วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2558

[SF] หมวย (Sehun x Luhan) (3)










Title: หมวย (3)
Image: SEHUN x LUHAN
Author: RUNAWAY05
Note: ก็หมวยไงจะใครล่ะ...







ให้พูดกันตามตรงเราก็สับสนตัวเองเหมือนกันนะ เพราะดำเนินชีวิตมาจนป่านนี้ ขนาดนอนร่วมห้องร่วมหอ(พัก)กับไอ้อี้ตอนอยู่ลาดกระบังมาห้าปียังไม่มีความรู้สึกแบบที่รู้สึกกับคุณชุนเลย และไม่เคยคิดสักครั้งว่าตัวเองจะเป็นไปได้ขนาดนี้ ปัจจุบันเลยพยายามสำรวมตนให้ดูเป็นคนซื่อใสใจสกปรก แต่อย่างนั้นก็เถอะ ผู้หญิงและเกย์ที่ออฟฟิศหลายคนก็อยากได้คุณชุนกันทั้งนั้น ผู้ชายใจดี ฐานะดี หุ่นดี เบ้าดี ใครๆก็อยากได้มาเชยชม เราเลยคิดว่าความชอบของเราไม่ได้ผิดแผกแตกต่างจากคนอื่นนักหรอก เป็นอุปาทานหมู่ชนิดหนึ่ง คล้ายกับการกรีดร้องให้กับดาราตามหน้าจอ

เราคิดอะไรไปเรื่อยเพราะกลัวจะฟุ้งซ่าน เพราะตอนนี้นั่งกินข้าวเหนียวหมูอยู่กับคุณชุนในห้องจูเนียร์สวีทคืนละสองพันห้า เราอยากจะกลิ้งตัวไปซบกับฝุ่นทุกซอกให้เป็นบุญ ชาตินี้คงไม่มีปัญญาได้นอนอีก ไหนจะออฟชั่นเสริมเป็นเบียร์ไฮเนเก้นดื่มแกล้มปลาหมึกย่าง ก็ไม่พูดไม่จากันตั้งแต่ขึ้นสระ เราก็ไม่กล้าพูด คุณเขาก็ไม่ได้ถามอะไร ก็แทะๆเล็มๆเศษหมูติดไม้ไปพลางๆ

“พี่หมวย”สุดท้ายเราก็โล่งใจเมื่อคุณชุนแกเรียกเราขึ้นมา พลางเสียบไม้จิ้มกับปลาหมึกในถุง

“ครับ”

“ผมลืมถามไป มานี่แฟนไม่ว่าใช่มั้ย?”

“แฟนเฟินอะไร คุณชุนเห็นพี่มาครึ่งปี หมาหน้าเซเว่นมันยังไม่มองพี่เลย”เราตอบไปตามตรง แล้วแกก็หัวเราะหึหึ

“ก็ในออฟฟิศว่าเวลาว่างๆพี่ชอบก้มหน้าเล่นมือถือบ่อยๆ ก็นึกว่ามีแฟนอยู่ไกล คงไม่มีใครยิ้มกับเป้ากางเกงหรอกมั้งพี่”น่าน...งานเข้าลวินท์เสียแล้ว คุณสุหฤทธิ์แกเล่นยกเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากในออฟฟิศมาพูดเสียอย่างนั้น

“เพื่อนพี่เอง เรียนด้วยกันอยู่ลาดกระบัง นอนด้วยกันมาห้าปี มันไปอยู่เชียงใหม่ มีอะไรเราก็คุยกัน”

“แล้วเขามีแฟนรึยัง”

“หมั้นแล้วนะ ทองตั้งยี่สิบบาท แม่มันแทบเชิดสิงโตรอบดอย”

“พี่ล่ะมีรึยัง?”

“...”อ้าว..เราก็บอกอยู่ว่าไม่มี เปิดทางเคลียร์ซอยให้ขนาดนี้ นี่ก็ถามอะไรมากมายนัก

“เงียบ”

“ให้พี่พูดหรือให้พี่เงียบครับ”

“แล้วถ้าผมบอกว่าผมจีบพี่อยู่ พี่จะพูดหรือพี่จะเงียบครับ”

เท่านั้นแหล่ะคุณเอ๋ย... เหมือนถูกเสยด้วยหมัดไปนอนนับดาว เรานิ่งอึ้งพูดไม่ออกไปพักใหญ่ ทำไมไอ้อี้ถึงไม่เคยให้หวยถูก แม้จะแอบฝันเฟื่องอยู่บ้างแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงขนาดนี้ สมแล้วละมังที่ไอ้อี้มันถามเอาว่าชื่อกวางหรือชื่อควาย เราอ้าปากพะงาบๆเหมือนตะพาบขึ้นบกไปพักใหญ่ ไม่กล้ามองหน้าคุณชุนเสียแล้ว หน้ามันเหมือนจะไหม้เพราะคุณชุนจุดไฟเผา

“แล้วพี่ก็เงียบ”

“พี่...ไม่รู้ครับ พี่เป็นลูกน้อง แล้วพี่ก็ดีใจนะที่คุณชุนดีกับพี่ขนาดนี้...”ไอ้เราเอ่ยเสียงอ่อน ก่อนจะทดลองเงยหน้ามองเจ้านายที่ตอนนี้หน้าง้ำหน้างอไปเสียอย่างนั้น “พี่พูดอะไรไม่ถูกเหรอ?”

“เกริ่นแบบนี้มีแต่คนไม่เอาทั้งนั้น”

“พี่...”เราจือปากเหลือกตามองเพดาน สมองหมุนคว้างไปหลายวินาที คุณชุนแกคงจะเวทนาสภาพเราไม่น้อย จึงได้เอ่ยคำขึ้นอีกหน

“พี่กังวลอะไร พี่บอกผมมาก่อน ผมจะตอบ..ถ้าผมตอบไปแล้วพี่ยังคิดว่าไม่ใช่..ผมจะได้หยุด”

“คุณชุนเป็นเกย์เหรอครับ..”ปลายเสียงนี่เบาหวิวทีเดียว... หวังว่าจะไม่เอาเงินเดือนมาขู่แอ้มกันนะ

“ไม่ได้เป็นครับ ผมชอบผู้หญิงด้วย”

“อ้าว”..พี่หมวยไม่เฉาะนะคุณชุน พี่หมวยกลัวเจ็บ... พูดในใจอีกล่ะ ส่งเสียงได้เสียเมื่อไหร่

“ผมไม่ได้รักผู้ชาย...แต่พี่เป็นผู้ชายคนเดียวที่ผมจะรัก”คุณชุนน้ำเสียงจริงจังจนเราได้ยินเสียงไอ้อี้ว่ายอมๆไปเถอะลั่นไปมาในหู แกดึงมือเราไปบีบเล่นอยู่พักใหญ่ พวกเราเงียบ และคุณชุนก็ว่าขึ้นมาอีกครั้ง “ตอนนั้น...ผมเสียใจมากเลย”

“...”

“อยู่ๆพี่ก็ไม่มาเจอผม ผมถามแม่พี่ แม่พี่บอกว่าพี่เจอล้อว่าเป็นผัวตุ๊ด พี่เลยไม่อยากเจอผม”

“ขอโทษครับ..”ถ้าเราเป็นหมานี่คงหูลู่หางตกไปแล้ว เล่นพูดเจาะประเด็นข่าวค่ำขนาดนี้...เรานึกว่าลืมไปแล้วเสียอีก

“พี่...ผมยืนยันนะ...จะเกือบยี่สิบปีก่อน หรือตอนนี้ ผมมีความสุขได้เพราะพี่จริงๆ พี่อาจจะคิดว่าครึ่งปีมันเร็วเกินไป หรือคิดว่าบ้านพี่จะไม่ชอบผม บ้านผมจะไม่ชอบพี่ ผมเชื่อว่าเราทำให้มันโอเคได้ พี่ก็เห็น เราทำงานเหนื่อยทุกวัน เราก็อยากมีความสุขกันทั้งนั้น แรกๆผมไม่อยากทำเลยที่นี่ ผมคิดว่าผมไม่พร้อมจะทำงานด้วยซ้ำ ผมอายุเท่านี้เองพี่ ยี่สิบสองย่างยี่สิบสาม เพื่อนผมยังออกเที่ยวเดินทางอยู่เลย”

“...”

“แต่เพราะออฟฟิศมีพี่ ผมเลยอยากมา อยากทำ อยากอยู่กับพี่หมวยนานๆอยากอยู่ใกล้ๆพี่...  โธ่พี่... ผมกินข้าวไม่ได้กินหญ้า ความรู้สึกแบบนี้มันคือชอบ” อ้าว...คุณชุนพูดแบบนี้กระทบเราสิ ก็เราไม่รู้อะ กลัวคิดไปเองไง เรานิ่งเงียบไปพักใหญ่ ก็เลยได้แต่ตอบคุณชุนแกไปเบาๆ

“พี่ว่าเรา..ดูๆกันไปก่อนดีไหม?”

“...”

“พี่ไม่เคยมีแฟนนะ และคุณชุนก็ดีกับพี่มาก แต่ถ้ามันปุบปับไปพี่ก็กลัวเหมือนกัน ถ้าไปเรื่อยๆแล้วมันลงตัว...”เราพูดไม่หมด หน้าเราร้อนไปหมด แม้แต่ละคำมันธรรมดาเหลือเกิน ทว่ามันอึดอัดราวกับรายงานหน้าชั้นครั้งแรก เราทั้งประหม่า มือมีแต่เหงื่อ กลัวไปหมด กลัวตัวเองคิดผิด กลัวคุณชุนไม่เข้าใจ กลัวอะไรหลายๆอย่าง... ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากคุณชุน เรากลั้นใจเงยหน้าอีกครั้งก็เจอเข้ากับรอยยิ้มของแก

“ได้ครับ...เราจะไม่รีบ...เราจะค่อยๆไป”

รอยยิ้มของคุณชุนตอนนั้นมันทำเราตาพร่า เรานึกถึงรอยยิ้มของแกสมัยเป็นน้องติ๋มเทอร์โบที่หัวเราะทีเหมือนหน้ากากแปะยิ้ม เป็นยิ้มบริสุทธิ์เหมือนกับเราสองคนย้อนไปวัยเด็ก และตอนนั้นเราคิดว่าเราตัดสินใจถูก เราเองก็อยากให้เวลาพิสูจน์อะไรหลายๆอย่างเช่นกัน...



สรุปคือเรากับคุณชุนก็กลับมากรุงเทพโดยปลอดภัย คืนนั้นต่างคนต่างนอนบนเตียงเดียวกัน ไอ้อี้พอรู้เข้าก็สาปแช่งใหญ่ขอให้เราขึ้นคาน มันบอกมันจะแช่งเราจนกว่าแบตจะหมด เราก็เอ้า...นี่ก็ดูๆกันไปก่อนแล้วนะ ไม่ใช่ไม่คืบหน้าอะไรเสียหน่อย มันก็บ่นให้อีกสองชุด มันบอกป่านนี้แล้วเป็นฝั่งเป็นฝาเถอะ จะชายจะหญิงก็รีบๆมีก่อนรถด่วนจะขบวนหมด เราอยู่กับมันมาห้าปี มันเหมือนแม่เราอย่างนึงคืออะไรที่มันไม่พอใจมันเอามาบ่นรีรันซ้ำอย่างกับละครช่องเคเบิ้ล เป็นคนสะอาดด้วยเพราะชอบด่าเช็ด อีกข้อคือไม่เปย์เพราะเป็นคนด่าไม่เลี้ยง

ส่วนคุณชุนทุกอย่าง(สำหรับตัวเรา)ก็เหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือแกเริ่มออกนอกหน้า จะขึ้นเช็คสต๊อกคุณเขาไม่ยอมให้ใครจับตัวเราขึ้นกระเช้าเชียว ใครพูดแซวเรานิดเราหน่อยก็เหล่ตาเขียวปั๊ด ไอ้ดูๆกันไปก่อนไม่รู้ว่าใครดูใครกันแน่ ที่แน่ๆคุณชุนคงไม่ดูๆกับเราแล้ว เข้าห้องน้ำนานเกินห้านาทีแกโทรตามแล้ว บางทีก็อยากบอกว่ากำลังลำเลียงส้มตำออกมาอยู่ เคี่ยวกว่าตอนเป็นเจ้านายลูกน้องเสียอีก พอเราบอกว่าเพลาๆเสียหน่อย เขาจะนินทาเอาได้ แกก็ชอบเอามือเราที่ถูแก้มแล้วก็บอกว่า

“ก็ชุนหวงพี่หมวยนี่ครับ”

ปากหวานไม่พอ...มีท่าไม้ตายเป็นของตัวเองอีก คราวจะอ้อนจะออดคุณชุนชอบแทนตัวเองด้วยชื่อ ดูก็รู้แล้วว่าอยู่บ้านคงอ้อนแม่น่าดู และเหมือนเดิม...ใครที่คิดว่าตอนนี้เรากับคุณชุนดูๆกันอยู่ คงได้พากันไปซื้อของแพงของหรู ไม่มีสิทธิ์นะ... พารากอนนี่คือเดินให้เขาจูงไปรอบๆแล้วออกมา จะซื้ออะไรนี่ตลาดแพลทตินั่มอย่างเดียว จนเราต้องขอ บางสิ่งบางอย่างเราก็อยากใช้แบรนด์บ้าง อย่างน้ำหอม ลิปทากันปากแตก รองพื้นกลบรอยแดงรอยสิวเวลาไปพบลูกค้า ไม่ได้หน้าใสหน้าเด้งเหมือนคุณเขาเราก็ต้องพยายามหน่อย นั่นแหล่ะถึงได้มาเดินช็อปพารากอนบ้าง

ที่พูดนี่ไม่ใช่คุณชุนแกจะงกหรือแกจะเขียมกับเรา แต่แกลืม.. ลืมจริงๆ เดินเที่ยวเล่นก็นึกฟรีสไตล์ไปก่อน เพราะเดินซื้อของในมุมมองของแกคือตลาดนัด แกบอกเดินแล้วสบายใจกว่า พารากอนมีไว้กินข้าวเมนูพิเศษกับดูหนังแบบเก้าอี้โยกได้สำหรับแก แล้วตอนจะซื้อของใช้นี่คุณชุนไม่ให้เราออกสักบาท แกบอกตัวแค่นี้แกเลี้ยงได้ อยากได้อะไรให้บอก นี่ถ้าคุณเขารู้ว่าเรายังแอบใช้โฟมล้างหน้าเคที่ดอลของเซเว่นซองละห้าบาทมีหวังโดนดุเป็นมั่นคง ขนาดดูๆกันนะยังเป็นขนาดนี้ ถ้าเราตกลงคุณชุนคงไม่ได้เป็นแฟนเราหรอก คงข้ามเลเวลเป็นพ่อเราเลยทีเดียว

ชีวิตขี้ข้าทูนหัวของบ่าวอย่างเราก็ยังดำเนินไป จนกระทั่งไอ้อินโทรมาหา ตอนแรกเราก็แปลกใจว่าเบอร์ใครทำไมไม่คุ้น แรกๆก็ไม่ได้รับแม้มันจะโทรตื๊อมาอีกสองสามรอบ จนมันส่งข้อความมาบอกนี่แหล่ะว่ากูอินเองนะเว้ย ตัดสายหาอาป๊ามึงเหรอ นั่นแหล่ะถึงได้กดรับสายมัน สอบถามกันไปมาก็ว่ามันกำลังเรียนต่อโท มีแฟนทำงานอยู่การบินไทย นานๆจะเจอกันสักชาติหนึ่ง (ตอนแรกเราก็คิดว่าแฟนมันเป็นแอร์โฮสเตส ที่ไหนได้แฟนเป็นสจ๊วต) ส่วนไอ้บี๋ขึ้นวอร์ดแล้ว ตรวจคนไข้แล้ว ก็เลยว่าจะนัดเจอกันตรุษจีนปีหน้า... ใช่ ปีหน้า เพราะตอนนี้ทำงานหาเงินกันงกๆ ไอ้อินยังยอมรับเลยว่ามันก็รับงานเสริม พวกงานกฏหมายเล็กๆน้อยๆ สังคมจริงมันไม่ฟรุ้งฟริ้งเหมือนในละครที่พระเอกเอาแต่ขับรถแพงๆร่อนไปวันๆ ทุกชีวิตดิ้นรน พูดแล้วก็คิดถึงสมัยเก่าๆนะ แค่มีพ่อแม่กับเงินห้าบาทก็มีความสุขแล้ว

ถอนหายใจสองเฮือกก็มาถึงวันเสาร์อีกครั้ง วันนี้เรากลับไปนอนบ้าน แต่ที่ไม่ธรรมดาคือมีคุณชุนแกเกาะมาด้วย เห็นว่าเจ้าสัวสมคิดกับคุณนายลดาพาคุณแจ็คไปเที่ยวเกาหลี ไปตั้งแต่วันพฤหัส พูดถึงเกาหลีแล้วมีคดีอยู่อย่าง เราไม่รู้จักนักร้องบ้านเขา รู้จักแต่อาหารกับละครและเครื่องสำอาง มีอยู่วันนึงคุณชุนถามว่าเอาอะไรไหม เรานึกว่าแกจะใช้เด็กลงไปเซเว่นเลยบอกไปว่าเอากั๊ฟเซเว่นมาแก้วหนึ่ง ปรากฏว่าไม่ได้ของ เราก็ไม่ได้ติดใจอะไรนะ เด็กอาจจะลืม ที่ไหนได้จริงๆคุณชุนโทรคุยกับเพื่อนที่ไปเที่ยวเกาหลีว่าเอาของฝากอะไรไหม จากน้ำกั๊ฟเซเว่นเลยได้เป็นซีดีวงก๊อตเซเว่น นักร้องบ้านเขาแทน ก็เลยโดนคุณชุนล้อเรามาจนทุกวันนี้

กลับมาปัจจุบัน เพราะคนที่บ้านไม่อยู่ แกเลยไม่อยากนอนคอนโดคนเดียวหรือกลับบ้านคนเดียว บ่นว่านอนคนเดียวมาหลายวัน วันนี้ขอนอนหลายคนบ้าง ก็ตามใจแกไป โทรไปบอกพ่อว่าคุณชุนจะมานอนกับพ่อนะ เห็นเราแอบชอบแบบนี้แต่เราไม่ง่ายนะ ไอ้อี้เคยเล่าว่าถ้าโดนแอ้มทีนี่เหมือนท้องเสียแบบไม่พักเลย กลัวสิ แค่นึกถึงตอนเอาส้มตำออกก็ทรมานท้องไส้ งั้นก็แบบนี้แล้วกัน ปลอดภัยไว้ก่อน

คุณชุนขับรถพาเรากลับมาบ้านพร้อมกับเสื้อผ้าจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นของใช้เราเองเพราะเต็มห้อง เพราะคุณชุนบอกว่าเป็นแฟนเมื่อไหร่ต้องย้ายไปอยู่กับแกนะ นี่ก็ดูกันมาครบเดือน ครบรอบที่เมียงๆมองๆกัน พอมาตอนนี้เราถึงได้รู้ว่าการที่เราพูดว่าดูกันไปก่อน ความจริงมันไม่มีอะไรให้ดู ไม่รู้จะดูอะไร พูดไปอย่างนั้น ทุกวันนี้ก็เหมือนแฟนกัน แต่ไม่แตะต้องตัวกันเกินเลยจนไอ้อี้มันแซะมาจากดอยสุเทพว่าเรานี่รักนวลสงวนตัวกว่าเด็กแถวบ้านมันเสียอีก ไม่รู้ล่ะ เราไม่ชอบท้องเสีย

มาถึงบ้านก็พบว่าแม่ดีอกดีใจที่คุณชุนมานอนบ้าน พอรู้จากพ่อก็ไปตระเวนซื้อกับข้าวมาเอาอกเอาใจยกใหญ่ พ่อเรานี่กอดแล้วกอดอีก ชมเปาะว่าโตเป็นหนุ่มหล่อจนคุณชุนแลบลิ้นเลียปากแผล่บๆเพราะแกเขิน แม่ซื้อทั้งหมูอบหมูกรอบจากร้านก๋วยจั๊บแถวโรงแรมไชน่าทาวน์  ขนมปังช็อคโกแลตกับมะม่วงน้ำปลาหวานที่เจ๊จุ๋มชอบให้ซื้อไปให้แกทุกครั้งเวลาเรากลับมานอนที่บ้าน ขนมจีบกุ้งฮั่วเซ่งฮง ทั้งขนมอิ่วก้วยที่ตอนนี้หายากแล้ว มันหน้าตาคล้ายๆกะหรี่ปั๊บ ข้างในเป็นไส้ผักกินกับซอสพริก เราจำได้เพราะเมียโกเล้งแม่ไอ้บี๋ชอบทำขายตอนเรายังเด็ก แม่ซื้อของสดมาอย่างเดียวคือของทำก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ เพราะคุณชุนอยากกิน แกเห็นว่าลูกค้าแนะนำว่าอร่อยอยู่ร้านหนึ่ง แต่แม่บอกไม่อร่อยแล้ว น้อยก็น้อย ดีไม่ดีจะโดนแม่ค้าด่าให้เสียอารมณ์เอาอีก เดี๋ยวแม่ทำให้กินเองเสียดีกว่า

กลับมาบ้านทีไรเรานึกถึงสมัยก่อนบ้านเราคือห้องแถวไม้ชั้นเดียว นอนกางมุ้งสามคนพ่อแม่ลูก พอเราโตหน่อยแม่ก็เอาผ้ากั้นห้องให้อ่านหนังสือ แม่เราเย็บผ้าเก่งมากทั้งเย็บมือเย็บจักร เคยรับผ้ามาเย็บที่บ้าน แต่เขาก็เปลี่ยนไปเป็นโรงงานหมด พ่อไม่เคยให้แม่ทำงานนอกบ้าน พ่อบอกว่าตอนไปขอแม่มา พ่อสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ให้แม่ลำบาก และถ้าแม่จะลำบากก็ต้องลำบากน้อยที่สุด จนตอนนี้อาม่าอากงเราไปเป็นเทพเจ้ากันหมด พ่อก็ยังรักษาสัญญาอยู่ พ่อกับแม่ไม่ให้เราเรียกอาป๊าอาม๊าตั้งแต่เปลี่ยนนามสกุล ให้เรียกพ่อกับแม่ พ่อบอกว่าจะเปลี่ยนแซ่เปลี่ยนตระกูลก็ต้องเอาให้สุด อินดี้ไม่มีใครเกินพ่อเราแล้วล่ะ

เราไม่ได้บอกพ่อกับแม่นะว่าเป็นอะไรกับคุณชุนนอกจากเจ้านายลูกน้อง ก็เพราะไม่บอกนี่แหล่ะพ่อเลยให้ไปนอนด้วยกัน พ่อพูดเหมือนคุณชุนเป๊ะว่าผู้ชายด้วยกันกลัวอะไร (ทุกวันนี้เห็นเงาพ่อซ้อนทับคุณชุนไปหมดจนไอ้อี้ว่าเราประสาทหลอน) เรานั่งเก็บข้าวของเล็กๆน้อยๆสมัยเรียนที่เอามาดูเล่นเป็นความทรงจำ สักพักมือเย็นๆก็มาแตะไหล่ให้สะดุ้ง ก็รู้ล่ะว่าคุณชุนแต่ทำไมชอบแกล้งเรานักก็ไม่รู้

“พี่ตกใจหมด มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง”

“เผื่อพี่หมวยตกใจจะได้กอดผมบ้างไงครับ”คุณเขาว่าพลางนั่งแปะลงใกล้ๆ

“พี่ตกใจพี่สับศอกอย่างเดียวนะ”

“ใจร้ายไปแล้ว...ทำอะไรอยู่ครับเนี่ย”

“คิดถึงสมัยเด็กๆอยู่ครับ ตอนนั้นพวกเราไม่ต้องมีภาระอะไรมากมาย หนักสุดก็กรอกน้ำเข้าตู้เย็น ดูตอนนี้สิ ต้องทำนั่นรับผิดชอบนี่ เหมือนเกิดมาทำงานแล้วก็ตายเลย”

“เพราะเราไม่ใช่เด็กแล้วยังไงล่ะครับ เดี๋ยวพอเราแก่ตัวไป เราก็ไม่มีโอกาสได้ทำงานหนักแล้ว อย่าไปคิดมากเลยพี่ ชีวิตนึง เราเต็มที่กับมันก็พอ”

“เห็นคุณชุนพูดแบบนี้แล้ว คิดถึงตอนเด็กๆจัง ฉายาคุณชุนน่ะ”

“เกลียดฉายามากครับ ไม่รู้ไอ้คนตั้งมันไปอยู่ไหนแล้ว”เราหัวเราะให้กันอยู่พัก จนเราเพิ่งรู้ตัวว่าคุณชุนแกกอดเอวเราเอาไว้อยู่ เราหันหน้าไปมองคุณชุนที่ระบายยิ้มออกมาพลันกระซิบบางเบา

“รักพี่นะ”

“...”

“สุขสันต์ครบรอบดูๆกันหนึ่งเดือนนะครับ”

แม้จะฟังแปร่งๆ แต่ที่ตามมาไม่แปร่งเลย คุณชุนค่อยๆเอามือแตะข้างแก้มเรา แกเชยคางเราขึ้น หรุบตาลงมองปากเราสักพัก เราหลับตาแน่นจนรู้สึกถึงบางอย่างนิ่มๆแตะลงที่ปาก และเราเองก็ไม่ได้ขัดขืนเพราะนั่งตัวแข็งทื่อเป็นเสาชิงช้า ไอ้อี้มันคงหัวเราะฟันร่วงถ้ารู้ว่าเราเกิดมาจวนจะเบญจเพสเพิ่งมีจูบแรกกับเขา

คุณเคยมีจูบแรกกันมั้ย? จูบแรกของคุณเป็นยังไงเหรอ?

สำหรับเรา จูบแรกเราเหมือนก้าวลึกลงไปในความรู้สึก ในนาทีนั้น ปากเราร้อน หน้าเราร้อนผ่าว กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวคุณชุนเหมือนโอบกอดเราไว้ เหมือนเพ้อเจ้อนะ แต่มันรู้สึกเหมือนเราบินได้ เหมือนเพิ่งเข้าใจคำพรรณนาในบทเพลงรัก ความรู้สึกที่มีตอนนี้ เพลงรักสักร้อยบทเพลงก็ไม่พอ เพราะเราก็ไม่ได้ต่างกับคุณชุนสักเท่าใด เราเคยบอกแล้วใช่ไหม เราไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบผู้ชายทุกคน แต่เราคือผู้ชายที่ชอบคุณชุนที่เป็นผู้ชาย..

ติดค้างลงทุกโสตประสาท ไม่ใช่แค่ริมฝีปาก แต่มันลึกซึ้งลงไปถึงความทรงจำ...




สิบแปดกันยายน... พี่หาญศักดิ์ได้มีจูบแรกกับน้องติ๋มเทอร์โบ...
(ตลกเนอะ...ชื่อเนี่ย)

:D
แท็ก #คุณชุนพี่หมวย จ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น