Title : Loathe(2)
Author : RUNAWAY05
Pairing : OH SEHUN x LU HAN
Note : เวอร์ชั่นเซลู่
หลังจากที่พี่โอไม่มีตัวตนเลยในเวอร์ชั่นหานลู่
พี่เซฮุนหนูเลือกพี่ละนะ*ปาโปเกบอล*
ปล.1 เนื้อเรื่องไม่ต่างจากโลธเวอร์ชั่นหานลู่นะคะ
แค่เปลี่ยนตัวละครและบริบท
ปล.2 พี่จีซึง(ก็ยังคง)หนุนตักเราอยู่ บัย
**********************
ครืด....ครืด...
“ครับแม่”
((เซฮุน..อยู่กับน้องรึเปล่าลูก))
“ครับ”
((วันนี้พ่อกับแม่ยังไม่กลับ ดูแลน้อง ปิดบ้านช่องดีนะๆ
ระวังไฟฟ้าด้วยนะลูก))
“ได้ครับ”
((เดี๋ยวแม่ซื้อของไปฝากนะ แล้วเจอกันจ้ะ))
เขาวางมือถือลงในช่วงสิบโมงเช้า
ร่างของโอเซฮุนนอนคว่ำไปกับผืนเตียง
เขาโยนมือถือไปที่ไหนสักที่พร้อมกับฟุบหน้าลงหมอน
ทว่ากลิ่นที่ได้รับมันไม่ใช่กลิ่นคุ้นเคย
เขาจึงได้รู้ตัวว่านี่ไม่ใช่ห้องนอนของเขา
เมื่อมองไปด้านข้างก็พบลู่หานที่นอนหงายหลับสนิทอยู่ข้างตัว เซฮุนผุดตัวขึ้นยกมือทาบศีรษะก่อนจะถอนใจออกมาหนักหน่วง
ลู่หานอาจไม่รู้เพราะเมา...
แต่เขา...เขาไม่ได้เมา
เขาควรจะมีสติมากกว่านี้...
ถึงจะตำหนิตัวเองอย่างนั้นแต่เขาก็รู้ดีว่าทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
จึงเลิกที่จะมาคร่ำครวญถึงเรื่องศีลธรรมที่ถูกทำลายพวกนั้น
เขาถอนหายใจทิ้งอยู่พักแล้วลุกขึ้นไปรวบผ้าขนหนูพันท่อนล่างพร้อมกับรวบเสื้อผ้ากลับห้องตัวเอง
ฝ่าเท้าแตะไปบนพื้นไม้ลามิเนตเย็นเฉียบ จนสุดท้ายก็กดล็อคประตูแล้วปิดลงให้สนิท
“?”
เซฮุนเลิกคิ้วนิดหน่อยเมื่อพบโทรศัพท์ของลู่หานตกอยู่กับพื้น
น่าจะเป็นเพราะเมื่อคืนเขาฉุดกระชากลากถูอีกฝ่ายขึ้นมาทำให้โทรศัพท์ตกมาอยู่ตรงนี้ละมัง
เขาหยิบมันเปิดดูโดยเดารหัสผ่านอย่างง่ายๆก็พบสายไม่ได้รับจากผู้ชายคนนั้นเป็นสิบๆสาย
ทั้งข้อความที่ไต่ถามอาการทั้งดุทั้งปลอบ เซฮุนไม่ชอบ... ไม่ชอบที่หวงจื่อเทายังทำท่าเป็นห่วงลู่หานทั้งที่น้องชายฝาแฝดของเขาร่ำไห้จะเป็นจะตาย
เขาคิดเสมอว่าการเป็นห่วงเป็นใยพวกนี้มันเป็นการกระทำของคนที่มีเยื่อใย
สำหรับเขาคนจะไปมันไม่ควรมีแม้แต่คำล่ำลา
“...”เขาปิดมือถือของลู่หานและเอามันไปเก็บในห้องของตัวเอง
เด็กหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวและลงมาที่ครัวซึ่งมารดาเตรียมอาหารจัดใส่กล่องให้พวกเขาไว้อย่างเรียบร้อย
ตั้งแต่ยังเล็กพวกเขาก็กินอะไรเหมือนๆกันเสมอ
จนวันหนึ่งที่สังคมและการใช้ชีวิตมันทำให้ความชอบของพวกเขาถูกตัดแบ่งกันออกไป
มันไม่เหมือนการ์ตูนหรือนิยายที่ฝาแฝดกันต้องชอบอะไรเหมือนกันไปหมด
ต้องพูดหรือทำตัวเหมือนๆกันไปทุกอย่าง อาจจะใช่ที่ตอนเด็กๆพวกเขาตัวติดกัน
แต่พอโตขึ้นเซฮุนก็มีสังคมเล็กๆกับเพื่อน ส่วนลู่หานก็มีสังคมของตนเองเหมือนกัน
หลังจากที่เซฮุนเอาพาสต้าในกล่องสีฟ้าของตนเองมาอุ่นกินที่โต๊ะทานข้าว
เสียงย่ำฝีเท้าจากชั้นบนก็ลงมา
ปรากฏร่างของลู่หานที่สวมกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดเหมือนกันกับเซฮุนกำลังอุ้มผ้าปูที่นอนมายัดเข้าเครื่องตรงห้องซักล้างใกล้ๆครัว
มือบางๆนั้นเปิดน้ำเข้าถังซักผ้า
ก่อนจะเดินมาเปิดตู้เย็นหยิบกล่องอาหารสีชมพูอ่อนของตัวเองเดินไปอุ่นอาหารที่ไมโครเวฟ
แล้วก็หยิบมันมานั่งลงตรงหน้าของเซฮุน ลู่หานนั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้
ส่วนเซฮุนเองก็นั่งชันเข่าข้างหนึ่งบนเก้าอี้เช่นกัน
เวลาผ่านไปได้สักพักก็เป็นลู่หานที่เอ่ยออกมาก่อน
“พ่อแม่จะไม่รู้ใช่มั๊ย”
“...”
“เรื่องเมื่อคืน”เซฮุนมองดวงตากลมโตของคนเป็นน้อง ซึ่งมันช่างแตกต่างกับดวงตาของเขานัก
ทว่าแววตาสับสนและเว้าวอนในทีนั่นทำให้เขาพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายพลันกล่าวช้าๆ
“ถ้านายคร่ำครวญหามันอีก...ฉันจะบอกแม่ว่าเรามีอะไรกันแล้ว”
“...”
“ฉันจะบอกมันด้วย”
“ไม่ได้นะ!”ลู่หานรีบพูด ท่าทีร้อนรนนั่นทำให้เซฮุนหงุดหงิดขึ้นมาตงิดๆ
“ก็อย่าเป็นบ้าให้มากนัก...แล้วอย่าขึ้นเสียงกับฉัน
ฉันทำได้มากกว่านี้อีกจำเอาไว้”
“...”ลู่หานก้มหน้ากับกล่องพาสต้า
ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความเงียบงันจนกระทั่งเซฮุนลุกขึ้นเอาล่องไปวางที่ซิงค์ล้างจานพลันเดินไปปิดน้ำที่เครื่องซักผ้า
ลู่หานมองตามพี่ชายฝาแฝดของตัวเองก่อนจะถามขึ้นมาอีกครั้ง
“แล้วเห็น..มือถือฉันรึเปล่า?”
“ไม่เห็น”เจ้าตัวตอบห้วนๆก่อนจะหายลับขึ้นไปข้างบน ปล่อยให้ลู่หานนั่งอยู่ในครัวอย่างเงียบงัน
พลันปล่อยส้อมลงยกมือปิดใบหน้าอย่างคิดอะไรไม่ออก...
ฟากเซฮุนที่เข้ามานอนเครียดกับตัวเองในห้อง
เขามองข้อความโปรแกรมแชทของแบคฮยอนที่ส่งมาถามว่าเมื่อคืนโอเคดีใช่หรือไม่
เขากดตอบไปแค่ว่าโอเคทั้งที่ความจริงไม่เป็นแบบนั้น เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
ลู่หานอาจจะคิดว่าเขาเกลียดเจ้าตัวมากๆถึงขั้นเอาเรื่องแบบนั้นมาข่มขู่ก็ได้
แต่เขาแค่ไม่อยากให้ลู่หานพร่ำเพ้อถึงคนที่ไม่เหมือนเดิม
คร่ำครวญหาความรักที่จืดจางราวกับช็อคโกแลตที่แม้ไม่มีวันหมดอายุ
แต่สิ้นรสหวานลงทีละน้อยจนเหลือเพียงก้อนไขกระด้างๆเท่านั้น
“จะไปไหนเหรอ?”
เสียงทักจากห้องตรงข้ามดังขึ้นเมื่อเซฮุนปิดประตูห้องตนเองลง
และพบว่าลู่หานคนที่ไม่ค่อยชอบล็อคหรือปิดประตูห้องกำลังนั่งมองเขาจากปลายเตียง เซฮุนเบือนหน้าหนี
เพราะเห็นเตียงของลู่หานทีไรเขาจะนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนนี้แทบทุกครั้ง
“ไปข้างนอก”
“ไปไหน”
“ยุ่ง”
“ไปด้วยนะ”เซฮุนหันไปมองลู่หานที่วิ่งมาเกาะขอบประตูก่อนจะส่งสายตามาหา
เขามองหน้าของลู่หานอยู่พักหนึ่งจึงพลิกตัวหันหลังพิงผนังสีหน้าหงุดหงิด เป็นสัญญาณว่าเจ้าตัวกำลังรอให้ลู่หานไปเปลี่ยนชุด
และคนน้องก็ผละแผล็วออกไปหาเสื้อผ้าใส่ทันที
ชีวิตของลู่หานและเซฮุนไม่มีอะไรที่คล้ายกันแม้แต่นิด
พวกเขาทั้งคู่มีแต่ความขัดแย้งมากมายเต็มไปหมด
ทั้งลู่หานที่เป็นคนอ่อนโยนและค่อนข้างน่ารัก แต่พอคราวตัดสินใจก็จะทำอะไรแบบไม่ลังเล
หรือเซฮุนที่ใบหน้าที่คล้ายคลึงแค่บางมุมกับน้องชายฝาแฝดที่เกิดห่างกันเจ็ดนาที
ก็มีนิสัยการใช้ชีวิตที่กลับด้านกับลู่หานไปหมด เซฮุนเป็นคนกระด้างและค่อนข้างผ่าซาก
จึงเรียกได้ว่าเขากับลู่หานไม่ได้เหมือนกัน แต่พวกเขาเหมือนกระจกของกันและกัน
กระจกที่ไม่ได้สะท้อนตัวตน แต่เป็นกระจกที่แสดงออกถึงสิ่งที่ตรงกันข้าม
เวสป้าสีขาวแล่นไปตามถนนสายหนึ่งในกรุงโซล
เซฮุนเป็นคนขับและลู่หานก็ซ้อนท้ายตามระเบียบ หากย้อนไปสมัยเก่าก่อน โอเซฮุนก็จะนึกถึงตัวเองตอนเด็กๆที่หัดปั่นจักรยานล้มลุกคลุกคลานโดยมีลู่หานนั่งร้องไห้โฮอยู่ข้างๆในสวน
หลังจากล้มเองและพาน้องล้มอยู่หลายครั้ง
สุดท้ายก็เป็นคนปั่นจักรยานให้น้องซ้อนไปโรงเรียนได้
หรือตอนที่พวกเขานั่งรอพ่อกับแม่มารับที่โรงเรียน วันนั้นฝนตกหนักและไฟฟ้าดับ เซฮุนก็ได้แต่กอดลู่หานที่ร้องไห้ขดตัวกลมป๊อกกับพื้นเพราะกลัวเสียงฟ้าร้อง
ลู่หานเปราะบางกว่าเขาเสมอไม่ว่าจะเรื่องอะไร
หลังจากฝากเวสป้ากับลุงยามแถวๆนั้น เซฮุนก็เดินขึ้นมาบนตึกสำนักงานแห่งหนึ่งที่เปิดให้เช่าและค่อนข้างเงียบเหงา
ลู่หานไม่รู้ว่าทำไมเซฮุนต้องมาที่แบบนี้
แต่ตอนนี้ลู่หานเหมือนคนจมน้ำที่คว้าอะไรพอยึดเหนี่ยวใจตนได้ก็คว้าไว้ก่อน
ถึงได้ยอมตามเซฮุนทุกฝีก้าวแม้จะโดนถอนหายใจใส่หรือทำหน้ารำคาญหลายๆครั้ง เซฮุนยังเดินไปเรื่อยๆตรงทางหนีไฟเพื่อขึ้นไปชั้นบนอย่างไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก
ฝาแฝดสองคนที่คนหนึ่งสวมเสื้อกล้ามสีขาวทับด้วยเชิ้ตยีนส์พอดีตัวกับกางเกงขาดเข่าสีดำ
อีกคนสวมเสื้อยืดสีขาวทับด้วยเชิ้ตลายสก็อตสีแดงดำกับกางเกงขาดเข่าสีซีด
รองเท้าคอนเวิร์สสีเข้มที่บิดามารดาซื้อมาให้เป็นคู่กำลังพาทั้งสองเดินขึ้นไปทีละชั้นจนถึงชั้นดาดฟ้า
ลู่หานยืนนิ่งผิดกับเซฮุนที่ปีนขึ้นไปบนหลังคาประตูขึ้นดาดฟ้าอย่างง่ายๆ
“จะขึ้นมามั๊ย?”
“แต่..”ลู่หานท่าทางลังเล
เพราะเจ้าตัวกลัวความสูงผิดกับอีกฝ่ายที่เหมือนจะชอบ เซฮุนเดินมาใกล้ๆกลับบันไดลิงที่ทอดขึ้นไปพลางส่งมือมาให้
สุดท้ายลู่หานก็ยอมส่งมือให้อีกคนจับและปีนขึ้นไปโดยดี
ลู่หานไม่อยากถูกทิ้งตอนนี้ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็ตาม
“ถ้าโดดลงไปฉันจะตามไปฆ่านายซ้ำ”
“ฉันกลัว...โดดไม่ไหวหรอก”
ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังนั่งห้อยขาอยู่บนหลังคาประตูซึ่งเว้นระยะไว้สำหรับพื้นที่ของดาดฟ้าเพื่อป้องกันการพลัดตก
เซฮุนอยู่ในท่าทีสบายๆผิดกับลู่หานที่นั่งเกร็งกำหมัดเพราะความความสูงจนแทบจะเป็นลม
พวกเขาอยู่แบบเงียบๆอย่างนั้น และเป็นลู่หานที่เริ่มพูดขึ้นมาอีกหนหนึ่ง
“เจ็ดปีแล้วนะที่เราแยกกันนอน”
“...”
“ฉันไม่ได้ซ้อนจักรยานนาย เราไม่ได้กินข้าวหมูทอดด้วยกัน
แล้วนายก็เกลียดฉัน”
“เลิกพูดเรื่องเกลียดไม่เกลียดทีเถอะ น่ารำคาญ”เซฮุนว่าก่อนจะหยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบ
ลู่หานหันมองควันที่ลอยละล่องออกจากปากของพี่ชายฝาแฝดก่อนจะหยิบขนมที่พกมาในกระเป๋าเสื้อกินบ้าง
ก่อนจะเอ่ยเบาๆอีกที
“พ่อชอบนายมากกว่า นายเรียนสถาปนิกแบบที่พ่ออยากเป็น พ่อก็ไม่ชอบฉัน”
“ตอนนายกินโลชั่นเข้าไป แม่ร้องไห้จะเป็นจะตาย แม่ไม่ทำอาหาร
ไม่กินไม่นอน ไม่สนด้วยซ้ำว่าฉันหรือพ่อจะกินจะอยู่ยังไง แม่เอาแต่ห่วงนาย
แม่ให้นายเรียนศิลปะแบบที่นายชอบ
แม่ปกป้องนายไม่ให้ไปเรียนพิเศษปล่อยให้ฉันไปคนเดียวเพราะนายไม่ชอบ
แต่ฉันก็เข้าใจนะว่าแม่ไม่ได้ไม่ชอบฉัน”
“...”
“แม่ละเลยฉันมาตลอด”
“เซฮุน...”ลู่หานเรียกชื่ออีกคนที่อัดควันบุหรี่เข้าปากก่อนจะปล่อยมันออกไปตามลม
“เพราะงั้น เลิกคิดว่าคนนั้นคนนี้เกลียดสักที
มันไม่ได้ทำให้นายดูน่าสงสาร คนที่เขามองมาเขาเห็นแต่ความน่าสมเพช”
“...”
“โลกนี้คนรอสมน้ำหน้ามันเยอะ...อะไรที่เจ็บๆก็เก็บไว้บ้าง
โตแล้ว”
ลู่หานก้มหน้าร้องไห้อีกรอบกับคำพูดที่ไม่เคยถนอมหัวใจใครของเซฮุน
แต่ทว่ามันถูกต้องและเป็นจริงเสมอ เจ้าตัวก้มหน้าน้ำตาร่วงเผาะประสาคนเปราะบาง
โดยที่เซฮุนก็ขยี้ก้นบุหรี่กับพื้นข้างๆแล้วมองลู่หานอยู่พัก
ฝ่ามือถูกเงื้อลังเลว่าจะวางไว้ตรงไหนดี สุดท้ายก็โอบเข้าที่ไหล่ลาดนั่นแล้วบีบกระชับหาตัว
ลู่หานเงยหน้าขึ้นทั้งที่ดวงตากลมโตยังชุ่มฉ่ำด้วยหยาดน้ำ
ก่อนจะซบหน้าลงกับไหล่ของคนพี่พร้อมกับปล่อยสะอื้นออกมาเบาๆ เซฮุนไม่ได้มองลู่หาน
และรู้ว่าลู่หานคงไม่อยากให้เขามองดูอีกคนที่กำลังร้องไห้นักหรอก
โอเซฮุนแค่มองไปบนภาพมุมสูงของเมืองๆหนึ่งที่เขาอาศัยอยู่...
ที่ๆเขาเกิดมาด้วยความรู้สึกบริสุทธิ์
และถูกทุกอย่างบิดเบี้ยวออกไปด้วยหลายสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
ความสะอาดสะอ้านในวัยเด็กถูกทำให้เลอะเทอะเปรอะเปื้อนและลงท้ายด้วยความเกลียดชัง
ในขณะที่ลู่หานเบ่งบานรับแสงอาทิตย์มากเท่าไหร่
เซฮุนก็เรียนรู้ที่จะมองเห็นความโรยรามากขึ้นเท่ากัน...
“อา...ฮ้ะ..อ่ะ...อาา...อื้อ..อื้ออ”
ในช่วงกลางดึกคืนที่พ่อแม่ของเขายังไม่ถึงบ้าน
ห้องน้ำของลู่หานนั้นปรากฏน้ำในอ่างกระฉอกหกนองพื้น ลู่หานแอ่นกายขึ้นศีรษะแนบกับผนังโดยมีเบาะรองศีรษะรองรับการกระทบกระทั่งของแผ่นหลังบางๆเอาไว้
เสียงร้องอู้อี้เพราะถูกฝ่ามือของคนเป็นพี่เหยียดปิดปากไว้
มือเรียวข้างหนึ่งจิกท่อนแขนที่เหยียดตรงของเซฮุน
อีกข้างก็บีบกับท่อนแขนอีกฝ่ายที่รั้งเอวตนเข้าหาเป็นจังหวะรุนแรงจนน้ำในอ่างกระฉอกออกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ราวกับโจรร้ายที่เคยขโมยผลไม้รสหวานได้ก็หวังจะเก็บเกี่ยวอีกครั้งแม้จะรู้ว่ามันบาป
คำขู่เข็ญที่ทำให้ลู่หานไม่มีทางเลือกและต้องทำตามคำบังคับนั้นก็ไม่ต่างกัน
สัมผัสบีบรัดที่นุ่มนวลและยวนเย้าไปตามอารมณ์ ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าหากสำนึกชั่วดีลู่หานไม่มีทางตกลง
แต่ตอนนี้ทุกอย่างเหมือนจะบังตาจนพร่า
ลืมไปด้วยซ้ำว่าคนที่ชำเรากายตัวเองคือคนที่เป็นพี่ชายชองตัวเอง
สัญชาติญาณของสัตว์ทำงานได้ดีกว่าสามัญสำนึกในใจ
ความปรารถนาถูกนำมาใช้มากกว่าความถูกต้อง แม้จิตใต้สำนึกลู่หานจะรู้สึกประหวั่นและติดขัด
ทว่าทางกายกลับตอบรับและยอกย้อนได้อย่างยอดเยี่ยม เซฮุนจับน้องนอนตะแคงหนุนกับเบาะท่ามกลางน้ำในอ่างที่ลดไหลไปเกือบหมด
จับขาอีกคนพาดเกี่ยวกับขอบอ่างแล้วล็อคเอวกระทุ้งตัวเข้าไป
ลู่หานครางจนตัวสั่นเมื่อทั้งการรุกรานด้านหลังและการกระตุ้นที่แผ่นอกเกิดขึ้นพร้อมๆกัน
เขาคว้าขอบอ่างเอาไว้ไม่ให้ตัวเองไหลจมลงไป
มืออีกข้างก็ยกขึ้นกัดหลังนิ้วพร้อมกับถูกซุกไซ้ที่ซอกคอ
ไม่นานนักเสียงพรูลมหายใจก็ดังขึ้นพร้อมกับคาวข้นที่ปลดปล่อยออกมาในอ่าง
และมันเป็นคาวบาปในความรู้สึก
เซฮุนใช้นิ้วเท้าดึงจุกปล่อยน้ำออกไปให้หมดแล้วปิดลงไปพร้อมกับใช้เท้าดับวาล์วน้ำเปิดน้ำอุ่นเข้าแทนที่
ร่างเล็กไม่คิดด้วยซ้ำว่าอ่างแคบๆนี่จะใส่เขากับเซฮุนลงไปได้หมด
ลู่หานที่พักเก็บเกี่ยวลมหายใจก็พลิกตัวหงายก่อนจะถูกกอดจูบอยู่อย่างนั้น
เขาไม่มีทางเลือกและเลือกไม่ได้ และรู้ตัวดีว่าต่อให้เซฮุนไม่ขู่เขา เขาก็ต้องทำอะไรสักอย่างไม่ให้ตัวเองอยู่คนเดียว
ลู่หานต้องการมีใครสักคนเพื่อไม่ให้ตัวเองกลับไปอยู่คนเดียวอย่างฟุ้งซ่านและจบลงด้วยการฆ่าตัวตายอีก
เรื่องเศร้าคือลู่หานใช้วิธีนึกถึงจื่อเทาเพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกผิดเวลารู้สึกตัวว่ากำลังทำอะไรกับฝาแฝดตัวเองแบบนี้...
เรื่องนั้นเซฮุนรู้ดี...และเซฮุนก็เกลียดลู่หานที่เป็นแบบนั้น...
“ถ้าพ่อแม่กลับมาคงทำที่บ้านไม่ได้แล้ว”
ลู่หานว่าพลางแกะช็อคโกแลตยี่ห้อโปรดออกจากห่อและนอนกินอยู่ตรงนั้น
ความหวานของมันทำให้ลดความเครียดลงไปได้บ้าง ในขณะที่เซฮุนเองก็นอนวาดแขนรองศีรษะ
มืออีกข้างก็คีบบุหรี่สูบแบลคเดวิลช็อกโกแลตเช่นกัน ดวงตาสองคู่จ้องไปที่เพดาน
ก่อนคนพี่จะพูดออกมาง่ายๆ
“ห้องฉันข้างมหาลัยก็มี โรงแรมก็มี ถ้าไม่ไหวก็ใช้ปาก”
“พวกเราจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานมั๊ย”ลู่หานว่าขึ้น โดยที่เซฮุนก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรกับคำพูดนั้น
“หนึ่งเดือน สองเดือน ครึ่งปี หนึ่งปี ห้าปี สิบปี”
“...”
“หรือตลอดชีวิต”
“ฉันไม่รู้”เซฮุนตอบพลางอัดควันเข้าปอดอีกหนหนึ่ง “แต่พอโตขึ้น
ฉันก็ต้องแต่งงานมีลูกให้พ่อ ทำงานให้ที่บ้าน
นายโตขึ้นก็เหมือนผีเสื้อที่เป็นอิสระบินไปที่ไหนก็ได้”
“...”
“แต่ฉันยิ่งโตยิ่งเหมือนดักแด้ที่ย้อนไปเป็นตัวหนอน...ยิ่งโตยิ่งมีพันธะที่ต้องรับผิดชอบ
ไม่มีคำว่าอิสระสำหรับฉัน”
“ฉัน..แต่งงานก็ได้”
“ฉันไม่ให้”
“...”
“ฉันไม่ให้ใครทั้งนั้นแหล่ะ”เอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดและสูบบุหรี่ต่อไปอยู่อย่างนั้น
และลู่หานจะคิดว่ามันคือคำสารภาพรักหากคนข้างๆไม่ใช่พี่ชายฝาแฝดของตัวเอง
เขารู้ตัวว่าเขาโง่ แต่เขายอมที่จะโง่ถ้าทำให้หลายๆอย่างมีคลี่คลายและดีขึ้น
ลู่หานเองก็ไม่ได้รู้สึกเป็นอิสระอะไร สายตาของพ่อที่มองเขาแบบมองลูกของแม่มากกว่าจะมองเป็นลูกของตนมันทำให้เขารู้สึกเสมอ
แต่ลู่หานก็เริ่มพอเข้าใจว่าตัวเขาไม่ควรจะเรียกร้องความรักจากพ่ออีก เพราะถ้าพ่อกับแม่มารักเขา
เซฮุนก็จะไม่เหลือใคร
“เซฮุน”
“อะไรอีก”
“กัดฉันด้วยเหรอ?”แฝดพี่หันไปมองน้องชายตนที่แตะๆมือแถวไหปลาร้า
ก่อนจะพบรอยจ้ำจางๆผสมกับรอยฟัน เซฮุนเห็นดังนั้นก็เลิกคิ้วเล็กน้อย
ก่อนจะลุกขึ้นหันไปหาลิ้นชักหัวเตียงของอีกคนทั้งที่มืออีกข้างคีบบุหรี่อยู่
“มียาแก้ฟกช้ำรึเปล่า?”
“ตรงลิ้นชัก”ลู่หานบอก
และแสงเลือนรางในห้องก็ส่องให้เห็นรอยเล็บเป็นทางยาวบนแผ่นหลังของเซฮุน
ซึ่งมันฝีมือของใครไม่ได้นอกจากเขาเอง พวกเขาต่างมีร่องรอยบ่งบอกถึงบาปที่เกิดขึ้นทั้งคู่
และจะหยั่งรากลึกลงไปกลางหัวใจ...
“แสบมั๊ย?”
คำถามที่ถูกถามขึ้นระหว่างใช้แว็กซ์แก้ฟกซ้ำแตะแต้มไปบนรอยฟันบนร่างของลู่หาน
แต่ทว่าคำถามนั้นกลับไม่ได้มาจากโอเซฮุนแต่อย่างใด
และคนที่คาบบุหรี่พยายามไม่ให้เถ้าหล่นใส่กายขาวๆนั้นก็เลิกคิ้วเล็กน้อย
“หลังนาย..แสบมั๊ย?”ลู่หานถามซ้ำ
และคนพี่ก็เหล่ไปทางด้านหลังตนก่อนจะคีบบุหรี่ออกแล้วตอบทั้งๆที่ควันกำลังกรุ่นออกจากริมฝีปาก
“ช่างเถอะ”
“...”
“หิวรึเปล่า?”ลู่หานส่ายหน้าให้กับคำถามนั้น
โดยที่เซฮุนก็เก็บตลับแว็กซ์พร้อมกับอัดอากาศเข้าปอดจนปลายมวนเป็นสีแดงสว่างวาบ
พร้อมกับทิ้งก้นมันลงกับกระป๋องเบียร์มาร์ทที่หมดไปก่อนกิจกรรมจะเริ่ม เซฮุนไม่ได้พูดอะไรหวานๆปลอบใจ
ไม่ได้ประโลมว่าสิ่งที่เกิดไม่ผิด มิหนำซ้ำก็ยังเอ่ยถ้อยคำห้วนๆตรงๆอยู่เช่นเดิม
...จูบของเซฮุนก็ยังกระด้างกระเดื่องเหมือนเจ้าตัวเช่นกัน
คนน้องหลับตาลงเมื่อพี่ชายจรดริมฝีปากลงจุมพิต
และเล็มริมฝีปากเล็กๆที่อิ่มหวาน
ลมหายใจกลิ่นยาสูบไหม้ๆผสมกับช็อคโกแลตมันยิ่งทำให้รู้สึกหวานปนขม เซฮุนเบียดปากแนบจูบพลันตวัดลิ้นไล้ไปตามร่องริมฝีปาก
เอียงใบหน้าให้สัมผัสริมฝีปากแนบชิด ลู่หานขยับเข้ากอดพลางลูบแผ่นหลังคนที่คร่อมครึ่งบนเขาไว้อย่างหลวมๆ
เซฮุนเท้าศอกกับที่นอนพร้อมกับพรมริมฝีปากลงไป
เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อลู่หานเลื่อนมือลงแตะแผงอก ก่อนจะเอ่ยทักขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
“นายคิดอะไรอยู่เวลาจูบฉัน?”
“...”
“เหมือนนายกำลังจูบกับกระจกมั๊ย?”
“นายไม่มีทางรู้หรอก”เซฮุนจดจ้องลงไปในดวงตาของลู่หาน
“แต่ถ้านายรู้สึกอย่างนั้นก็แค่หลับตาลง...พอนายหลับตาฉันก็กลายเป็นคนอื่นแล้ว”
“...”
“หลับตาสิ”
ลู่หานค่อยๆหลับตาลงพร้อมกับปลายลิ้นอีกฝ่ายที่เปิดริมฝีปากของเขาออก
แต่มันไม่จริงเลย... เขายังเห็นเซฮุนตลอด เขานึกถึงตั้งแต่จำความได้ที่พวกเขาเล่นชิงช้าด้วยกัน
ไปทะเล เข้าโรงเรียนประถม จนเริ่มห่างกันไป สังคมของพ่อบีบให้เซฮุนออกไปจากเขา เซฮุนมีเรื่องกับรับผิดชอบและเผชิญหน้าตัดสินใจ
ผิดกับเขาที่ยังอ่อนแอในอ้อมกอดของแม่ที่ดูแลเขาราวไข่ในหิน
เพราะพวกเขาไม่เหมือนกัน ลู่หานจึงได้มองเห็นเซฮุนอยู่ตลอด
จดจำกลิ่นกายของอีกคนได้ จดจำได้แม้แต่เสียงลมหายใจ
เมื่อพี่ชายฝาแฝดของลู่หานกดกายย้ำเข้ามาลึกเท่าไหร่
รอยเล็บของลู่หานก็จิกลึกที่แผ่นหลังของเซฮุนไม่ต่างกันแม้แต่นิด
“คอแกไปโดนอะไรมาวะ”
เสียงของแบคฮยอนทักขึ้นหลังจากหมดชั่วโมงเรียนและกำลังออกไปหาอะไรทานข้างนอก
เขาขยับคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับแบคฮยอนที่เอานิ้วแตะๆที่ต้นคอเพื่อน
“รอยเล็บเป็นทางเลยเนี่ย”
“แมวมั้ง”
“แคทวูแมนเหรอข่วนคอแก แถท่าไหนฉันก็เชื่อไม่ลง”แบคฮยอนพยายามใช้ส่วนสูงให้เป็นประโยชน์ด้วยการเขย่งขึ้นไปมองตรงช่องด้านหลังเสื้อ
ในขณะที่เซฮุนพยายามปัดมือเพื่อนและเบี่ยงตัวออก “เฮ้ย...หลังแกเป็นทางเลย
ไม่ธรรมดาแล้วนะ”
“...”
“เอาผู้หญิงมานอนที่บ้านเหรอไง น้องแกไม่โทรไปฟ้องแม่เหรอ?”
“ไม่ได้พาใครมา”
“อ้าว หรือแกออกไปข้างนอก ปล่อยน้องแกอยู่คนเดียวเนี่ยนะ”
“เปล่า”เซฮุนตอบ “ฉันอยู่กับเขาตลอด”
“อย่าบอกว่าแกหน้ามืดจับน้องแกทำเมียนะเว้ย ฮ่าฮ่า”แบคฮยอนหัวเราะก่อนจะเบาเสียงหัวเราะลงเป็นสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อท่าทีของเซฮุนไม่ได้ตลกด้วย
“เฮ้...ฉันเลิกขำแล้วนะ ไม่ตลกนะเว้ย”
“...”
“จริงๆเหรอวะ...แกกล้าทำลงไปได้ไง”
“ฉันก็ไม่รู้”
“จริงดิ...อย่าบอกนะว่าคืนที่น้องแกเมา”แบคฮยอนมองหน้าเซฮุนที่ผ่อนลมหายใจก่อนพยักหน้าแกนๆ
“อือ”
“บ้าไปแล้ว...นี่มันบ้าไปแล้วนะ...แกคิดอะไรอยู่วะเนี่ย นั่นน้องแก
น้องชายฝาแฝดของแกนะ!”
“แล้วไงล่ะ!”เซฮุนสวน “ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อยนี่!!”
“อะไรนะ...นี่แกพูดอะไรออกมาน่ะ”
“เขาเป็นคนๆนึงในสายตาฉัน ไม่ใช่พี่น้องของฉัน
และไม่ใช่ฝาแฝดอะไรทั้งนั้น!”ร่างของเซฮุนสะบัดออกจากแบคฮยอนอย่างหงุดหงิดปล่อยให้เพื่อนยืนงงระคนช็อคอยู่เช่นนั้น
เซฮุนสาวเท้าออกมาอย่างรำคาญ ทำไมเหรอ? เขาคิดแบบนี้มันผิดมากเหรอ? มันผิดมากเหรอที่เขารู้สึกเกินเลยแบบนั้นถึงได้แยกตัวจากลู่หาน
ทำตามที่พ่อบอกทุกอย่างเพื่อที่จะได้ดูแลลู่หาน
เขาทำทุกอย่างและทนมองลู่หานที่ร้องไห้คร่ำครวญถึงคนอื่นที่ไม่เคยทำอะไรเพื่อลู่หานเลย
ไม่รับรู้สิ่งที่อยู่ในใจและไม่คิดจะรับฟัง ยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียด... เขาเกลียด...
ตอนที่ลู่หานรักกับหวงจื่อเทา..สภาพของเขาก็ไม่ได้ต่างกับลู่หานเมื่อวันก่อนเหมือนกัน....
ครืด....ครืดดด...
เซฮุนขมวดคิ้วเมื่อมีเบอร์โทรที่ไม่คุ้นโทรมาหาตน
ดวงตาสวยหรี่ลงเล็กน้อยอย่างลังเลอยู่ครู่ก่อนจะตัดสินใจกดรับ “ครับ”
((เซฮุน... ไอรีนเองนะคะ))
“อืม..ไอรีนเหรอ ว่าไง วันนี้ไม่มาเรียน?”
((ไอรีนรออยู่ที่ร้านเดิมได้มั๊ยคะ))
“ขอโทษนะ ช่วงนี้ฉันยุ่ง”
((แต่ไอรีนอยากเจอนี่นา))
“แต่ฉันไม่ว่างขนาดนั้น...นะ”เซฮุนละมือจากโทรศัพท์เมื่อเห็นอะไรบางอย่าง
ท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาในย่านโรงอาหารของมหาวิทยาลัย เซฮุนเห็นลู่หานกำลังเดินเคียงข้างใครคนหนึ่งซึ่งไม่คิดจะปรากฏตัวในเวลาแบบนี้
“คิมจงอิน”เขาสบถเมื่อคนที่เดินเคียงข้างลู่หานคือหนุ่มผิวแทนคณะบริหารที่เป็นดาวเด่น
และแน่นอนว่าเซฮุนไม่ได้ตอบรับไอรีนเพื่อไปคั่วหญิงประชดรัก
ตรงกันข้ามด้วยซ้ำว่าเขากดวางสายเธอไปดื้อๆแล้วต่อสายหาใครคนหนึ่ง
ก่อนจะยืนกอดอกมองดูผลลัพธ์ซึ่งน่าจะอีกไม่นานนัก
“ขอบใจนะจงอิน...แต่ไม่ต้องลำบากก็ได้
เราไม่เป็นไร”ลู่หานพูดขึ้นอย่างเกรงใจเมื่อจงอินยังดึงดันที่จะถือถุงอุปกรณ์งานศิลปะพวกสีน้ำให้อยู่
ยังดีที่เรื่องเขาพยายามฆ่าตัวตายไม่เล็ดลอดมาถึงมหาวิทยาลัย
แต่เรื่องที่เลิกรากับคุณหมอหวงจื่อเทานั้นคงเป็นที่รู้กันเรียบร้อย
เพราะอย่างนั้น คิมจงอินที่เคยจีบเขามาก่อนหน้านี้เลยพยายามมาป้วนเปี้ยนละมั้ง
“ไม่ลำบากเลย...ฉันทำได้เพื่อลู่หานนั่นแหล่ะ”
“ขอบใจนะ...แต่ฉัน”
“อ่อยแฟนชาวบ้านเสร็จรึยังครับ?”เสียงๆหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็กผิวสีขาวเกลี้ยงเกลา
สวมแว่นตาเหมือนเด็กเรียนกำลังกอดอกจ้องคนสองคนอย่างเอาเรื่อง
ลู่หานหันมามองแล้วอ่านป้ายก็พบว่าชื่อโดคยองซูเด็กสาขาบัญชีที่ตวัดสายตามามองเขาพร้อมกับคิมจงอินที่ขยับตัวทันที
“คยองซูใจเย็นๆนะ ฉันแค่มาส่งเขา เราเป็นเพื่อนกัน”
“จะให้เชื่อได้เหรอ คนมันเคยได้อ่อย”
“คยองซูมันไม่ใช่แบบนั้น”
“ก็ตอนแรกที่เราถามจงอินบอกเราแบบนี้เองนี่
ว่าหมอนี่มาอ่อยจงอินเอง”ลู่หานเจ้าของชื่อหันไปมองจงอินที่หลบสายตาอย่างงุนงงทันที
แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรก็ถูกคยองซูผลักจนล้มลงกับพื้น “มองอะไรของคนอื่น!!”
“คยองซูไม่เอาน่า!”
“นี่ก็หาเรื่องมาจีบใช่มั๊ยล่ะ? เห็นแล้วใช่มั๊ยล่ะว่าเขาเลิกกันแล้ว!!”คยองซูหันไปต่อยตีจงอินพร้อมกับแหกปากร้องอย่างเอาแต่ใจ
ลู่หานพยายามลุกขึ้นแต่ก็ถูกถุงเครื่องเขียนที่จงอินถือให้เหวี่ยงใส่เพราะหลุดมือจากการปะทะ
เขายกมือขึ้นป้องใบหน้าพร้อมกับเสียงคุ้นเคยที่ตวาดดัง
“หนวกหูน่ะ!”
เซฮุนปรากฏตัวขึ้นหลังจากคอยสังเกตการณ์และพบว่าท่าไม่ดี
จึงได้มาขวางไว้ ท่ามกลางสายตาของคนที่มองผ่านไปผ่านมา เซฮุนตวัดสายตามองคยองซูที่ดูเหมือนจะทำเกินกว่าเหตุไป
เขาเป็นคนโทรให้แบคฮยอนไปบอกคยองซูซึ่งเป็นคนรู้จักว่าให้มาเอาคิมจงอิน คนรักของเจ้าตัวออกไป
แต่เหมือนว่าการที่ใช้คำพูดรุนแรงและกำลังกับลู่หานมันนอกเหนือจากที่เขาบอกไว้
คนตัวเล็กสีหน้าหวาดกลัวสายตานั้นอย่างเห็นได้ชัด
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากลากจงอินออกไปพลางทุบตีไปตลอดทาง
“สมน้ำหน้า”เซฮุนหันมาบอกกับลู่หานพลางเก็บอุปกรณ์ใส่ถุง
ลู่หานที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกันแน่ก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตารวบของอย่างอับอายสายตาคนอื่นที่มองมาพลางซุบซิบ
ลู่หานสะดุ้งห่อไหล่เมื่อเซฮุนตวาดขึ้น “มองอะไร!
ไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้านแล้วจะตายเหรอ?!”
“เซฮุนอย่าเสียงดังสิ”
“ทำไม! เกรงใจอะไรพวกนั้นนัก!”
“ฉันกลัว”
“...”คนน้องจ้องใบหน้างามนั้นก่อนจะแค่นหัวเราะเหอะ
“สำออย”
“...”
“ลุกขึ้นได้แล้ว”เขาฉุดลู่หานลุกขึ้นก่อนที่ลู่หานจะปัดมือออกสีหน้าเหยเก
เซฮุนนิ่งไปชั่วครู่ก่อนที่หงายมองมือและพบคราบเลือดติดมือตนเองอยู่
เขารีบดึงมือของลู่หานออกมาดูและพบว่าสันมืออีกคนถลอกจนเลือดไหลปนคราบดินฝุ่น
เขาโยนถุงอุปกรณ์ให้ลู่หานกอดเอาไว้ก่อนจะลากแขนน้องชายฝาแฝดของตัวเองไปที่ก๊อกน้ำใกล้ๆแล้วเปิดน้ำใส่ทันที
“โอ๊ย!”ลู่หานร้องลั่นน้ำตารื้น
ก่อนจะรีบเม้มปากเพราะกลัวถูกอีกคนว่าเข้าให้อีก ไม่นานนักเซฮุนก็ปิดน้ำก่อนจะล้วงกระเป๋าหาทิชชู่มาวางซับน้ำให้
พลันลากร่างน้องชายไปที่ม้านั่งใกล้ๆ
“ทีหลังอย่าไปหาเดินกับแฟนชาวบ้านสุ่มสี่สุ่มห้า
มอมแมมสกปรก”
“...”แฝดน้องก้มหน้าปล่อยให้อีกฝ่ายหยิบชุดทำแผลพกพาที่พวกผู้หญิงชอบเอามาให้หลังจากเขาซ้อมบาสเสร็จ
ดึงผ้าแอลกอฮอล์ซับแผลที่มือของลู่หานจนอีกคนหลุดร้องเบาๆ
“ซึ..อ่ะ!”
เซฮุนชะงักมือเมื่อลู่หานเผลอร้องออกมาด้วยความแสบ
แต่สมองของเขากลับคิดอะไรที่ไปไกลกว่านั้น สุดท้ายก็เปลี่ยนแปะพลาสเตอร์ให้จนเรียบร้อย
ลู่หานเม้มปากก่อนจะทำท่าขอบคุณพี่ชายฝาแฝดที่ยังชักสีหน้าเหมือนรำคาญเป็นนิจ
“ขอบคุณนะ”
“อือ”
“เสื้อเลอะหมดเลย...มีเรียนรึเปล่า? งะ..งั้นฉันกลับบ้านนะ”
“พ่อกับแม่กลับมาแล้วเหรอ?”
“น่าจะมาถึงแล้ว”
“ฉันจะพาไปเปลี่ยนเสื้อ”เซฮุนลุกขึ้น และเป้าหมายน่าจะเป็นห้องพักของเจ้าตัวใกล้มหาวิทยาลัยที่เคยขอกับบิดาไว้ตอนที่สอบเข้าได้ใหม่ๆ...
ลู่หานกลืนน้ำลายเมื่อรู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น
จนกระทั่งอีกคนหันมากระตุ้นอีกครั้ง “สิ”
“...”ลู่หานยอมลุกขึ้นเดินตามเซฮุนที่จับมือตนเองจูงไปแต่โดยดี
และภาพทั้งหมดอยู่ในสายตาของแบคฮยอนที่รีบมาดูหลังจากที่เพื่อนให้โทรบอกโดคยองซูคนรู้จักว่าคิมจงอินกำลังควงใครก็ไม่รู้ตามสถานที่ที่ได้บอกมา
เพราะพอรู้กิตติศัพท์คนตัวเล็กคนนั้นว่าขี้หึงเป็นทุน
ทว่าพอเขามาถึงก็พบว่าไม่ทันแล้ว เขาเห็นแค่เซฮุนเดินจูงลู่หานเดินไปขึ้นแท็กซี่ทั้งที่เจ้าตัวก็เอารถมา
จากทิศทางรถนั้นไม่น่าจะไปทางบ้าน แต่เป็นอพาร์ตเมนท์ส่วนตัวของเพื่อนเขาเอง แบคฮยอนเม้มปากสีหน้ายุ่งยาก
เมื่อน้องชายคนละแม่ของคนรักกับน้องชายฝาแฝดของเพื่อนเลิกกัน
และแฝดสองคนนี้ทำเรื่องที่มันไม่เหมาะสม... เขาควรจะทำยังไงดี
“นี่เรื่องจริงเหรอวะเนี่ย...?”
***************************
#LoatheSELU
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น