วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

[SF]Loathe {OH SEHUN x LUHAN} 3/5






Title : Loathe(3)
Author : RUNAWAY05
Pairing : OH SEHUN x LU HAN
Note : เวอร์ชั่นเซลู่ หลังจากที่พี่โอไม่มีตัวตนเลยในเวอร์ชั่นหานลู่ พี่เซฮุนหนูเลือกพี่ละนะ*ปาโปเกบอล*
ปล.1 เนื้อเรื่องไม่ต่างจากโลธเวอร์ชั่นหานลู่นะคะ แค่เปลี่ยนตัวละครและบริบท
ปล.2 พี่จีซึงไม่ได้หนุนตักเราอยู่ วันนี้ฝนตกเลยกอดเราแทน บัย #มโน


**********************






เมื่อบานประตูเปิดออก...ลู่หานก็มองเห็นเพียงห้องๆหนึ่ง...

มันก็แค่ห้องธรรมดามาตรฐานห้องอพาร์ตเม้นต์ทั่วไป หรือพูดง่ายๆว่าหอพักนักศึกษาทั่วไปก็เป็นห้องแบบนี้ ลู่หานเคยไปทำงานที่ห้องเพื่อนคนอื่นอยู่หลายครั้งการจัดวางรูปทรงก็ไม่ต่างเท่าใด เข้ามาก็เจอห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้าและเครื่องซักผ้าแบบติดผนังทอดยาวเป็นทางเดินเข้าไปด้านใน เมื่อมาถึงข้างในฝั่งซ้ายก็เป็นโซฟา ไล่ไปถึงหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่มีม่านปิดจนไปถึงผนังอีกฝั่งซึ่งเป็นโต๊ะทำงานกับคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่ง โต๊ะหัวเตียงและเตียงนอนสำหรับสองคนทั้งที่เซฮุนก็อยู่คนเดียว ลู่หานไม่แปลกใจเรื่องนี้นักเพราะนิสัยพวกเขาชอบนอนกลิ้งไปรอบๆแบบไม่มีทิศทาง อีกฝั่งหนึ่งก็เป็นชั้นหนังสือ ชั้นวางของแบบติดผนังเรื่อยไปจนถึงฝั่งตรงข้ามเตียงซึ่งเป็นเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆและตู้เย็น ด้านบนเป็นโทรทัศน์ติดผนัง

“ตากผ้าตรงไหนเหรอ?”ลู่หานถาม เพราะดูท่าห้องนี้ก็มีการเข้ามาอยู่พอดูเช่นกัน เซฮุนวางกระเป๋าสะพายลงก่อนจะกล่าวออกมาเรียบๆ

“ส่งซัก เครื่องนั้นก็เอาไว้ฉุกเฉินเฉยๆ”

“ฉุกเฉินแบบไหนเหรอ”

“ถามมากน่ะ”เซฮุนว่าอย่างติดรำคาญ และลู่หานก็เบนหน้าออกไปทางอื่นแทน เขาวางถุงอุปกรณ์และกระเป๋าเป้ลง ดวงตาโตจดจ้องม่านติดหน้าต่างนั้นก่อนจะใช้มือจับมันเลื่อนออก แสงภายนอกสาดส่องเข้ามาจนเซฮุนต้องยกมือป้องสายตาก่อนจะเอ็ดขึ้น “ใครใช้ให้เปิด!”

“ก็ในห้องมันมืด”ลู่หานให้เหตุผลพร้อมกับโอเซฮุนที่กระชากม่านปิด

“ฉันพอใจที่จะให้มันมืด”

“...”

“ฉันให้เข้ามาในห้องไม่แปลว่าจะทำยังไงกับห้องนี้ก็ได้”เซฮุนจ้องหน้าน้องชายฝาแฝดของตัวเองก่อนจะสะบัดหน้าออกไปเปิดตู้หยิบผ้าขนหนูก่อนจะสาวเท้าเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้ลู่หานยืนมองบรรยากาศรอบๆห้อง นี่ไม่เหมือนห้องของเขาที่บ้านเลยด้วยซ้ำ... เหมือนห้องของคนที่ใช้ชีวิตลำพังด้วยตนเอง และนั่นเป็นสิ่งที่ลู่หานเคยหวังลึกๆและรู้ดีว่ามารดาไม่มีทางอนุญาตแน่นอน


บางครั้งลู่หานก็อดคิดไม่ได้ว่า...ความรักก็เหมือนกับกรง...




เสียงจูบเกิดขึ้นในห้องและมันคงเป็นเสียงเดียวในเวลานี้ เหมือนว่าแอร์ที่นี่จะเงียบกว่าที่ห้อง..หรือความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้ยินเสียงอื่นใดเลยกันแน่ เสื้อผ้าที่เลอะคราบฝุ่นดินของลู่หานตกอยู่กับพื้น และบนเตียงก็มีแค่พวกเขาเท่านั้น และ  ลู่หานก็รู้สึกว่ายิ่งจูบมากครั้ง รสจูบของเซฮุนก็ยิ่งนุ่มนวลขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากนั้นกดแนบและเชยชิมอย่างนิ่มนวลแม้ลู่หานจะเตรียมใจสำหรับความรุนแรงมาบ้าง พอเจอแบบนี้ก็เหมือนจะไปไม่เป็น เซฮุนงับปลายลิ้นนุ่มเบาๆจนเสียงครางในลำคอดังขึ้น สองมือเล้าโลมร่างขาวละเอียดที่อ่อนหวานจนเขาโยนสามัญสำนึกทิ้งอย่างไม่ยั้งคิดอีกครั้ง แต่เขาไม่รู้วิธีที่จะให้ลู่หานอยู่กับเขาได้เลยนอกจากวิธีนี้

“อ่า...อืม...”คนน้องส่งเสียงครางเบาๆเมื่อเซฮุนเลียปลายคางที่เชิดขึ้น ลู่หานมีแผลเป็นที่ใต้ริมฝีปากทั้งที่เป็นเด็กขี้กลัวและโดนโอ๋จนไม่กล้าทำอะไรที่จะเสี่ยงให้โดนดุ ผิดกับเซฮุนที่เล่นซนท้าตีท้าต่อยแต่ยังเล็ก แต่กลับไม่มีบาดแผลอะไรบนใบหน้าเลย แน่นอนว่าบาดแผลนั้นไม่ได้เกิดจากลู่หานเอง เซฮุนจำวันนั้นได้เสมอที่พ่อแม่ทะเลาะกันและแม่สะบัดลู่หานที่พยายามเข้าไปเกาะขาตัวเองจนลู่หานล้มไปชนเหลี่ยมโต๊ะกระจกรับแขก ริมฝีปากล่างฉีกขาดเลือดไหลทะลัก และวินาทีนั้นที่เซฮุนรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองโดนฉีกออกไม่แพ้กัน

โอเซฮุนจูบรอยแผลนั้นอย่างอ่อนโยนไล่เรื่อยลงไปกับลำคอระหง ลู่หานหลุดร้องขึ้นเล็กน้อยก่อนจะขย้ำจิกผิวเนื้อของเซฮุนแน่น ดวงตาของลู่หานค่อยๆหลับลง แผ่นอกกระดกยกขึ้นเมื่อนิ้วหัวแม่มืออีกคนสัมผัสไถติ่งไตเหล่านั้น อีกข้างก็ถูกดูดดึงด้วยริมฝีปากสลับกับไล้เลีย จ้ำจูบปรากฏขึ้นเป็นรอยแดงผสมกับหยาดเหงื่อที่ซึมออกมา ลู่หานกอดอีกคนไว้แน่นเมื่อฝ่ามือไล่ลงสัมผัสร่างกายของตนเป็นจังหวะ ผืนท้องขมวดเกร็งและทำอะไรไม่ได้มากกว่ายอมให้อีกฝ่ายเก็บเกี่ยวความนุ่มนวลตามแต่ใจ

“แฉะหมดแล้ว”กระซิบบอกใบหูของลู่หานที่แดงก่ำ ก่อนจะงับเบาๆให้คนตื่นตัวหลุดผวาร้อง เซฮุนขยับตัวขึ้นนั่งกับขอบเตียง ให้ลู่หานขยับตามลงไปนั่งกับพื้น เขาโยนหมอนให้อีกฝ่ายได้รองเข่าเอาไว้โดยที่ลู่หานก็จับส่วนร้อนนั้นเข้าสัมผัสกับปาก ศีรษะกลมประกอบด้วยเส้นไหมนุ่มๆขยับไหวอยู่กลางระหว่างขา และเซฮุนก็เกลียดลู่หานอีกครั้ง เขาอยากให้ลู่หานไม่ประสา เขาอยากให้ลู่หานงุนงงและหวั่นกลัว เพราะเขาจะได้ไม่รับรู้ว่าระหว่างลู่หานและหวงจื่อเทาคนนั้นไปถึงขั้นไหน

“อ่า...พอแล้ว”แตะคางน้องพร้อมกับยกตัวลู่หานขึ้นนั่งคร่อมทับหน้าขา เจลหล่อลื่นที่เคยเก็บไว้สำหรับวันไหนที่เที่ยวดึกฉุกเฉินถูกนำมาใช้ ลู่หานหลับตาแน่นเมื่อเซฮุนกดสะโพกไว้ให้เข้ามาหา ริมฝีปากจูบทับรอยช้ำบนหน้าอก มือข้างหนึ่งก็บีบโคนขาของลู่หานแทบจะจิกนิ้วลงไป ลู่หานไม่เคยทำให้รู้สึกเบื่อหรือง่ายดายที่จะเข้าไปถึงเหมือนผู้หญิงคนอื่น เขารอเวลาจนสุดท้ายลู่หานค่อยๆขยับตัวไปข้างหลังเล็กน้อยเพื่อเท้ามือกับข้อเข่าของเขา มืออีกข้างจิกที่ไหล่ของเซฮุนพลางขยับตัวยกขึ้นเนิบนาบ เขาขบฟันกรอด นิ้วที่บีบต้นขาเกลี้ยงนั้นขึ้นตะปบช่วงเอวคอดอย่างก้าวร้าว อีกข้างโอบแผ่นหลังพร้อมกระทุ้งกายขึ้น กอบโกยลมหายใจราวตะกละตะกราม สนองการเว้าวอนทางอารมณ์ที่ไม่มีทางสิ้นสุดนั้น

“อื้อ..อ่ะ..อา...ตรงนั้น...งัดขึ้น..แฮ่ก...แฮ่กแฮ่ก...ซึด..โอ๊ะ..อา...”เสียงพึมพำแทบไม่ได้ศัพท์เสียงดังขึ้นจากลู่หานในขณะที่เซฮุนแค่ขบกรามพร้อมกับส่งเสียงครางเบาๆออกมาเท่านั้น แรงยวบเตียงกระเทือนลั่นจนเกิดเสียง เส้นประสาททุกเส้นเขม็งเกร็งรอเวลาที่จะกลับสู่ความว่างเปล่า จนสุดท้ายร่างบนตักก็ผวาตัวจิกเกร็งจนค่อยๆผ่อนคลาย เซฮุนขยับรั้งรูดขับคาวน้ำให้กับอีกฝ่ายที่สั่นระริกอยู่กับตัว

“บอกให้หลับตาไง”

กล่าวไปอย่างนั้นเพราะลู่หานกำลังมองหน้าของเขาอยู่นิ่งๆ เรียวนิ้วแตะข้างแก้มของเซฮุนผะแผ่วพร้อมกับเสียงพร่าของลู่หานที่ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา

 “หลับตาแล้วมันมืด...ฉันมองไม่เห็นใครเลย”

“...”

“ถ้าเป็นแบบนั้น...ฉันขอลืมตามองดูนายจะดีกว่า”

เซฮุนตระกองร่างลู่หานพลิกลงนอนหงายกับผืนเตียง เขาจับเรียวขานั้นแยกออกเกยหน้าขาตนเองพลันขยับกายเข้าไปอีกครั้ง เขาไม่ได้รู้สึกดีใจ และไม่ได้เสียใจ เขาไม่สามารถรู้สึกอะไรกับคำพูดเหล่านั้น เพราะลู่หานไม่มีใคร... ลู่หานต้องการใครก็ได้สักคนที่ไม่เลือกเลยเพื่อไม่ให้ตัวเองหนาว คนที่หัวใจบอบช้ำด้วยความรักก็ต้องการใครสักคนอยู่ข้างๆเหมือนกัน

หากว่านี่มันคือบาป...เซฮุนก็มั่นใจพอที่จะแบกรับบาปนี้เอาไว้แค่เพียงคนเดียว...



“กลับมาแล้วครับ”

สองพี่น้องส่งเสียงขึ้นพร้อมกันเมื่อเท้าแตะถึงบ้าน เซฮุนถอดรองเท้าคาหน้าประตูในขณะที่ลู่หานถอดแล้วจับมันขึ้นวางบนชั้นก่อนจะกดเจลล้างมืออย่างเรียบร้อย คนน้องเดินไปกอดมารดาที่รออยู่พร้อมกับคนพี่ที่ทักทายบิดาซึ่งนั่งอ่านหนังสือตรงโซฟา

“เป็นไงบ้างลูก ทำไมดูเหนื่อยๆ”ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามลู่หานอย่างอ่อนโยน โดยที่เซฮุนก็ปัดสายตามองอยู่วูบหนึ่งก่อนจะเบนสายตาหนีเมื่อลู่หานตอบไปเบาๆ

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมไปอาบน้ำก่อนนะ”

“จ้ะ”ผู้เป็นแม่อนุญาตลู่หานก็สาวเท้าขึ้นชั้นบนไป เซฮุนขยับตัวจะขึ้นไปที่ห้องตนเองบ้างก่อนจะถูกมารดาเรียกเอาไว้ก่อน “เซฮุน...แม่ขอคุยด้วยหน่อย”

“...”เขาถอนใจก่อนจะหมุนตัวมานั่งตรงโซฟา ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อมารดาหยิบโทรศัพท์ของลู่หานวางลงบนโต๊ะ

“แม่เข้าไปทำความสะอาดมา ทำไมเอาของน้องไปซ่อนล่ะลูก”

“ใครบอกให้แม่เข้าไปครับ”

“เซฮุน!”มารดาส่งเสียงเอ็ด “ตอบคำถามแม่ก่อนว่าทำไมต้องเอาของน้องไปซ่อนด้วย”

“...”

“ลู่หานไม่มีมือถือติดต่อ แม่โทรหาน้องไม่ได้ จะไม่ให้แม่คุยกับน้องเหรอ?”

“...”

“ทำไมต้องรังแกน้องตลอดด้วย แม่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงได้เป็นคนใจร้ายแบบนี้!!”

“พอซะทีเถอะครับ!”เซฮุนส่งเสียงออกมาบ้าง “แม่ไม่คิดเหรอครับว่าถ้าลู่หานมีโทรศัพท์ไว้กับตัวแล้วคนๆนั้นโทรมา เขาจะเป็นยังไง! เวลาที่เขาหุนหันทำอะไรไม่คิด แม่คิดว่าผมเป็นยอดมนุษย์ที่จะห้ามเขาได้เสมอๆเหรอครับ!”

“เซฮุน...”

“แม่เอาแต่พูดว่าผมเกลียดเขา แม่นั่นแหล่ะที่ทำร้ายเขาทางอ้อมมาตลอด!!”

“เซฮุน..ไม่เอา”คนพ่อปรามขึ้นบ้างพลางพับหนังสือพิมพ์ลง โดยโอเซฮุนก็ถอนหายใจแรงอย่างโกรธจัด ส่วนคนเป็นมารดาก็นั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้น “อย่าขึ้นเสียงกับแม่เขา...เขาเป็นแม่เรา”

“...ขอโทษครับ”

“แม่...แม่จะเอาไปคืนน้อง”หล่อนสูดลมหายใจปนสะอื้นเบาๆพลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “แม่จะบอกว่าแม่เจอที่อื่นเอง...”

“...”เซฮุนทิ้งตัวลงกับพนักโซฟา ในขณะที่ลู่หานที่ได้ยินเสียงทะเลาะก็แอบลงมาก่อนจะได้ยินบทสนทนาเกี่ยวกับโทรศัพท์ของเขา เป็นอีกครั้งที่พี่ชายฝาแฝดพยายามปกป้องไม่ให้หัวใจของเขาเจ็บไปมากกว่านี้ ลู่หานยกมือขึ้นปิดปากก่อนจะถอยตัวกลับขึ้นไปบนห้อง เมื่อเห็นมารดาลุกขึ้นและท่าทางเหมือนจะขึ้นมาหาเขา  ลู่หานรีบเข้าห้องทำท่าเหมือนจัดของออกจากถุง ก่อนจะมองพลาสเตอร์ที่ปิดแผลไว้นิ่งๆ คำพูดของเซฮุนที่ระเบิดอารมณ์ใส่มารดาก็หลั่งไหลเข้ามาเช่นกัน


โอเซฮุนคนที่เกลียดเขา...แค่พยายามที่จะรักษาเขาให้หายเท่านั้นเอง...


“ลู่หาน...แม่ขอเข้าไปหน่อยนะจ๊ะ”

“ครับ”และแล้วสิ่งที่ลู่หานเดาไว้ก็ไม่ผิดนัก เขาขานรับและประตูก็เปิดออก ปรากฏร่างของคนเป็นแม่เดินมานั่งลงพร้อมกับยื่นบางอย่างให้

“หนูทำตกไว้น่ะลูก แม่เก็บมาให้”

“ขอบคุณนะครับ...”ลู่หานหยิบสมาร์ทโฟนมาถือไว้โดยที่คนเป็นแม่ก็ลูบศีรษะเขาเบาๆ

“มิน่าแม่โทรหาลูกไม่ติดเลย แม่เป็นห่วงหนูมากนะ”

“ขอโทษนะครับ”

“แล้ว...”ผู้เป็นมารดาเอ่ยขึ้นเสียงเบาลง “เซฮุนแกล้งหนูอีกรึเปล่าลูก”

“...”ลู่หานส่ายหน้า

“เซฮุนไม่เหมือนเดิมแล้วนะ เขาทำอย่างที่พ่อเขาต้องการ เขาคงแค่ไม่อยากให้พ่อรักหนูแน่ๆถึงชอบใจร้ายกับหนู”ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองมารดาที่ว่าร้ายพี่ชายฝาแฝดของตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อหู “เด็กแบบนั้นก็แค่ต้องการอำนาจ พ่อเขาให้ท้ายจนเคยตัวไปแล้ว เขาไม่ใช่เซฮุนของแม่...แม่มีลูกคนเดียวคือหนูนะลู่หาน”

“ทำไมแม่พูดแบบนั้นล่ะครับ”

“แม่จะหย่ากับพ่อ”มารดากล่าวด้วยถ้อยคำที่ทำให้ลู่หานอึ้งไปถนัดใจ “แม่ทนนิสัยของพ่อเขาไม่ไหวแล้ว...ไว้เรากลับบ้านกันนะลูก กลับไปอยู่ที่จีนกัน”

“...”

“อย่าทิ้งแม่ไปนะ”หล่อนพูดพลางโอบลูกชายเข้าไว้กับตัว โดยลู่หานเองก็ขมวดคิ้วมุ่นอย่างสับสน ซึ่งชั้นล่างนั้น เซฮุนที่นั่งอยู่กับบิดาก็เลิกคิ้วน้อยๆเมื่อคนเป็นพ่อวางอุปกรณ์สื่อสารลงกับโต๊ะ เด็กหนุ่มหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะเลื่อนช้าๆ และพบภาพของมารดากำลังเดินกับผู้ชายคนหนึ่ง เซฮุนมองหน้าของพ่อสลับกับเครื่องมือนั้น ก่อนผู้เป็นบิดาจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“ธุระที่ผ่านมา...พ่อไปคนเดียว”

“...”

“จะว่าคนเดียวก็ไม่ถูก พ่อไปกับเลขาลี... แม่เขาก็ไปกับคนที่เขาพอใจ”

เซฮุนหลับตาถอนใจพรูออกมาทันที เขาวางมันลงก่อนจะมองคนเป็นพ่อนิ่งๆ “พ่อจะทำยังไงต่อครับ”

“เขาคงอยากหย่ากับพ่อเต็มทีแล้ว...พ่อเองก็ไม่อยากให้เลขาลีหลบๆซ่อนๆเหมือนกัน รอสักปีสองปี ให้พอไม่เป็นที่นินทา พ่อคงจะแต่งกับเธอ”

“...”

“เหลือแต่แก...จะทนอยู่กับเลขาลีเขาได้มั๊ย? หรือจะไปอยู่เยอรมัน”บิดาเอ่ยถึงข้อเสนอที่เคยบอกไว้ตั้งแต่เซฮุนเรียนมัธยมปลายและหาที่ต่อในมหาวิทยาลัย ในตอนนั้นเซฮุนอ้างว่าอยากอยู่เกาหลีกับครอบครัว.. แต่ทว่าในวันนี้ครอบครัวเริ่มแตกสาแหรกขาดขึ้นเรื่อยๆ เขาเม้มปากอยู่พักก่อนตอบไปเบาๆ

“ผมอยู่คนเดียวที่นี่ก็ได้”

“มันไม่ได้แปลว่าน้องแกจะอยู่ที่นี่หรอกนะ”

“...”

“แกรักน้องพ่อรู้...แต่แม่เขาจะเอาลู่หานไปด้วย แฟนใหม่แม่แกธรรมดาซะที่ไหนกัน ยิ่งถ้ารู้ว่าน้องแกมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อน...”เซฮุนตวัดสายตามองคนเป็นพ่อทันที และท่าทางพ่อของเขาก็คงสืบเรื่องแฟนใหม่ของผู้เป็นแม่มาเช่นกัน เขาพบเพียงรอยยิ้มปลงๆและคำพูดของชายคนหนึ่งที่รู้จักผู้หญิงคนหนึ่งมาทั้งชีวิต

“พ่อไม่หวังอะไรในตัวลู่หานตั้งแต่เขาไปรักกับผู้ชายแล้ว... พนันกับพ่อมั๊ยล่ะว่ายังปล่อยให้เป็นแบบนั้น แฟนใหม่แม่แกก็คงเอาน้องแกไปย่ำยี ไถเงินแม่แกกินใช้ แล้วก็จะย้อนมาเดือดร้อนพ่อเหมือนเดิม”



สองเท้าของเซฮุนค่อยๆเหยียบย่างขึ้นมาชั้นบนอย่างเชื่องช้า เขาคิดไม่ออกว่าจะแก้ไขปัญหาต่อไปอย่างไรดี แน่นอนว่าเขาไม่มีทางให้ลู่หานไปผจญความเลวร้ายแบบนั้นอย่างแน่นอน แต่เขาจะทำอย่างไรต่อไปได้บ้าง เขาคิดไม่ออก เหมือนวิ่งมาเจอทางแยกที่ทุกอย่างเป็นทางตันไปเสียหมด และเขาก็เกลียดสถานการณ์แบบนี้เหลือเกิน เซฮุนหันไปมองห้องของลู่หานที่วันนี้มันปิดประตูสนิท แต่ก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆลอดออกมาจากห้องนั้นอยู่ดี


“ไม่เป็นไรแล้ว เสี่ยวลู่แข็งแรงจะตาย”

“เมื่อไหร่จะมาที่นี่อีกเหรอ?”

“อ่า..ไม่มีอะไร เสี่ยวลู่คิดถึง”

“อย่าเพิ่งวางนะ...คุยกันก่อน..ได้มั๊ย...”

“จื่อเทา...อย่าทิ้งเรา...”


เสียงหัวเราะนั้นค่อยๆเปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้ โดยที่เซฮุนก็เข้าห้องปิดประตูทันที เขายืนพิงประตูอยู่พักก่อนจะทรุดไหลลงมานั่งกอดเข่ากับพื้น สองมือยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง... น่าสมเพชจริงๆ...ทำไมต้องโทรไปคร่ำครวญแบบนั้น ทำแบบนั้นเขาจะรำคาญเอาไม่รู้เหรอไง? ทำแบบนั้นมันยิ่งน่าหงุดหงิด บทสนทนาจะยิ่งจบเร็ว... ทำไมเขาจะไม่รู้ ก็พวกผู้หญิงเคยทำแบบนี้กับเขามาแล้วทั้งนั้น...


และคืนนี้ก็เป็นอีกครั้งที่โอเซฮุนเกลียดลู่หานเหลือเกิน...


อากาศยามเย็นของอีกวันแม้จะมีแดดแต่ก็ไม่ใช่แสงแดดที่รุนแรงอะไรนัก สำทับด้วยลมเบาๆที่ยังโชยมาตลอด เซฮุนที่เข้ามานั่งพักหลังจากเล่นกีฬาร่วมกับเพื่อนๆในชมรมก็รับน้ำดื่มจากแบคฮยอนที่อยู่แผนกให้กำลังใจ พลางหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กพาดรอบคอพร้อมกับซับเหงื่อในหน้า พวกเขาเงียบกันไปพักใหญ่จนแบคฮยอนเอ่ยขึ้นมา

“ไม่แสบหลังเหรอวะ”

“นิดๆ”เซฮุนตอบพร้อมกับเอ่ยสำทับ “คืนนี้ไปร้านนะ”

“เฮี้ยนอะไรอยากเมา”

“พ่อกับแม่ฉันจะหย่ากัน ไม่มีอารมณ์กลับบ้านแล้ว”

“ครอบครัวแกนี่มันอะไรกันวะเนี่ย”แบคฮยอนเบ้ปากทำท่าจะหยิบบุหรี่มาสูบ แต่ก็คงนึกขึ้นได้ว่าอยู่ในสถาบันและคนค่อนข้างพอสมควรจึงแค่ขยับมันในกระเป๋ากางเกง

“พอๆกับครอบครัวแกไง”

“อ๋อ..ครอบครัวฉันที่รู้ว่าฉันได้กับตาลุงหูกางเจ้าของผับก็ตัดหางปล่อยวัดฉันทันทีน่ะเหรอ”บยอนแบคฮยอนเอ่ยถึงครอบครัวตนเองอย่างไม่ยี่หระ แน่นอนว่าสังคมเกาหลีใต้ไม่มีทางยอมรับเพศที่สามกันง่ายๆ แม้เด็กผู้ชายจะสามารถกอดรัดฟัดเหวี่ยง หอมแก้มซุกไซ้กันขนาดไหนก็ตาม ซึ่งแบคฮยอนเองถึงจะดูมีมนุษยสัมพันธ์มากกว่าเซฮุน แต่เรื่องความไม่เอาใครนี่เรียกได้ว่าพอๆกัน พวกเขาไม่ชอบไปไหนเป็นกลุ่ม ไม่เข้าพวกกับใคร เป็นคนตรงๆ ไม่ชอบจุกจิก ไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ไม่ชอบพูดถึงคนอื่นลับหลัง ไม่ชอบฟังคนนินทากัน ไม่ชอบจิ๊จ๊ะอะไรกับใครมากมาย แต่ถ้ามีอะไรที่เป็นพิเศษก็คุยกันแค่สองคนอย่างคนศีลเสมอกัน

“จะไปเลยมั๊ย?”แบคฮยอนถามโดยที่เซฮุนก็ถอนหายใจเฮ้อ ทำให้เพื่อนที่นั่งไขว่ห้างอยู่ได้คำถามใหม่ขึ้นมา “แล้วเรื่องน้องแกเป็นไงบ้าง”

“ยังไม่ไป...ส่วนเรื่องนั้นก็ช่างเขา ไปถามเองดิ พี่สะใภ้เขาไม่ใช่เหรอ”ร่างกะทัดรัดว่าให้แบคฮยอนที่เหลือกตาขึ้นฟ้า ซึ่งใจจริงเขาก็นับญาติไม่ค่อยจะถูกเพราะชานยอล คนที่คบอยู่ปัจจุบันคนนี้เป็นพี่ชายของคุณหมอจื่อเทาแฟนเก่าของลู่หานซึ่งเป็นน้องชายฝาแฝดของโอเซฮุนที่เป็นเพื่อนของเขาคนนี้ และใช่ว่าความสัมพันธ์นี้แบคฮยอนจะไม่งุนงง เพราะแบคฮยอนเองก็วาดมายแมปปิ้งเล่นๆอยู่บ่อยครั้ง

“ใครจะไปถามวะ”

“ฉันก็เหมือนกัน ใครจะไปบอก”

“เซฮุน... ฉันก็ไม่อยากสาระแนเรื่องของแกหรอกนะ แต่แกจะเป็นแบบนี้ไปนานแค่ไหน”

“ไม่รู้สิ... มันน่ากลัวว่ะ”

?”

“เวลาที่เราคิดถึงใครสักคนแม่งน่ากลัว คิดตลอดว่าเขาทำอะไรอยู่ อยู่ที่ไหน อยู่ยังไง... เขาไม่ยอมออกไป.. ทุกครั้งเวลาที่ฉันบอกตัวเองว่าหยุดคิดถึง มันคือการเริ่มต้นคิดถึงอีกครั้ง..”

“ฉันว่าแกหนักแล้วนะ”

“แต่ฉันรู้สึกกับเขา”

“แต่ถ้าเขาเห็นแกเป็นแค่กิ่งไม้ให้คว้ามันก็เท่านั้นล่ะวะ!”แบคฮยอนว่า “คิดให้ดีนะเว้ยว่าแกเป็นใคร แกเป็นพี่เขา ไม่ใช่คนในใจของเขา ต่อให้แกอยู่กับเขาจนตายถ้าเขาไม่เคยรักแกเลยแม่งก็เท่านั้นแหล่ะ!!”

“...”

“ปวดหัว เครียด แดกเหล้า”แบคฮยอนสบถ ก่อนจะลุกขึ้นชักชวนกันไปเปลี่ยนชุดและหาอะไรดื่ม เซฮุนไม่อยากกลับบ้าน ไม่อยากรับรู้อะไรหลายๆอย่างไม่ว่าจะเรื่องครอบครัวหรือเรื่องของลู่หานก็ตามที ไม่มีอารมณ์แม้แต่จะโทรนัดสาวสักคนหรืออะไรทั้งสิ้น เขาอยากดื่ม ดื่มให้เมาแล้วก็หลับๆไปซะ จะได้ไม่ต้องคิดอะไรให้วุ่นวายอีก


และไม่บ่อยนักที่เซฮุนจะเลือกแก้ปัญหาให้ตัวเองด้วยวิธีโง่ๆแบบนี้...


“เห็นบ่นว่าแพ้อากาศ แม่เอายามาให้ ทานแล้วนอนพักนะลูก”

ลู่หานนั่งมองมารดาที่นำยากับน้ำมาให้กลางดึก มือเรียววางโทรศัพท์ลงก่อนจะเดินไปรับถาดยาเอาไว้ ตั้งแต่กลับมาบ้านจนกระทั่งมื้อเย็นลู่หานก็ไม่เห็นเซฮุนอีก เขาทานข้าวกับพ่อแม่ตามปกติทั้งที่รู้ดีว่าอะไรหลายอย่างๆ(เช่น ความสัมพันธ์ทั้งพ่อกับแม่หรือเขากับเซฮุน)มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

“แม่ครับ”

“ว่าไงจ๊ะ”

“พี่เขาไปไหนเหรอครับ..เขาโทรมาบอกมั๊ย?”

“อย่างเซฮุนน่ะเหรอลูก”หล่อนถอนหายใจ “คงทำอะไรตามใจตัวเองอีกนั่นแหล่ะ ไปเที่ยวที่ไหนอีกแล้วละมั้ง ก็คงเห็นว่าทำอะไรก็ได้พ่อไม่ว่าเลยได้ใจ อย่าไปสนใจเลยจ้ะ”

แฝดน้องรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาในใจทันทีที่เห็นคนเป็นแม่พูดจาถึงแฝดพี่ลับหลังแบบนั้น ทั้งที่ไม่ได้พูดถึงตนแต่ลู่หานกลับรู้สึกเหมือนถูกด่าจนหน้าชา จึงได้ตัดบทด้วยการพยักหน้าและทำท่ากินยานอน เมื่อคล้อยหลังมารดาลู่หานก็ลุกขึ้นไปห้องน้ำเพื่อบ้วนยาทิ้ง เขายกมือปาดหลังริมฝีปากก่อนจะกดออกจากkakao talk แล้วต่อสายหาใครอีกคนแทน

“อะ...แบคฮยอนรึเปล่า”

((อือฮึ มีอะไรเหรอ))

“เซฮุน...อยู่กับแบคฮยอนมั๊ย?”

((คงไปนอนที่ห้องละมั้ง ไม่น่าจะกลับบ้านอ่ะ ออกจากร้านไปแล้วกับไอรีน))

“...”

((หมอนั่นไม่ตายง่ายหรอก นอนเถอะ))



“ปวดหัวเหมือนจะตายเลย...”

เซฮุนพึมพำขณะที่ค่อยๆลากตัวออกมาจากลิฟต์โดยมีไอรีนคอยประคองตัวอยู่ไม่ห่าง สาวสวยเดรสสั้นสีดำ เส้นผมยาวสีน้ำตาลตัดกับริมฝีปากสีแดงสดทั้งพยุงประคองและไล้ลูบเนื้อตัวของเซฮุนที่สวมเพียงเชิ้ตสีขาวกางเกงสีดำละรองเท้าหนัง เรียกได้ว่ายังอยู่ในชุดนักศึกษาเสียด้วยซ้ำ

“เอากุญแจมานะคะ เดี๋ยวไอรีนดูแลเซฮุนเอง”

“ฉัน...อยาก...อยู่คนเดียว”

“เวลาแบบนี้อย่าอยู่คนเดียวเลยนะ ให้ไอรีนอยู่ด้วยดีกว่านะคะ”ระหว่างที่โต้แย้งเรื่องที่ว่าจะอยู่คนเดียวหรืออยู่สองคน หญิงสาวก็มองเห็นร่างของใครคนหนึ่งยืนพิงระเบียงหน้าห้อง คนๆนั้นสวมโค้ทตัวใหญ่ติดเฟอร์เคลียช่วงลำคอ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าโค้ทอีกข้างก็เล่นรูบิคมือเดียวเหมือนรอคอย จนกระทั่งดวงตากลมสวยหันมามอง ไอรีนจึงเข้าใจได้ทันที

“เขาไม่ควรอยู่คนเดียว แต่ก็ไม่ควรอยู่กับคุณสองต่อสองหรอกนะครับ”

“อะ..ลู่หาน”

“เดี๋ยวผมดูแลเอง ขอบคุณที่พามาส่งนะครับ”ลู่หานเดินไปล้วงกระเป๋าของเซฮุนก่อนจะได้คีย์การ์ดติดมือออกมา เขาจัดการเปิดประตูก่อนจะรับร่างพี่ชายฝาแฝดมาพยุงให้พิงประตูไว้ ลู่หานถอดโค้ทตัวเองออกก่อนจะคลุมไหล่ให้กับไอรีน “อากาศมันหนาวนะครับ ดึกๆแต่งตัวแบบนี้มันอันตราย”

“...”

“ขับรถระวังๆนะ ฝันดีครับ”ลู่หานตัดตอนพร้อมกับลากเซฮุนเข้าไปพร้อมกับปิดประตู ทิ้งให้ไอรีนยืนแก้มแดงใจเต้นอยู่ตรงนั้น...



ลู่หานหลังจัดการปิดประตูเรียบร้อยก็พาเซฮุนมาด้านใน คงมีแค่เมื่อวันก่อนเท่านั้นที่เขาเคยมาที่นี่เพราะตลอดมาลู่หานไม่เคยได้รับอนุญาตให้มารู้จักสภาพแวดล้อมของคนพี่ เพียงแต่ว่าลู่หานความจำดีพอที่จะนึกออกว่าห้องของเซฮุนอยู่ที่นี่และใช้สอยอะไรได้บ้าง ตามจริงลู่หานมีชีวิตที่สมบูรณ์มาตลอด... ทั้งความรักท่วมท้นจากมารดา ความรักจากคุณหมอที่พบรักกันตอนลู่หานไปตรวจสุขภาพประจำปี ลู่หานหวังมาตลอดกับความสัมพันธ์ยาวนานอย่างตลอดไป โดยลืมความจริงบนโลกไปข้อหนึ่งว่าเรื่องความสัมพันธ์ไม่มีอะไรที่ยั่งยืน

“...”เมื่อไฟสีเหลืองส้มที่ผนังเปิด เขาก็มองเซฮุนที่นอนเหยียดไปบนเตียง ก่อนจะแง้มม่านให้แสงกลางคืนเข้ามาเล็กน้อย เดินหาไปอ่างเล็กๆมาหวังหาผ้าชุบน้ำ แต่เมื่อเปิดตู้เย็นก็พบผ้าขนหนูเย็นแช่เอาไว้ ลู่หานถอนใจเมื่อเห็นเบียร์หลายกระป๋องแช่ในนี้ ทุกอย่างเป็นระเบียบและเป็นสัดส่วนทั้งที่อยู่บ้านชอบโยนนั่นนี่ไม่มีระเบียบให้แม่มาบ่นให้เขาฟังหลายต่อหลายครั้ง

ก็คงดูแลตัวเองมาตลอด... เลยมีผ้าแช่ในตู้เย็นแบบนี้ละมั้ง...

ลู่หานเช็ดตัวให้อีกคนก่อนจะเดินไปดูวิวในเมืองตอนกลางคืนแล้วปิดม่านลง ลู่หานไม่ชอบชีวิตกลางคืนนัก และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการแอบลักหนีออกจากบ้านเพื่อมาที่นี่เขาจะเจอคำตัดพ้อต่อว่าจากมารดามากมายเท่าใด แม้ลู่หานไม่อยากอยู่คนเดียวสักเท่าไหร่แต่ลู่หานก็เริ่มไม่อยากให้มารดามาอยู่ด้วยอีก ท่านไม่มีเวลา..เขารู้... แม้ตอนที่กำลังย่องลงมาชั้นล่าง มารดาของเขาโทรศัพท์อยู่ตรงส่วนรับรองชั้นบนก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาจะไปไหน

แฝดน้องนอนหงายอยู่ข้างๆพี่ชายที่เกิดก่อนเจ็ดนาทีแล้วจ้องมองเพดานด้วยสายตาว่างเปล่า ลู่หานไม่เคยไปไหนคนเดียว จะไปไหนมาไหนก็ต้องไปเป็นกลุ่ม ต้องมีเพื่อน มีสังคม พอมาเจอชีวิตโดดเดี่ยวของเซฮุนก็ใจหาย เขาไม่รู้เลยว่ามันจะเหงาและเงียบได้ขนาดนี้... เพราะขนาดตอนที่อกหักร้องไห้เจ็บปวดมากมายแค่ไหน ลู่หานก็ยังได้ยินเสียงร้องไห้ของตัวเอง...


จริงสินะ...ลู่หานไม่เคยอยู่ตัวคนเดียว และเซฮุนก็ไม่เคยอยู่ตัวคนเดียว...

พวกเขาอยู่กับตัวเอง...สุดท้ายก็มีแต่ตัวของเขาเองที่ยังอยู่เป็นเพื่อนไม่ยอมไปไหน...


กลิ่นแอลกอฮอล์โชยออกมาจากลมหายใจของเซฮุน วินาทีนั้นลู่หานถึงได้รู้สึกตัวว่าเอาหน้าเข้ามาใกล้เซฮุนมาเกินไป เขาขยับตัวขึ้นพร้อมกับเซฮุนที่ได้กลิ่นช็อคโกแลตก็ค่อยๆลืมตาทั้งที่ยังมึนหัว

“ไอรีนเหรอ?”

“อยากนอนกับเธอเหรอ? ฉันจะโทรตามให้”

“ไม่...”เซฮุนตะแคงตัวกอดลู่หานไว้ “ดีแล้วที่ไม่ใช่ยัยนั่น”

“...”

“มาได้ไง”

“แอบออกมา...ฉันเห็นว่าไม่กลับบ้าน”

“...”เซฮุนหลับตานิ่งๆพร้อมกับลู่หานที่เอ่ยออกมาอีกครั้ง

“ฉันขาดนายได้ซะที่ไหน”

นาทีนั้นแทนที่เซฮุนจะรู้สึกยินดี แต่เขากลับเหมือนโดนน้ำเย็นๆราดเอากลางดึก ทั้งหนาวทั้งชากับถ้อยความของลู่หานที่ได้ยิน ผสมกับคำพูดของแบคฮยอนที่เคยบอกเอาไว้


“แต่ถ้าเขาเห็นแกเป็นแค่กิ่งไม้ให้คว้ามันก็เท่านั้นล่ะวะ!”

“คิดให้ดีนะเว้ยว่าแกเป็นใคร แกเป็นพี่เขา ไม่ใช่คนในใจของเขา ต่อให้แกอยู่กับเขาจนตายถ้าเขาไม่เคยรักแกเลยแม่งก็เท่านั้นแหล่ะ!!”


“...”

เซฮุนขยุ้มแขนเสื้อของลู่หานที่มองท่าทีของเขาด้วยท่าทีงุนงง เสียงถอนใจสั้นๆนั้นทำให้ลู่หานไม่รู้จะทำยังไงต่อไปกับท่าทีพวกนั้น เขามองเซฮุนที่เกร็งมืออยู่สักพักแล้วจึงคลายออก ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงติดห้วนแม้จะบางเบา

“เห็นฉันไว้คั่นเวลารึไง”

“...”

“จริงๆฉันก็หมดบทบาทตั้งแต่นายกลับไปคุยกับมันแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“...”

“เป็นไงล่ะ มันตัดสายนายอีกใช่มั๊ย? นอนร้องไห้ตาแฉะหาคนปลอบไม่ได้เลยวิ่งมาหาฉันล่ะสิ”

“เสียใจก็บอกดีๆสิ”ลู่หานว่าก่อนจะกอดเซฮุนเอาไว้ เขาปล่อยให้แฝดพี่ตัวเองซบหน้าไปกับช่วงอก นิ้วมือลากลูบกล่อมให้เซฮุนหลับไปซะแทนที่จะมาคิดถึงเรื่องปวดหัว ลู่หานปวดหัว...และลู่หานก็ต้องการที่จะหลับเช่นกัน เขารู้ดีว่าหากยังคุยกันเซฮุนก็จะมีแต่อารมณ์ร้อนและเขาเองนี่แหล่ะที่จะเจ็บตัว เซฮุนกระชับกอดลู่หานแน่นขึ้น พร้อมกับคำถามข้อหนึ่งที่ทิ้งไว้ให้ขบคิดตลอดคืน

“ถ้าฉันเสียใจ จะอยู่กับฉันใช่มั๊ย?”


****************************
#LoatheSELU





2 ความคิดเห็น:

  1. มันฟินคนละแบบกะเวอร์ชั่นของจีซึงนะ
    เราฟินมากๆเลย ขอบคุณมากน้าาน้องหมา

    ตอบลบ