วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558

[SF] หมวย (Sehun x Luhan) (4)









Title: หมวย (4)
Image: SEHUN x LUHAN
Author: RUNAWAY05


Note: กลับมาบ่นแล้ว..


วันต่อมาเรามาทำงานปกติ ได้แวะไปหาเจ๊จุ๋มเพราะแกโทรเรียกไปกินตำข้าวโพด (ขณะที่คุณชุนแกออกไปธุระกับเจ้าสัว กำชับให้เราอยู่ในออฟฟิศห้ามไปไหน) ก็ได้รู้ว่าบัญชีมีคนมาใหม่แทบเราแล้ว ชื่อน้องมิน เป็นสาวหน้าหมวยแก้มกลมผมยาว สนิทกับเจ๊จุ๋มไวเหมือนกัน เจ๊จุ๋มเห็นแบบนี้แกยังไม่มีสามีนะ เป็นสาวเข้มแข็งอยู่แบบวิถีฮิปสเตอร์ โลกส่วนตัวเจ๊แกสูง แบกเป้ไปปีนเขาคนเดียวแกก็ไปมาแล้ว เจ๊จุ๋มบอกว่าถ้าแกต้องมีผัว แล้วต้องเอาเงินไปเลี้ยงผัว แกไม่เอาหรอก แต่จะให้ใครมาเลี้ยง แกก็ไม่เอาอีก แกว่าโลกนี้มันไว้ใจใครไม่ได้ มีความสุขกับตัวเองกับพ่อกับแม่น่ะดีแล้ว ใครมีแฟนแล้วดีก็ดีไป แต่แกไม่เอา ไม่มี จบกัน

ส่วนน้องมินนั้นไม่ถึงขั้นเจ๊จุ๋ม (แต่ก็เกือบๆ) ที่น่าทึ่งคือ น้องมินเป็นผู้หญิงที่ไม่ใจสั่นหวั่นไหวอะไรกับคุณชุนเลย น้องเขาบอกไม่ใช่สเป็ค แถมให้สัมภาษณ์ว่ารำคาญผู้ชาย ไม่ใช่ไม่เคยมีแฟน แต่น้องไม่ฟิน น้องด่าผู้ชายให้เราฟังคงลืมไปว่าเราก็ผู้ชายละมั้ง แล้วก็ทิ้งท้ายว่ามีแฟนปวดหัว..มีผัวปวด... (เว้นนะ เราคิดว่าควรเว้นเอาไว้อย่างนั้นแหล่ะ) สรุปเราไม่ต้องกลัวเจ๊จุ๋มเหงาอีกต่อไป เพราะมีน้องมินมาคอยเป็นเพื่อนคุยอีกคนหนึ่ง และวันนี้ สบโอกาสว่างานเลิกไว ไม่มีเคสมีปัญหามากนัก เราก็เลยได้มีโอกาสไปดูหนังด้วยกันให้สมกับเป็นคู่ดูๆกันเสียหน่อย ซึ่งปกติไม่มีโอกาสดีงามมากขนาดนั้นหรอก

เราสองคนแต่งชุดทำงาน เสื้อเชิ้ตกางเกงสีดำ เพียงแต่เราสวมกางเกงแสลค แต่คุณชุนสวมยีนส์เพื่อความคล่องตัวของแก พวกเรายืนยิ้มแห้งๆให้กับพนักงานในช่วงสามทุ่มกว่าๆ ตอนแรกก็กะจะไม่มาดูดึกขนาดนี้ เพียงแต่ว่ากว่าเราจะเอาของไปเก็บ ไปรับผ้าที่คอนโดคุณชุนมาไว้ซักไว้รีด กินข้าวกันอีก มากมายจิปาถะ สุดท้ายเราสองคนก็ยังดั้นด้นมาที่สยามกันจนได้แม้จะดึกมากแล้วก็ตาม คุณชุนเดินวนไปวนมาหน้าเครื่องซื้อตั๋วหนัง ท่ามกลางผู้คนที่เลือกดูหนังที่ตนถูกใจ แต่กับเรา การดูหนังคือการดูผ่านช่องเคเบิ้ลพร้อมกับรีดผ้าหน้าพอกทานาคาไปด้วย ถ้าไอ้อี้โทรมาก็เปิดลำโพงเสียงดังฟังชัด ฟังหนังไปด้วยกันเลย สบายใจดี

“พี่อยากดูเรื่องอะไรครับ”คุณชุนหันมาหาท่ามกลางสายตาคนแถวๆนั้นที่จ้องมองผู้ชายตัวสูงผิวขาวเหมือนไข่ปอกที่ส่งยิ้มหวานมาหาเราที่กำลังทำหน้าไม่ถูก

“พี่ไม่รู้ครับ คุณชุนอยากดูอะไรล่ะ”

“ชุนก็ไม่รู้”น่ะ...มีการทำปากยื่นปากยาวเสียอีก คือถ้าจะไปดูหนังรักโรแมนติกมันก็จะแปลกๆความรู้สึกเราไปเสียหน่อย พอดีหันไปเห็นหนังสักเรื่องก็เลยชี้ไปสุ่มๆเดาๆเอา

“งั้นเรื่องนี้แล้วกันครับ”

“เอาจริงเหรอพี่?”

“ครับ”พยักหน้ายืนยันทั้งที่ไม่รู้หรอกว่ามันเรื่องอะไร เราไม่ดูหนังโรงมานานแล้ว ครั้งสุดท้ายที่จำได้คือไปกับไอ้อี้นี่แหล่ะ เรื่องอะไรก็ไม่รู้ไอ้อี้ซื้อที่เคาน์เตอร์ ไม่ต้องมากดกระดานแบบนี้ แล้วพอไปดู (นอน) ครั้งนั้นครั้งเดียว อีกวันห้างระเบิดเลยเพราะปฏิวัติอะไรกันก็ไม่ทราบได้ รู้สึกเป็นตัวซวยนิดๆเหมือนกัน

“โอ...เคครับ”คุณชุนลากเสียงพร้อมกับกดเลือกรอบหนัง และที่นั่ง จิ้มนั่นจิ้มนี้ เอาบัตรนี้รูดเอาบัตรนั้นเสียบ สักพักตั๋วหนังก็ออกมาจากเครื่องเป็นที่นั่งติดกัน อีกยี่สิบนาทีหนังเริ่ม เราก็ได้แต่เดินตามหลังคุณชุนแกเป็นลูกเป็ดไปที่เคาน์เตอร์ขายพวกป๊อบคอร์นและน้ำดื่ม สักพักจึงรู้สึกว่าคุณชุนแกเอามือมาพาดไหล่เราไว้เพราะพนักงานขายผู้ชายมองเรา แค่เขามองเฉยๆนะเนี่ย จะไม่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านขายข้าวขายของเลยหรือไร

“พี่หมวยเอาอะไรดี”

“แล้วแต่คุณชุนเลยครับ พี่กินอะไรก็ได้”เราพูดไปตามตรงเพราะไม่ค่อยเลือกกินถ้าไม่พิสดารมากจนเกินไป คุณชุนแกก็อมยิ้ม ชี้นั่นชี้นี่ก่อนจะส่งให้เรา ปรากฏเป็นป๊อบคอร์นและน้ำอยู่ในชุดคิตตี้สีฟ้า เราเหลือกตามองคุณชุนที่อมยิ้มหึหึแล้วดึงเราไปหาไปที่นั่ง

“มีแต่แก้วแบบนี้เหรอครับ”เราถาม ซึ่งคุณเขาก็พยักหน้าใส่

“ใช่ครับใช่ มีแต่แบบนี้”

“แล้วคนอื่น...”เราว่าถึงคนที่เดินถือป๊อบคอร์นเดินไปเดินมาอยู่อีกฝั่ง ก็แก้วปกติไม่เห็นจะมุ้งมิ้งแบบนี้เลยนี่นา สักพักก็เอาล่ะ..ดึงมือเราไปถูๆแก้มอีกละ

“พี่หมวยพิเศษกว่าคนอื่นกับชุนนะ..จะเหมือนคนอื่นทำไมละครับ”

“เอ้อ...”โรงหนังก็ไม่เว้นเสียเลยคนเรา เราเหล่มองไปรอบๆที่ยังมีคนซึ่งนั่งตามโซฟารอหนังเข้าฉายเหล่มองมาที่พวกเราสองคนเป็นระยะ คุณชุนก็รุงรังเหลือเกิน ไม่เกาะอยู่ใกล้ๆเปล่าเปล่า มือเมอก็จับก็บีบอยู่อย่างนั้นจนได้เวลาดูหนัง เราก็งงสิมันต้องเข้าที่ไหนเพราะมันมากมายไปหมดทั้งซ้ายขวาหน้าหลัง สุดท้ายก็ไม่พ้นคุณชุนพาเราไปตามระเบียบ ผ่านเครื่องสแกนเข้าไปด้านใน คุณชุนจูงมือเราไปนั่ง พอตอนจะนั่งไม่ยอมปล่อยมืออีก แกกระซิบบอกเราเบาเบาว่า

“โฆษณาอยู่ครับ ผมขอจับมือพี่จนกว่าหนังจะมานะ”

“พี่ไม่หายไปไหนสักหน่อยนะครับ”

“ชุนกลัวความมืดนี่ครับ”ยังมาทำตาใสใส่ เราก็ได้แต่พยักหน้าช้าๆ หลังจากพากันวางแก้วน้ำและป๊อบคอร์นเป็นที่ทาง เราก็หยิบมือถือมาปิดเสียงกัน ไม่เป็นไร เดี๋ยวหนังเล่นคุณชุนก็ไม่มาวอแวกับเราแล้ว

“...”

โถพ่อคุณ...

โฆษณาเล่นมาจะเป็นชั่วโมงอยู่แล้ว เมื่อไหร่หนังจะมาก็ไม่รู้ เพิ่งรู้ตัวว่าเสียรู้เด็กเข้าแล้วก็ตอนที่หันไปเจอคุณชุนนั่งยิ้มกริ่มกินป๊อบคอร์นตามองจอมืออีกข้างก็จับเราไว้นั่นแหล่ะ จนสุดท้ายเพลงสรรเสริญพระบารมีขึ้น ทุกคนลุกขึ้นยืนพร้อมกับเราสองคน เป็นอันว่าได้ดูหนังกับเขาเสียที... แต่ก็ใช่ว่าจะดูอย่างดีมีความสุข เพราดันเป็นหนังเลือดสาดเสียอย่างนั้น ข้างหลังก็เอาเท้าเตะๆที่นั่ง คนที่นั่งถัดเข้าไปด้านในก็เดินเข้าเดินออกไปมาเป็นระยะ ข้างหน้าก็เล่าสปอย เดี๋ยวพระเอกจะมาตรงนี้ เจอแฟนพระเอกตายหล่นลงมาตรงนี้ เรานี่หันไปมองกำแพงข้างบนแทนจอเลย จะโทษคุณชุนก็ไม่ถูกเพราะเราเลือกเอง

จนไปถึงฉากที่ตัวเอกตาย เท่านั้นแหล่ะน้ำตาเราไหลพรากๆ อินเหลือเกิน นึกโกรธคนร้ายก็โกรธ เสียเซลฟ์ไปหนึ่งระดับ ต้องเอาทิชชู่ที่พกไว้ในกระเป๋าห่อละห้าบาทมาซับน้ำตาออกโรง ชาวบ้านชาวเมืองก็มองว่าร้องอะไรนัก ก็เราเศร้าเราก็ร้อง คุณชุนก็หนีบชุดคิตตี้เดินยีหัวเราเป็นหัวหมาเดินออกมานอกโรง แกหันมายิ้มให้หรือกลั้นขำก็ไม่รู้ใส่เราอยู่อย่างนั้น

“ไม่ร้องสิครับ โอ๋ๆ”

“พี่ไม่อยากร้อง แต่มันไม่หยุดไหลอะ”เราว่าไปตามตรงมือก็ซับน้ำตาป้อยๆ คุณชุนแกก็จับกอดอยู่กลางห้าง(ที่ไม่มีคนแล้ว)เอนตัวไปมาเหมือนเราเป็นเด็กอนุบาล ยังดีที่ห้างจวนปิด ไม่มีคน ถ้าแกมาทำแบบนี้ตอนคนเดินไปเดินมา เราคงได้เผลอผลักแกกระเด็นให้โดนงอนแน่ๆ

“โอ๋เอ๋นะครับคนเก่ง เดี๋ยวไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นกัน”

“พี่ไม่ได้เห็นแก่กินนะครับ”บ่นพอเป็นพิธีก่อนจะรีบออกห้าง พวกเราสองคนถือชุดป๊อบคอร์นคิตตี้ขึ้นรถไฟฟ้าไปลงอโศก เที่ยวดึกแล้วผู้โดยสารก็เป็นคนต่างชาติที่กำลังจะออกไปเที่ยวกลางคืน เท่านั้นล่ะคุณชุนแกรีบล็อคเราไว้ตรงผนังข้างประตู นี่คงจะไม่รู้ล่ะสิว่าเรากลัวฝรั่ง เห็นเขามาถามทางทีแทบจะวิ่งหนี ไม่ได้มาหนีตอนนี้ด้วยหนีตั้งแต่สมัยอยู่เยาวราช เรากลัวฝรั่งจริงๆ แขกก็กลัว คนต่างชาติกลัวหมด ยกเว้นแต่คุณชุนนี่แหล่ะเพราะเราชิน เป็นน้องติ๋มเทอร์โบมาก่อนก็เลยไม่กลัว เราสองคนลงที่สถานีอโศก ย่างเตาะแตะลงมาจนถึงกลางบันได ผู้คนที่ลงมาด้วยกันก็เดินนำไปหมด แต่คุณชุนยังดึงมือเราไว้อยู่

“พี่หมวย”

“ครับ?”

มาเรียกแล้วก็ไม่พูด... เรียกแล้วก็จับจูบเสียอย่างนั้น ถึงเนื้อถึงตัวเหลือเกิน เพียงแต่แตะริมฝีปากเร็วๆแล้วก็ส่งยิ้มเหมือนหน้ากากแป๊ะยิ้มมาให้ คุณชุนไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากถือชุดเช็ตคิตตี้จูงมือนำเราไปตามปกติ เพราะสมงสมองเราไปหมดแล้ว ไม่เข่าอ่อนข้อเปลี้ยขาพับคากลางบันไดก็บุญ

นั่นแหล่ะ...วันที่เราไปดูหนังกับเขาเป็นครั้งแรกล่ะ...แถมน้ำตามาด้วย...



ตั้งแต่คบกันมา..ครั้งที่สองที่เราเสียน้ำตาคือช่วงฤดูหนาวซึ่งอากาศค่อนข้างหนาวเย็น…

เรื่องมีอยู่ว่าหลังจากคบกับคุณชุนได้สองเดือนกว่าๆ เราก็มีความคิดอยู่อย่างว่าจะซื้อรถไว้ขับเอง เผื่อให้พ่อแม่ท่านได้ไปเที่ยวกันในวันหยุด เราจึงได้ทำเรื่องผิดพลาด นั่นคือการขอให้คุณชุนหัดเราขับรถ...

เราไม่รู้มาก่อนว่ามันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างร้ายแรงสำหรับความสัมพันธ์ วันนั้นเราเตรียมพร้อมพอสมควร เราจำจากคุณชุนเวลาแกขับรถเวลาไปทำงานนอกออฟฟิศบ่อยๆ เราใช้รถกระบะเก่าๆซ้อมขับตรงลานหลังโกดังเก็บสต๊อคสินค้า ซึ่งห่างจากออฟฟิศไปห้ากิโล เรากลืนน้ำลายเอื๊อกเมื่อคุณชุนเดินมาเปิดประตูรถนั่งข้างๆเราที่เป็นคนขับ

“พร้อมมั้ยครับ”

“ครับ”เรารับคำ สตาร์ทรถ เริ่มเข้าเกียร์ เท่านั้นแหล่ะกระตุกหัวโยกทั้งคู่ เราตกใจมากรีบปล่อยมือ แต่คุณชุนก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ

“ใจเย็นๆครับ เอาใหม่นะ”

“...ครับ”เรารับคำหน้าแหย คุณชุนแกก็ค่อยๆสอน เราก็เผลอเหยียบผิดตลอด จะเหยียบเบรคเราก็ไปเหยียบคันเร่งเสียอย่างนั้น จนหวิดเสยกับตะแกรงกั้นรั้ว

“พี่หมวย..ชุนบอกแล้วว่าค่อยๆแตะ ซ้ายเบรก ขวาเร่ง มันไม่เหมือนมอเตอร์ไซค์นะครับที่เบรกเท้าขวาอะ”

“ขอโทษครับ...”

“อีกรอบนะครับ ถอยออกมาก่อน..พี่มองกระจกหลังด้วยดิ..อย่ามองแต่หน้าปัด”

“...”

“ค่อยๆเหยียบครับ..พี่หมวย..พี่ค่อยๆเหยียบนะ...พี่หมวยฟังผมก่อนดิ...พี่อย่าเพิ่งไปเร่งสิ”

“พี่...พี่กลัวนี่ครับ”

“ถ้าพี่กลัวพี่จะให้ผมมาสอนพี่ขับทำไมล่ะครับ เอาใหม่นะ”

“ก็พี่ไม่...”

ตึง!!

พูดไม่ทันจบดี รถที่เราขับก็ป่ายขึ้นไปเสยตะแกรงเหล็กอย่างจังทั้งที่มันมีฟุตบาทไว้กั้น ทุกอย่างเงียบสงัด เรานี่รับรู้ถึงรังสีที่คุณชุนกำลังแผ่ออกมา คุณชุนพูดถูก...เราเอาแต่กล้าๆกลัวๆไม่ยอมจำเสียที แต่ที่เรากังวลกว่าขับรถคือกลัวจะทำให้คุณชุนโมโหนี่แหล่ะ พวกเราเงียบกันไปนิ่งนาน... แม้คุณชุนจะไม่ได้ดุด่าเราสักคำ แต่เรารู้สึกว่าตัวเองโง่เหลือเกิน เราก้มหน้ากำพวงมาลัยน้ำตาร่วงเผาะเผาะ ก่อนจะเห็นคุณชุนยื่นมือมาดับเครื่องทั้งที่รถก็ยังคาตะแกรงกั้นรั้วแบบนั้น สักพักก็รู้สึกเหมือนเข็มขัดนิรภัยถูกปลด และคุณชุนแกก็ดึงเราไปกอดเอาไว้ แต่มันไม่ฟินเลยคุณเอ๋ย...เฟลจนฟินไม่ออกเลยล่ะ

“พี่ไม่ร้องไห้สิครับ..ชุนขอโทษนะ..ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง”

“พี่..พี่...”เราพูดไม่ออกไปเสียแล้ว มือสั่นปากสั่นไปหมด เรารู้สึกแย่เหลือเกิน น้ำตาไหลนองยิ่งกว่าดูหนังรอบนั้นเสียอีก คุณชุนแกก็เอานิ้วหัวแม่มือมาป้ายๆแก้มเราใหญ่

“ชุนสอนพี่หมวยขับไม่ได้หรอก...เดี๋ยวไว้ไปเรียนกับเพื่อนชุนนะ เขาแก่กว่าแหล่ะ เปิดโรงเรียนสอนขับรถ ไปเรียนเอาดีกว่านะ”

“แต่มันแพงนะครับ...”เราสะอื้นพลางเอ่ยเสียงอ่อยไปพลาง น้ำมูกน้ำตาไหลย้อยยิ่งกว่าน้องติ๋มเทอร์โบโดนล้อสมัยนั้นอีกแน่ะ

“เดี๋ยวชุนออกให้ พี่หมวยลงรถก่อนนะ เดี๋ยวชุนเอารถลง”แกว่าอย่างนั้นเราก็ได้แต่ต้วมเตี้ยมลงรถอย่างเหงาหงอย คุณชุนเลื่อนมานั่งที่แทนเรา สตาร์ทเครื่อง ค่อยๆถอยรถออกอย่างง่ายดาย ปรากฏว่าสีถลอก กันชนร้าว ยางแตกไปอีก ตะแกรงกั้นรั้วนี่บุบเหมือนโดนระเบิด เรานี่หน้าซีดหนักกว่าตอนโดนคุณชุนเงียบใส่อีก ยังดีที่คุณเขาไม่ได้พูดว่าจะหักเงินเดือนเรามาซ่อมรถหรืออะไร...


เราถึงสำเหนียกเอาตอนนั้นแหล่ะว่า...อย่าให้แฟนสอนขับรถ...


วันต่อมาคุณชุนก็ให้เวลาไปเรียนขับรถกับคุณเชนทร์ คุณเชนทร์เป็นเพื่อนคุณชุนแต่คุณชุนอายุน้อยกว่าคุณเชนทร์เพราะว่าคุณเชนทร์เกิดก่อนคุณชุน เนื่องสมัยเรียนมัธยมปลายคุณชุนเข้าเรียนอายุน้อยกว่าเพื่อนๆในห้องไปปีหนึ่ง

คุณเชนทร์แกหน้าตาใจดี พูดจาใจเย็นยิ่งกว่าคุณชุน เราเรียนขับรถสัปดาห์ละสองสามครั้ง ครั้งละสองสามชั่วโมง คุณเชนทร์ทั้งสอนขับไปข้างหน้าทางตรง เข้าเกียร์ เหยียบคั้นเร่ง เบรค ไปเรื่อยๆ จนเริ่มขับเลี้ยวตามทางแยก วนในถนน เพื่อจะได้กะระยะถูกเวลาเลี้ยว วนอยู่ประมาณสิบกว่ารอบ ลั่นเท้าไปก็หลายครั้ง แต่คุณเชนทร์ก็ไม่ดุเราสักคำ เราบอกว่าดุเราก็ได้นะถ้าเราไม่ถูก คุณเชนทร์ก็บอกว่า

“ไม่หรอกพี่ ใครๆก็ต้องหัดกันทั้งนั้น อย่างตอนผมหัดขับใหม่ๆพี่ชายผมหัดให้ มันด่าผมควายไปตลอดทาง”

“คุณเชนทร์เลยไม่อยากขับเลยใช่ไหมครับ คุณเชนทร์ตอบพี่ชายไปยังไง”

“อยากสิพี่ใครจะไม่อยาก โดนด่ามาขนาดนี้แล้ว แต่วันนั้นก็ไม่ได้หัดครับ ลากพี่ลงมาเตะปาก ต่อยกันอยู่ข้างรถ สุดท้ายผมก็หัดของผมเอง ฮ่าฮ่า”เอ้า...เป็นไปเสียอย่างนั้น แต่ก็ยังดีเพราะคุณเชนทร์แกเสริมขึ้นอีก “เพราะแบบนี้แหล่ะ...ผมเลยรู้ว่าถ้าไปกดดันมากๆคนหัดจะรู้สึกแย่ ผมก็รู้สึกแย่มาก่อน”

เราเงียบ

“แต่คนสอนจะโกรธกันบ้างก็ไม่แปลกครับ ทั้งห่วงคน ห่วงรถ ไม่ได้ดั่งใจ คนสนิทกันก็เผลอพลั้งดุด่าว่ากล่าวเพราความสนิทแต่ถ้ามาเรียนกับก็ไม่โดนหรอกครับ อย่างพี่ลูกค้าผม นักเรียนผม ผมจะดุด่าได้ยังไง”

“ถ้าพี่...ไม่ใช่ลูกค้าละครับ”

“ผมด่าจนพี่สตาร์ทรถกลับบ้านเองเป็นเลยครับ คือขี่หนีผมไปเลย ฮ่าฮ่า”

“...”นี่ก็ตลกเหลือเกิน เราส่ายหน้ายิ้มๆให้คุณเชนทร์ที่เริ่มสอนเราใหม่ ขับเดินหน้า ขับถอยหลัง ฝึกจอดเข้าซอง เอาหน้าเข้า ถอยหลังเข้า จอดเทียบฟุตบาท แกสอนหมด จะขับเสยแกก็ไม่ว่า แต่แกบอกว่าถ้ามีท้ายรถสิบล้อกับเสาไฟ แกขอให้เสยเสาไฟก่อน เพราะแกขี้เกียจเคลียร์กับพวกสิบล้อ...ว่ากันไป

ไม่นานนักเราก็ทำใบขับขี่ แล้วก็ขับรถโกดังคันเดิมนั่นแหล่ะออกถนนใหญ่ๆ แรกๆคุณชุนแกติดรถไปด้วย แกว่าถ้าตายก็ตายด้วยกัน จนหลังๆแกเริ่มปล่อยให้ไปตลาดซื้อกับข้าววันไหนทำงานในโกดังเช็คสต๊อก เราเริ่มขับคล่องพอๆกับเพิ่งมารู้ว่ารถแบบเกียร์ออโต้นี่มันขับง่ายกว่าเสียอีก เพราะเคยขับเอารถน้องมินไปล้างให้ตอนแวะไปส่งเอกสาร เจ๊จุ๋มรู้เข้าก็ดี๊ด๊าดีใจใหญ่ บอกให้เรารีบออกรถซะจะได้พาแกไปเดินสวนจตุจักรเสียบ้าง คราวนี้คุณชุนยิ่งหน้างอคอหัก หาว่าหัดขับรถไว้หนีแกเที่ยวล่ะสิ สุดท้ายก็ต้องไปตามง้อคุณเขาอีก เปลืองตัวอีก เดี๋ยวก็จับกอดจับหอม ไม่กอดไม่หอมก็จับจูบ เราก็ได้แต่เลยตามเลยไป


ก็คบกันอยู่สองคน ไม่ง้อกันเองก็ไม่รู้ไปง้อใครเหมือนกัน...

นี่ดูๆกันอยู่เฉยๆนะ...




:D
ดูกันสัก40-50ปี ...
แท็ก #คุณชุนพี่หมวย จ้า



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น