วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

[SF]Debutante {Shixun x Luhan x Sehun} 1/7










Title : Debutante
Author : RUNAWAY05
Pairing : Shixun x Luhan x Sehun
Type/Rate : Erotica /NC-19
Note : Debutante(เดบูตองส์) = หญิงสูงศักดิ์ที่เข้าสู่วงสังคมของผู้ใหญ่เป็นครั้งแรก



เมื่อรองเท้าผ้าใบแตะลงที่แผ่นกระเบื้องปูพื้น กลิ่นแอลกอฮอล์ก็ลอยเข้าแตะจมูกทันทีที่ประตูกระจกเปิดออก ท่ามกลางผู้คนที่เดินไปมาอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ร่างของเด็กหนุ่มกำลังหิ้วตะกร้าเยี่ยมไข้ตามมารดาต้อยๆอย่างไม่คิดเกี่ยงงอน ทั้งดวงตากลมหวานหรือริมฝีปากเล็กที่ขยับรับคำตามผู้เป็นแม่ซึ่งเป็นหญิงสาววัยกลางคน ความดูดีทั้งแม่และลูกทำให้คนในโรงพยาบาลบางคนที่เห็นคนทั้งสองเดินผ่านก็อดจะเหลือบตาไปมองไม่ได้

ลู่หานอายุสิบเก้าปีแล้วในปีนี้ เขาอาศัยอยู่กับมารดาเพียงสองคนหลังจากผู้พอจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เขายังเล็ก ตอนนี้เจ้าตัวกำลังศึกษาอยู่และช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม ปกติปิดเทอมของลู่หานคือการหางานพิเศษทำตามร้านสะดวกซื้อหรือร้านฟาสต์ฟู้ดทั่วไป เพราครอบครัวของเขาก็ไม่ถึงกับมีรายได้มากมายอะไรนัก มารดาขอเขามีอาชีพเป็นพยาบาลส่วนตัวแล้วแต่การจ้างตามครอบครัวที่พอมีอันจะกินและไม่มีเวลาดูแลคนป่วย แต่ในครานี้ทั้งแม่และลูกกลับไม่ได้ออกไปทำงานตามที่ตั้งใจไว้ กลับย่างเท้าเข้ามาในโรงพยาบาลที่ลู่หานได้ยินแต่เสียงร้องไห้และความรู้สึกเจ็บปวดเท่านั้น

“ป้าอึนบีแกไม่มีลูก แถมสามีก็ตายไปหลายปี เวลาเจ็บป่วยถึงได้ลำบากแบบนี้...พอแม่เข้าไปแล้วเอาส้มไปล้างแล้วแกะให้ป้าเขาหน่อยนะลูก”

“ครับแม่”รับคำด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลตามประสา ลู่หานเป็นคนเรื่อยๆและค่อนข้างเรียบร้อย ขยันขันแข็งตามการปลูกฝังของผู้เป็นแม่ และแน่นอนว่าป้าอึนบีเป็นเพื่อนของแม่ที่รู้จักกันมานมนาน จนป้าอึนบีมีงานทำที่ต้องไปนอนอยู่ที่บ้านเจ้านายเลยไม่ค่อยได้พบกัน นานๆจะเจอกันสักครั้งจนมาพบว่าป้าอึนบีได้ล้มป่วยลง หมอวินิจฉัยว่าต้องนอนพักรักษาตัวเป็นเดือน พ่อแม่รู้ก็ร้อนใจอยากจะมา...ลู่หานเองก็เช่นกัน เพราะป้าอึนบีคอยดูแลและเอ็นดูลู่หานมาตลอด เขาจึงรักใคร่เหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง

เมื่อทั้งคู่เข้ามาถึงห้องพักผู้ป่วย ก็พบว่าคุณหมอและพยาบาลกำลังตรวจอาการในตอนเช้าดังปกติ ลู่หานวางตะกร้าเยี่ยมไข้ลงพลันเดินไปล้างส้มตามคำสั่งของคนเป็นแม่ โดยเสียงของสตรีทั้งสองงคนก็เปิดปากพูดคุยกัน

“อึนบี..เป็นยังไงบ้าง หมอว่ายังไงหือ?”

“ต้องดูอาการไปก่อนล่ะ...ฉันคงจะตายแล้วละมั้ง”สตรีวัยกลางคนที่เจ้าเนื้อเล็กน้อยเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงจนได้สายตาถลึงไปเสียทีหนึ่ง

“ห้ามพูดแบบนี้อีกนะ...ว่าแต่ นอนห้องราคาแพงขนาดนี้..นายจ้างเธอเป็นคนจ่ายเหรอ?”

“ใช่แล้วล่ะ...แต่ฉันก็ต้องไปทำงานตามกำหนด ไม่มีใครดูแลบ้านให้เจ้านาย อีกหน่อยเขาก้คงจะไล่ฉันออก”

“ไม่ได้นะ! เธอจะไปได้ยังไงในเมื่อเธอป่วยหนักออกป่านนี้ ไปฝืนทำงานเดี๋ยวก็ล้มฟาดพื้นไปเสียหรอก”

“จะให้ฉันทำยังไง...ฉันต้องทำงาน ฉันตัวคนเดียว”

“เจ้านายเธอบังคับรึยังไง อย่างนั้นก็อย่าทำต่อเลย”

“อย่าเลย...ฉันไม่อยากหางานใหม่แล้ว เธอก็รู้ว่างานใหม่มันหายาก”อึนบีกล่าวแผ่วๆโดยที่เด็กหนุ่มก็เอาส้มเข้าวางพร้อมกับนั่งลงข้างมารดาที่ทำสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะมองลูกชายตนที่ยังส่งยิ้มให้อึนบีอย่างสุภาพ

“เอาอย่างนี้มั้ย...ให้ลู่หานไปช่วยทำแทนช่วงปิดเทอม แล้วเธอก็รักษาตัว นายจ้างเธอคงไม่ว่าอะไร”

“ได้ยังไงกันล่ะ? ลู่หานต้องทำงานนะ”คนป่วยแย้ง แต่หญิงวัยกลางคนกลับส่งยิ้มบางเบามาให้แทน

“ไม่เป็นไรหรอก ลู่หานไม่ทำงานพิเศษแค่ช่วงเดียวเอง เดี๋ยวปิดเทอมหน้าเขาก็ทำเหมือนเดิมล่ะ ห่วงแต่ตัวเองเถอะ...เธอตัวคนเดียว ไม่มีฉันกับลู่หานเธอจะอยู่ยังไงได้?”

“...”

“ตามนี้นะ ที่ใหม่ฉันให้อยู่ดูแลแค่สี่ชั่วโมง ฉันจะดูแลเธอเอง แล้วลู่หานก็ไปทำงานแทนป้าอึนบีนะ ไม่มีอะไรหรอกลูก แค่ทำงานบ้านเหมือนอยู่บ้านเรา แค่เกรงใจเขา เขาใช้อะไรก็ทำไปเถอะ ตกลงมั้ยจ๊ะ?”

“ได้สิครับ เดี๋ยวผมไปทำแทนคุณป้าเองนะ คุณป้าจะได้พักผ่อนเยอะๆ”ลู่หานส่งยิ้มให้หญิงบนเตียงคนไข้ที่มีสีหน้าตื้นตัน ตามความจริงพวกเธอก็มีกันอยู่แค่นี้ ต่างคนต่างไม่มีญาติที่รู้จักสนิทสนมกันเป็นอย่างดีนัก ดังนั้นหากมีอะไรดูแลแก่กันได้ แม่ของลู่หานก็พร้อมช่วยเสมอ

โดยส่วนตัวลู่หานไม่ได้รู้สึกอึดอัดขัดแย้งอะไรนัก ผู้เป็นแม่สั่งอย่างไรก็ทำไปตามประสา สองสามวันต่อมาลู่หานก็เก็บเสื้อผ้าจำนวนหนึ่งใส่กระเป๋าหิ้วขนาดย่อม นั่งแท็กซี่ไปตามที่อยู่ที่แม่วาดตามคำของเล่าของป้าอึนบี แต่ระหว่างทางนั้นโทรศัพท์มือถือของลู่หานก็ดังขึ้นเสียก่อน

“ครับแม่”

((ป้าเองลูก ป้ายืมมือถือแม่หนูมา...ลู่หาน อยู่ไหนแล้วจ๊ะ))

“ใกล้จะถึงแล้วครับผม”

((ป้าโทรไปบอกเจ้านายเอาไว้แล้วจ้ะ..ขอโทษนะที่ทำให้หนูลำบาก คุณผู้หญิงคงรอที่บ้าน เดี๋ยวเธอคงแจกแจงงานให้หนู))

“ได้ครับคุณป้า ไม่มีปัญหาครับ”

((ลู่หาน))

“ครับ?”

((ยังไง...หลังเที่ยงคืน...อย่าออกจากห้องนะลูก))

“เอ๊ะ?”

((ป้าหายดีแล้วจะไม่รบกวนจ้ะ ป้าวางก่อนนะ))

ลู่หานมองมือถือที่ถูกตัดสายไปโดยไม่ทันได้กล่าวตอบแม้แต่นิด กว่าปากจะอ้าเอ่ยรถก็จอดที่รั้วบ้านหลังใหญ่ในย่านชานเมืองพอดี ดวงตากลมโตกระพริบเล็กน้อยก่อนจะจ่ายค่าแท็กซี่แล้วรีบลง

สองเท้าของลู่หานเหยียบย่างลงพื้นซีเมนต์แห้ง ปนเปื้อนดินฝุ่นประสาขอบถนนรอบนอก เหล่มองรั้วเหล็กดัดขนาดใหญ่ที่น้ำเงินเข้ม มองผ่านเข้าไปก็พบบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง มีรถจอดสองสามคัน เขากลืนน้ำลายเล็กน้อยก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆแล้วกดกริ่ง ไม่นานนักชายวัยกลางคนก็วิ่งออกมาพร้อมกับส่องดูหน้าของเขา

“มาหาใครครับ?”

“ผม...ผมมาทำงานแทนป้าอึนบีน่ะครับ”ปากเล็กขยับย้ายคำตอบไปบางเบา โดยชายคนนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย

“งั้นเข้ามาก่อนนะ ฉันจะได้ไปบอกคุณผู้หญิง”ปิดรั้วก่อนจะวิ่งนำออกไป โดยลู่หานก็เหลียวมองสนามหญ้าที่ไม่ได้ตัดแต่ง แปลงดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาไปพอสมควร คาดว่าเพราะป้าอึนบีคงทำทุกอย่างคนเดียวจนถึงจุดที่ท่านต้องพักผ่อนแล้วละมัง

เมื่อมาถึงหน้าประตู ชายคนเดิมก็นำลู่หานไปยังห้องรับแขก ดวงตากลมโตมองบ้านหลังใหญ่ที่ค่อนข้างเรียบๆด้วยสีวอลเปเปอร์แบบนุ่มนวลโทนอบอุ่น ข้าวของเครื่องใช้ราวกับในละคร เด็กหนุ่มสาวเท้าไปยังห้องรับแขกก็พบหญิงสาวสวยคนหนึ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“หลานของอึนบีใช่มั้ยจ๊ะ...ชื่ออะไรล่ะเรา”

“สวัสดีครับ”เขาค้อมตัวทักทายตามปกติ “ชื่อลู่หานครับ”

“อายุเท่าไหร่แล้วเรา”

“สิบเก้าปีครับ”

“อืม...หน่วยก้านดี ยังไงก็ช่วยทำงานแทนอึนบีหน่อยนะ..ดีเหมือนกัน ฉันไม่อยากจะจ้างแม่บ้านสาวๆมาทำงานสักเท่าไหร่ สมัยนี้ไม่ใช่แค่คนหางานจะลำบาก คนจะจ้างก็ลำบากเหมือนกัน... จะให้ส่งเด็กที่บ้านใหญ่มาคู่แฝดเขาก็ไม่ยอม”

ลู่หานเลิกคิ้วเล็กน้อย โดยที่หล่อนก็กล่าวต่อ

“บ้านหลังนี้ลูกชายของฉันอาศัยอยู่ พวกแกไม่ยอมอยู่ที่บ้านใหญ่จ้ะ ไม่รู้เป็นอะไรของเขา แต่ก็ดีเหมือนกัน ที่นี่เงียบสงบดี เด็กๆพวกนี้ก็จะสอบกันแล้ว”ดวงตากลมโตเหลียวไปมองชายสองคนที่เดิมมานั่งตรงโซฟาตัวใกล้ๆ คนหนึ่งผมสั้นสีน้ำตาลหวีแสกข้างอย่างเรียบร้อยกำลังส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้เขา ส่วนอีกคนผมรองทรงสูงหน้าม้าสีดำ มองเขาหัวจรดเท้าก่อนจะไขว่ห้างเล่นมือถือต่อ

ทว่าที่ทำให้ลู่หานแปลกใจเล็กน้อยคือทั้งสองคนมีใบหน้าที่เหมือนกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน...

“นี่ลูกชายของฉัน..ซื่อชวินเป็นแฝดพี่”เธอผายมือไปทางชายที่ส่งยิ้มน้อยๆมาให้ ก่อนจะยื่นไปเล็กน้อยเพื่อแนะนำคนที่ยังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่เดิม “ส่วนนี่เซฮุน เป็นแฝดน้อง ทั้งสองคน..นี่ลู่หาน จะมาทำงานแทนป้าอึนบีนะ น้องยังเด็กอยู่ อย่าเอาแต่ใจกับน้องกันล่ะ”

“ครับแม่”เสียงนุ่มนวลจากผู้พี่ดังขึ้น โดยที่ผู้น้องก็พยักหน้าไปแกนๆ ลู่หานแอบถอนใจเล็กน้อยก่อนจะหันมาหาคุณผู้หญิงอีกครั้ง

“ส่วนเราก็ทำงานบ้านตามปกติล่ะ อึนบีคงบอกมาบ้างแล้วใช่มั้ย ยังไงฉันวานให้เราช่วยตัดหญ้าแล้วก็ล้างรถเพิ่มด้วยนะ ฉันจะจ่ายแยกให้เราด้วยแล้วกัน”

“ขอบคุณครับ”

“ถ้ายังไง มีอะไรก็เอาโทรศัพท์ที่นี่โทรไปหาฉันได้นะ ฉันต้องไปแล้วล่ะพอดีมีธุระต่อ”หล่อนลุกขึ้นก่อนจะส่งยิ้มให้กับลู่หานที่ค้อมศีรษะอย่างเจียมตัวกับคนรวย ทันทีที่รถของคุณผู้หญิงแล่นออกนอกบ้าน ซื่อชวินก็ลุกขึ้นเดินมาหาก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล

“ออกจากห้องนี้เลี้ยวซ้ายตรงไป จะมีห้องนอนของแม่บ้าน เอาของไปเก็บที่นั่นก่อนนะ... ฉันมีงานสังคมกับคุณพ่อ คงจะกลับดึก ล็อคบ้านเอาไว้เดี๋ยวฉันมาไขเอง วันนี้ก็แค่ทำความสะอาดครัวให้ก่อนก็แล้วกันนะ”

“ได้ครับ”

“แล้วเราจะกลับเมื่อไหร่เซฮุน”เอ่ยถามน้องชายที่สวมเชิ้ตและกางเกงเป็นสีดำล้วนที่ดีดตัวลุกขึ้นอย่างไม่มีแม้แต่เศษสายตาจะหันมามองลู่หาน

“เช้าล่ะ...ไม่ชอบนอนร่วมบ้านกับคนแปลกหน้า”

“เซฮุน”

“น่าเบื่อชะมัด คิดว่าไม่มีใครมาวุ่นวายแท้ๆ”พูดเท่านั้นก็สาวเท้าฉับๆออกไป ไม่นานเสียงรถสปอร์ตราคาแพงก็ดังขึ้นพร้อมกับรถสีขาวที่แล่นออกไป ลู่หานมองผ่านหน้าต่างก่อนจะหันมาเจออีกฝ่ายที่ทอดสายตานิ่งๆให้ราวไม่มีชีวิต

“ไม่ต้องคิดมากนะ เซฮุนเขาเป็นคนแบบนั้นแหล่ะ”

“ค..ครับ”




และนั่นคงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาพูดคุยกับเจ้านายคนใหม่ทั้งสองแบบยาวๆ...




สามสี่วันผ่านไปในบ้านหลังใหญ่แถบชานเมือง ลู่หานทั้งกวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้าล้างจานจวบจนทำกับข้าวตามประสาอยู่กับมารดาสองคน จึงต้องหัดทำเพื่อแบ่งเบาภาระ ลู่หานไม่รู้สึกลำบากยากเย็นอะไรนัก พองานเรียบร้อยก็อาบน้ำนอน เขาลืมเรื่องที่ป้าอึนบีบอกไว้เสียสนิท เพราะหัวถึงหมอนก็หลับไปโดยง่ายเนื่องจากงานบ้านที่นี่ก็ไม่ใช่เล่นๆสักเท่าใด

ส่วนลักษณะนิสัยของเจ้านายของป้าอึนบี ไม่แตกต่างกับที่ป้าอึนบีชอบโทรมาเล่านัก คุณซื่อชวินเป็นหนุ่มที่แม้จะปรากฏตัวตามงานสังคม แต่ก็เป็นผู้ชายเรียบง่าย และห่วงใยคนอื่นประสาคนเป็นพี่ชาย แม้จะเห็นกันเพียงเสี้ยวหนึ่งก่อนออกไปทำงาน ก็เอ่ยทักทายอรุณสวัสดิ์จนเป็นเรื่องเคยชิน เท่าที่ลู่หานรู้คือคุณซื่อชวินจะเข้ามาดูแลกิจการแทนคุณท่านซึ่งเป็นบิดาแท้ๆจึงต้องทั้งเรียนการบริหารไปด้วย และฝึกงานกับทางบริษัทไปด้วย ส่วนคุณเซฮุน...ลู่หานเห็นครั้งเดียวแค่ตอนที่มาบ้านหลังนี้ครั้งแรกเท่านั้น เท่าที่ได้ฟังมาจากป้าอึนบี คุณเซฮุนไม่ค่อยอยู่บ้านสักเท่าใด นานๆจะมาครั้งหรือหอบหิ้วหญิงมาด้วย คุณเซฮุนเรียนถ่ายภาพ นิสัยเอาแน่เอานอนไม่ได้ ภาพลักษณ์จึงเป็นหนุ่มไฮโซที่ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันราวสนิมสร้อยผิดกับพี่ชายฝาแฝด

หลังจากเก็บผ้าที่ตากมารีดแล้วจัดวางตามตะกร้าและแยกราวตามเจ้าของอย่างเรียบร้อย ลู่หานที่วันนี้สวมเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วนก็ปาดเหงื่อบนใบหน้าก่อนจะหันไปจัดการส่วนของครัว เขาเปิดน้ำในตู้เย็นดื่มแก้กระหายในบรรยากาศบ้านอันแสนเงียบเชียบ ก่อนจะได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามา ลู่หานออกไปดูก็แปลกใจเล็กน้อยที่คุณซื่อชวิน ปรากฏตัวในตอนสี่โมงเย็น ทั้งที่ปกติจะกลับก็สองสามทุ่ม

“แปลกใจเหรอ? วันนี้ไม่มีสอนงานเพิ่มน่ะ ฉันเลยกลับมาเร็ว”

“อ๋อ..ครับ”ลู่หานรับเสื้อสูทและกระเป๋าของเจ้านายไปจัดวาง ก่อนจะเดินไปรินน้ำให้กับเจ้าตัวที่เดินตามเข้ามาถึงในครัว

“เย็นวันนี้จะทำอะไร? ให้ฉันช่วยมั้ย?”

“เอ๊ะ? ไม่ดีกว่าครับ คุณซื่อชวินพักผ่อนเถอะครับ”

“ให้ฉันนั่งๆนอนน่าเบื่อแย่ มาเถอะ มื้อเย็นเราจะกินอะไรกันดี”ชายหนุ่มลุกขึ้นร่นแขนเสื้อเชิ้ตสีครีมขาวจนถึงศอก เส้นผมเรียบมันสม่ำเสมอนั้นทำให้ลู่หานอดเหลือบมองเล็กน้อยไม่ได้ ชายหนุ่มย่างเท้าเข้าส่วนเคาน์เตอร์ครัวก่อนจะเอ่ยเบา “เอาสิ จะทำอะไรกินกันดี”

“ผมว่าจะทำพริกยัดไส้กับซุปน่ะครับ”

“อา..ได้สิ ให้ฉันช่วยตรงไหนบ้าง”

ลู่หานไม่อยากจะเชื่อนักที่จู่ๆเจ้านายก็มาอาสาช่วยคนใช้ทำกับข้าว...แต่ก็ไม่ได้คิดปฏิเสธอะไรอีกเมื่อเห็นท่าทีตั้งอกตั้งใจของอีกคน ใบหน้าของพี่น้องบ้านนี้ช่างแปลกจมูกโด่งๆช่างขัดกับริมฝีปากที่แทบเรียบไปกับใบหน้า ไหนจะดวงตาคมกริบที่ลู่หานไม่กล้าสบกลับนานๆนั้นอีก เป็นความแปลกที่ค่อนข้างลงตัวจนไม่แปลกใจถ้าจะมีคนหลงใหลในทั้งคู่ และทั้งที่ลู่หานมาเป็นคนใช้...ทว่าในเวลานี้เหมือนคุณซื่อชวินจะดูแลเขาเสียมากกว่าเขามาดูแลซะอีก

“เรียบร้อยแล้วล่ะ ให้ฉันยกลงเลยมั้ย?”ชายหนุ่มถามและได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าบางเบา ก่อนจะถามด้วยคำถามที่บางเบาเช่นกัน

“แผ่นรองหม้ออยู่ที่ไหนเหรอครับ?”

“น่าจะอยู่บนนั้นนะ”ซื่อชวินตอบ โดยร่างเล็กก็ปีนบันไดเล็กขึ้นไปเปิดตู้ดู ก่อนจะพบแผ่นรองก้นหม้ออยู่ในนั้น ลู่หานเอื้อมมือไปหยิบมา ก่อนจะก้าวขาลงมาข้างหน้า ทว่าจังหวะก้าวที่พลาดทำให้เจ้าตัวเสียหลักล้มไปข้างๆแทน

“โอ๊ะ!

“ระวัง!

เสียงโครมครามดังขึ้นในบ้านที่เงียบเชียบ แต่เพียงครู่เดียวก็สงบ บนพื้นที่ทำครัวปรากฏบันไดขนาดเล็กล้มไปทางหนึ่ง แผนรองหม้อกระเด็นไปอีกที่ และร่างของลู่หานที่ล้มทับลงบนตัวของซื่อชวิน... เขาลืมตาขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้รับกลิ่นกายของอีกฝ่าย เป็นกลิ่นที่ลู่หานไม่เคยรู้จักมาก่อน ครั้นมองให้ดีก็พบว่านี่คงเป็นแผงอก เนื้อตัวของลู่หานสัมผัสแทบจะทั้งตัวของอีกฝ่ายทั้งมือและอกที่แตะต้องแผงอก ทั้งหน้าท้องแนบชิด ลู่หานหน้าร้อนฉ่าเมื่อหน้าขาสัมผัสบางสิ่งที่แข็งตึงจนน่าประหวั่น รวมทั้งสองขาที่เสียดเคียงเลียบไปตามพื้น

“อา..เจ็บจัง”

“?!”เสียงเบาๆของซื่อชวินทำเอาลู่หานหันขวับ ก่อนจะยันกายลุกจากตัวของเจ้านายอย่างทุลักทุเลพลันรีบไปปิดแก๊สก่อนที่ซุปจะล้นออกมาเสียก่อน เมื่อเรียบร้อยดีจึงกลับเข้ามาดูแลชายหนุ่มที่ยันกายก่อนจะจับไหล่ตนเองบีบเบาๆ

“ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก..คราวหน้าระวังตัวด้วยนะ”

“ผมขอโทษครับ..คุณเจ็บตรงไหนอีกรึเปล่า ให้ผมทำแผลมั้ย?”เอ่ยถามอย่างกังวลใจ ก่อนจะเผลอคว้าแขนของอีกฝ่ายมาตรวจดู ท่าทีร้อนรนระคนห่วงนั้นทำให้ซื่อชวินเผลอยิ้มเอ็นดูอย่างไม่รู้ตัวนัก

“ฉันไม่เป็นไร..หืม?”อุทานพร้อมกับลู่หานที่เงยหน้าเลิกคิ้ว ก่อนที่ชายหนุ่มจะจิ้มนิ้วไปที่หัวเข่าของเด็กหนุ่ม เพียงเท่านั้นเสียงร้องก็หลุดเบา

“อ๊ะ!

“ว่าแล้วว่าต้องช้ำ...แดงซะขนาดนี้”

“...”

“เดี๋ยวฉันทายาให้นะ”ลุกขึ้นพลางทำท่าเหมือนจะอุ้มลู่หานไว้ในอ้อมอก เล่นเอาเด็กหนุ่มตกใจพลันสั่นศีรษะพัลวัน

“ผมทำเองได้ครับ..ไม่เป็นไรจริงๆครับ”

“ฉันทำให้นี่แหล่ะดีแล้ว...ฉันทายาเก่งนะ”เอ่ยเนิบเบาก่อนจะตวัดร่างคนใช้เข้าอ้อมอกอย่างไม่ได้ถามความพร้อมใดใด ลู่หานตัวแข็งทื่อเมื่อซีกขาของใบหน้าแนบไปกับแผงอกของอีกคนซ้ำหน กลิ่นกายหอมยวนจมูกยิ่งทำให้ไม่กล้าเงยมองอีกคน ลู่หานได้แต่อยู่นิ่งๆให้ซื่อชวินพาไปที่ห้องรับแขกอย่างไม่ได้โต้แย้งใดใด ร่างสูงนั้นวางเขาให้นั่งลงบนโซฟายาวอย่างถนอม ก่อนจะเดินไปเปิดตู้ยาซึ่งติดผนังอีกฝั่ง แล้วกลับมาพร้อมกับหลอดยานวดแก้ช้ำ

“เอ่อ..ผมทาเองได้จริงๆนะครับ”

“ฉันรู้ว่าทาเองได้..แต่ฉันจะทาให้ มีกันอยู่แค่นี้...ไม่ดูแลกันเองจะไปดูแลใคร”น้ำเสียงราวผู้ใหญ่ใจกว้างดังมาจากซื่อชวิน ก่อนจะจับขาของลู่หานขึ้นข้างหนึ่ง ถอดรองเท้าฟองน้ำวางลงกับพื้นและทำซ้ำกับอีกข้าง ลู่หานทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ ได้ยินแต่เสียงใจเต้นโครมครามเพียงแค่อีกฝ่ายนั่งหันหน้าเข้าหาพลางจับขาของลู่หานข้างที่ไม่เจ็บพาดไปบนตัก ส่วนข้างที่เจ็บก็ให้งอเข่าไว้พลันเปิดฝาหลอดยาแล้วบีบลงไปอย่างเบามือ... อุ้งนิ้วนั้นอบอุ่นตรงปลายราวกับมีคลื่นไฟฟ้า วนไล้เป็นวงกลมอย่างนุ่มนวลราวกับก้อนเมฆ ลู่หานทอดสายตามองใบหน้าคมคายของซื่อชวินที่เอาใจใส่รอยช้ำนั้น นิ้วยาวขยับแตะพร้อมกับใช้หัวแม่มือถูไถไปมาให้เนื้อยาซึมเข้าไปใต้ผิว

ในหูของเด็กหนุ่มลั่นด้วยเสียงหัวใจเต้นดังเมื่อซื่อชวินถอยนิ้วออก ก่อนจะใช้ปากเข้าใกล้หัวเข่าของเขาพร้อมกับเป่าลมใส่เบาๆ ริมฝีปากได้รูปที่ย่นลงเป่าลมให้ช่วงหนึ่งทำให้เห็นเรียวลิ้นเล็กน้อย ลู่หานรู้สึกขัดเขินจนไม่ไหวจึงได้ขยับตัวเบาๆ

“ผะ..ผมไม่เป็นไรแล้วครับ”

“แน่ใจนะ?”คิ้วได้รูปขยับยก

“ครับ..ผมไม่เป็นไรจริงๆ”

“ดีแล้ว งั้นนั่งตรงนี้ก่อนนะ ฉันขอไปอาบน้ำสักหน่อยเดี๋ยวเรามาทานข้าวกัน”

“ครับ..เอ๋?”กว่าจะนึกได้ร่างสูงโปรงก็สวมรองเท้าฟองน้ำเดินออกจากห้องรับแขกขึ้นไปชั้นบนแล้ว เรา..ก็หมายความว่าเป็นลู่หานกับอีกฝ่ายน่ะสิ เด็กหนุ่มเอื้อมมือกอดเข่าอยู่บนโซฟานิ่งๆ ก่อนจะเผลอกัดเล็บตามนิสัยเมื่อรู้สึกว่ากำลังไม่มั่นคง...เขาแค่รู้สึกว่าเขาเองกำลังจะรู้สึกเปลี่ยนไป เพียงเพราะกลิ่นตัว..สัมผัสทางกายเพราอุบัติเหตุ และตอนที่รู้สึกถึงสิ่งที่แข็งและร้อนวาบยามต้นขาไปสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจนั้น


ลู่หานจะไม่คิดอะไรเกินเลยอย่างเด็ดขาด...


มันเป็นเช่นนั้น...เพราะลู่หานไม่เคยมีประสบการณ์ความรักหรือมีคู่นอนแม้สักครั้งหนึ่ง เพราะอยู่กับมารดามาตลอด ทำงานช่วยกันดูแลบ้านเรียนหนังสือ เพียงเท่านั้นเวลาก็หมดไปอย่างไม่ได้สนใจให้ใครเข้ามาในชีวิต แต่เขากลับรู้สึกใจสั่นหวั่นไหวกับเจ้านายของป้าอึนบีมันไม่ใช่เรื่องที่เหมาะที่ควร เขามาที่นี่เป็นคนใช้ ควรทำหน้าที่ให้ดีมากกว่ามาคิดอะไรฟุ้งซ่านแบบนี้

แม้จะได้ทานข้าวร่วมโต๊ะกับคุณซื่อชวิน แต่บรรยากาศก็เงียบลงกว่าเดิมนิดหน่อย อาจเพราะเดิมทีคุณซื่อชวินไม่ชอบพูด และลู่หานเองก็ไม่ชอบพูดเช่นเดียวกัน ต่างคนจึงต่างทานอาหาร จนกระทั่งเสียงเจ้าของบ้านเอ่ยขึ้นเบาๆ

“ขอโทษนะ”

“ครับ?”

“รู้สึกแปลกรึเปล่า...เอ่อ..ที่ฉันทายาไปแบบนั้น ปกติฉันหกล้ม คุณแม่ชอบทายาแล้วเป่าลมให้บ่อยๆจะได้หายไวๆ”

“...”

“พอทำไปแล้ว..เห็นรู้สึกตะขิดตะขวง ฉันเลยไม่สบายใจน่ะ”คำกล่าวเนิบๆแต่คงกังวลทำให้ลู่หานเข้าใจความหมายได้ง่ายดายขึ้น เมื่อเห็นเจตนาดีดังนั้นจึงได้ส่งยิ้มให้อย่างบางเบา

“ไม่เป็นไรครับ..ผมตกใจเพราะไม่มีคนทำแบบนี้ให้..ก็เลยทำท่าทางไม่ดีไปหน่อย อย่าถือสาเลยครับ”

“ทำไมล่ะ? ปกติไม่มีคนทายาให้เหรอ?”

“บ้านผมหกล้มก็ต้องทายาเอาเองครับ ผมอยู่กับแม่สองคน มีอะไรแบ่งเบาภาระแม่ได้ผมก็ต้องทำ”

“พ่อไปไหนแล้วล่ะ”

“ท่านเสียตั้งแต่ผมเล็กๆแล้วล่ะครับ”

“อ่า..ฉันขอโทษนะที่ถามแบบนั้น”

“ไม่เป็นไรครับ...คุณไม่รู้ถึงได้ถาม”ลู่หานส่งยิ้มบางๆไปให้อีกครั้ง ก่อนจะทานข้าวต่อ สักพักจึงรับรู้ได้ถึงฝ่ามือของอีกคนที่ลูบศีรษะเบาๆ ดวงตากลมโตเบิกเล็กน้อยพลันหันไปมอง ก็พบรอยยิ้มนุ่มนวลของอีกคนส่งมาให้

“ไม่เป็นไรนะ...เราทำดีก็ต้องได้พบเจอสิ่งดีๆ คิดแบบนี้พ่อจะได้ภูมิใจนะ..ตัวแค่นี้ทำความสะอาดทั้งบ้านคงจะเหนื่อยน่าดู”

“มะ..ไม่หรอกครับ”

“เอาเถอะ...แล้วยังไงพรุ่งนี้ก็เข้าไปทำความสะอาดในห้องฉันได้เลยนะ เผลอล็อคเอาไว้คงเข้าไปไม่ได้ล่ะสิ”

“ครับ...”

“ถ้าเราสนิทกันแล้ว...เราคงมีเรื่องคุยกันเยอะขึ้น”ซื่อชวินกล่าวเพียงเท่านั้น ก่อนที่มื้ออาหารจะจบลง... เหลือเพียงแต่หัวใจของลู่หานที่รู้สึกไม่ปกติดี เขารู้สึกร้อนๆใบหน้ายามที่อีกฝ่ายจ้องมอง ยิ่งเวลาที่อีกคนยื่นมือมาแตะต้องมันทำให้เขารู้สึกราวกับไฟฟ้าช็อตไปทั้งตัว เขาไม่รู้แน่ชัดนักว่านี่คืออาการอะไรกันแน่

เมื่อย่ำค่ำมาถึง ลู่หานก็ข้านอนในห้องตามปกติ ส่วนคุณซื่อชวินก็พักอยู่ในห้องส่วนตัวเช่นเดียวกัน ลู่หานพลิกตัวไปมาอยู่บนฟูกจนจวนเคลิ้มหลับ จนไม่รู้ว่านานสักเท่าใดจึงได้ลืมตาขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงแว่วเบาเหมือนอยู่ไม่ไกลจากหน้าห้องพัก

“อา...เซฮุนคะ..อ๊า..แรงอีกค่ะ...อา...”

“?”เซฮุนเหรอ?

“อ๊า..อะ..อะ..โอ้..อา...ดีค่ะ..อา...”

ลู่หานลุกขึ้นนั่งพร้อมกับยกมือปิดปากเมื่อเสียงครวญครางของหญิงสาวดังลั่นก้องไปทั่วทางเดินหน้าห้องจนมาถึงห้องพักคนใช้ซึ่งอยู่ถัดครัวไปโดยมีห้องน้ำชั้นล่างคั่น เสียงตึงเหมือนชนอะไรสักอย่างดังขึ้นที่หน้าประตูทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้ง ก่อนจะก้มหน้าที่ร้อนฉ่าเมื่อได้ยินเสียงกระทบกระแทกเปียกชื้นราวย่ำเท้าลงบนแอ่งน้ำ ดวงตากลมโตมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาตีหนึ่งกว่า จึงได้นึกรู้ว่าคำเตือนว่าห้ามออกจากห้องหลังเที่ยงคืนของป้าอึนบีคืออะไร...

“อ๊ะ..อ๋า..อ่ะอ่ะอ่ะ..อ๊า..อ๊า..”

มือเรียวยกมือปิดหูชันเข่าเอาหลังชิดผนังขึ้นเหมือนเสียงนั้นลอยไกลออกไป ลู่หานลดมือลง รู้สึกร้อนไปทั้งตัว...เหมือนมีใครจุดไฟไว้ข้างใน จนสายตาเหลือบไปเห็นตะกร้าผ้าที่ใส่แล้ว จึงได้ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อที่ใส่ทำงานเมื่อกลางวันมาดมดู ก็พบว่ามีกลิ่นกายของคุณซื่อชวินติดอยู่ ลู่หานสูดกลิ่นซ้ำอีกครั้ง...นึกถึงยามที่ตัวลงล้มลงบนกายของอีกฝ่ายแทนที่จะลุกออกไป สัมผัสทางกายนั้นยิ่งทำให้ความรู้สึกลิ่วเตลิด

ลู่หานหลับตาลง..ฝ่ามือลูบไปบนแผ่นอกเบาๆ จินตนาการไล่แล่นให้รับรู้ถึงสัมผัสของชายคนหนึ่งที่มอบให้อย่างนุ่มละมุน หากเสียงร้องที่เพิ่งดังขึ้นนั้นเป็นของเขาจะเป็นอย่างไร? หากผู้กระทำแก่เขาคือคุณซื่อชวินความรู้สึกจะเป็นไปในทิศทางไหน... หากได้แนบแก้มลงไปบนแผงอกนั้น ลูบไล้แผ่นหลังกว้างๆจะเป็นอย่างไร...


เขาไม่แน่ใจตัวเองเสียแล้วว่าจะสามารถไม่ออกนอกห้องหลังเที่ยงคืนได้จริงๆหรือเปล่า....



-------------------

แท็ก #ฟิคดบต จ้า



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น