Title : Loathe(End)
Author : RUNAWAY05
Pairing : OH SEHUN x LU HAN
Note : เวอร์ชั่นเซลู่
หลังจากที่พี่โอไม่มีตัวตนเลยในเวอร์ชั่นหานลู่
พี่เซฮุนหนูเลือกพี่ละนะ*ปาโปเกบอล*
ปล.1 เนื้อเรื่องไม่ต่างจากโลธเวอร์ชั่นหานลู่นะคะ
แค่เปลี่ยนตัวละครและบริบท
ปล.2 หนาว กอดพี่จีซึงก่อน
**********************
ความจริง...ถ้าไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงดี...
เซฮุนนั่งมองตั๋วเครื่องบินเที่ยวดึกของวันขณะที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของพ่อ
การฟ้องร้องหย่าขาดต่อกันนั้นเขารับรู้มันก่อนจะไปหาลู่หานเมื่อคืนแล้ว และแน่นอนว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้
เพียงแต่เขาตอนนี้กลับมีอะไรบางอย่างจะบอกกับบิดา
แม้ใจจะรู้ดีว่าเขาคงไม่สามารถตามไปบอกลาลู่หานที่จะเดินทางไปปักกิ่งบ่ายนี้เช่นกัน
ไม่มีแม้แต่ข้อความล่ำลาหรือเบอร์โทรเข้า...
พวกเขากำลังจะเดินกลับไปสู่ความเป็นจริงที่รออยู่ข้างหน้า...
“มีอะไร? เก็บของแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่ไปเตรียมตัวล่ะ?”บิดาที่เพิ่งว่างงานเข้ามาถามคนเป็นลูกชายที่ลุกขึ้น เซฮุนหลับตาถอนใจอยู่พัก
ก่อนจะตัดสินใจส่งตั๋วเครื่องบินคืนให้กับผู้พ่อ
“ผมว่า..มันไม่จำเป็นแล้วครับ”
“...”
“ผมดีใจนะครับที่พ่อไม่ได้ดุด่าอะไรผมเลยกับเรื่องที่เกิด...
และผมโอเคถ้าเลขาลีจะดูแลพ่อต่อจากนี้”เซฮุนมองหน้าบิดาที่ยังคงความไม่เข้าใจ
“แต่ถ้าวันไหนไม่มีเธอ ก็เหลือแค่เราสองพ่อลูก
แน่นอนว่าผมไม่ไปยุ่งชีวิตของพ่อต่อจากนี้ แต่ผมไม่อยากไปไกลจากพ่อกว่านี้อีกแล้วครับ”
“เซฮุน...”
“ผมรู้ว่าที่นั่นสร้างสถาปนิกเก่งๆได้หลายคน
ผมก็เคยหวังว่าจะไปเรียนที่นั่น
แต่ที่นี่...ผมเชื่อว่าที่นี่ก็สามารถทำให้ผมเป็นสถาปนิกได้เหมือนกัน
ผมก็แค่..ตั้งใจเรียนต่อ ผมไม่ทิ้งความฝันของพ่อและตัวผมเองหรอกครับ
แต่ผมอยากจะลองหาทางอื่นดู ทางที่ผมสบายใจและเป็นตัวเอง”
“แต่ที่บ้าน...”
“ผมรู้ครับ..ปกติของผมที่บ้านนั้นก็ไม่ค่อยมี
ผมจะอยู่ที่ห้องต่อ ผมตัวคนเดียวจะลองใช้ชีวิตอยู่เองในสังคมแบบนี้
และผมเชื่อว่าสิ่งที่พ่อสอนผมมา มันทำให้ผมแข็งแรงพอและเอาตัวรอดได้”
“จะเอาแบบนั้นใช่มั๊ย?”บิดาถอนใจเบาก่อนจะมองหน้าเซฮุนยิ้มๆ
“เอาเถอะ...ถ้ามันเป็นความต้องการของแก...พ่อไม่เคยขัด
ส่วนตั๋วนี่กับเรื่องที่เรียนพ่อจัดการเอง
กลับไปจัดของแล้วพรุ่งนี้ก็ค่อยไปเรียนนะ”
“ครับ...ขอบคุณนะครับ”เซฮุนขยับกายโอบกอดคนเป็นพ่อเอาไว้
เขาที่ไม่มี ลู่หานและพ่อที่ไม่มีแม่อีกต่อไปแล้วนั้นไม่ควรจะห่างไกลกันมาก
เขาไม่ควรให้เลขาลีแบกรับความรู้สึกของพ่อคนเดียวต่อจากนี้
แม้จะไม่มีลู่หานอยู่อีกแล้ว แต่เขาคิดว่าเขาจะต้องอยู่ต่อไปให้ได้
แม้ความคิดถึงจะย้อนกลับมาทำร้ายให้เขาเจ็บจนแทบขาดใจก็ตาม...
เซฮุนละมือจากผ้าม่านที่กลับมาปิดหน้าต่างอีกครั้ง
แต่สุดท้ายก็จัดการรูดม่านออกเพื่อมองดูภาพภายนอก
แน่นอนว่าตอนนี้เขายังไม่ได้สมบูรณ์พร้อมนัก แต่เซฮุนเชื่อว่าเขาจะดีกว่านี้ได้
หลังจากที่เฝ้ามองทุกอย่างร่วงโรยมาตลอด
เขาตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับแสงสว่างนอกหน้าต่างดูบ้าง ขณะที่คิดอะไรเพลินๆก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นได้
จึงได้ต่อสายหาบยอนแบคฮยอนที่ตอนนี้น่าจะเรียนอยู่
“แบคฮยอน เรียนอยู่มั๊ย?”
((นี่ยังไม่ไปอีกเหรอ? ฉันเบื่อหน้าจะแย่แล้ว))
“อ๋อเหรอ? งั้นเสียใจด้วยนะฉันไม่ไปแล้ว พ่อฉันไปจัดการเรื่องมหาลัยแล้ว
ฉันจะเรียนที่นี่ คอยขวางหูขวางตาแกกับตาลุงนั่นคอยดูสิ”
((ว้าวๆ ตื่นเต้นจัง
แต่เสียใจด้วยนะพอดีฉันไม่ว่างอะ))
“ไปไหน?”
((ไปฮันนีมูนกับลุง
มีแฟนแก่ๆก็ดีงี้ล่ะ รูดบัตรสบายดี))
“นายนี่มันจริงๆเลย
ฉันอุตส่าห์กะให้เลคเชอร์ให้”
((ขอโทษนะเพื่อนรัก
ช่วยจดแทนฉันทีแล้วกัน จุ๊บ))
ตู้ด..ตู้ด...
“ไอ้เวรเอ๊ย”เซฮุนสบถก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างไม่มีอะไรทำ
หันมองข้างๆบนเตียงที่เป็นร่องรอยของใครบางคนที่เคยนอนข้างๆก็ได้แต่แย้มริมฝีปากออกมาอย่างเศร้าๆ
เขารู้...ทุกอย่างแก้ไขไม่ได้ แต่มันเลือกทางที่จะเป็นไปได้
เขาก็หวังว่าลู่หานจะมีความสุขกับสิ่งที่เลือกเสียที...
ในขณะเดียวกัน ลู่หานก็กำลังทำหน้าเบื่อหน่ายกับการรอขึ้นเครื่อง
เขาเอาสัมภาระมาแค่หนึ่งกระเป๋าขนาดเล็กก็มากพอแม้ว่ามารดาจะคะยั้นคะยอให้ขนมามากกว่านี้
ลู่หานจึงได้ให้เหตุผลว่าเดี๋ยวให้คนมาจัดการและเขาไม่ชอบโหลดกระเป๋า
แม่ของเขาจึงยอมรามือไป ลู่หานยืนสีหน้าสงบโดยที่อี้ฟานก็มองอย่างเป็นห่วง
“นี่นายมั่นใจแล้วใช่มั๊ย?”เอ่ยถามกับลู่หานที่พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับส่งยิ้มให้ อี้ฟานที่เห็นอย่างนั้นก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างปลงๆ
พกเขายังอยู่ในโซนพับบลิคที่รอเข้าไปในส่วนพื้นที่เฉพาะผู้โดยสาร ลู่หานเห็นคนอื่นกำลังล่ำลาญาติตนเองกันที่โซนนี้ก็ยิ้มออกมาบางๆ
ก่อนจะเอ่ยกับอี้ฟานช้าๆ
“ขอบใจมากนะ”
“?”
“นายเป็นคนดี”
“...”แม้จะงุนงงที่อีกคนพูดออกมาอย่างไม่มีอารัมภบท
แต่อี้ฟานก็พยักหน้าเบาๆพลางส่งยิ้มให้
ท่ามกลางเสียงทักของมารดาที่เหมือนจะเห็นความสัมพันธ์ของเด็กทั้งสองไปในทางที่ดี
“อะไรกัน
เมื่อวานยังทำท่าไม่คุ้นกันเลยแท้ๆ สองคนนี้สนิทกันดีจังเลยนะคะ”
“นั่นสิครับ เข้ากันได้ดี”พ่อของอี้ฟานปรายตามองลูกชายที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ไปเสีย
จนได้เวลาเข้าส่วนเฉพาะผู้โดยสารก็มีคนคนหนึ่งเดินมาชนด้านหลังของลู่หาน ก่อนจะกล่าวอะไรบางอย่างให้ร่างเล็กเบิกตาเล็กน้อยท่ามกลางกลุ่มคนที่ทยอยเข้าไปด้านใน
“ลู่หาน
มานี่เร็วลูก”คนเป็นแม่หันไปเรียกลูกชายที่ยังยืนนิ่งกับกระเป๋าท่ามกลางคนที่หลั่งไหลขึ้นมา
เธอเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีกับการตัดสินใจของลู่หานที่ยังยืนมองเธอนิ่งๆพร้อมกับขยับยิ้มที่มุมปาก
“...”
“ลู่หาน!แม่บอกให้มานี่!
ลู่หาน!!”เธอตะโกนขึ้นแต่ก็ถูกเด็กหนุ่มร่างเล็กริมฝีปากตกที่เพิ่งชนลู่หานไปเมื่อครู่พูดขึ้นมาก่อน
“ป้าอย่ามาขวางทางได้ป่ะครับ
พวกผมจะเข้าไปข้างใน คนอื่นๆเขาก็จะเข้าไปกัน”
“แต่ลูกฉัน..ลู่หาน
เข้ามากับแม่เดี๋ยวนี้นะ! ลู่หาน!!”
เจ้าของชื่อทำแค่เพียงคลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะจับหูกระเป๋าแล้วลากมันออกมาจากพับบลิคโซนทันที
ในขณะที่ผู้เป็นแม่ก็ถูกฝูงชนและชายคนรักใหม่พาเข้าไปในโซนสำหรับผู้โดยสาร
ลู่หานรีบลากกระเป๋าอย่างเร่งร้อนก่อนจะหันไปมองด้านหลังอย่างพะวงเล็กน้อยว่าแม่อาจส่งคนมาตาม
แต่เขาคิดว่าเขาจะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว
เขาเร่งโบกแท็กซี่หยิบกระเป๋าขึ้นพร้อมกับบอกเป้าหมาย
ยังไงซะแม่ก็ไม่มีทางตามเขามาในตอนนี้ และสิ่งนี้ลู่หานเลือกเอง
เขาปกป้องใครไม่ได้สักคน แต่เขาสามารถเลือกที่จะปกป้องตัวเองได้
แม้จะรู้สึกใจหายเล็กน้อยที่เลือกทางเดินแบบนี้
แต่ตอนนี้ลู่หานกลับรู้สึกตื่นเต้นมากกว่า เขาไปที่อพาร์ทเม้นต์หลังนั้น
กดลิฟต์ไปชั้นที่ต้องการก่อนจะรุดไปที่หน้าประตู เขาไม่รู้ว่ามีใครอยู่หรือไม่
และในตอนนั้นเขาตัดสินเสี่ยงกดกริ่งดู
ลู่หานพลิกตัวหนีไม่ให้คนในห้องมองเห็นว่าเขามาถึง หัวใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อเสียงปลดล็อคประตูดังออก
ลู่หานเม้มริมฝีปากทำหน้าไม่ถูกเช่นกันเมื่อเซฮุนเปิดประตูแล้วมองหน้าเขาเหมือนจะช็อคไปพักใหญ่
“หวะ...หวัดดี ...คือ...แบคฮยอนบอกว่านายจะไม่ไปไหน”
“มาทำไม...ยังลาไม่พอเหรอ?”ขมวดคิ้วพร้อมทำท่าจะปิดประตูแต่ลู่หานก็สอดแขนไว้กับช่องประตูทันที
แล้วก็ได้ผลที่ว่าเซฮุนไม่มีทางที่จะปิดประตูลงไปได้
“ฉันตกเครื่อง”
“?”
“แล้วฉันก็..อกหักมาน่ะ”
“...”
“พ่อแม่ของฉันหย่ากันและกำลังทำเรื่องฟ้องร้อง...
แม่ของฉันมีผู้ชายคนใหม่..ฉันไม่มีที่ไปแล้ว...ถ้ายังไง...ฉันอยู่ด้วย...ได้มั๊ย?”
“ลู่หาน...?”เซฮุนเรียกชื่อน้องชายฝาแฝดออกมาเบาๆ โดยที่ลู่หานก็รีบพูดทันที
“ฉันซักผ้าเก่งนะ!
ฉันทำอาหารเป็น...ฉันกินไม่เยอะหรอก..เอ้อ...ช่วงนี้ฉันแพ้แชมพู ผมร่วงง่าย
อย่าจิกผมฉัน อย่าตะคอกฉันก็พอ”
“หาเรื่องชัดๆ”เซฮุนว่าก่อนจะเอื้อมมือลากกระเป๋าเข้ามาด้านใน
ท่าทีนั้นทำให้ลู่หานยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะตามเข้าไปแล้วปิดประตู เซฮุนลากกระเป๋าเขาไปไว้ที่หน้าโซฟา
ก่อนจะพูดเสียงอ่อนอกอ่อนใจ
“มันแคบนะ...จะอยู่ได้เหรอ?”
“ฉันอยู่ได้นะ”
“อยู่ไม่ได้หรอก”คนพี่กล่าวทำเอาลู่หานเบะปากน้อยๆอย่างขัดใจ
ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่ออีกคนเอ่ยเนิบๆ “หาบ้านอยู่ดีกว่า ห้องแคบๆจะไม่แพ้ฝุ่นเหรอ?”
“ตรงไหนก็ได้...จะอยู่ด้วย”โอเซฮุนเบนหน้ามองลู่หานที่เดินมากอดด้านหลัง
ฝ่ามือเรียวนั้นกอดกระชับตรงผืนท้องของเขา
พร้อมกับแก้มของลู่หานที่แนบลงไปกับแผ่นหลัง
“แต่พวกเรา..”
“ฉันรู้ว่านายบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้..นายย้ำกับฉันไปเมื่อคืนว่ามันไม่มีทาง..แต่นายรู้อะไรมั๊ย? ในคำว่าเป็นไปได้ที่ใครๆว่า มันทำให้ฉันอยากที่จะเป็นไปได้”
“ลู่หาน?”คนพี่จะขยับหันมามองแต่ผู้เป็นน้องก็กอดเอาไว้แน่น
“อย่าเพิ่งหันมานะ...ให้ฉันพูดให้จบก่อน
ทั้งหมดฉันไม่โทษใครทั้งนั้นแม้แต่ตัวฉันเอง
การตัดสินใจหรือเรื่องราวที่ดำเนินโดยตัวเรา
เราเลือกที่จะเป็นและมันแก้ไขไม่ได้...และฉันก็รับรู้แล้วว่านายดีที่สุดสำหรับฉัน
ฉันก็เคยตัวจนทนอยู่แบบไม่มีนายไม่ได้หรอก ใครจะว่ามันผิด
ฉันก็ไม่เถียงเพราะมันผิดจริงๆ ไม่มีใครที่มีสถานะแบบนี้รู้สึกแบบนี้
นายเองก็รู้ดี”
“...”
“เพราะไม่มีใครทำแบบนี้ฉันเลยอยากทำ..และฉันเชื่อว่าเราทำมันได้
ฉันพูดไม่ถูกแต่... ความรักฉันไม่รู้ว่าพวกเราเป็นรักแบบไหน
แต่ฉันมั่นใจว่าฉันได้จากนายมานานแล้ว และมันถึงเวลาที่ฉันต้องทอนกลับเหมือนกัน”
“...”
“แต่..แต่ฉันปกป้องนายไม่ได้หรอกนะ...แต่ถึงอย่างนั้นถ้ารู้สึกเหนื่อยก็กอดแน่นๆได้นะ
ฉันจะไม่ขี้แยอีกแล้ว แล้วก็..จะเลิกกลัว...”เสียงของลู่หานเบาลงเมื่อเซฮุนพลิกตัวหันหน้ามาหา
และพบว่าใบหน้าของลู่หานนั้นแดงจัดและร้อนผ่าว เขาหลบตาของอีกฝ่ายที่จ้องมองมา
ก่อนที่เซฮุนจะลูบข้างแก้มของลู่หานอย่างแผ่วเบา
“นายทำฉันเป็นคนวิปริตไปจริงๆด้วย”
“...”
“ฉันก็อยากหัวเราะใส่หน้าคนที่ละเลยนายนะ
แต่ก็เถอะ”เซฮุนขยับยิ้มก่อนจะกอดอีกฝ่ายไว้กับตัว
เขาไมได้หวังฉากจบแฮปปี้เอนดิ้งที่ว่ากอดกันแล้วขึ้นไตเติ้ลอวสาน
ยังมีอะไรอีกมากที่เขาต้องจัดการ อย่างน้อยก็เรื่องของลู่หาน ทั้งรับมือผู้เป็นแม่
แต่การที่พวกเขาบรรลุนิติภาวะเรียบร้อยแล้วนั้น ก็ทำให้เซฮุนวางใจพอที่จะคิดว่ามันจะไม่เป็นไร
เขากับลู่หานสามารถเลือกได้ว่าจะอยู่กับใครหรือไม่อยู่กับใครเลย
และเซฮุนคิดว่าพวกเขาเลือกที่จะอยู่ด้วยกัน...
โอเซฮุนกดจูบไปที่พวงแก้มแดงร้อนนั้นอย่างนุ่มนวล
โดยที่ลู่หานก็ขยับกอดอยู่พักก่อนจะถอดเสื้อโค้ทออก
เขาไม่รู้ว่าเขาเป็นบ้าไปแล้วหรือยังกับการไม่สามารถอดทนต่อการเฝ้ามองลู่หานเวลาค่อยๆถอดเสื้ออกจากตัวได้แม้จะแค่เสื้อตัวนอก
เซฮุนสอดมือเข้ากับใต้เสื้อยืดของลู่หานและถลกขึ้นพร้อมกับเสียงอุทานแว่วเบาของตัวลู่หานเอง
ฟันคมกัดริมฝีปากตนเองทันทีที่ปลายนิ้วเย็นๆลากไปกับผิวเนื้อ
ลู่หานแตะมือทั้งสองข้างกับสันกรามของเซฮุน ก่อนจะพบอะไรบางอย่างในดวงตานั้น
เขาก้าวข้ามมุมมองเดิมๆของตัวเองด้วยการขยับเข้ากดจูบมุมปากอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะยอมให้ทุกอย่างเป็นไปตามแต่ใจอีกฝ่าย
“ชดเชยได้มั๊ย? เราไม่เจอกันหลายวันเลยนะ”
“อื้อ”ลู่หานพยักหน้าและเซฮุนก็เริ่มเลียกลีบปากเล็กๆอย่างนุ่มนวล
ฝ่ามือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นสัมผัสแถวหน้าอก แต่อีกข้างกลับเลื่อนลงไปด้านล่าง
ลู่หานครางหือเบาๆในลำคอพร้อมกับลูบไล้แผ่นหลังของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล
“นิ้วของนาย..”
“หืม?”
“ดี”เซฮุนกล่าวต่อสั้นๆเมื่อนิ้วเล็กๆนั้นเลื่อนลงคลึงกับเป้ากางเกง
พวกเขาเบื่อที่จะมามองสิ่งนั้นถูกสิ่งนี้ผิด ในเมื่อสิ่งที่พวกเขาเป็นมันผิด
พวกเขาก็จะผิดให้สุด ลู่หานคลึงนิ้วกับส่วนที่แข็งตึงขึ้น โดยเซฮุนก็บีบแก้มก้นนิ่มๆใต้สกินนี่ยีนส์นั้นไว้
เสียงจูบดังขึ้นและลู่หานก็สัมผัสถึงกลิ่นช็อคโกแลตไหม้ในลมหายใจของเซฮุนอีกครั้ง
เขาหลับตาเมื่อถูกดันริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเรียวลิ้นที่สอดเข้ามาภายใน
จูบรั้งริมฝีปากล่างก่อนจะรวบขึ้นปล่อยและใช้ลิ้นเลียไปตามแนวฟัน
เสียงครางอือดังขึ้นในลำคอของลู่หานเองพร้อมกับโอบกอดร่างของเซฮุนเอาไว้แนบแน่นจนถูกวางให้นั่งข้างเตียง
และลู่หานก็นั่งมองอีกฝ่ายถอดกางเกงออกไปจากเรียวขาอยู่แบบนั้น
“เซฮุน..”
“หืม?”
“เปล่า”ลู่หานส่ายหน้าให้คนที่เงยหน้าขึ้นมาได้ขมวดคิ้วใส่
ก่อนจะก้มลงจูบต้นขาของเขาอย่างค่อยๆไม่เร่งร้อน ลู่หานหรี่ตาลงเล็ก
ความรู้สึกตื่นตัวและเขินอายทำให้แก้มของลู่หานเป็นสีแดงจางอีกครั้ง
ทั้งที่ตั้งใจจะมองเซฮุนให้ตลอดแต่เขาก็ไม่สามารถทำได้เมื่อลิ้นของเซฮุนเข้าสัมผัสเขาอย่างไม่ผ่อนปรน
ปลายลิ้นนั้นเสียดผสมกับการจูบจนลู่หานหลุดครางในลำคอ
ร่างที่มีแค่เสื้อยืดกับถุงเท้านั้นดูจะไม่มีทางอื่นที่จะหลบหนีไปได้นอกจากตอบรับมัน
เป็นอีกครั้งที่ลู่หานเผลอขยุ้มเรือนผมของอีกฝ่าย
เป็นอีกครั้งที่แผ่นหลังของเขาทาบลงบนที่นอนหลังนี้
และสองขาของเขาก็พาดเกยกับบ่าของเซฮุนที่ขานรับเสียงหวีดครางของเขาด้วยเสียงดูดดุนกลับมาเท่านั้น
“ฮือ..อา...อ่ะ...อื้ออ
อื๋ออ”ลู่หานทั้งกัดปากทั้งกัดหลังนิ้วด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกัน เซฮุนกำลังลิ้มรสความเป็นตัวเขาทั้งหมด
เรียนรู้กันในฐานะคนๆหนึ่งต่อคนๆหนึ่งและลู่หานก็คิดว่าเท่านั้นก็คงมากพอ
เป็นอีกครั้งที่พวกเขาไม่ได้ปิดม่านและจงใจให้มันค้างไว้ครึ่งหน้าต่างอยู่อย่างนั้น
ลู่หานได้ยินเสียงหัวเข็มขัดกระทบพื้น และน่าจะเป็นของเซฮุนที่ขยับตัวเข้าหาเขา เซฮุนใช้หน้าขาตัวเองยกสะโพกของลู่หานขึ้นจนหัวเข่าสีชมพูอ่อนแทบชิดกับแผงอก
พวกเขายินดีที่จะสัมผัสเนื้อตัวกันอย่างไม่รู้สึกแปลกแยกจนการเข้าถึงเป็นไปด้วยดี
และเซฮุนก็รวบมือของลู่หานทั้งสองข้างมาจูบพร้อมกับขยับตัวเบาๆให้ลู่หานที่ทั้งเขินและรู้สึกวาบหวามหลุดร้องออกมาแผ่วๆ
“ปวดท้องมั๊ย?”
“...”ลู่หานส่ายหน้า
“มานี่เร็ว”เอ่ยเรียกอย่างนุ่มนวลและลู่หานก็ทำตามอย่างว่าง่าย
เซฮุนรับร่างของลู่หานให้ขึ้นคร่อมตัวโดยที่เขาก็ขยับตัวลงนอนอยู่ด้านล่าง
นี่เป็นกลางวันและเป็นอีกครั้งที่เขาได้เห็นลู่หานเต็มตา
สะโพกกลมกลึงขยับควบตัวเบาๆให้คนที่นอนอยู่หลุดครางพร่าออกมา
ลู่หานที่ยังรู้สึกขัดเขินก็ค่อยๆยอมขยับตัวเหยียบกับที่นอนพร้อมกับพิงเกาะหน้าขาของเซฮุนพร้อมกับขย่มตัวขึ้นลง
เสียงครางผสานต่อกันอยู่เช่นนั้นจนลู่หานรู้สึกเสียววาบไปทั้งช่องท้อง
มันไม่ใช่ความรู้สึกแรกๆที่เป็นใครก็ได้ที่ไม่เลือก...
แต่เป็นคนที่เลือกแล้วว่าต้องเป็นคนนี้เท่านั้นที่เขาต้องการ...
“อ๊ะ..อื้ม..”จู่ๆเซฮุนก็ดึงแขนลู่หานให้ก้มลงมาหาพร้อมกับป้อนจูบลงไป
สะโพกมนขยับยกให้การสอดใส่เป็นไปได้ง่าย
รสจูบปนเสียงกระท่อนกระแท่นและลู่หานก็ฉวยหัวเตียงเอาไว้ให้อีกฝ่ายสวนตัวขึ้นพร้อมกับสัมผัสติ่งไตที่หน้าอกไปด้วย
เสียงกระทบกระทั่งดังต่อเนื่องจนสุดท้ายเซฮุนก็พลิกตัวขึ้นข้างบน
ร่างของลู่หานถดลงไปข้างล่าง ซึ่งเซฮุนเองก็ประคองท่อนขาของลู่หานไว้จนร่างเล็กๆพลิกตัวบิดตะแคง
การเข้าถึงเริ่มอีกครั้งโดยที่ลู่หานก้มหน้าครางพร้อมกับจิกขยุ้มผ้าปูที่นอนจนยับย่น
พร้อมกับดันสะโพกส่วนกลับไปจนเสียงร้องผะแผ่วดังออกมาจากโอเซฮุน
หยาดเหงื่อเย็นเฉียบนั้นตกลงกระทบเรียวขา นิ้วมือของเซฮุนตะปบจิกกับต้นขาของลู่หานอย่างไม่สามารถควบคุมได้อีก
และสุดท้ายก็เป็นเซฮุนเองที่พลิกลู่หานขึ้นนอนหงายและโถมกายลงไปทั้งตัว
โดยที่สองแขนของลู่หานก็กระหวัดโอบกอดอีกคนไว้อย่างเต็มใจ
พวกเขาต่างมีบาดแผลที่มองไม่เห็น..แต่รู้สึกได้เสมอมา...
และพวกเขาได้แต่หวังว่า...พวกเขาจะสามารถเยียวยากันและกันให้หาย...
“พ่อยังไม่รู้ใช่มั๊ยที่นายไม่ได้ขึ้นเครื่อง”
เซฮุนเขี่ยเถ้าบุหรี่กับกระป๋องเบียร์ในขณะที่พวกเขานอนอยู่ข้างกันและมีเพียงผ้าห่มผืนบางคลุมตัวพวกเขาเท่านั้น
ลู่หานนอนตะแคงตัวมองเซฮุนที่พิงหัวเตียงสูบบุหรี่ราวกับพระเอกละครหลังฉากข่มขืนก่อนจะถามกลับไปเบาๆ
“พ่อจะยอมให้ฉันอยู่ใช่มั๊ย?”
“พ่อรักนายนะ...พ่อไม่เคยเกลียดนาย...แต่ความรักของแม่ทำให้พ่อเข้าไปไม่ถึง”
“แม่ต้องโทรมาวีนพ่อแน่ๆ”
“ถ้าแบบนั้นคงเข้าทางเลขาลีแล้วล่ะ
เธอบอกว่าการที่แม่มีปากเสียงมากเท่าไหร่
การแบ่งสมบัติกับพ่อก็ยิ่งมีโอกาสได้ส่วนแบ่งน้อย”เซฮุนสูดลมผ่านไรฟันก่อนจะอัดควันกลิ่นช็อคโกแลตเข้าปอด
“เลขาลีเป็นคนดีใช่มั๊ย?”
“เธอแค่ต้องการปกป้องพ่อของพวกเรา”
“ทุกคนมีคนให้ปกป้อง”ลู่หานรำพึง ปล่อยให้อีกฝ่ายขยี้ก้นบุหรี่พร้อมกับพ่นลมหายใจที่มีแต่ควันออกมา
“นายไม่ต้องปกป้องใครทั้งนั้นแหล่ะ
แค่ทำตัวเองไม่ให้ร้องไห้ขี้มูกโป่งเวลาได้ยินชื่อหวงจื่อเทาก็พอแล้ว”
“เซฮุน”
“อะไรอีก”
“หึงเหรอ?”ลู่หานที่นอนเท้าแขนกับที่นอนเอ่ยถามประโยคที่ทำให้เซฮุนรู้สึกคอแห้งกะทันหัน
และเจ้าตัวไม่ได้ตอบอะไรนอกจากดื่มเบียร์ที่อยู่ข้างเตียงเงียบๆอยู่พักก่อนจะส่งเสียงตอบกลับ
“ทำไมต้องหึงด้วย
ตอนนายร้องไห้มันขี้เหร่ น้ำมูกน้ำตาเต็มหน้า น่าเกลียดจะตาย”
“ย่าห์
ทำไมพูดจาแบบนี้กันล่ะ”ลู่หานทุบกำปั้นลงกับต้นขาของเซฮุนเบาๆและพบว่าอีกคนกำลังหัวเราะเบาๆก่อนจะพลิกตัวเข้าลูบข้างแก้มของเขาอย่างนุ่มนวล
“ฉันคิดอะไรก็พูดไปแบบนั้น...บางทีอาจจะทำร้ายใจนายได้ง่ายๆ
แต่สัญญามั๊ยว่าถ้าไม่ชอบที่ฉันพูดต้องบอกทันที...ห้ามเก็บไปน้อยใจคนเดียว”
“อืม..ก็ได้”
“สัญญามั๊ยว่าถ้าพวกผู้หญิงเข้ามาหา
นายจะช่วยฉันไล่พวกเธอออกไป”
“นายก็ต้องปฏิเสธด้วยตัวเองด้วยล่ะ”
“แล้วสัญญามั๊ยว่าถ้ามีใครเข้าหานาย...นายต้องปฏิเสธพวกนั้น
ฉันขี้หึงมากนะ โมโหร้ายด้วย นายไม่รู้หรอกว่าตอนฉันหึงจนหน้ามืดฉันทำอะไรได้บ้าง”
“งั้นฉันจะกอดนายแน่นๆ
จะได้ใจเย็นลงนะ”
“ในอนาคต...ถ้าใครคนใดคนหนึ่งต้องแต่งงานกับผู้หญิงสักคน
หรือเราทั้งคู่... สัญญานะว่าจะไม่ลืมว่านั่นคือหน้าที่ของพวกเรา
และจะมีแค่เราสองคนอยู่ด้วยกันตอนแก่ตายเท่านั้น ไม่ใช่พวกเธอ”
“นายนี่ใจร้ายชะมัด
ก็ตามนั้นแหล่ะ”ลู่หานบ่น
“แล้วก็...ช่วงนี้อาจจะไม่ค่อยได้ไปไหน
เพราะช่วงนี้ฉันหลงนายอยู่ รออีกสองสามเดือนนะ ฉันจะปล่อยทิ้ง...”
“เอาอีกแล้วนะ! โอเซฮุน!”ลู่หานทุบตีอีกคนที่ส่งเสียงหัวเราะ
และเพิ่งค้นพบว่าอีกคนน่าจะชอบแกล้งเขาพอๆกับทำท่าถอนหายใจใส่
พวกเขารู้ว่าที่เขาทำไม่ถูก และพวกเขายินดีจะรับความไม่ถูกต้องนั้นเอาไว้ ลู่หานหรี่ตาลงเมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากที่แตะแต้มข้างแก้มของตน
ไล่ไปจนถึงใบหู เมื่อเริ่มรู้สึกจึงเอ่ยถามเซฮุนที่กดจูบข้างขมับของเขาเบาๆเช่นนั้น
“เอาอีกเหรอ...”
“ก็บอกแล้วว่าหลงอยู่”
“...”
“ถ้าหมดหลงไปแล้วก็เหลือแค่รักแล้วล่ะ”
“รักเหรอ...นั่นสินะ”ลู่หานขยับยิ้มจางๆก่อนจะยอมให้ทุกอย่างเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
พวกเขานึกถึงความทรงจำที่ลึกที่สุดในชีวิตตั้งแต่วินาทีที่เห็นหน้ากัน เล่นด้วยกัน
มองดูเสื้อผ้าที่ซื้อมาเหมือนกัน
คนหนึ่งร้องไห้เวลาที่ตัวเองได้ทรงผมไม่ดูดีเหมือนอีกคน เด็กสองคนจูงมือกันไปในสวน
ซ้อนจักรยานกันไปเรียน พวกเขากอด หอมแก้มในวัยเด็ก
และเปลี่ยนเป็นจูบและทำอะไรที่มากกว่านั้นเมื่อโตขึ้น
ทั้งพื้นฐานทางสังคมครอบครัวที่เอียงทำให้พวกเขาต่างคนต่างขาดและค้นพบว่าต่างคนต่างเป็นชิ้นส่วนเดียวที่สามารถทำให้มันเชื่อมต่อกันได้
ทั้งลู่หานที่โตขึ้นบนโลกเสมือนเทพนิยายและพบรักกับผู้ชายคนหนึ่ง
เขียนการ์ดให้อีกฝ่าย นั่งทำขนมไปให้
ได้รับความรักอย่างอ่อนหวานและจบลงอย่างโหดร้าย และเซฮุนที่โตขึ้นบนสังคมของวัยรุ่น
ได้เที่ยว ได้ดื่ม ได้ทำในสิ่งที่เด็กผู้ชายได้ทำ มองเด็กผู้หญิงร้องไห้ต่อหน้า
ตัดสายคนที่โทรเข้าไม่รู้เวลา ดื่มเหล้าให้หมดขวด สูบบุหรี่ให้หมดมวน
สัมผัสผู้หญิงสักคนปิดฉากในค่ำคืน
จนสุดท้ายก็เหลือแต่พวกเขาสองคนบนโลกที่ยังมองเห็นกัน
และยอมเดินข้ามเส้นจิตสำนึกเพื่อจะกอดกันไว้ให้แนบแน่น
มันจริงที่ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมันอยู่บนความไม่ถูกต้องและพวกเขาพอใจที่จะให้มันบิดเบี้ยวไปอย่างนั้น
ไม่เป็นไรอีกแล้ว... เขาพอใจกับความไม่สมบูรณ์แบบ
พอใจกับค่านิยมของตัวเองที่ไม่ใช่คนอื่น
เรียนรู้ที่จะรักใครสักคนแบบก้าวผ่านสิ่งที่ทุกคนพอใจ ทั้งลู่หานและเซฮุนรู้ดีว่าระหว่างพวกเขามันคือความรัก
แม้จะไม่รู้ว่าเป็นรักแบบไหนก็ตาม เป็นความสัมพันธ์ไร้ชื่อที่ลึกซึ้งกว่าความสัมพันธ์ได้ชื่อของคนอื่นๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
และพวกเขาเชื่อเสมอว่าความรู้สึกในวัยเด็กเหล่านั้นมันจะยังคงอยู่และไม่จางหายไป...
“ฉันไม่เข้าใจเลย...ทำไมลู่หานถึงเป็นแบบนี้...ฉันไม่เข้าใจจริงๆค่ะ”
หญิงวัยกลางคนคร่ำครวญลงจากเครื่องมาถึงปักกิ่งและนั่งพักสงบสติอารมณ์ที่ร้านกาแฟในสนามบิน
หล่อนที่เอาแต่ร่ำไห้มาตลอดการเดินทางจนหลับไปและตื่นมาร้องห่มร้องไห้อีกครั้งเริ่มทำให้ชายที่มาด้วยกันชักมีสีหน้ารำคาญ
แต่ก็ยังคงใจเย็นและส่งยิ้มไปให้
“ไม่เป็นไรนะครับ เขาคงไม่เข้าใจเหตุผลของเรา
เดี๋ยวคุณพักผ่อนสักหน่อยแล้วพวกเราค่อยติดต่อไป”
“แต่ว่าฉัน..”หล่อนยังสะอื้นฮักจนเด็กหนุ่มที่มาด้วยกันกลอกตา
ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นบอกกับผู้เป็นพ่อเบาๆ
“ผมไปโรงพยาบาลก่อนนะครับ”
“อี้ฟาน...”ผู้เป็นบิดาส่งสายตาปราม แต่เจ้าตัวก็ไม่ยี่หระ
เขาหยิบบางอย่างที่ลู่หานส่งให้เขาตั้งแต่อยู่บนรถขามาถึงสนามบินพร้อมกับกำชับว่าให้มารดาของตนเมื่อถึงปักกิ่งแล้ว
และหน้าที่เขาก็แค่ทำมันให้ลุล่วง
“คุณน้าครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“จ..จ้ะ..”
“แล้วก็...ลู่หานฝากนี่ไว้กับผมน่ะครับ
บอกให้เอาให้คุณน้าเมื่อถึงปักกิ่งแล้ว”อี้ฟานส่งจดหมายซึ่งเป็นกระดาษโน้ตที่ถูกพับครึ่งให้
และเขาก็ไม่ได้อ่านเพราะรู้สึกว่าไม่จำเป็น อี้ฟานทำความเคารพคนทั้งคู่ตามหน้าที่ก่อนจะเดินออกมาอย่างโล่งใจ
อย่างน้อยเขาก็จะได้ไปหาคนที่เขาอยากพบเจอเสียที
ฟากคนทั้งคู่ที่นั่งมองแผ่นกระดาษที่อี้ฟานส่งให้ก็เงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะสูดลมหายใจสั้นๆและเอานิ้วป้ายหยาดน้ำตาออกจากดวงตาของตนพร้อมกับเปิดจดหมายอ่าน
และเนื้อความนั้นก็ทำให้ทุกอย่างนิ่งเงียบไปสำหรับเธอ
เธอปล่อยเวลาที่เหลือของวันอยู่กับเนื้อความในใจของลูกชายที่เธอเลี้ยงมายี่สิบปีคนนั้น...
‘ แม่ครับ...
ผมขอโทษที่ผมต้องทำแบบนี้...
การที่ผมไม่ได้ไปกับแม่ไม่ได้แปลว่าผมเลือกพ่อ
ผมแค่อยากเลือกทางอื่นที่เป็นทางของผมเอง ผมรู้ว่าแม่รักผม...
แต่บางครั้งความรักของแม่ก็ขังผมเอาไว้จนผมไปไหนไม่ได้
แม่อาจจะรู้ทุกอย่าง..แต่แม่ไม่มีทางรู้สิ่งที่อยู่ในใจผมลับหลังแม่แน่นอน
แม่ไม่รู้ความเจ็บปวดของผมเวลาที่มองแม่พูดถึงพ่อหรือเซฮุนลับหลัง
แม่ไม่รู้ความทรมานของผมเวลาเห็นแม่ทำร้ายเซฮุน
ผมอ่อนแอและปกป้องใครไม่ได้เลย...นั่นคือเรื่องที่ผมรู้สึกเศร้า
และนั่นคือเหตุผลที่ผมเลือกที่จะไม่อยู่กับใครทั้งนั้นเพื่อรักษาเซฮุนไว้
พวกเรากำลังทำผิดครับ...ผมรู้...แม่รู้
พ่อรู้...ทุกคนที่รู้เรื่องระหว่างพวกเราก็รู้ว่านี่มันไม่ใช่เรื่องถูกต้องอะไรเลยด้วยซ้ำ...
ผมไม่รู้ว่าผมจะเจอเซฮุนที่ห้องมั๊ย? ผมไม่รู้จะพูดยังไงให้เขายอมอยู่กับผม
แม่ไม่ได้ทิ้งผม ผมไม่ได้ทิ้งแม่ แต่ความเป็นจริงทิ้งพวกเรา
ผมหวังว่าเรื่องระหว่างพ่อแม่จะจบลงด้วยดี และผมขอร้องว่าอย่าติดต่อ
อย่าตามหาพวกเรา อย่าพบเจอทักทายพวกเราอีก เพราะสิ่งเหล่านั้นเราจะทำเมื่อพวกเราพร้อม
แม่สามารถว่าผมอกตัญญูได้ แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่แม่ทำกับเซฮุน
ผมคิดว่านี่มันถูกต้องแล้วที่พวกเราควรจะเป็นแบบนั้น...
สุดท้ายนี้
ผมก็หวังว่าแม่จะมีความสุขกับคนที่แม่รัก
หวังว่าแม่จะไม่เจ็บปวดกับอะไรเล็กๆน้อยๆอีก ส่วนตัวผมเชื่อว่าสักวัน...ผมจะกุมมือเซฮุนได้แน่นมากขึ้นต่อหน้าแม่ได้
และยอมรับกับทุกคนว่าอ้อมกอดของเขาปลอดภัยที่สุดเช่นกัน
ยังรักและเคารพแม่เสมอ
ลู่หานของแม่’
******
เพื่อรักษาเซฮุนไว้ โอ้ยยยยฟิน คิดถึงฮุนฮานนน อะงื้อออออ
ตอบลบ