Title : Baby and The Bear 2/5
Author : RUNAWAY05
Couple : SEHUN x LUHAN
Note : นางฟ้ากับตาหมี v.2
*********************************************
“พวกคุณอีกแล้วเหรอครับ...”
คิมจงแดทำหน้าอ่อนเพลียละเหี่ยจิตกับคนไข้สองคนที่มารับการรักษาในช่วงเช้า
คนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มใบหน้าหล่อที่บางมุมก็ดูน่ารักน่าชังไม่มีพิษภัย และอีกคนคือชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าหล่อเหลา
ทั้งคู่มีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจไม่แพ้กัน พอๆกับจิตแพทย์หนุ่มที่เอาเอกสารมาตรวจดู
“คุณอู๋อี้ฟาน มีอาการของมาโซคิสม์
มาทำแผลเพราะคุณปาร์คชานยอลมีอาการซาดิสม์แบบแฟลชเจลเลชั่น(ซาดิสม์แบบชอบเอาอาวุธ
แส้ หรือไม้ทุบตีคู่นอนระหว่างมีเพศสัมพันธ์)
ผมเสนอวิธีปรับแก้อาการซาดิสม์ลงไปแล้ว ไม่ได้ผลเหรอครับ”
“มันไม่ใช่ไม่ได้ผลอ่ะหมอ”เด็กหนุ่มที่ชื่อปาร์คชานยอลบ่น
“แต่แฟนผมเนี่ยมันบอกว่าถ้าไม่ตีมันไม่ฟิน แล้วตัวแม่งก็เขียวไปทำงานทุกวัน
ผมก็อายแทนมันเหมือนกันนะหมอ”
“คุณอู๋อี้ฟานครับ...”จงแดหันไปหาชายหนุ่มหน้าหล่อที่ขยับตัวเล็กน้อย
“คือ...มันต้องเปรี๊ยะๆ แป๊ะๆ
คันๆหน่อยอะครับคุณหมอ ไม่งั้นมันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปอะครับ”
“งี้แหล่ะหมอ
มันถึงให้ผมเอาไม้บรรทัดเหล็กฟาดแขนมัน เพื่อนที่ออฟฟิศมันจะรวมตัวแจ้งความมาจับผมข้อหาทำร้ายร่างกายอยู่แล้ว”ชานยอลถลกแขนเสื้อของคนรักอวดรอยไม้บรรทัดที่นาบแขนเขียวเป็นระแนง
เล่นเอาคุณหมอหนุ่มยิ้มแหย
“เอาเป็นว่า
คุณอู๋ไปทำแผลกับคุณหมอบยอนก่อนนะครับ
ยังไงก็ตามก็ต้องทายาแก้ฟกช้ำไว้ก่อน”จงแดว่าก่อนจะโทรเรียกพยาบาลให้มาเชิญตัวชายร่างสูงออกไป
เมื่ออยู่กันสองคน ชานยอลก็บ่นอุบออกมาอย่างกลัดกลุ้ม
“ผมเครียดครับหมอ
พวกเราแค่ชายชายรักกันก็แปลกพออยู่แล้ว แล้วยังมาเป็นแบบนี้กันอีก
เวลาที่เรียนแล้วอาจารย์ชอบบอกว่าสิ่งพวกนี้มันเป็นกามวิตถาร ผมเฟลแบบชิบหายเลย”
“ใจเย็นๆนะครับคุณปาร์ค มันไม่ใช่โรค
ไม่ใช่ความผิดปกติ ไม่ใช่โรคจิต
แต่สิ่งนี้เรียกว่ารสนิยมและพฤติกรรม”คิมจงแดส่งยิ้มให้ก่อนจดบันทึกการรับรักษาของคนไข้ทั้งสอง
“มันเป็นยังไงครับ?”
“ก็ คนอื่นๆอาจจะกินข้าว แต่พวกคุณชอบกินพิซซ่า
และในการกินพิซซ่า คุณอาจจะชอบกินจากข้างในมาขอบ แฟนคุณกินจากขอบมาข้างใน
มันคือความชื่นชอบส่วนบุคคลครับ
แต่ผมมีหน้าที่คอยให้คำปรึกษาไม่ให้พวกคุณเดือดร้อนจากรสนิยมเหล่านั้น
ทุกอย่างมันอยู่ที่จิตใจ”
“...”
“ใจของคนเราเลือกได้ครับที่จะทำหรือไม่ทำอะไรสักอย่าง
เพราะจิตใจเลือกสมองก็สั่งการ มันอยู่ที่การควบคุมตนเอง รสนิยมแบบนี้มีหลายแบบ
และคุณไม่มีทางรู้หรอกครับว่าคนๆหนึ่งที่เดินผ่านเราเขามีรสนิยมแบบไหน
เพราะมันจะแอบอยู่ในบุคคลธรรมดา บุคคลที่ดีพร้อม หรือบุคคลที่ไม่ดีอะไรเลย
ไม่ต้องกังวลนะครับ ทำใจให้สบาย
แล้วอธิบายกับคุณอู๋ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ผิดปกติ แต่ที่คุณไม่อยากทำเพราะเป็นห่วงเขา
คุณไม่ต้องการให้เขาเป็นที่ครหาของเพื่อนร่วมงาน คุณอู๋เองก็ระดับผู้จัดการ
แต่งตัวให้มิดชิด ถ้าต้องทำก็ทำตรงที่อยู่ในร่มผ้าและทายาแก้ฟกช้ำก็พอครับ”
“ได้ยินแบบนี้ผมก็สบายใจหน่อยครับหมอ
ขอบคุณนะครับ”เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มก่อนที่ชายหนุ่มที่ทำผลรับยาเสร็จกลับเข้ามาจะเอ่ยลาจิตแพทย์หนุ่มพร้อมกับออกจากคลินิกไป
จงแดควงปากกาในมือเล่นๆ ชีวิตจิตแพทย์ของเขาเจอลูกค้ามากมายหลายหลาก
และแน่นอนว่าเขามีหน้าที่รักษาความลับของลูกค้าด้วย
ว่าแต่หมีเพดโด้ตอนนี้เป็นยังไงบ้างนะ...
“นักเรียนทุกคนกลับทบทวนหน้าที่หนึ่งร้อยห้าสิบเจ็ด
ทำแบบฝึกที่ครูแจกให้แล้วรวบรวมมาส่งครูช่วงเย็นนะครับ
และการบ้านวันนี้ก็ทำแบบฝึกท้ายบทมาส่งครูในชั่วโมงถัดไป วันนี้พอเท่านี้ก่อนครับ”
เซฮุนกล่าวกับนักเรียนอีกช่วงชั้นเมื่อคาบการสอนหมดลง
ชายหนุ่มโล่งใจอย่างประหลาดเมื่อท้ายๆสัปดาห์เขาไม่ได้ไปสอนห้องๆนั้น
อย่างน้อยก็ไม่ต้องเจอชอนซาที่ทำให้เขานึกถึงจนรู้สึกปั่นป่วน
กับคนที่มีอาการแบบเขาเจอใบหน้าหวานๆแบบนั้นเข้าไปชีวิตถึงกับติดลบ
ต้องยืมหน้าลูกศิษย์มาช่วยตัวเองเพราะจะทำกับสาวๆสวยๆเขาก็ไม่มีอารมณ์
จิตใจของเขารู้ดีว่าตนเองลึกๆต่อต้านผู้หญิงสวย ยิ่งเห็นผู้หญิงสวยมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเห็นเวลาที่พวกเธอล้างหน้าหรือตายแล้วชัดเท่านั้น
“คุณครูเซฮุนคะ”
“ครับ?”
“นี่ก็พักกลางวันแล้ว
ไปทานข้าวกับฉันมั๊ยคะ?”ครูซูจองสอนวิชาสังคมเข้ามาควงแขนเซฮุนที่เหมือนจะนิ่งไปพัก
เพราะถ้าเทียบกับครูคนอื่น ครูสาวคนนี้ไม่ได้แต่งหน้าหนักและดูดีแบบธรรมชาติ
คิดดังนั้นเซฮุนจึงพยักหน้าตอบรับไมตรีของเธอไป
“ได้ครับ ไปกินข้าวกัน”
“ชิงชิงย่าห์!! ทีชเชอร์ไปกับครูซูจองแล้ว ฮืออ”
เด็กชายตัวน้อยวิ่งมาร้องห่มร้องไห้กับเพื่อนตัวเล็กแก้มบุ๋มที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋าเพื่อลงไปทานอาหารข้างล่าง
โดยที่ลู่หานก็หยิบข้าวกล่องออกมามองอย่างงุนงง คยองซูเสียใจอะไรกันน้า…
“แค่กินข้าวกันเอง
ผู้ชายกินข้าวกับผู้หญิงไม่ได้แปลว่ารักกันหรอกน่า”
“ฮือ เจ็บจังเลย ดโยชอบพระเอกการ์ตูนแบบทีชเชอร์นี่นา”
“เอาน่า ใจเย็นก่อนน้า ไม่มีอะไรหรอก”
ลู่หานกะพริบตาปริบๆก่อนจะมองข้าวกล่องสองใบที่ตนเอามาด้วย
เมื่อเช้าคุณแม่เตรียมหัวปลานึ่งซีอิ้วกับข้าวนุ่มๆให้ลู่หานเอามาให้ซอนแซงนิมแทนคำขอบคุณที่มาส่งที่บ้านตั้งสองครั้งนี่นา
แต่ซอนแซงนิมไปกินข้าวกับคนสวยซะแล้ว... แล้วเขาจะทำยังไงดีเนี่ย...
สุดท้ายเมื่อเด็กน้อยไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่เขียนข้อความแปะกับกล่องข้าวก่อนจะเดินออกไปยังบริเวณห้องพักครู
ท่อนขาที่ซ่อนอยู่ในกางเกงนักเรียนขายาวสีดำและรองเท้าผ้าใบเดินถือกล่องข้าวยืนลับๆล่อๆอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งมีเงาของใครคนหนึ่งขยับย่างเข้ามาทางด้านหลัง
ลู่หานหันขวับก่อนจะเลิกคิ้วอย่างโล่งใจเมื่อพบว่าคนที่เข้ามาหาตนคืออาจารย์มินโฮที่สอนวิชาคณิตศาสตร์นั่นเอง
“มายืนทำอะไรแถวนี้ครับหืม?”
“อ่า..คือ”เด็กน้อยแว่นตาหนาเตอะเอ่ยอึกอัก “คุณแม่ให้เอาข้าวกล่องมาให้เซฮุนซอนแซงนิมครับ
ซอนแซงนิมเคยไปส่งที่บ้านเพราะผมตกรถสองครั้ง”
“อย่างนี้นี่เอง”คุณครูหนุ่มคลี่ยิ้ม
“เดี๋ยวครูเอาไว้ให้คุณครูเซฮุนเองนะครับ เราก็ไปกินข้าวได้แล้วนะ”
“ขอบคุณนะครับ”ลู่หานยื่นกล่องข้าวแนบโน้ตแล้วส่งยิ้มให้กับคุณครูมินโฮก่อนจะกอดกล่องข้าวไปกินใต้ต้นไม้คนเดียวอย่างเหงาหงอย
เพราะรู้ดีว่ายังไงซะซอนแซงนิมคงไม่กลับมากินข้าวกล่องเด็กนักเรียนหรอก
มนุษย์หมาป่าได้กินข้าวกับโฉมงามแล้วนี่นา...
“อาหารไม่อร่อยเหรอคะ?
ฉันว่าอาหารที่นี่อร่อยดีนะ”
ซูจองเอ่ยทักเมื่อเซฮุนดูใจลอยผิดสังเกต
ก่อนที่ดวงตาคมจะกระพริบปริบๆแล้วหันมาส่งยิ้มให้เธอ
ท่ามกลางสายตาคนทั้งโรงเรียนที่มองด้วยความอิจฉาเมื่อหนุ่มหล่อสาวสวยนั่งทานข้าวด้วยกัน
ทั้งที่ความจริงแล้วเซฮุนแค่กำลังนึกว่าชอนซาตัวน้อยจะไปกินข้าวที่ไหนก็เท่านั้น
แต่เขาไม่สามารถไปเจอได้ เพราะไม่อย่างนั้นเขาอาจจะเผลอทำอะไรน่ากลัวๆออกมาอีก
“อร่อยครับ แต่ช่วงนี้ผมเบลอๆนิดหน่อย”
“อ่า...เราเป็นครูต้องกระฉับกระเฉงถึงจะรู้สึกเบื่อก็เถอะน้า”หญิงสาวย่นปาก
“ทานวิตามินซีไว้สิคะ จะได้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้าง”
“ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับ”เซฮุนยิ้มก่อนจะริบรอยยิ้มลงเมื่อซูจองเปรยขึ้นมาเบาๆ
“จริงสิ ฉันได้ยินข่าวมาจากพวกฝ่ายปกครองว่าระยะนี้จะมีพวกโรคจิตมาด้อมๆมองๆแถวโรงเรียน”
“...”
“พวกคิดมิดีมิร้ายกับเด็กค่ะ
มีเด็กหลายคนจากโรงเรียนข้างๆโดนทำอนาจารไปแล้ว
ถึงจะไม่ขั้นข่มขืนแต่เด็กก็เสียขวัญพอดูเหมือนกัน คนพวกนี้ไม่รู้เป็นโรคอะไรนะคะ
เด็กเล็กๆก็ไม่เว้น
ใจร้ายใจดำจริงๆ”คุณครูสาวบ่นด้วยถ้อยคำที่ทำให้เซฮุนรู้สึกเจ็บจี๊ด สมองมีทั้งภาพเด็กน้อยในห้องพักครูเมื่อวานหรือภาพใครคนหนึ่งที่เคยอยู่ในห้วงความทรงจำ
‘เซฮุน..อย่าทำเรา...อย่า!!’
แคร๊ง!!
หนุ่มสาวต่างสะดุ้งเมื่อตะเกียบในมือของเซฮุนร่วงผล็อยลงกับพื้น
เขายื่นมือเก็บตะเกียบที่ตกลงนอกชามข้าวก่อนจะมองหน้าของซูจองด้วยสายตาเกรงใจ
“ขอโทษนะครับ ผมคงนอนไม่พอจริงๆแหล่ะ ฮ่ะๆ”
“ฉันว่าครูเซฮุนไปพักผ่อนดีกว่านะคะ
เดี๋ยววูบระหว่างสอนนะ”หญิงสาวแนะนำและชายหนุ่มก็รับคำแนะนำนั้นไว้
เซฮุนก็ขอตัวเอาถาดข้าวไปเก็บก่อนจะตั้งใจมาทานยาของคุณหมอแบคฮยอนจอมกวนโอ๊ยสักเม็ด
เขาไม่มีสอนใดใดตลอดบ่าย ดังนั้นหลับสักชั่วโมงคงไม่มีปัญหาอะไร
“คุณครูเซฮุนครับ”เสียงทักนุ่มนวลจากชายหนุ่มที่สังเกตเห็นตนกำลังกลับมาที่ห้องพักครู
เซฮุนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นห่อผ้าลายคิตตี้สีขาวชมพูในมือครูหนุ่มคนนั้น
เซฮุนผงะตัวถอยหลังโดยอีกฝ่ายก็หัวเราะแห้งๆ “ไม่ใช่ของผมครับ”
“ครูมินโฮมาส่วนภาษาอังกฤษมีอะไรเหรอครับ?”
“อ่อ ผมเอาเอกสารจากธุรการมาส่งครับ
พอดีมีเด็กฝากข้าวกล่องมาให้คุณด้วย”มินโฮส่งกล่องข้าวให้กับเซฮุนที่รับมาก่อนจะพยักหน้าอย่างงุนงง
และขอบคุณไปอย่างงุนงงเช่นกัน เขาเดินเข้ามาในห้องพักก่อนจะรู้สึกหิวขึ้นมาเพราะเมื่อกี้ก็เพิ่งทานข้าวไปไม่กี่คำเท่านั้น
เซฮุนเปิดห่อผ้าออกพลันเพ่งมองโน้ตเล็กๆที่มีลายมือเป็นระเบียบเรียงกันอยู่ในนั้น
‘คุณแม่ให้เอาข้าวกล่องมาให้ซอนแซงนิมครับ
ตอบแทนที่ไปส่งผมตั้งสองครั้ง ซอนแซงนิมไปหาหมอรึยังครับ?
ยังไงก็ห้ามโดนพระจันทร์และนอนหลับเยอะๆนะครับ /ลู่หาน ’
ชอนซา... *อิโมหมีร้องไห้*
เซฮุนเม้มปากก่อนจะเก็บโน้ตไว้อย่างดี
แล้วเปิดดูกล่องข้าวในห่อผ้าคิตตี้หวานแหววนั้น
คิ้วเข้มขมวดเมื่อเห็นหัวปลาชิ้นใหญ่นึ่งกับน้ำซอสและข้าวสวยในกล่องเล็กๆเคียงข้างกัน
ไหนๆก็ไหนๆนี่นะ เซฮุนจึงลงมือทานรับไมตรีของทางบ้านนักเรียนที่รสชาติค่อนข้างดี ก่อนจะล้างข้าวกล่องเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบ
พลันหยิบยาจากคุณหมอมาทานแล้วนอนพัก เย็นนี้เขาต้องเอารถไปเติมน้ำมันเพราะเหลือน้อยเต็มที
แต่ยังไงก็หลับพักผ่อนสักชั่วโมง โรงเรียนคงยังไม่เลิก
ไว้เขาค่อยฝากกล่องข้าวไปกับเด็กหญิงหัวหน้าห้องที่วันนี้ต้องเอาสมุดจดประจำสัปดาห์มาส่งก็แล้วกัน
ในขณะเดียวกันลู่หานก็มองฝนที่ตั้งเค้ามืดมาตั้งแต่บ่าย
เย็นนี้อาจจะฝนตกหนักก็เป็นได้
ลู่หานอมลมจนแก้มป่องดันแว่นตาหนาๆนั่นกระดกขึ้นเล็กน้อย พลันนึกอะไรบางอย่างออก จึงลุกขึ้นไปหาซึลกิที่กำลังตีเส้นสีแดงจบการบ้านประจำวัน
“ซึลกิ วันนี้เราไปส่งสมุดของซอนแซงนิมให้แทนนะ”
“เอ๋?”
“พอดีแม่เราฝากของมาให้ซอนแซงนิม เราต้องเอากล่องกลับน่ะ”
“อ่า..โอเค
ฝากด้วยนะจ๊ะ”ซึลกิเลื่อนตั้งสมุดให้กับลู่หานที่พยักหน้าให้ ก่อนจะอุ้มไปไว้โต๊ะตนเองพร้อมกับฝนที่กระหน่ำตกลงมาอย่างหนัก
ลู่หานนั่งตาปรือไปพร้อมกับเพื่อนๆในวิชาเรียนที่น่าเบื่อ คุณครูก็สอนแบบเอื่อยเฉื่อยไม่สนุกเหมือนเรียนกับซอนแซงนิมสักน้อย
มนุษย์หมาป่าซอนแซงนิมเป็นคนใจดี ขนาดจะกัดลู่หานยังขอโทษเลย
แม่สอนลู่หานว่าคนที่รู้จักขอโทษคือคนดี ดังนั้นลู่หานก็จะดีกับซอนแซงนิมให้มากๆ
เจ้าน้ำฝนหยดน้อยรวมตัวกันไปหยดใหญ่กำลังกลิ้งไหลหล่นบนหลังคา
เพื่อนๆทยอยกลับบ้านหลังจากฝนซาได้สักพัก แต่ก็ยังมีเค้าลางว่าฝนจะต้องตกอีกระลอกเป็นแน่
ลู่หานอุ้มกองสมุดไปที่ห้องของซอนแซงนิมเพื่อนำไปส่งและรับกล่องข้าวกลับบ้าน
แต่หลังจากเคาะประตูสองสามครั้งลู่หานก็พบว่าไม่มีใครตอบรับและประตูไมได้ล็อค
เด็กชายจึงถือวิสาสะเปิดประตูและสอดส่องหาคนจากด้านใน
สุดท้ายก็แอบย่องปลายเท้าเข้ามาในห้องอย่างยอมเสียมารยาทเพราะทนน้ำหนักสมุดไม่ไหว
“ซอนแซงนิมกำลังหลับนี่นา”ลู่หานที่วางสมุดลงกับโต๊ะ
สมุดจดวิชาภาษาอังกฤษรายสัปดาห์เรียงเลขที่นักเรียนอย่างเรียบร้อยด้วยมือลู่หานเองเพราะสังเกตได้ว่าซอนแซงนิมเป็นคนมีระเบียบ
เด็กชายหยิบกล่องข้าวใส่ไว้ในเป้ก่อนจะเดินออกไป
แต่ก็เหลียวมามองชายหนุ่มที่นอนเหยียดยาวหลับตาพริ้มอยู่ตรงโซฟา
ลู่หานกะพริบตาปริบๆพลันเอานิ้วเกาแก้มอย่างใช้ความคิด
แล้วตัดสินใจไปปลุกซอนแซงนิมที่หลับอยู่เพื่อให้รู้ว่าถึงเวลากลับบ้านแล้ว
เดี๋ยวซอนแซงนิมจะโดนคุณลุงภารโรงขังไว้ในโรงเรียน ลู่หานไม่ชอบให้ใครอยู่โรงเรียนมืดๆเพราะเชื่อว่าโรงเรียนต้องมีคุณผี
“ซอนแซงนิม...ซอนแซงนิมครับ”
“...”
“เย็นมากแล้วนะครับ...ซอนแซงนิมกลับบ้านเถอะครับ”
ดวงตาคมค่อยๆปรือขึ้นเมื่อได้กลิ่นหอมๆของอะไรสักอย่างใกล้ๆ
ก่อนจะเหลียวมองซ้ายขวาอย่างงุนงงท่ามกลางเสียงฝนปรอยๆ เซฮุนยกมือทาบศีรษะก่อนจะเบิกตาเล็กน้อยเมื่อเลื่อนดูนาฬิกา
“สี่โมงครึ่ง?!”
“ครับ..สี่โมงครึ่งแล้ว”ลู่หานตอบโดยเซฮุนก็ชะงักกายไปข้างหลังนิดหน่อย ดวงตากลมโตมองท่าทีพยายามถอยห่างของอีกฝ่าย
แม้จะไม่เข้าใจแต่ลู่หานก็ไม่ได้ชอบท่าทีพวกนี้มากนัก
“แล้วเรามีอะไรรึเปล่าครับ?”
“...ผมมาส่งสมุดฮะ
แล้วก็เอากล่องข้าวของคุณแม่กลับด้วย”เด็กชายตอบ
ก่อนจะนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อเซฮุนแค่พยักหน้าก่อนจะตอบกลับเรียๆบอย่างรักษาท่าที
“อ่อครับ งั้นก็กลับได้แล้วล่ะ เดี๋ยวรถจะหมดนะ”
“ซอนแซงนิมดีขึ้นแล้วใช่มั๊ยครับ?”
“ครับดีขึ้นแล้ว”
“ซอนแซงนิมหน้าซีดมากเลยนะครับ”
“ไม่เป็นไรจริงๆครับ เราก็รีบกลับเถอะนะ”
“แต่ผมว่า..”
“กลับบ้านได้แล้วครับ มันเย็นมากแล้ว
ครูไม่ว่างไปส่งเราบ่อยๆนะ เดี๋ยวใครจะมองไม่ดีเอา”เซฮุนตัดใจใช้น้ำเสียงเข้มกับลู่หานที่สีหน้าอึ้งไปเพราะไม่อยากให้ตนเองมีอาการซ้ำรอยกับวันนั้นอีก
แต่เด็กชายที่สวมแว่นหนาเตอะคนนั้นกลับก้มหน้าพลันปฏิเสธเบาๆ
“ผมไม่ได้ให้ซอนแซงนิมไปส่งนะครับ”
“อย่างนั้นก็กลับบ้านได้แล้ว”
“แต่ผมเป็นห่วง...”
“ไม่ต้องหรอก!”น้ำเสียงสะบัดดูกราดเกรี้ยวดังมาจากชายหนุ่มที่กำลังพยายามควบคุมตนเอง
ก่อนที่เซฮุนจะใจหายวาบเมื่อพบว่ามีบางอย่างกำลังไหลออกจากแว่นตาหนาๆนั้น
ฝนกำลังตกที่ดวงตาของชอนซา...
“ครูขอโทษครับ..ครูแค่ไม่สบายนิดหน่อย”เซฮุนลดน้ำเสียงลงแต่ไม่อาจประโลมความรู้สึกเด็กวัยสิบสี่ที่กำลังหุนหันพลันแล่นได้
ลู่หานกำลังคิดไปหลายๆอย่างว่าที่ซอนแซงนิมใจดีกับตัวเองเพราะต้องการให้เขาปิดเรื่องที่เป็นหมาป่าไว้เป็นความลับก็เท่านั้น
เขาไม่ได้สำคัญพอที่จะสามารถไปไต่ถามหรือแสดงความห่วงใยกับอีกฝ่ายได้แม้แต่น้อย
แต่เพราะไม่รู้จะพูดอย่างไรดีลู่หานจึงได้แต่ข่มตัวเองไม่ให้ร้องทั้งที่ไหล่ลาดกำลังสั่นกึกๆก่อนจะเปล่งเสียงออกมาอย่างลำบากเพราะเหมือนมีก้อนอะไรจุกคอ
“ผมกลับเองได้ครับ..”
“ครู...”
“ผมไม่รบกวนซอนแซงนิมหรอก”เจ้าตัวกล่าวเท่านั้นก่อนจะลุกขึ้นเปิดประตูวิ่งออกไปทันที
ทิ้งให้เซฮุนที่กำลังนิ่งอึ้งได้ทุบศีรษะตนเองอย่างโมโหอยู่อย่างนั้น...
ต่อให้เขาต้องรักษาระยะก็เถอะ... แต่นั่นก็เด็กไม่ใช่เหรอไง?
ไอ้งี่เง่าเอ๊ย!!
ฟากลู่หานที่วิ่งออกมาจนถึงหน้าประตูโรงเรียนก็ยืนหอบพร้อมกับร้องไห้อยู่กลางสายฝนที่ตกลงมา
เด็กชายกอดกระเป๋าเป้เมื่อโลกแห่งความจริงโหดร้ายกว่าโลกในนิยายเป็นล้านเท่า
ทั้งความรู้สึกโดนปฏิเสธความห่วงใย
หรือท่าทีเย็นชาจากคนที่ตนเองใส่ใจนั้นมันช่างเจ็บปวดราวกับอีกคนไม่เห็นค่า
การทำอะไรเพื่อใครสักคนด้วยความหวังดีแต่กลับถูกโยนทิ้งช่างไม่สนุกเอาเสียเลย
มันมีแต่ความเสียใจและน่าเศร้าเหลือเกิน
“รถโรงเรียนหมดแล้วนะหนู”เสียงรปภ.หน้าโรงเรียนเอ่ยขึ้นโดยที่ลู่หานก็ขยับแว่นเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าช้าๆพลางกอดกระเป๋ากลับบ้านท่ามกลางฝนตกโปรยปรายและบรรยากาศใกล้มืด
ลู่หานหลังจากที่เสียใจกับคำพูดของผู้ใหญ่ก็เริ่มกลัวบรรยากาศ
เขารู้ทางกลับบ้านแต่อีกนานเช่นกันกว่ามันจะไปถึง ลู่หานไม่กล้าขึ้นรถเพราะกลัวว่าจะลงผิดที่
สองเท้าเล็กๆจึงได้แต่ก้าวเดินเตาะแตะไปตามลำพัง
“หนู... มืดแล้วนะทำไมมาเดินคนเดียว”
ลู่หานหันมองชายคนหนึ่งที่ถือร่มสวมแมสปิดหน้าแต่ก็เห็นแววตาได้
ลู่หานไม่ยอมตอบก่อนจะก้มกอดกระเป๋าเป้เร่งฝีเท้าหนีโดยที่ชายคนนั้นก็เดินตามไม่ลดละ
“เดี๋ยวน้าไปส่งนะ...ไปกินขนมมั๊ย
เดี๋ยวน้าพาไปหลบฝน”
“ผมไม่ไปครับ..ผมจะกลับบ้าน”เด็กชายกล่าวตอบสองเท้ารีบจ้ำหนีโดยที่อีกคนก็ไล่ตามอยู่เช่นเดิม
ลู่หานรู้สึกกลัวจนอยากจะร้องไห้
นึกโทษตัวเองว่าถ้าตอนนั้นไม่มัวแต่น้อยใจซอนแซงนิมก็คงดี ป่านนี้เขาคงถึงบ้านไปแล้วก็ได้
เด็กชายขบริมฝีปากเมื่อทางตรงหน้าเป็นทางเปลี่ยวสองข้างทางมีแต่พงหญ้า
ลู่หานหลับตาแน่นก่อนจะตัดสินใจวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
“จะไปไหน!!”ชายคนดังกล่าววิ่งตามมาพร้อมกับตะครุบลู่หานเอาไว้ เขารู้สึกถึงมือหยาบคายที่ตะปบเข้ากับริมฝีปาก
ร่างเล็กๆดิ้นสุดชีวิต ความกลัวปะทุขึ้นอย่างรุนแรงในจิตใจ
ร่างของลู่หานกำลังถูกลากเข้าไปในพงหญ้าข้างทางโดยที่สองมือของลู่หานก็สั่นไปหมด
ทุกอย่างเหน็บหนาวและเฉอะแฉะราวกับไม่ใช่โลกใบเดิมที่เขาเคยอยู่
ทำไมมันช่างหนาวและน่ากลัวเหลือเกิน...
พลั่ก!!
เสียงของแข็งกระทบบางอย่างดังขึ้นโดยที่ชายคนนั้นก็ชะงักตัวก่อนจะถูกถีบล้มลงไปข้างๆ
ลู่หานลืมตาขึ้นก่อนจะพบภาพพร่ามัวเพราะน้ำที่ขังกับแว่น
เขาผุดตัวขึ้นก่อนจะพบซอนแซงนิมที่ถือไม้ขนาดเหมาะมือและรปภ.หน้าประตูที่วิ่งเข้ามาจับคนร้ายเอาไว้
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนลู่หานมึนงงโดยเซฮุนก็ฉุดร่างของเด็กชายให้ลุกขึ้นพร้อมกับตวาดดัง
“ถ้าตัวเองเป็นลูกแกะอยู่
ก็จำไว้ว่าคนแปลกหน้ามันคือหมาป่า!! คิดว่าลูกแกะตัวเดียวจะเดินไปในทุ่งเปลี่ยวๆแบบนี้ได้เหรอ!!”
ลู่หานไม่ได้กล่าวตอบใดใดนอกจากยืนร้องไห้โฮออกมาพร้อมกับทรุดนั่งเพราะหมดแรง
โดยเซฮุนก็ผ่อนลมหายใจอย่างโมโหและตกใจเช่นกัน เพราะหลังจากตัดสินใจวิ่งออกตามหาลูกศิษย์ก็ได้ความจากรปภ.หน้าประตูว่ามีเด็กใส่แว่นเดินไปทางหนึ่ง
เขาจึงรีบประสานงานกับรปภ.และคุณครูคนอื่นตามหาลู่หานจนพบว่าเจ้าคนร้ายที่ออกอาละวาดทำอนาจารเด็กกำลังทำมิดิมิร้ายกับลูกศิษย์ของตน
เซฮุนถอนใจก่อนจะนั่งลงต่อหน้าของลู่หานก่อนจะเอ่ยเบาๆ
“เดี๋ยวครูไปส่งที่บ้านนะ”
“ฮึ่ก..ซอนแซงนิม..ไม่ต้อง..ฮือ..ลำบาก..มาส่งผม...ก็ได้ครับ”เด็กน้อยตอบพลางสะอื้นฮัก
และวินาทีนั้นก็เป็นครั้งแรกที่เซฮุนเอื้อมโอบเด็กชายตัวเล็กมากอดไว้กับตัว
“ครูขอโทษครับ..จากนี้ไปครูจะไปส่งเราทุกวันเลยนะ”
“....”
“เป็นห่วงครูบ่อยๆนะ ไม่ร้องนะครับ”เซฮุนกล่าวนุ่มนวลพร้อมกับกอดลู่หานเอาไว้พร้อมกับพาลุกขึ้นพร้อมๆกับรปภ.ที่พาตัวคนร้ายส่งตำรวจไป
อย่างไรก็ตามลู่หานก็เป็นผู้เสียหายต้องให้ปากคำกับตำรวจ
เซฮุนจึงอาสาติดต่อผู้ปกครองของลู่หานและอยู่เป็นเพื่อนเด็กชายระหว่างการให้ปากคำของตำรวจจนกระทั่งแม่ของลู่หานนั่งแท็กซี่มา
ลู่หานที่อยู่ในสภาพตกใจร้องไห้จนพูดอะไรไม่ออกไปหลายครั้ง
แต่แล้วก็สามารถให้การได้จนเรียบร้อยและได้กลับบ้านในที่สุด
“ขอบคุณจริงๆนะคะคุณครูเซฮุน
ช่วยเสี่ยวลู่เอาไว้อีกแล้ว”
เซฮุนยืนถูจมูกเล็กน้อยตรงหน้าบ้านของลู่หานหลังจากเรื่องราวเรียบร้อยไปด้วยดี ชายหนุ่มมาส่งสองแม่ลูกที่บ้านลู่หานซึ่งสงบสติอารมณ์อยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่
เนื่องจากพ่อของลู่หานต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด
ทั้งบ้านเลยมีแค่สองแม่ลูกและเพื่อนบ้านช่วยกันดูแลเท่านั้น
“ยังไงคราวหน้าผมจะเป็นคนมาส่งลู่หานที่บ้านเองนะครับ”
“เอ่อ..มันจะรบกวนรึเปล่าคะ?”
“ไม่เป็นไรครับ”ชายหนุ่มยิ้ม
“ผมสัญญากับเขาไว้แล้ว”
“ขอบคุณจริงๆค่ะ
อย่างนั้นเข้ามาทานข้าวก่อนมั๊ยคะ?”
“อา..ไม่ดีกว่าครับ ผมกลับบ้านดีกว่า
ปิดบ้านดีๆนะครับ”เขารีบปฏิเสธแม้จะแอบแปลกใจว่าตอนที่ไปช่วยลู่หานเขากลับไม่ได้มีความรู้สึกคลั่งทั้งๆที่ได้กอดตัวเล็กๆนิ่มๆนั่นไปเต็มๆ
หรือยาของคุณหมอจะทำให้เขาไม่รู้สึกอะไรไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเซฮุนก็ยังอดที่จะคิดอกุศลนิดๆกับร่างของเด็กชายที่เปียกฝนจนชุดแนบเนื้อไม่ได้อยู่ดี..
ครึ่ก..ครึ่ก..
“เอ้า
ซวยล่ะสิ”เพราะมัวแต่คิดอะไรเพลินๆและเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันกะทันหันทำให้เขาตีรถไปถึงสถานีตำรวจจนขับมาส่งสองแม่ลูกที่บ้านจนลืมสนิทว่าต้องเติมน้ำมันรถ
เซฮุนถอนใจพิงกับเบาะรถก่อนจะสังเกตเห็นแม่ของลู่หานกำลังเคาะกระจกข้างๆโดยที่ชายหนุ่มก็กดเปิดพลันส่งยิ้มแห้งๆไปให้
“ครับ?”
“ฉันเห็นคุณครูไม่ออกรถนานแล้วน่ะค่ะ
เลยคิดว่าอาจติดขัดอะไร”
“อ๋อ...น้ำมันรถหมดน่ะครับ”
“ตายจริง..ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณครูลำบาก”
“ผมสะเพร่าเองครับ เดี๋ยวผมจะออกไปเรียกแท็กซี่
ยังไงขอฝากรถไว้สักคืนนะครับ”
“อย่างนั้นนอนที่นี่ก่อนมั๊ยคะคุณครู
ฝนก็ตกหนักแถมยังดึกมากแล้ว
พักที่นี่ก่อนพรุ่งนี้ก็วันหยุดแล้วนี่คะ”เธอเอ่ยชักชวนอีกครั้ง
ซึ่งเซฮุนก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ...
บ้านของชอนซามันก็จะมีแต่กลิ่นของชอนซาใช่มั๊ย...
“คุณครูสวมชุดเก่าของคุณพ่อเสี่ยวลู่ก่อนก็ได้นะคะ”
หญิงสาวจัดเตรียมชุดให้กับเซฮุนที่ยืนมึนอยู่ที่ห้องรับแขกของบ้าน
ซึ่งเป็นบ้านสองชั้นขนาดกะทัดรัดเหมือนบ้านสำหรับครอบครัวเล็กๆทั่วไป ส่วนเด็กชายก็ถูกไล่ให้ไปอาบน้ำให้เรียบร้อยเสียก่อน
และเขาเองก็ต้องอาบน้ำเช่นกันเพราะตัวก็เปียกและเลอะดินไม่แพ้ลูกศิษย์
เซฮุนหาทางหนีทีไล่ ยังไงซะเขาก็มียาของคุณหมอ แค่อยู่ห่างๆชอนซาเอาไว้ก็พอนี่นะ..
หลังจากมื้อเย็นผ่านไปและลู่หานก็เริ่มปกติขึ้นมา
สำหรับเซฮุนเขาคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กที่ค่อนข้างจะมีสติและเข้มแข็งพอสมควร
ไม่มีอาการเสียขวัญสั่นประสาทเหมือนเด็กๆทั่วไป(จนเหมือนกับซื่อ...เพราะคิดว่าเขาเป็นมนุษย์หมาป่าไปเสียอย่างนั้น)
เมื่อทานข้าวเรียบร้อยจวนปิดไฟ เซฮุนก็เอ่ยถามอุปกรณ์การนอนกับมารดาของลู่หานอย่างแผ่วเบา
“คือ...หมอนกับผ้าห่มอยู่ตรงไหนครับ?”
“คะ? คุณครูไปนอนกับเสี่ยวลู่ก็ได้ค่ะ
พวกเราไม่มีผ้าห่มสำรองกันน่ะค่ะ”
“เอ่อ..ไม่ดีกว่าครับ ผมนอนโซฟานี่ก็พอ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ญาติๆไปนอนกับแกบ่อย
ฉันเองก็ทำงานเอกสารต่อจนดึก กลัวว่าลูกจะนอนไม่หลับเหมือนกัน
ไม่ต้องเกรงใจนะคะคุณครู คุณครูเป็นคนดี ฉันวางใจครูค่ะ”
แต่ผมไม่วางใจตัวเองเลยนะ...เขาคิด...
จะให้นอนหนาวๆโซฟาก็ไม่ได้เจ้าของบ้านไม่ยอม
เซฮุนก็ไม่มีทางเลือกใดนอกจากต้องเข้าไปนอนในห้องของลู่หาน
เพราะชั้นสองของบ้านก็มีเพียงสองห้องที่มีคนอยู่ ตั้งตรงข้ามกัน นั่นคือห้องของพ่อแม่และห้องของลูกชายเท่านั้น(ซึ่งมีห้องอื่นเรียกว่าห้องเก็บของ
:
และแม่ของลู่หานก็ไม่อนุญาตให้นอนในนั้น)
เซฮุนเข้ามายืนสมองเคว้งคว้างในห้องของลู่หานที่มีกลิ่นกระตุ้นอารมณ์เขาอบอวลไปหมด
ไหนจะร่างน้อยๆที่สวมชุดนอนเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นกำลังไดร์ผมตัวเองอีก
เซฮุนกำยาในมือแน่นก่อนจะตัดใจถามลู่หานไปเบาๆ
“มีน้ำรึเปล่า..ครูต้องกินยา”
“...”ลู่หานหันใบหน้าที่ปราศจากแว่นมาหา
และตอนนั้นเซฮุนก็แทบล้มทั้งยืนเพราะมันน่ารักเกินไปในความรู้สึก
ลู่หานย่นริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะชี้ไปที่โต๊ะหน้าชั้นหนังสือซึ่งเต็มไปด้วยนิยายเหมือนที่อีกฝ่ายโม้ไว้
“ตรงนั้นครับ”
“ขอบใจนะ”ชายหนุ่มเดินไปกินยาด้วยความหวังเพียงน้อยนิดว่าจะระงับอาการหื่นของตัวเองได้
มันคงน่าทุเรศไม่น้อยหากเขาอัดหมอนในห้องนอนของลู่หานขึ้นมา
เซฮุนถอนหายใจพรูและเริ่มเจรจากับนักเรียนตัวน้อยด้วยน้ำเสียง(ที่พยายามจะ)นุ่มนวล
“ยังไงให้ครูนอนข้างล่างนะครับ”
“นอนบนเตียงเถอะครับ มันเป็นเตียงรับแขกอยู่แล้ว
เวลาญาติมาผมก็ไปนอนห้องแม่”ลู่หานขยับมือปัดผมให้เรียบร้อยเตรียมนอน
เซฮุนที่สวมชุดนอนเก่าของพ่อลู่หานก็นั่งลงข้างเตียงอีกฝั่งก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆกัน
ทุกอย่างเงียบงันจนกระทั่งเซฮุนเอ่ยถามเบาๆ
“กลัวอยู่รึเปล่า?”
“...ไม่แล้วฮะ”
“ยังโกรธครูอยู่เหรอ?”
“..ก็ไม่ครับ”ลู่หานกะพริบตาท่ามกลางความมืด “ซอนแซงนิมอาจจะมีเหตุผล
ซอนแซงนิมอาจกลัวว่าผมจะไปบอกนอื่นว่าซอนแซงนิมเป็นหมาป่า”
“...”
“ผมรักษาสัญญานะ ผมบอกว่าไม่บอกก็คือไม่บอก
ดังนั้นซอนแซงนิมไม่ต้องทำดีกับผมก็ได้ฮะ เดี๋ยวครูซูจองจะไม่ชอบ”
“ครูซูจอง?”คิ้วเข้มขมวด
“เกี่ยวอะไรกับครูซูจอง??”
“วันนี้ทั้งวัน...ในห้องผมมีแต่คนพูดกัน”ลู่หานเบะปาก
“ว่าซอนแซงนิมจะแต่งกับครูซูจอง”
“เดี๋ยวนะ..เดี๋ยวๆ
ใครจะไปแต่งงานกับครูซูจองกันล่ะ แค่ไปกินข้าวกันเนี่ยนะ”แม้จะรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อยทีเด็กชายข้างๆเลือกคนอื่นว่าคุณครู
แต่กลับเรียกตนด้วยคำที่เต็มยศกว่าแบบนี้... น้ำเสียงติดงอนๆแบบนี้...
“แต่ซอนแซงนิมก็ชอบใช่มั๊ยครับ เพราะครูซูจองสวย
เลยกลัวว่าผมจะไปบอกว่าว่าซอนแซงนิมเป็นหมาป่า”
มันจะน่ารักไปแล้ว..มันไม่ควรจะน่ารักแบบนี้เลยนะ...
“ครูไม่ได้ชอบครูซูจองหรอกครับ...”เซฮุนขมวดคิ้วเมื่อลู่หานขยับตัวหันมามอง
กลิ่นหอมที่คอยกระตุ้นและภาพของเด็กชายที่สวมกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดตัวย้วยทำให้มือของเซฮุนเริ่มสั่น
เหงื่อชื้นผุดขึ้นตามฝ่ามือและไรผม ลมหายใจเริ่มแรงขึ้นพร้อมกับความอึดอัดที่ส่วนกลางลำตัว
เซฮุนถอยห่างขยับกอดตัวเองโดยลู่หานก็มองอย่างตกใจ
“ซอนแซงนิม?”
“...”
“จะเป็นหมาป่าเหรอครับ?
ซอนแซงนิมกินยาแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ครูจะไปห้องน้ำ...”เซฮุนกล่าวอย่างยากเย็นเพราะอาการเฟติสชิซึ่มกำลังปะทุในตัว
ลู่หานลุกขึ้นดูอาการแต่เซฮุนก็ขยับถอยหนี “อย่า..ครูไม่อยากใจร้าย”
“...”
“เดี๋ยวครูมานะ..”แม้จะน่าอายที่ต้องช่วยตัวเองในบ้านคนอื่น
แต่มันไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ และมันดีกว่าเอาลูกเขามาทำอนาจารคาบ้านคนอื่นแน่นอน
เซฮุนขยับตัวลุกขึ้นแต่ลู่หานก็คว้าแขนไว้ก่อน
เขาหันมองเด็กชายที่บีบแขนเขาไว้เบาๆพร้อมกับริมฝีปากเล็กๆที่ขยับเอ่ยความ
“ถ้ากินแล้วผมไม่ตาย...กินผมไปก่อนก็ได้นะครับ”
ใครใช้...
ให้พูดจาแบบนี้...ตอบ!
“ถ้าซอนแซงนิมไปนอนในห้องน้ำ คุณแม่จะสงสัยนะ”
ใสได้อีก!!
“ซอนแซงนิมห้ามกินเยอะนะครับ..ผมยังไม่อยากตาย
แต่ผมไม่อยากให้ซอนแซงนิมทรมาน”ลู่หานเอ่ยบอกพร้อมกับเซฮุนที่โคลงศีรษะเล็กน้อยพลางชั่งใจ
ความต้องการกับความถูกต้องกำลังกระโดดขย่มตาชั่งในสมอง...และสุดท้ายเซฮุนก็แพ้ใบหน้าหวานหยดนั่นอยู่ดี...
“มีทิชชู่มั๊ยครับ?”เอ่ยถามลู่หานที่รีบพยักหน้าก่อนจะลุกไปหยิบทิชชู่มากจากหน้ากระจกแต่งตัว
และเซฮุนก็ขยับตัวพิงหัวเตียงของลู่หานแล้วเอ่ยเบาๆ “ครูขอโทษนะ”
“อื้อ”ศีรษะกลมๆส่ายเชิงไม่เป็นไร
ก่อนจะนึกออกว่าเมื่อวันนั้นซอนแซงนิมทำท่ากินยังไง ลู่หานขยับตัวไปหา
ก่อนจะเอาหน้าไปใกล้เซฮุนที่เริ่มประหม่า “กินเบาๆนะครับ”
สติของเซฮุนแทบขาดลงตรงนั้น
เขาเอื้อมเอาตัวเล็กๆมาเกยตักพร้อมกับประกบจูบ
ลู่หานที่ตัวแข็งที่ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธอย่างงุนงงก็ยอมอยู่นิ่งๆให้ซอนแซงนิมกินอยู่อย่างนั้น
จนกระทั่งเซฮุนค่อยๆใช้ริมฝีปากชี้นำให้หยอกล้อตอบโต้กลับมา
ลู่หานจึงเริ่มเรียนรู้ที่จะขยับริมฝีปากตามชายหนุ่มที่กระซิบบอกเบาๆ
“ทำตามครู...แล้วอย่าเกร็งนะ”
ลู่หานถอนหายใจพรูพร้อมกับยกเส้นผมที่ปรกแก้มตนทัดใบหู
ท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้อารมณ์ของชายหนุ่มกระเจิดกระเจิง
เซฮุนหัวใจเต้นรัวเมื่อพบว่าลู่หานค่อยๆจูบตอบกลับมา
ริมฝีปากเล็กอิ่มตึงนี้อ่อนหวานกว่าที่เขาคิดไว้
และปลายลิ้นของเด็กชายทำลังทำให้เขาคลั่ง เซฮุนหายใจแรงพลันคว้ามือเล็กๆมาจับกับส่วนกลางร่างกายของตน
โดยเด็กน้อยก็สะดุ้งมือเพราะสัมผัสเข้ากับส่วนร้อนจี๋พร้อมกับเสียงแหบพร่าของร่างสูง
“ลูบมัน..”
“อย่างนี้เหรอครับ?”
“ครับ..แบบนั้น..อา...”เซฮุนครางเบาๆพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
ส่วนลู่หานเองก็ลูบกลางลำตัวชายหนุ่มเพราะเห็นอีกคนท่าทางทรมานโดยหวังจะให้อาการนี้หายไป
สุดท้ายก็เป็นเซฮุนที่ทนไม่ไหวจึงได้เอ่ยกับลู่หานผะแผ่ว “ครูไม่ไหวแล้วครับ”
เด็กชายหน้าแดงเห่อเมื่ออีกฝ่ายร่นยางยืดกางเกงนอนให้ส่วนนั้นผงาดขึ้นมา
ลู่หานที่จมกับจินตนาการและความรู้เรื่องเพศเป็นศูนย์ก็กะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะถูกเซฮุนจับมือให้เข้าแตะต้องส่วนนั้น
ลู่หานเองก็ขยับมือไปตามแรงชักชวน
ใบหน้าคมแนบจูบกับอีกฝ่ายพร้อมสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากน้อยๆนั่น
ลู่หานตอบรับอย่างนุ่มนวล
ก่อนจะสะดุ้งเกร็งเมื่อชายหนุ่มละมือจากตรงนั้นปล่อยให้เขาทำต่อ
ก่อนจะเริ่มมาวุ่นวายกับส่วนกลางลำตัวของเขาเอง
“ซะ..ซอนแซงนิมครับ”
“ชอนซาอ่า...”เสียงกระซิบเบาๆที่ทำให้หน้าร้อนอย่างง่ายๆ
ลู่หานไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้เขายอมอีกคนอย่างง่ายดาย เพราะสงสารหรืออะไรที่มากกว่านั้น
มันเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเหงาหงอยตอนที่รู้ว่าอีกคนไปทานข้าวกับครูคนสวยหรือเปล่า
ลู่หานไม่แน่ใจ แต่พอรู้สึกตัวอีกทีท่ามกลางเสียงฝนที่ตกกระหน่ำ ร่างของเขาก็อ่อนปวกเปียกอยู่ใต้อาณัติของชายหนุ่ม
ร่างขาวผ่องมีเพียงเสื้อยืดติดตัวและถลกขึ้นมาเหนือหน้าอก ส่วนกลางลำตัวถูกกระตุ้นจนฮอร์โมนเริ่มทำงาน
ความรู้สึกวาบหวามและอบอุ่นผิดกับตอนแรกที่เจอทำให้ลู่หานยอมหลับตาลงปล่อยให้ตัวเองถูกกินอยู่แบบนั้นโดยมีเพียงเสียงครางผะแผ่วในลำคอ
“ซอนแซงนิม...อ่ะ..อา..ผม..อา..”
เหนือความไร้เดียงสานั้นยังมีอาการร้ายกาจของชายหนุ่ม
โดยเซฮุนก็เก็บเกี่ยวกลิ่นหอมหวานและเนื้อนวลอุ่นตามลำคอและยอดอก มือก็ขยับไหวกับส่วนกลางลำตัวของเด็กชายวัยสิบสี่ที่ฮอร์โมนกำลังแตกกระเจิง
เซฮุนเฝ้าจูบกลีบปากนุ่มอย่างกระหาย
แต่ทว่าจิตใต้สำนึกทำให้เขาไม่คิดที่จะแทรกกายเข้าไปให้เจ็บช้ำในตอนนี้
เขาแค่ช่วยให้อีกคนเรียนรู้การไปถึงโดยขยับมือถี่รัว ปัดป้ายส่วนปลายสลับกันไปจนลู่หานขบฟันกรอด
ร่างเล็กๆผวากอดเซฮุนแน่นก่อนจะปลดปล่อยออกมา
และเซฮุนก็ช่วยตัวเองอีกครั้งจนหยดน้ำพวกนั้นเลอะไปตามหน้าท้องเรียบของลู่หานเอง
เสียงหอบเบาๆเล็ดลอดออกมาจากคนสองคนทั้งลู่หานและเซฮุนที่ซบซอกคอปนผ่อนลมหายใจพรู
แล้วก็เป็นโอเซฮุนคนเดิมที่ค่อยๆหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำคาวออกให้กับลู่หานและตนเอง
“ผม..โดนกินแล้วเหรอครับ...”
“...”
“เหมือนแรงมันหายไปหมดเลย...”กลีบเปลือกตาสีมุกหลับลงพร้อมกับเซฮุนที่แต่งตัวให้อีกฝายและตนก่อนจะจับร่างเล็กๆนั่นมานอนกอดเอาไว้พร้อมห่มผ้า
แน่นอนว่าเมื่อได้ปลดปล่อยอารมณ์อาการของชายหนุ่มก็เริ่มเป็นปกติ เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจนักที่ทำแบบนี้
แต่กลับรู้สึกดีอย่างแปลกประหลาด
ใจของเขาบอกว่าต้องเป็นเด็กคนนี้เท่านั้น...
“นอนพักเดี๋ยวก็หายครับ”
“ซอนแซงนิม..ดีขึ้นแล้วใช่มั๊ยครับ”
“ครับ..ดีขึ้นแล้ว...ขอบคุณนะ”กระซิบริมหูพร้อมกับกดจูบไปเบาๆอย่างอดไม่ได้
ความรู้สึกของเซฮุนในตอนนี้ที่มีต่อร่างน้อยนี่ทั้งรักทั้งหลงแต่เอ็นดูตีรวนไปหมด
“ไม่ตายจริงๆด้วย”ริมฝีปากเล็กพึมพำจวนจะหลับ “ถ้าอย่างนั้น...ถ้าซอนแซงนิมหิวก็กินได้นะครับ
ผมไม่ฟ้องใครหรอก แต่อย่ากินบ่อยนะ ผมจะไม่มีแรง..”
“...”
“ฝันดีนะครับ”กล่าวเสียงง่วงงุนก่อนจะหลับปุ๋ยคาอกเซฮุนที่ลืมตาโพลงมองเพดานนิ่งๆ...
หิวก็กินได้อย่างนั้นเหรอ... นี่ก็ยังคิดว่าเขาเป็นหมาป่าอยู่สินะ...
เอาไว้เขาพร้อมกว่านี้เขาจะบอกกับอีกฝ่ายเองว่าเขาคือหมี...ไม่ใช่หมาป่า...
แต่กว่าจะพร้อม..เขาว่าเขาต้องหลงรักชอนซาจนเข้าซังเตข้อหาอนาจารเด็กไปก่อนแน่ๆ...
คุกคุกคุก...
**********************
ป๊าดดด ป้าดป้าดป้าด
พลังหมีจงสถิตกับท่าน
#ฟิคพี่หมีฮุน
ชอนซาที่ทำให้เขานึกถึงจนรู้สึกปั่นป่วน กับคนที่มีอาการแบบเขาเจอใบหน้าหวานๆแบบนั้นเข้าไปชีวิตถึงกับติดลบ ต้องยืมหน้าลูกศิษย์มาช่วยตัวเอง
ตอบลบทั้งรักทั้งหลงแต่เอ็นดูตีรวนไปหมด คุนแม่ไว้ใจผม แต่ผมไม่ไว้ใจตัวเอง55555 คุก คุก คุก ชอบอ่าาา