Title
: Debutante
Author
: RUNAWAY05
Pairing
: Shixun x Luhan x Sehun
Type/Rate
: Erotica /NC-19
Note
: Debutante(เดบูตองส์) = หญิงสูงศักดิ์ที่เข้าสู่วงสังคมของผู้ใหญ่เป็นครั้งแรก
เมื่อรองเท้าผ้าใบแตะลงที่แผ่นกระเบื้องปูพื้น
กลิ่นแอลกอฮอล์ก็ลอยเข้าแตะจมูกทันทีที่ประตูกระจกเปิดออก
ท่ามกลางผู้คนที่เดินไปมาอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ร่างของเด็กหนุ่มกำลังหิ้วตะกร้าเยี่ยมไข้ตามมารดาต้อยๆอย่างไม่คิดเกี่ยงงอน
ทั้งดวงตากลมหวานหรือริมฝีปากเล็กที่ขยับรับคำตามผู้เป็นแม่ซึ่งเป็นหญิงสาววัยกลางคน
ความดูดีทั้งแม่และลูกทำให้คนในโรงพยาบาลบางคนที่เห็นคนทั้งสองเดินผ่านก็อดจะเหลือบตาไปมองไม่ได้
ลู่หานอายุสิบเก้าปีแล้วในปีนี้
เขาอาศัยอยู่กับมารดาเพียงสองคนหลังจากผู้พอจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เขายังเล็ก
ตอนนี้เจ้าตัวกำลังศึกษาอยู่และช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม ปกติปิดเทอมของลู่หานคือการหางานพิเศษทำตามร้านสะดวกซื้อหรือร้านฟาสต์ฟู้ดทั่วไป
เพราครอบครัวของเขาก็ไม่ถึงกับมีรายได้มากมายอะไรนัก มารดาขอเขามีอาชีพเป็นพยาบาลส่วนตัวแล้วแต่การจ้างตามครอบครัวที่พอมีอันจะกินและไม่มีเวลาดูแลคนป่วย
แต่ในครานี้ทั้งแม่และลูกกลับไม่ได้ออกไปทำงานตามที่ตั้งใจไว้
กลับย่างเท้าเข้ามาในโรงพยาบาลที่ลู่หานได้ยินแต่เสียงร้องไห้และความรู้สึกเจ็บปวดเท่านั้น
“ป้าอึนบีแกไม่มีลูก แถมสามีก็ตายไปหลายปี
เวลาเจ็บป่วยถึงได้ลำบากแบบนี้...พอแม่เข้าไปแล้วเอาส้มไปล้างแล้วแกะให้ป้าเขาหน่อยนะลูก”
“ครับแม่”รับคำด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลตามประสา ลู่หานเป็นคนเรื่อยๆและค่อนข้างเรียบร้อย
ขยันขันแข็งตามการปลูกฝังของผู้เป็นแม่ และแน่นอนว่าป้าอึนบีเป็นเพื่อนของแม่ที่รู้จักกันมานมนาน
จนป้าอึนบีมีงานทำที่ต้องไปนอนอยู่ที่บ้านเจ้านายเลยไม่ค่อยได้พบกัน
นานๆจะเจอกันสักครั้งจนมาพบว่าป้าอึนบีได้ล้มป่วยลง
หมอวินิจฉัยว่าต้องนอนพักรักษาตัวเป็นเดือน พ่อแม่รู้ก็ร้อนใจอยากจะมา...ลู่หานเองก็เช่นกัน
เพราะป้าอึนบีคอยดูแลและเอ็นดูลู่หานมาตลอด เขาจึงรักใคร่เหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
เมื่อทั้งคู่เข้ามาถึงห้องพักผู้ป่วย
ก็พบว่าคุณหมอและพยาบาลกำลังตรวจอาการในตอนเช้าดังปกติ ลู่หานวางตะกร้าเยี่ยมไข้ลงพลันเดินไปล้างส้มตามคำสั่งของคนเป็นแม่
โดยเสียงของสตรีทั้งสองงคนก็เปิดปากพูดคุยกัน
“อึนบี..เป็นยังไงบ้าง หมอว่ายังไงหือ?”
“ต้องดูอาการไปก่อนล่ะ...ฉันคงจะตายแล้วละมั้ง”สตรีวัยกลางคนที่เจ้าเนื้อเล็กน้อยเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงจนได้สายตาถลึงไปเสียทีหนึ่ง
“ห้ามพูดแบบนี้อีกนะ...ว่าแต่
นอนห้องราคาแพงขนาดนี้..นายจ้างเธอเป็นคนจ่ายเหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ...แต่ฉันก็ต้องไปทำงานตามกำหนด
ไม่มีใครดูแลบ้านให้เจ้านาย อีกหน่อยเขาก้คงจะไล่ฉันออก”
“ไม่ได้นะ! เธอจะไปได้ยังไงในเมื่อเธอป่วยหนักออกป่านนี้
ไปฝืนทำงานเดี๋ยวก็ล้มฟาดพื้นไปเสียหรอก”
“จะให้ฉันทำยังไง...ฉันต้องทำงาน ฉันตัวคนเดียว”
“เจ้านายเธอบังคับรึยังไง
อย่างนั้นก็อย่าทำต่อเลย”
“อย่าเลย...ฉันไม่อยากหางานใหม่แล้ว
เธอก็รู้ว่างานใหม่มันหายาก”อึนบีกล่าวแผ่วๆโดยที่เด็กหนุ่มก็เอาส้มเข้าวางพร้อมกับนั่งลงข้างมารดาที่ทำสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย
ก่อนจะมองลูกชายตนที่ยังส่งยิ้มให้อึนบีอย่างสุภาพ
“เอาอย่างนี้มั้ย...ให้ลู่หานไปช่วยทำแทนช่วงปิดเทอม
แล้วเธอก็รักษาตัว นายจ้างเธอคงไม่ว่าอะไร”
“ได้ยังไงกันล่ะ? ลู่หานต้องทำงานนะ”คนป่วยแย้ง
แต่หญิงวัยกลางคนกลับส่งยิ้มบางเบามาให้แทน
“ไม่เป็นไรหรอก ลู่หานไม่ทำงานพิเศษแค่ช่วงเดียวเอง
เดี๋ยวปิดเทอมหน้าเขาก็ทำเหมือนเดิมล่ะ ห่วงแต่ตัวเองเถอะ...เธอตัวคนเดียว
ไม่มีฉันกับลู่หานเธอจะอยู่ยังไงได้?”
“...”
“ตามนี้นะ ที่ใหม่ฉันให้อยู่ดูแลแค่สี่ชั่วโมง
ฉันจะดูแลเธอเอง แล้วลู่หานก็ไปทำงานแทนป้าอึนบีนะ ไม่มีอะไรหรอกลูก แค่ทำงานบ้านเหมือนอยู่บ้านเรา
แค่เกรงใจเขา เขาใช้อะไรก็ทำไปเถอะ ตกลงมั้ยจ๊ะ?”
“ได้สิครับ เดี๋ยวผมไปทำแทนคุณป้าเองนะ คุณป้าจะได้พักผ่อนเยอะๆ”ลู่หานส่งยิ้มให้หญิงบนเตียงคนไข้ที่มีสีหน้าตื้นตัน
ตามความจริงพวกเธอก็มีกันอยู่แค่นี้ ต่างคนต่างไม่มีญาติที่รู้จักสนิทสนมกันเป็นอย่างดีนัก
ดังนั้นหากมีอะไรดูแลแก่กันได้ แม่ของลู่หานก็พร้อมช่วยเสมอ
โดยส่วนตัวลู่หานไม่ได้รู้สึกอึดอัดขัดแย้งอะไรนัก
ผู้เป็นแม่สั่งอย่างไรก็ทำไปตามประสา สองสามวันต่อมาลู่หานก็เก็บเสื้อผ้าจำนวนหนึ่งใส่กระเป๋าหิ้วขนาดย่อม
นั่งแท็กซี่ไปตามที่อยู่ที่แม่วาดตามคำของเล่าของป้าอึนบี แต่ระหว่างทางนั้นโทรศัพท์มือถือของลู่หานก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ครับแม่”
((ป้าเองลูก ป้ายืมมือถือแม่หนูมา...ลู่หาน
อยู่ไหนแล้วจ๊ะ))
“ใกล้จะถึงแล้วครับผม”
((ป้าโทรไปบอกเจ้านายเอาไว้แล้วจ้ะ..ขอโทษนะที่ทำให้หนูลำบาก
คุณผู้หญิงคงรอที่บ้าน เดี๋ยวเธอคงแจกแจงงานให้หนู))
“ได้ครับคุณป้า ไม่มีปัญหาครับ”
((ลู่หาน))
“ครับ?”
((ยังไง...หลังเที่ยงคืน...อย่าออกจากห้องนะลูก))
“เอ๊ะ?”
((ป้าหายดีแล้วจะไม่รบกวนจ้ะ ป้าวางก่อนนะ))
ลู่หานมองมือถือที่ถูกตัดสายไปโดยไม่ทันได้กล่าวตอบแม้แต่นิด
กว่าปากจะอ้าเอ่ยรถก็จอดที่รั้วบ้านหลังใหญ่ในย่านชานเมืองพอดี
ดวงตากลมโตกระพริบเล็กน้อยก่อนจะจ่ายค่าแท็กซี่แล้วรีบลง
สองเท้าของลู่หานเหยียบย่างลงพื้นซีเมนต์แห้ง
ปนเปื้อนดินฝุ่นประสาขอบถนนรอบนอก เหล่มองรั้วเหล็กดัดขนาดใหญ่ที่น้ำเงินเข้ม
มองผ่านเข้าไปก็พบบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง มีรถจอดสองสามคัน
เขากลืนน้ำลายเล็กน้อยก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆแล้วกดกริ่ง ไม่นานนักชายวัยกลางคนก็วิ่งออกมาพร้อมกับส่องดูหน้าของเขา
“มาหาใครครับ?”
“ผม...ผมมาทำงานแทนป้าอึนบีน่ะครับ”ปากเล็กขยับย้ายคำตอบไปบางเบา
โดยชายคนนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย
“งั้นเข้ามาก่อนนะ ฉันจะได้ไปบอกคุณผู้หญิง”ปิดรั้วก่อนจะวิ่งนำออกไป
โดยลู่หานก็เหลียวมองสนามหญ้าที่ไม่ได้ตัดแต่ง แปลงดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาไปพอสมควร
คาดว่าเพราะป้าอึนบีคงทำทุกอย่างคนเดียวจนถึงจุดที่ท่านต้องพักผ่อนแล้วละมัง
เมื่อมาถึงหน้าประตู
ชายคนเดิมก็นำลู่หานไปยังห้องรับแขก
ดวงตากลมโตมองบ้านหลังใหญ่ที่ค่อนข้างเรียบๆด้วยสีวอลเปเปอร์แบบนุ่มนวลโทนอบอุ่น
ข้าวของเครื่องใช้ราวกับในละคร เด็กหนุ่มสาวเท้าไปยังห้องรับแขกก็พบหญิงสาวสวยคนหนึ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“หลานของอึนบีใช่มั้ยจ๊ะ...ชื่ออะไรล่ะเรา”
“สวัสดีครับ”เขาค้อมตัวทักทายตามปกติ “ชื่อลู่หานครับ”
“อายุเท่าไหร่แล้วเรา”
“สิบเก้าปีครับ”
“อืม...หน่วยก้านดี ยังไงก็ช่วยทำงานแทนอึนบีหน่อยนะ..ดีเหมือนกัน
ฉันไม่อยากจะจ้างแม่บ้านสาวๆมาทำงานสักเท่าไหร่ สมัยนี้ไม่ใช่แค่คนหางานจะลำบาก
คนจะจ้างก็ลำบากเหมือนกัน... จะให้ส่งเด็กที่บ้านใหญ่มาคู่แฝดเขาก็ไม่ยอม”
ลู่หานเลิกคิ้วเล็กน้อย โดยที่หล่อนก็กล่าวต่อ
“บ้านหลังนี้ลูกชายของฉันอาศัยอยู่
พวกแกไม่ยอมอยู่ที่บ้านใหญ่จ้ะ ไม่รู้เป็นอะไรของเขา แต่ก็ดีเหมือนกัน
ที่นี่เงียบสงบดี เด็กๆพวกนี้ก็จะสอบกันแล้ว”ดวงตากลมโตเหลียวไปมองชายสองคนที่เดิมมานั่งตรงโซฟาตัวใกล้ๆ
คนหนึ่งผมสั้นสีน้ำตาลหวีแสกข้างอย่างเรียบร้อยกำลังส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้เขา
ส่วนอีกคนผมรองทรงสูงหน้าม้าสีดำ มองเขาหัวจรดเท้าก่อนจะไขว่ห้างเล่นมือถือต่อ
ทว่าที่ทำให้ลู่หานแปลกใจเล็กน้อยคือทั้งสองคนมีใบหน้าที่เหมือนกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน...
“นี่ลูกชายของฉัน..ซื่อชวินเป็นแฝดพี่”เธอผายมือไปทางชายที่ส่งยิ้มน้อยๆมาให้
ก่อนจะยื่นไปเล็กน้อยเพื่อแนะนำคนที่ยังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่เดิม “ส่วนนี่เซฮุน
เป็นแฝดน้อง ทั้งสองคน..นี่ลู่หาน จะมาทำงานแทนป้าอึนบีนะ น้องยังเด็กอยู่
อย่าเอาแต่ใจกับน้องกันล่ะ”
“ครับแม่”เสียงนุ่มนวลจากผู้พี่ดังขึ้น
โดยที่ผู้น้องก็พยักหน้าไปแกนๆ ลู่หานแอบถอนใจเล็กน้อยก่อนจะหันมาหาคุณผู้หญิงอีกครั้ง
“ส่วนเราก็ทำงานบ้านตามปกติล่ะ
อึนบีคงบอกมาบ้างแล้วใช่มั้ย ยังไงฉันวานให้เราช่วยตัดหญ้าแล้วก็ล้างรถเพิ่มด้วยนะ
ฉันจะจ่ายแยกให้เราด้วยแล้วกัน”
“ขอบคุณครับ”
“ถ้ายังไง
มีอะไรก็เอาโทรศัพท์ที่นี่โทรไปหาฉันได้นะ ฉันต้องไปแล้วล่ะพอดีมีธุระต่อ”หล่อนลุกขึ้นก่อนจะส่งยิ้มให้กับลู่หานที่ค้อมศีรษะอย่างเจียมตัวกับคนรวย
ทันทีที่รถของคุณผู้หญิงแล่นออกนอกบ้าน
ซื่อชวินก็ลุกขึ้นเดินมาหาก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล
“ออกจากห้องนี้เลี้ยวซ้ายตรงไป จะมีห้องนอนของแม่บ้าน
เอาของไปเก็บที่นั่นก่อนนะ... ฉันมีงานสังคมกับคุณพ่อ คงจะกลับดึก ล็อคบ้านเอาไว้เดี๋ยวฉันมาไขเอง
วันนี้ก็แค่ทำความสะอาดครัวให้ก่อนก็แล้วกันนะ”
“ได้ครับ”
“แล้วเราจะกลับเมื่อไหร่เซฮุน”เอ่ยถามน้องชายที่สวมเชิ้ตและกางเกงเป็นสีดำล้วนที่ดีดตัวลุกขึ้นอย่างไม่มีแม้แต่เศษสายตาจะหันมามองลู่หาน
“เช้าล่ะ...ไม่ชอบนอนร่วมบ้านกับคนแปลกหน้า”
“เซฮุน”
“น่าเบื่อชะมัด คิดว่าไม่มีใครมาวุ่นวายแท้ๆ”พูดเท่านั้นก็สาวเท้าฉับๆออกไป
ไม่นานเสียงรถสปอร์ตราคาแพงก็ดังขึ้นพร้อมกับรถสีขาวที่แล่นออกไป
ลู่หานมองผ่านหน้าต่างก่อนจะหันมาเจออีกฝ่ายที่ทอดสายตานิ่งๆให้ราวไม่มีชีวิต
“ไม่ต้องคิดมากนะ เซฮุนเขาเป็นคนแบบนั้นแหล่ะ”
“ค..ครับ”
และนั่นคงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาพูดคุยกับเจ้านายคนใหม่ทั้งสองแบบยาวๆ...
สามสี่วันผ่านไปในบ้านหลังใหญ่แถบชานเมือง
ลู่หานทั้งกวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้าล้างจานจวบจนทำกับข้าวตามประสาอยู่กับมารดาสองคน
จึงต้องหัดทำเพื่อแบ่งเบาภาระ ลู่หานไม่รู้สึกลำบากยากเย็นอะไรนัก
พองานเรียบร้อยก็อาบน้ำนอน เขาลืมเรื่องที่ป้าอึนบีบอกไว้เสียสนิท เพราะหัวถึงหมอนก็หลับไปโดยง่ายเนื่องจากงานบ้านที่นี่ก็ไม่ใช่เล่นๆสักเท่าใด
ส่วนลักษณะนิสัยของเจ้านายของป้าอึนบี
ไม่แตกต่างกับที่ป้าอึนบีชอบโทรมาเล่านัก
คุณซื่อชวินเป็นหนุ่มที่แม้จะปรากฏตัวตามงานสังคม แต่ก็เป็นผู้ชายเรียบง่าย
และห่วงใยคนอื่นประสาคนเป็นพี่ชาย แม้จะเห็นกันเพียงเสี้ยวหนึ่งก่อนออกไปทำงาน
ก็เอ่ยทักทายอรุณสวัสดิ์จนเป็นเรื่องเคยชิน เท่าที่ลู่หานรู้คือคุณซื่อชวินจะเข้ามาดูแลกิจการแทนคุณท่านซึ่งเป็นบิดาแท้ๆจึงต้องทั้งเรียนการบริหารไปด้วย
และฝึกงานกับทางบริษัทไปด้วย ส่วนคุณเซฮุน...ลู่หานเห็นครั้งเดียวแค่ตอนที่มาบ้านหลังนี้ครั้งแรกเท่านั้น
เท่าที่ได้ฟังมาจากป้าอึนบี คุณเซฮุนไม่ค่อยอยู่บ้านสักเท่าใด
นานๆจะมาครั้งหรือหอบหิ้วหญิงมาด้วย คุณเซฮุนเรียนถ่ายภาพ นิสัยเอาแน่เอานอนไม่ได้
ภาพลักษณ์จึงเป็นหนุ่มไฮโซที่ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันราวสนิมสร้อยผิดกับพี่ชายฝาแฝด
หลังจากเก็บผ้าที่ตากมารีดแล้วจัดวางตามตะกร้าและแยกราวตามเจ้าของอย่างเรียบร้อย
ลู่หานที่วันนี้สวมเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วนก็ปาดเหงื่อบนใบหน้าก่อนจะหันไปจัดการส่วนของครัว
เขาเปิดน้ำในตู้เย็นดื่มแก้กระหายในบรรยากาศบ้านอันแสนเงียบเชียบ
ก่อนจะได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามา ลู่หานออกไปดูก็แปลกใจเล็กน้อยที่คุณซื่อชวิน ปรากฏตัวในตอนสี่โมงเย็น
ทั้งที่ปกติจะกลับก็สองสามทุ่ม
“แปลกใจเหรอ? วันนี้ไม่มีสอนงานเพิ่มน่ะ
ฉันเลยกลับมาเร็ว”
“อ๋อ..ครับ”ลู่หานรับเสื้อสูทและกระเป๋าของเจ้านายไปจัดวาง
ก่อนจะเดินไปรินน้ำให้กับเจ้าตัวที่เดินตามเข้ามาถึงในครัว
“เย็นวันนี้จะทำอะไร? ให้ฉันช่วยมั้ย?”
“เอ๊ะ? ไม่ดีกว่าครับ คุณซื่อชวินพักผ่อนเถอะครับ”
“ให้ฉันนั่งๆนอนน่าเบื่อแย่ มาเถอะ
มื้อเย็นเราจะกินอะไรกันดี”ชายหนุ่มลุกขึ้นร่นแขนเสื้อเชิ้ตสีครีมขาวจนถึงศอก
เส้นผมเรียบมันสม่ำเสมอนั้นทำให้ลู่หานอดเหลือบมองเล็กน้อยไม่ได้
ชายหนุ่มย่างเท้าเข้าส่วนเคาน์เตอร์ครัวก่อนจะเอ่ยเบา “เอาสิ จะทำอะไรกินกันดี”
“ผมว่าจะทำพริกยัดไส้กับซุปน่ะครับ”
“อา..ได้สิ ให้ฉันช่วยตรงไหนบ้าง”
ลู่หานไม่อยากจะเชื่อนักที่จู่ๆเจ้านายก็มาอาสาช่วยคนใช้ทำกับข้าว...แต่ก็ไม่ได้คิดปฏิเสธอะไรอีกเมื่อเห็นท่าทีตั้งอกตั้งใจของอีกคน
ใบหน้าของพี่น้องบ้านนี้ช่างแปลกจมูกโด่งๆช่างขัดกับริมฝีปากที่แทบเรียบไปกับใบหน้า
ไหนจะดวงตาคมกริบที่ลู่หานไม่กล้าสบกลับนานๆนั้นอีก
เป็นความแปลกที่ค่อนข้างลงตัวจนไม่แปลกใจถ้าจะมีคนหลงใหลในทั้งคู่
และทั้งที่ลู่หานมาเป็นคนใช้...ทว่าในเวลานี้เหมือนคุณซื่อชวินจะดูแลเขาเสียมากกว่าเขามาดูแลซะอีก
“เรียบร้อยแล้วล่ะ ให้ฉันยกลงเลยมั้ย?”ชายหนุ่มถามและได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าบางเบา
ก่อนจะถามด้วยคำถามที่บางเบาเช่นกัน
“แผ่นรองหม้ออยู่ที่ไหนเหรอครับ?”
“น่าจะอยู่บนนั้นนะ”ซื่อชวินตอบ โดยร่างเล็กก็ปีนบันไดเล็กขึ้นไปเปิดตู้ดู
ก่อนจะพบแผ่นรองก้นหม้ออยู่ในนั้น ลู่หานเอื้อมมือไปหยิบมา
ก่อนจะก้าวขาลงมาข้างหน้า ทว่าจังหวะก้าวที่พลาดทำให้เจ้าตัวเสียหลักล้มไปข้างๆแทน
“โอ๊ะ!”
“ระวัง!”
เสียงโครมครามดังขึ้นในบ้านที่เงียบเชียบ
แต่เพียงครู่เดียวก็สงบ บนพื้นที่ทำครัวปรากฏบันไดขนาดเล็กล้มไปทางหนึ่ง
แผนรองหม้อกระเด็นไปอีกที่ และร่างของลู่หานที่ล้มทับลงบนตัวของซื่อชวิน...
เขาลืมตาขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้รับกลิ่นกายของอีกฝ่าย เป็นกลิ่นที่ลู่หานไม่เคยรู้จักมาก่อน
ครั้นมองให้ดีก็พบว่านี่คงเป็นแผงอก
เนื้อตัวของลู่หานสัมผัสแทบจะทั้งตัวของอีกฝ่ายทั้งมือและอกที่แตะต้องแผงอก
ทั้งหน้าท้องแนบชิด ลู่หานหน้าร้อนฉ่าเมื่อหน้าขาสัมผัสบางสิ่งที่แข็งตึงจนน่าประหวั่น
รวมทั้งสองขาที่เสียดเคียงเลียบไปตามพื้น
“อา..เจ็บจัง”
“?!”เสียงเบาๆของซื่อชวินทำเอาลู่หานหันขวับ ก่อนจะยันกายลุกจากตัวของเจ้านายอย่างทุลักทุเลพลันรีบไปปิดแก๊สก่อนที่ซุปจะล้นออกมาเสียก่อน
เมื่อเรียบร้อยดีจึงกลับเข้ามาดูแลชายหนุ่มที่ยันกายก่อนจะจับไหล่ตนเองบีบเบาๆ
“ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก..คราวหน้าระวังตัวด้วยนะ”
“ผมขอโทษครับ..คุณเจ็บตรงไหนอีกรึเปล่า
ให้ผมทำแผลมั้ย?”เอ่ยถามอย่างกังวลใจ ก่อนจะเผลอคว้าแขนของอีกฝ่ายมาตรวจดู
ท่าทีร้อนรนระคนห่วงนั้นทำให้ซื่อชวินเผลอยิ้มเอ็นดูอย่างไม่รู้ตัวนัก
“ฉันไม่เป็นไร..หืม?”อุทานพร้อมกับลู่หานที่เงยหน้าเลิกคิ้ว
ก่อนที่ชายหนุ่มจะจิ้มนิ้วไปที่หัวเข่าของเด็กหนุ่ม
เพียงเท่านั้นเสียงร้องก็หลุดเบา
“อ๊ะ!”
“ว่าแล้วว่าต้องช้ำ...แดงซะขนาดนี้”
“...”
“เดี๋ยวฉันทายาให้นะ”ลุกขึ้นพลางทำท่าเหมือนจะอุ้มลู่หานไว้ในอ้อมอก
เล่นเอาเด็กหนุ่มตกใจพลันสั่นศีรษะพัลวัน
“ผมทำเองได้ครับ..ไม่เป็นไรจริงๆครับ”
“ฉันทำให้นี่แหล่ะดีแล้ว...ฉันทายาเก่งนะ”เอ่ยเนิบเบาก่อนจะตวัดร่างคนใช้เข้าอ้อมอกอย่างไม่ได้ถามความพร้อมใดใด
ลู่หานตัวแข็งทื่อเมื่อซีกขาของใบหน้าแนบไปกับแผงอกของอีกคนซ้ำหน กลิ่นกายหอมยวนจมูกยิ่งทำให้ไม่กล้าเงยมองอีกคน
ลู่หานได้แต่อยู่นิ่งๆให้ซื่อชวินพาไปที่ห้องรับแขกอย่างไม่ได้โต้แย้งใดใด
ร่างสูงนั้นวางเขาให้นั่งลงบนโซฟายาวอย่างถนอม
ก่อนจะเดินไปเปิดตู้ยาซึ่งติดผนังอีกฝั่ง แล้วกลับมาพร้อมกับหลอดยานวดแก้ช้ำ
“เอ่อ..ผมทาเองได้จริงๆนะครับ”
“ฉันรู้ว่าทาเองได้..แต่ฉันจะทาให้ มีกันอยู่แค่นี้...ไม่ดูแลกันเองจะไปดูแลใคร”น้ำเสียงราวผู้ใหญ่ใจกว้างดังมาจากซื่อชวิน
ก่อนจะจับขาของลู่หานขึ้นข้างหนึ่ง ถอดรองเท้าฟองน้ำวางลงกับพื้นและทำซ้ำกับอีกข้าง
ลู่หานทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ
ได้ยินแต่เสียงใจเต้นโครมครามเพียงแค่อีกฝ่ายนั่งหันหน้าเข้าหาพลางจับขาของลู่หานข้างที่ไม่เจ็บพาดไปบนตัก
ส่วนข้างที่เจ็บก็ให้งอเข่าไว้พลันเปิดฝาหลอดยาแล้วบีบลงไปอย่างเบามือ...
อุ้งนิ้วนั้นอบอุ่นตรงปลายราวกับมีคลื่นไฟฟ้า วนไล้เป็นวงกลมอย่างนุ่มนวลราวกับก้อนเมฆ
ลู่หานทอดสายตามองใบหน้าคมคายของซื่อชวินที่เอาใจใส่รอยช้ำนั้น
นิ้วยาวขยับแตะพร้อมกับใช้หัวแม่มือถูไถไปมาให้เนื้อยาซึมเข้าไปใต้ผิว
ในหูของเด็กหนุ่มลั่นด้วยเสียงหัวใจเต้นดังเมื่อซื่อชวินถอยนิ้วออก
ก่อนจะใช้ปากเข้าใกล้หัวเข่าของเขาพร้อมกับเป่าลมใส่เบาๆ ริมฝีปากได้รูปที่ย่นลงเป่าลมให้ช่วงหนึ่งทำให้เห็นเรียวลิ้นเล็กน้อย
ลู่หานรู้สึกขัดเขินจนไม่ไหวจึงได้ขยับตัวเบาๆ
“ผะ..ผมไม่เป็นไรแล้วครับ”
“แน่ใจนะ?”คิ้วได้รูปขยับยก
“ครับ..ผมไม่เป็นไรจริงๆ”
“ดีแล้ว งั้นนั่งตรงนี้ก่อนนะ ฉันขอไปอาบน้ำสักหน่อยเดี๋ยวเรามาทานข้าวกัน”
“ครับ..เอ๋?”กว่าจะนึกได้ร่างสูงโปรงก็สวมรองเท้าฟองน้ำเดินออกจากห้องรับแขกขึ้นไปชั้นบนแล้ว
เรา..ก็หมายความว่าเป็นลู่หานกับอีกฝ่ายน่ะสิ
เด็กหนุ่มเอื้อมมือกอดเข่าอยู่บนโซฟานิ่งๆ ก่อนจะเผลอกัดเล็บตามนิสัยเมื่อรู้สึกว่ากำลังไม่มั่นคง...เขาแค่รู้สึกว่าเขาเองกำลังจะรู้สึกเปลี่ยนไป
เพียงเพราะกลิ่นตัว..สัมผัสทางกายเพราอุบัติเหตุ และตอนที่รู้สึกถึงสิ่งที่แข็งและร้อนวาบยามต้นขาไปสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจนั้น
ลู่หานจะไม่คิดอะไรเกินเลยอย่างเด็ดขาด...
มันเป็นเช่นนั้น...เพราะลู่หานไม่เคยมีประสบการณ์ความรักหรือมีคู่นอนแม้สักครั้งหนึ่ง
เพราะอยู่กับมารดามาตลอด ทำงานช่วยกันดูแลบ้านเรียนหนังสือ
เพียงเท่านั้นเวลาก็หมดไปอย่างไม่ได้สนใจให้ใครเข้ามาในชีวิต
แต่เขากลับรู้สึกใจสั่นหวั่นไหวกับเจ้านายของป้าอึนบีมันไม่ใช่เรื่องที่เหมาะที่ควร
เขามาที่นี่เป็นคนใช้ ควรทำหน้าที่ให้ดีมากกว่ามาคิดอะไรฟุ้งซ่านแบบนี้
แม้จะได้ทานข้าวร่วมโต๊ะกับคุณซื่อชวิน แต่บรรยากาศก็เงียบลงกว่าเดิมนิดหน่อย
อาจเพราะเดิมทีคุณซื่อชวินไม่ชอบพูด และลู่หานเองก็ไม่ชอบพูดเช่นเดียวกัน
ต่างคนจึงต่างทานอาหาร จนกระทั่งเสียงเจ้าของบ้านเอ่ยขึ้นเบาๆ
“ขอโทษนะ”
“ครับ?”
“รู้สึกแปลกรึเปล่า...เอ่อ..ที่ฉันทายาไปแบบนั้น
ปกติฉันหกล้ม คุณแม่ชอบทายาแล้วเป่าลมให้บ่อยๆจะได้หายไวๆ”
“...”
“พอทำไปแล้ว..เห็นรู้สึกตะขิดตะขวง
ฉันเลยไม่สบายใจน่ะ”คำกล่าวเนิบๆแต่คงกังวลทำให้ลู่หานเข้าใจความหมายได้ง่ายดายขึ้น
เมื่อเห็นเจตนาดีดังนั้นจึงได้ส่งยิ้มให้อย่างบางเบา
“ไม่เป็นไรครับ..ผมตกใจเพราะไม่มีคนทำแบบนี้ให้..ก็เลยทำท่าทางไม่ดีไปหน่อย
อย่าถือสาเลยครับ”
“ทำไมล่ะ? ปกติไม่มีคนทายาให้เหรอ?”
“บ้านผมหกล้มก็ต้องทายาเอาเองครับ
ผมอยู่กับแม่สองคน มีอะไรแบ่งเบาภาระแม่ได้ผมก็ต้องทำ”
“พ่อไปไหนแล้วล่ะ”
“ท่านเสียตั้งแต่ผมเล็กๆแล้วล่ะครับ”
“อ่า..ฉันขอโทษนะที่ถามแบบนั้น”
“ไม่เป็นไรครับ...คุณไม่รู้ถึงได้ถาม”ลู่หานส่งยิ้มบางๆไปให้อีกครั้ง
ก่อนจะทานข้าวต่อ สักพักจึงรับรู้ได้ถึงฝ่ามือของอีกคนที่ลูบศีรษะเบาๆ
ดวงตากลมโตเบิกเล็กน้อยพลันหันไปมอง ก็พบรอยยิ้มนุ่มนวลของอีกคนส่งมาให้
“ไม่เป็นไรนะ...เราทำดีก็ต้องได้พบเจอสิ่งดีๆ
คิดแบบนี้พ่อจะได้ภูมิใจนะ..ตัวแค่นี้ทำความสะอาดทั้งบ้านคงจะเหนื่อยน่าดู”
“มะ..ไม่หรอกครับ”
“เอาเถอะ...แล้วยังไงพรุ่งนี้ก็เข้าไปทำความสะอาดในห้องฉันได้เลยนะ
เผลอล็อคเอาไว้คงเข้าไปไม่ได้ล่ะสิ”
“ครับ...”
“ถ้าเราสนิทกันแล้ว...เราคงมีเรื่องคุยกันเยอะขึ้น”ซื่อชวินกล่าวเพียงเท่านั้น
ก่อนที่มื้ออาหารจะจบลง... เหลือเพียงแต่หัวใจของลู่หานที่รู้สึกไม่ปกติดี
เขารู้สึกร้อนๆใบหน้ายามที่อีกฝ่ายจ้องมอง ยิ่งเวลาที่อีกคนยื่นมือมาแตะต้องมันทำให้เขารู้สึกราวกับไฟฟ้าช็อตไปทั้งตัว
เขาไม่รู้แน่ชัดนักว่านี่คืออาการอะไรกันแน่
เมื่อย่ำค่ำมาถึง ลู่หานก็ข้านอนในห้องตามปกติ
ส่วนคุณซื่อชวินก็พักอยู่ในห้องส่วนตัวเช่นเดียวกัน
ลู่หานพลิกตัวไปมาอยู่บนฟูกจนจวนเคลิ้มหลับ
จนไม่รู้ว่านานสักเท่าใดจึงได้ลืมตาขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงแว่วเบาเหมือนอยู่ไม่ไกลจากหน้าห้องพัก
“อา...เซฮุนคะ..อ๊า..แรงอีกค่ะ...อา...”
“?”เซฮุนเหรอ?
“อ๊า..อะ..อะ..โอ้..อา...ดีค่ะ..อา...”
ลู่หานลุกขึ้นนั่งพร้อมกับยกมือปิดปากเมื่อเสียงครวญครางของหญิงสาวดังลั่นก้องไปทั่วทางเดินหน้าห้องจนมาถึงห้องพักคนใช้ซึ่งอยู่ถัดครัวไปโดยมีห้องน้ำชั้นล่างคั่น
เสียงตึงเหมือนชนอะไรสักอย่างดังขึ้นที่หน้าประตูทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้ง
ก่อนจะก้มหน้าที่ร้อนฉ่าเมื่อได้ยินเสียงกระทบกระแทกเปียกชื้นราวย่ำเท้าลงบนแอ่งน้ำ
ดวงตากลมโตมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาตีหนึ่งกว่า จึงได้นึกรู้ว่าคำเตือนว่าห้ามออกจากห้องหลังเที่ยงคืนของป้าอึนบีคืออะไร...
“อ๊ะ..อ๋า..อ่ะอ่ะอ่ะ..อ๊า..อ๊า..”
มือเรียวยกมือปิดหูชันเข่าเอาหลังชิดผนังขึ้นเหมือนเสียงนั้นลอยไกลออกไป
ลู่หานลดมือลง รู้สึกร้อนไปทั้งตัว...เหมือนมีใครจุดไฟไว้ข้างใน
จนสายตาเหลือบไปเห็นตะกร้าผ้าที่ใส่แล้ว
จึงได้ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อที่ใส่ทำงานเมื่อกลางวันมาดมดู
ก็พบว่ามีกลิ่นกายของคุณซื่อชวินติดอยู่ ลู่หานสูดกลิ่นซ้ำอีกครั้ง...นึกถึงยามที่ตัวลงล้มลงบนกายของอีกฝ่ายแทนที่จะลุกออกไป
สัมผัสทางกายนั้นยิ่งทำให้ความรู้สึกลิ่วเตลิด
ลู่หานหลับตาลง..ฝ่ามือลูบไปบนแผ่นอกเบาๆ จินตนาการไล่แล่นให้รับรู้ถึงสัมผัสของชายคนหนึ่งที่มอบให้อย่างนุ่มละมุน
หากเสียงร้องที่เพิ่งดังขึ้นนั้นเป็นของเขาจะเป็นอย่างไร?
หากผู้กระทำแก่เขาคือคุณซื่อชวินความรู้สึกจะเป็นไปในทิศทางไหน...
หากได้แนบแก้มลงไปบนแผงอกนั้น ลูบไล้แผ่นหลังกว้างๆจะเป็นอย่างไร...
เขาไม่แน่ใจตัวเองเสียแล้วว่าจะสามารถไม่ออกนอกห้องหลังเที่ยงคืนได้จริงๆหรือเปล่า....
----------♦---------
แท็ก #ฟิคดบต จ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น