่อเทาว่าและสาวน้อยร่างสูงในชุดโลลิต้าก็พยักหน้าอย่างเห็นดีเห็นงามด้วย พวกเขายังคบกันและพูดคุยถึงรสนิยมเป็นปกติ อยู่ดูแลกันแม้จะไม่ได้เอ่ยคำว่ารักให้กันอีกหลังจากวันนั้น... แน่นอนว่าเรื่องของพวกเขาไม่ได้จบอย่างสวยหรูที่ทุกคนเข้าอกเข้าใจและรับได้ไปทุกสิ่งอย่าง แต่พวกเขามีความสุขดีที่จะอยู่กันแบบนี้...

แค่อยู่ในที่ๆมีแต่คนเข้าใจกันมันก็มากเกินพอแล้วล่ะ....



***************
งืออ เทาไคครั้งแรก ผิดตรงใดข้าขออภัยด้วยยย
แท็ก #ฟิคพี่หมีฮุน ค้าบ



2 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากค่ะสำหรับเรื่องราวชีวิตและความรักของคุณวิศวกรกับคุณเทรนเนอร์
    พี่เทาขราช่างแสนดี น้องนีนี่ก็กุลสตรีวัยหวาน
    ฮืออออ สีชมพูในหัวใจหนูมันเบ่งบานในหัวใจป้า~

    ตอบลบ
  2. กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด ทำได้ดีมาก! ขอชมเชยและชื่นชม ลัทธิเทาไคจงเจริญ! อย่าเลิกแต่งเทาไคเลยน้าาาา เค้าขอร้อง คู่นี้ซี๊ดจริงๆ! แต่เรื่องนี้แอบทำให้เค้ามอง ผช มีกล้ามแปลกๆ แล้วแฮะ 555555555 มองว่าจะเป็นเหมือนจงอินรึเปล่า อิอิ แต่เรื่องนี้สนุกดี อยากอ่านสเปเชี่ยลคู่นี้คู่แรกเลย!!!

    ตอบลบ