Title : Baby and The Bear 5/5
Author : RUNAWAY05
Couple : SEHUN x LUHAN
Note : ปิดตำนานบักหมีว์...
*********************************************
แสงแดดอ่อนๆส่องเข้ามาในห้องนอนของชายคนหนึ่งในช่วงใกล้หมดเช้ามืด
บนเตียงนั้นปรากฏร่างของคนสองคนนอนกอดก่ายกันอยู่โดยไม่ได้สวมเสื้อผ้าสักชิ้น
จนกระทั่งเซฮุนรู้สึกตัวตื่นขึ้นก่อน เขาลุกขึ้นพิจารณาลู่หานซึ่งกำลังนอนหลับ
ผิวเนื้อนวลมีจ้ำแดงประปราย เจ้าตัวหลับปุ๋ยราวกับนางฟ้าตัวน้อยที่ขดซุกกับผ้าห่ม
จงทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปหอมแก้มนุ่มๆอย่างบางเบาพร้อมกับความรู้สึกเสียดายที่จะไมได้อยู่ด้วยกันอีก
เพราะเขาต้องปล่อยให้อีกคนกลับบ้านเพราะวันนี้แม่ของลู่หานก็จะกลับมาจากต่างจังหวัด
เซฮุนแปลกใจตัวเองเล็กน้อยว่าเซ็กซ์เมื่อคืนมันดีมากและเขาไม่มีความรู้สึกใคร่กระหายใดใด
เขารู้สึกเหมือนว่าเขากำลังเติมเต็มความรักลงไปมากกว่าเก็บเกี่ยวหนทางสำเร็จความใคร่
เด็กคนนี้น่ากลัวเหลือเกิน...เขายอมรับในใจ
ลู่หานรักษาสิ่งที่ติดอยู่ในใจของเขาได้อย่างน่าประหลาด และเขาก็รู้สึกดีทีได้รับความรักเหล่านั้น
แม้จะไม่ได้พูดคำว่ารักต่อกันแม้แต่น้อย
“อรุณสวัสดิ์ครับ”ลู่หานป้องปากหาวพร้อมกับค่อยๆเดินหน้าง่วงออกมาอย่างน่ารักน่าชังหลังจากอาบน้ำและใส่ชุดนักเรียนที่เซฮุนรีดเตรียมไว้ให้
เด็กน้อยนั่งกัดไส้กรอกกับนมสดและขนมปังแผ่นก่อนที่ชายหนุ่มจะถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“เจ็บอยู่มั๊ยครับ?”
“เจ็บฮะ...แต่ผมไปเรียนได้”
“ทานยาด้วยนะครับ”เซฮุนส่งยาแก้อักเสบให้ลู่หานที่พยักหน้าให้
“ถ้าไม่ไหวให้เพื่อนมาบอกนะ หรือไปพักห้องพยาบาล เดี๋ยวจะไปหา”
“ได้ครับ”
เมื่อทานมื้อเช้าเรียบร้อยและขับรถมาถึงโรงเรียนเซฮุนกับลู่หานก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ตามปกติ
แม้ว่าเด็กชายจะเจ็บขัดอยู่บ้างแต่ก็ยืนยันว่าตัวเองมาเรียนไหวอยู่
ทั้งคู่ต่างแยกย้ายที่ของตนเอง โดยเซฮุนก็สอนเด็กชั้นอื่นๆในช่วงเช้าจนเรียบร้อยกลับมาที่ห้องพักเพื่อเตรียมไปสอนห้องของลู่หาน
ทว่าเขากลับรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น
“คุณครูเซฮุนคะ
ผู้อำนวยการให้มาเชิญไปพบท่านที่ห้องค่ะ”คุณครูสาวอีกคนเดินมาทัก
ทำให้ชายหนุ่มแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมไปที่ห้องของผู้อำนวยการโดยดี
ทันทีที่เขาเข้ามาดวงตาของเซฮุนก็หรี่ลงเมื่อพบใครที่นั่งอยู่กับผู้อำนวยการโรงเรียน
“พี่จุนมยอน...”
“เห็นมั๊ยล่ะครับ
ผมบอกแล้วว่าผู้ชายคนนี้รู้จักผม”ชายร่างเล็กยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “โอเซฮุนคนโรคจิต”
“ใจเย็นๆก่อนนะครับคุณคิมจุนมยอน
ที่ผมเชิญเขามาเพราะอยากให้คุณพูดคุยทำความเข้าใจก่อน
เพราะคุณครูเซฮุนเป็นที่รักของนักเรียน ประพฤติตัวดีมาตลอด
ผมจึงจำเป็นต้องเรียกคุณครูเซฮุนมาเพื่อรับฟังความเห็นของทั้งสองฝ่ายครับ”อีซูมานผู้อำนวยการโรงเรียนออกปาก
“มันก็ชัดแล้วนี่ครับว่าผู้ชายคนนี้รู้จักผม”จุนมยอนลุกขึ้นเดินรอบเซฮุนที่ยืนนิ่ง
“และเขาก็เป็นโรคคลั่งเด็ก สูดดมกลิ่นเด็กๆ
ผู้อำนวยการจะเอาผู้ชายคนนี้มาไว้สอนนักเรียนจริงๆเหรอครับ?”
“...”
“ผมว่าใจเย็นๆก่อนนะครับ...”
“ไม่เย็นหรอกครับ..เพราะผมมีหลักฐานใหม่ว่านายคนนี้คิดจะเคลมลูกศิษย์ตัวเอง”จุนมยอนดึงภาพของออกมากระเป๋าด้านในโค้ท
ซึ่งเป็นซองสีน้ำตาลด้านในบรรจุภาพระหว่างลู่หานกับโอเซฮุนตามที่ต่างๆ
เซฮุนขมวดคิ้วเล็กน้อยโดยที่ผู้อำนวยการอีซูมานก็มองภาพเหล่านั้นก่อนจะเงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างไม่อยากเชื่อ
“อ้อ....แล้วเรื่องนี้ผมติดต่อผู้ปกครองของเด็กแล้วด้วย
อีกไม่นานก็คงมาแล้วล่ะ”
ฟากลู่หานที่นั่งอยู่ในห้องพร้อมเด็กๆคนอื่นที่รอเรียนกับทีชเชอร์คนโปรดก็เฝ้าชะเง้อคอยแล้วคอยเล่า
คุณครูในดวงใจก็ไม่มาเสียที จนกระทั่งเด็กคนหนึ่งที่เป็นหน่วยสอดแนมของห้องก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมาท่ามกลางสีหน้าตื่นตระหนกของคนในห้อง
“เฮ้ ทีชเชอร์มารึยัง”
“ทะ..ทีชเชอร์โดนเรียกไปห้องผอ.แหล่ะ”เพื่อคนนั้นกล่าวทำเอาเด็กๆทั้งห้องมองหน้ากันอย่างโกลาหล
“ทำไมต้องไปห้องผอ.ด้วยล่ะ”
“นั่นสิ
ไปทำไมนะ”ทุกคนคุยกันเซ็งแซ่จนเด็กคนเดิมก็เอ่ยพูดข้อมูลที่ตนได้รับมาอีกครั้ง
“เห็นคุณครูที่ธุรการคุยกันบอกว่า
มีผู้ชายคนนึงบอกว่าซอนแซงนิมเป็นโรค”ลู่หานเบิกตามองทันทีท่ามกลางสีหน้าตกตะลึงของเด็กๆทุกคน
เด็กชายขยับแว่นก่อนจะนึกถึงเบอร์โทรที่พอจำลางๆได้ก่อนจะเห็นโดคยองซูกำลังนั่งเล่นมือถือฆ่าเวลาประสาเด็กเรียนที่ไม่สนบรรยากาศห้องนอกจากนั่งรอทีชเชอร์ที่รักอย่างอดทน
ลู่หานไม่รอช้ารีบเข้าไปหาคยองซูพร้อมกับเอ่ยปากทันที
“นี่ เรายืมมือถือหน่อยสิ”
“อะไรน่ะนายแว่น เราไม่ให้หรอกนะ!!”
“ลู่หานจะโทรหาใครเหรอ ยืมของเราก็ได้นะ”เสียงซึลกิดังขึ้นพร้อมกับโทรศัพท์สีชมพูของเจ้าตัวยื่นให้โดยลู่หานก็รีบรับมาท่ามกลางสายตาไม่พอใจของคยองซู
ลู่หานรีบพรมนิ้วลงไปก่อนกรอกน้ำเสียงอย่างเร่งรีบ
“คุณหมอจงแดครับ
มาที่นี่หน่อยได้มั๊ยครับ...ซอนแซงนิม...เซฮุนเค้ากำลังโดนแกล้ง! เร็วๆนะครับ”เขากดวางก่อนจะยื่นมือถือคืนซึลกิพร้อมกับวิ่งออกไปทันทีท่ามกลางสายตางุนงงเพราะลู่หานเอ่ยชื่อของทีชเชอร์อย่างเต็มปากเต็มคำ
ร่างน้อยสาวเท้าลงจากอาคารก่อนจะพบใครคนหนึ่งที่ทางเดินซึ่งทำเอาหัวใจของลู่หานแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
“ที่ห้องผู้อำนวยการใช่มั๊ยคะ
อ่อได้สิคะ...ลู่หานลูก..พาแม่ไปที่ห้องผู้อำนวยการหน่อยซิจ๊ะ”
“ครับ เข้าใจแล้ว จะรีบไปเดี๋ยวนี้”
จงแดรับสายก่อนจะรีบวิ่งออกมาจากห้องพร้อมกับต่อสายหาคนอีกคนจนเรียบร้อย
แต่ก็ชะงักเมื่อคนไข้พิเศษทั้งสี่ดันโผล่มาพร้อมกัน
จงแดขมวดคิ้วพร้อมกับเอ่ยถามแต่ละคนที่สภาพไม่ปกตินัก “มีอะไรกันครับเนี่ย”
“คือก็มีปัญหานิดหน่อยครับเลยว่าจะมาปรึกษา...”
“คือตอนนี้หมอยังไม่ว่างครับ มีเคสนอกสถานที่ ยังไงช่วยเฝ้าคลินิกให้ก่อนนะครับ
ใครมาบอกว่าหมอไม่อยู่ แบคฮยอน! ฝากคลินิกด้วยนะ!”จงแดตะโกนบอกเภสัชหุ้นส่วนที่เงยหน้าจากเกมมือถือ
“เฮ้ยไปไหน”
“ไอ้หมีซวยแล้ว ฉันต้องไปช่วยมันก่อน
การ์ดนางฟ้าทำงานแล้ว”
“เออๆไปเลยเดี๋ยวฉันเฝ้าเอง”
“ฉันให้คนไข้ของเราอยู่เป็นเพื่อนนายนะ
ไปล่ะ”จงแดว่าก่อนรุดหน้าออกไปทิ้งให้แบคฮยอนยืนมองผู้ชายขอบตาคล้ำๆที่มองหน้าเขาแวบหนึ่งแล้วรีบหลบตา
ผู้ชายคนหนึ่งในชุดพริ้ตตีเคียว ผู้ชายคนหนึ่งสีหน้ายัวะๆเป็นนิจเคียงข้างกับอีกคนที่กำลังมีความสุขกับการแกะแผลคิ้วแตกของตนเอง
ทุกอย่างเงียบงันอยู่อย่างนั้นและก็เป็นแบคฮยอนที่ทำลายความเงียบด้วยคำพูดอุทานกับตนเองอย่างนุ่มนวล
“ชิบหายเอ๊ย...”
ทางด้านลู่หานที่ทำสีหน้าไม่ถูกเมื่อมารดาปรากฏตัวขึ้น
ดวงตากลมโตใต้แว่นหนาๆนั้นเหลือบมองมารดาเป็นระยะระหว่างที่กำลังไปยังห้องของผู้อำนวยการ
โดยที่คุณแม่ก็กล่าวต่อไปเรื่อยๆ
“แม่ก็นึกว่าหนูเป็นอะไรซะอีกถึงได้โทรให้แม่มาหา
แม่วางกระเป๋าลงบ้านไม่ถึงห้านาทีเลย มีเรื่องอะไรรึเปล่าจ๊ะ
หรือว่าโรคจิตนั่นมาทำอะไรอีก”
“ผมไม่รู้เหมือนกันครับ”ลู่หานตอบเบา
“แล้วคุณครูดูแลหนูดีรึเปล่าลูก”
“ดีมากเลยครับ”
“อย่างนี้แม่ก็วางใจได้ซะที”เธอว่า
ก่อนที่ลู่หานจะกลั้นใจเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไป โดยสิ่งที่ลู่หานคิดไว้ก็ถูกต้อง
เซฮุนกำลังอยู่กับคนใจร้ายและผู้อำนวยการ
โดยสายตาของคนๆนั้นที่มองมาทำให้ลู่หานหรี่ตาลงเล็กน้อยเพราะไม่ชอบใจ
ก่อนจะมองเซฮุนที่มีสีหน้าอึดอัดและค่อนข้างสั่นในแววตานั้น
โดนแกล้งอยู่แน่เลยๆ..
“ไม่นึกเลยนะครับ
ว่าผู้เสียหายกับผู้ปกครองจะมาพร้อมกัน ทีนี้ก็จะได้ทำอะไรได้ง่ายมากขึ้น”จุนมยอนว่า
“เชิญคุณนั่งก่อนนะครับ แล้วผมจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียด”
“คุณเหรอคะที่โทรไปหาฉันเมื่อเช้านี้”
“ใช่ครับ..ผมเอง
ผมแค่อยากจะบอกว่าคุณคิดผิดแล้วที่พาลูกชายไปฝากไว้กับผู้ชายคนนี้
หมอนี่น่ะเป็นโรคจิต เป็นโรคคลั่งเด็ก ชอบสูดกลิ่นแล้วก็ทำอนาจารเด็ก
ถามลูกชายคุณดูสิครับว่าถูกหมอนี่หลอกทำอนาจารอะไรรึเปล่า”
“ลู่หาน...”ผู้เป็นแม่หันมองลูกชายที่เม้มปากแน่น
ก่อนที่เจ้าตัวจะกล่าวนิ่งๆอย่างเด็ดเดี่ยว
“ไม่ครับ..เขาไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น”
“จริงเหรอ?”จุนมยอนหรี่ตาพลันสังเกตเห็นบางอย่างก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ
“ขอโทษนะ”
“!?”ลู่หานก้มมองทันทีเมื่อจุนมยอนเปิดปกเสื้อตนเองออกพบกับรอยจูบที่ต้นคอ
ลู่หานเม้มปากแน่นพร้อมกับอีกฝ่ายที่หัวเราะอย่างขำขัน
“นายจะบอกเหรอว่านายเต็มใจกับเรื่องที่เกิด”
“...”
“ถึงตัวนายจะสมยอม
แต่ในทางกฎหมายมันเป็นไปไม่ได้หรอก”อีกฝ่ายหรี่ตา “แต่เป็นเด็กแท้ๆสมยอมให้คุณครูนี่มันก็ค่อนข้างจะหาทางลัดไปหน่อยนะ”
“พี่จุนมยอนอย่าว่าลู่หานเลยครับ
ทั้งหมดมันเป็นความต้องการของผมเอง”เซฮุนโพล่งขึ้น “ลู่หานไม่ผิด...อย่ากล่าวหาเขาแบบนั้น”
“โอ้...ปกป้องใครเป็นด้วยเหรอ?
แล้วตอนที่มินซอกขอให้นายช่วยทำไมนายถึงไม่ช่วยล่ะ?”
“!!”
“ว่าไง?”
“...ถ้าผมในตอนนี้ผมปกป้องแน่นอนครับ
แต่ผมตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกัน คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้นะครับ
ผมก็ไม่ได้อยู่ในจุดเดิมแบบนั้นเหมือนกัน”
“เปลี่ยนยังไง?
เปลี่ยนจากคนที่พาเพื่อนไปให้คนอื่นทำร้ายเป็นไอ้โรคจิตคิดไม่ดีไม่ร้ายกับเด็กเหรอ?
ดูสิครับผู้อำนวยการว่าหมอนี่มันภัยสังคมขนาดไหน”
“คุณเลิกทำตัวมีปัญหาซะทีเถอะครับ!”ลู่หานเถียงขึ้นมาบ้าง
“คุณไม่รู้หรอกว่าเซ...ซอนแซงนิมผ่านอะไรมาก่อนจะมาสอนที่นี่
มันไม่เข้าท่าเลยที่คุณจะไปเที่ยวทำลายโอกาสของเขาจนเขามาที่นี่และคุณก็จะทำลายมันไปอีก”
“นายมันไม่รู้อะไรมากพอที่จะขึ้นเสียงกับฉันหรอกนะ! อยากให้รู้ไว้!!”
“คุณมันคนใจร้าย!!”
“ลู่หานไม่เอาลูก”มารดารีบเข้าปลอบโดยที่เซฮุนทำอะไรไม่ได้เลย
เขาไม่สามารถปกป้องลู่หานได้แม้แต่คำพูด
เขาเกลียดตัวเองและสงสัยเหลือเกินว่าทำไมเขาถึงได้อ่อนแอมากแบบนี้...
ทำไมถึงทำอะไรไม่ได้...
“เอาอย่างนี้มั๊ยล่ะ
เรื่องอนาจารเด็กเนี่ย...ลองคุยกับตำรวจดูมั๊ยถึงจะเคลียร์?”
“คุณ!”ลู่หานอ้าปากจะเถียงอีกครั้ง
แต่ประตูห้องก็เปิดออกก่อนพร้อมกับร่างของคิมจงแดและใครคนหนึ่งซึ่งทำให้เซฮุนเบิกตากว้าง
“พอซักทีเถอะครับ!”
“มินซอก...”
“ขอโทษนะเซฮุน..แต่ฉันว่าฉันต้องพูดมันสักที”ชายรูปร่างเล็กใบหน้าหวานน่ารักราวกับเด็กน้อยแต่สวมชุดเหมือนพนักงานออฟฟิศที่จ้องเขม็งไปหาจุนมยอนที่กัดฟันแน่น
“ใครบอกให้นายออกมาเจอหมอนี่”
“ผมต้องเจอครับ ไม่อย่างนั้นอาก็จะรังควานเขาไปเรื่อยๆ
ซึ่งผมไม่ต้องการเลย”
“นี่มัน..อะไรกัน”เซฮุนครางเบาพร้อมกับจงแดที่หลับตาถอนใจก่อนจะกล่าวขึ้น
“จริงๆแล้ว คุณคิมมินซอกเป็นคนรักของผมเองครับ
เขาให้ผมไปรักษาคุณโดยการแนะนำคลินิกของผมกับแม่ของคุณ เขาเล่าอาการของคุณทั้งหมดและต้นตอสาเหตุ
ซึ่งมันก็ตรงกับที่คุณเล่าเหมือนกัน
ผมจึงตัดสินใจรักษาคุณอย่างไม่ให้ยาที่เป็นยาสำหรับรักษาอาการ
เพราะมันเป็นเรื่องของสภาพจิตใจ ขอโทษที่ผมต้องทำแบบนี้
แต่ผมแค่อยากสานเจตนาของมินซอกที่อยากให้คุณหายดีขึ้นในสักวัน”
“เดี๋ยวนะครับ..แล้วสรุปคุณครูเซฮุน...”ผู้อำนวยการกล่าวขึ้นอย่างงุนงง
“ครับ...เขาเป็นเพดโดฟิเลียหรืออาการชื่นชอบเด็ก
แต่อยู่ในขั้นของการรักษาเรียบร้อยจนปกติดี
การรู้สึกรักใคร่เด็กไม่จำเป็นต้องเป็นเชิงชู้สาวเสมอไป
หากรู้วิธีรักษาและทำความเข้าใจอาการของเขาให้ถูกต้อง
บุคคลที่มีอาการนี้สามารถทำประโยชน์เกี่ยวกับเด็ก
เอื้อเฟื้อต่อเด็กได้มากกว่าคนธรรมดาทั่วไปนะครับ”จงแดอธิบาย
“แล้วที่คุณคิมพูดถึงดมกลิ่น...”
“ครับ? ผู้อำนวยการชอบกลิ่นหอมมั๊ยครับ?
นั่นแหล่ะครับ มันแค่รสนิยมและการดำเนินชีวิต
คุณโอสอนที่นี่มาก็เป็นปีไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แปลว่าคุณโอเองก็มีเครดิตการสอนอยู่พอสมควรนะครับ
ผู้อำนวยการเลือกที่จะเชื่อคนนอกมากกว่าบุคลากรในองค์กรตัวเองมันก็ค่อนข้างจะใจร้ายไปหน่อยนะครับ”จิตแพทย์หนุ่มใช้คำพูดเชิงจิตวิทยากับผู้อำนวยการอีซูมานที่เริ่มเหงื่อตก
ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ
“ไม่ครับ..ผมไม่ได้ปักใจว่าคุณครูเซฮุนเป็นแบบนั้นนะครับ
ผมแค่เรียกตัวมาเพื่อสอบถาม...”
“ผมเป็นคุณหมอเจ้าของไข้ของเขาครับ และสามารถยืนยันได้ว่าคุณโอเซฮุนสามารถสอนอยู่ในโรงเรียนนี้ได้ตามปกติ
และฟีดแบ็คที่ผมทราบมา เขาก็เป็นที่รักของนักเรียนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ...
ไม่ว่าใครที่เคยทำผิดก็ต้องการโอกาสกันทั้งนั้น”จงแดผินหน้าไปหาจุนมยอนที่กำหมัดก่อนจะส่งเสียงออกมาอีก
“แล้วเรื่องของเด็กคนนี้ล่ะ!! ความสัมพันธ์เชิงชู้สาวของสองคนนี้น่ะ
มันเกิดจากโรคประหลาดนั่นไม่ใช่รึไง!”
“คุณคะ”แม่ของลู่หานเอ่ยเสียงเรียบๆ
“เท่าที่ฉันฟังคุณหมอ..มันไม่ใช่โรคประหลาดนะคะ คุณครูแค่มีรสนิยมที่แตกต่างจากคนอื่น
แตกต่างไมได้แปลว่าประหลาดนะคะคุณ การที่คุณยิ่งพูดคุณก็จะยิ่งแย่เองนะคะ
เพราะมันแปลว่าคุณกดขี่และไม่ให้โอกาสคนอื่น สรุปคุณโทรหาฉันและมาที่นี่
เพื่อที่จะมาพูดถึงรสนิยมของคุณครูเซฮุนเหรอคะ?”
“...”
“เรื่องที่ไปนอนด้วยกันฉันเป็นคนฝากฝังไว้เอง คุณครูเซฮุนเคยไปนอนบ้านเรามาแล้วค่ะ
และฉันก็ชอบคุณครูเอามากๆด้วย ฉันเองก็เพิ่งรู้เรื่องของลูกชายฉันและคุณครูด้วยเหมือนกัน
หากเป็นอย่างนั้นจริงดิฉันก็ยินดีนะคะ เพราะถึงลูกชายฉันยังเด็ก
แต่แกก็มีความคิดพอ และแยกแยะอะไรเป็นค่ะ การที่เขายังเด็ก ไม่ได้แปลว่าเขาจะโง่
เขาจะไม่รู้เรื่องหรือต้องทนฟังคำพูดดูถูกจากผู้ใหญ่ได้หรอกนะคะ และที่เด็กเขาไม่ได้โต้ตอบ
เพราะจิตสำนึกของเขาถูกสอนไม่ให้เถียงผู้ใหญ่
แต่มันไม่ได้แปลว่าผู้ใหญ่จะพูดจาเอาแต่ใจกับเด็กยังไงก็ได้ไม่ใช่เหรอคะ”
“แม่ครับ...”ลู่หานเอ่ยเรียกแม่ของตนเบาๆ
ส่วนมินซอกก็เดินมาจับมือจุนมยอนที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่
“ไม่ต้องสู้เพื่อผมแล้วนะครับ
พอเถอะ...ปล่อยวางกันเถอะครับ เราจะได้มีความสุขกันสักที”
“...”
“เซฮุนเขารู้สึกผิดแล้วล่ะครับ
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีอาการแบบนี้ ผมเองก็ไมได้เสียหายอะไรจากตอนนั้นเลย ...นะครับ...”
“ฮึ่ม..”จุนมยอนถอนใจในที่สุด
“ฉันจะรอดูว่านายจะดูแลเด็กแว่นนี่ไปได้นานแค่ไหน ครั้งนี้ฉันจะปล่อยนายไป
แต่ถ้านายทิ้งขว้างเด็กนี่ล่ะก็ ฉันก็จะตามล้างตามผลาญนายไปทุกที่นั่นแหล่ะ”
“...”
“ส่วนเรื่องวันนี้
ขอโทษผู้อำนวยการกับคุณน้าด้วยนะครับที่รบกวน”
“อ่า..เข้าใจกันได้ก็ดีแล้วครับ
ผมเองก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องอดีตอะไรของคุณครูเซฮุน แค่ตอนนี้เขาเป็นครูที่ดีมากๆ
ผมก็พอใจมากแล้ว ส่วนเรื่องคุณครูกับลูกศิษย์ หากผู้ปกครองอนุญาตผมก็ไม่ก้าวก่าย
เพราะผมเชื่อว่าคุณครูเซฮุนจะสามารถควบคุมพฤติกรรมกันและกันได้ดี”
“ผมดีใจนะครับที่คุณโอได้ทำงานกับคนใจกว้างอย่างคุณ”จงแดว่า
โดยที่เซฮุนที่รู้เรื่องราวทั้งหมดทีหลังก็ขอบคุณทั้งหมอจงแดและเปิดใจคุยกับมินซอกเป็นครั้งแรกหลังไม่เจอกันหลายปี
ทุกอย่างคลี่คลายและลงตัวด้วยดีโดยที่ลู่หานก็กอดแม่ของตัวเองที่ลูบหลังเบาๆ
“ไม่เอานะลูก..ไม่เป็นไร...หนูรักใครแม่ก็รักนะ”
“ผมเป็นเด็กไม่ดีรึเปล่าครับ...”
“หนูดีที่สุดสำหรับแม่แล้วจ้ะ”เธอกอดรัดลูกชายของตนอย่างอ่อนโยนพร้อมกับลูบข้างแก้มเบาๆ
“แม่เชื่อในการตัดสินใจของหนูนะ”
“ขอบคุณครับ”ลู่หานยิ้มรับก่อนจะหันไปขอบคุณผู้อำนวยการก่อนจะออกจากห้องไป
ลู่หานไม่ได้คุยอะไรกับเซฮุนอีกตลอดทั้งวัน
เขาปล่อยให้เซฮุนได้คุยกับเพื่อนเก่าที่สนิทสนมและเฝ้ามองท่าทางโล่งใจไม่ตื่นกลัวของโอเซฮุนคนนั้น
เขาคิดว่าเขาโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดี มีแม่ที่เข้าใจและพ่อที่ใจดี
เขาถึงได้ทำเรื่องที่ทำให้ใจของเขามีความสุขที่สุดอย่างที่ไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถทำได้
โลกที่ยืนอยู่ สิ่งที่ชอบ
อะไรที่เป็นเราสามารถเลือกมันได้...
ทุกอย่างอยู่ที่หัวใจของตัวเอง...
“อ๋า..น่ารักจังเลย ทำไมแก้มน่าบีบแบบนี้
อยากแกล้งให้ร้องไห้เลย...”
ปาร์คชานยอลพร่ำพูดออกมาเหมือนไม่สามารถเก็บความซาดิสม์ในตัวเองได้
ในขณะที่พวกเขากำลังจ้องสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆตากลมๆและแว่นหนาๆที่นั่งกอดกระเป๋าเป้เรียนที่ห้อยพวงกุญแจลูกกวางที่คลินิกของหมอจงแด
หลังจากที่แม่ของลู่หานได้ขอฝากฝังลูกชายไว้กับคุณครูอีกครั้ง ความจริงเธออยากอยู่ดูแลสามีต่ออีกสักหน่อย
แต่จำต้องกลับมาเพราะเป็นห่วงลูกชายและไม่อยากรบกวน
แต่พอได้พูดคุยถึงอาการและการใช้ชีวิตของเซฮุนเธอก็วางใจมากยิ่งขึ้น
และลู่หานก็รบเร้าให้เซฮุนพามาที่คลินิกอย่างเสียไม่ได้...
“นี่ครับ”อู๋อี้ฟานยื่นไม้บรรทัดเหล็กให้ลู่หานที่ทำหน้างง
“ช่วยฟาดก้นพี่ทีครับ เอาแบบสุดแรงเลยนะ กางเกงขาดได้ยิ่งดี พี่ชอบ”
“ถ้าใส่ชุดเซเลอร์มูนน้อยต้องน่ารักมากแน่ๆ
สนใจมั๊ยครับ”
“เฮ้ยๆคุณคนไข้เก็บอาการกันหน่อยสิครับ”แบคฮยอนเดินมาพร้อมกับกดเครื่องดื่มมาให้ลู่หานซึ่งรับมาพลางกล่าวขอบคุณ
โดยที่ดวงตากลมโตก็หันไปมองชายอีกคนที่แอบดูเขาอยู่หลังเสามาเกือบชั่วโมง
“เซฮุนคงต้องคุยกับหมอจงแดหลายเรื่อง
ฉันเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าที่เซฮุนมารักษาที่นี่มีจุดประสงค์”
“ครับ...”เด็กชายรับคำเบาๆโดยที่ดวงตาคมด้วยอายไลเนอร์ก็ปัดมอง
“ฉันล่ะไม่แปลกใจเลยที่เซฮุนมันอาการกำเริบ นายเป็นพวกเซ็กซ์แอพพีลสูงมาก
ระดับความน่าดึงดูดอยู่ในเกณฑ์สูงเลยนะ ไม่มีคนในห้องมาสารภาพรักเหรอ”
“ไม่มีฮะ”
“มีหรือไม่รู้?”แบคฮยอนถาม “ก็นะ
พวกเด็กๆไม่รู้จักหรอก อาจจะดึงดูดพวกที่โตกว่า น่าทะนุถนอม น่าปกป้อง แนวๆนี้”
“มันคืออะไรเหรอครับ”
“แรงดึงดูดเพศตรงข้ามหรือเพศตรงกันน่ะ
เป็นคนที่มีฟีโรโมน สามารถกระตุ้นความรู้สึกรักใคร่ชอบพอ หรือกระตุ้นความอยากสืบพันธุ์ด้วย”แบคฮยอนเหล่ตามองคนไข้พิเศษอีกสามคนที่นั่งมองตาเยิ้มรวมทั้งหลบหลังเสาอีกหนึ่ง
“ผมแค่เด็กแว่น ไม่มีใครมาสนใจหรอกครับ”
“มีสิครับ...ที่ทำงานพี่ชอบพูดตลอดว่าหนุ่มแว่นสุดยอดดด”อี้ฟานส่งเสียงก่อนจะหน้าคว่ำเพราะโดนลูกตบจังๆของปาร์คชานยอล
“อย่างน้อยเซฮุนก็สนใจนายนะ
หมอนั่นน่ะ...น่ารักใช่มั๊ยล่ะ”
“ครับ...”ลู่หานพยักหน้าก่อนจะส่งยิ้มให้แบคฮยอน
“เท่ด้วย ใจดี แล้วก็ดีมากๆเลยครับ”
“...นายนี่มันตัวอันตรายชัดๆ”แบคฮยอนหันหน้าแดงๆออกไปพร้อมกับลู่หานที่เอียงคอมองเมื่อคุณหมอทำท่าแปลกๆ
ก่อนที่เซฮุนจะเปิดประตูห้องออกมา
“ทำอะไรกันน่ะครับ”
แบคฮยอนนั่งไขว่ห้างมองอยู่ที่เก่าในขณะที่คนอื่นรีบวิ่งไปนั่งเป็นระเบียบอยู่กับที่
โดยที่จงแดก็ค้อมศีรษะให้กับลู่หานเล็กน้อยพลันเอ่ยเรียก “พวกคุณทั้งสี่ครับ
มาพร้อมกันเลยก็ได้ครับ”
“ได้เลยครับหมอ”ทั้งสี่คนลุกขึ้นตามหมอจงแดไปด้านในแต่ไม่วายก็ยังหันมามองลู่หานตาละห้อย
ซึ่งเด็กชายก็ลุกขึ้นเดินตามเซฮุนไปที่รถโดยแบคฮยอนก็ออกมาส่ง
“ต่อจากนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วนะ”
“ไม่มีแล้วล่ะครับ ผมหวังว่ามันจะโอเค”
“โชคดีแล้วกัน ว่างๆก็แวะมาเล่นบ้างล่ะ”แบคฮยอนกล่าว
โดยที่ทั้งคู่ก็พยักหน้าพลางเอ่ยขอบคุณก่อนจะขึ้นรถไป
แบคฮยอนยิ้มส่งก่อนจะริบรอยยิ้มเมื่อสังเกตเห็นสิ่งมีชีวิตแปลกๆที่มีผ้าโพกหัวลายดอกกับแว่นตาดำอยู่ในชุดนักเรียนกำลังแอบข้างกระถาง
นี่คนไข้พิเศษของจงแดรึเปล่า
“ฮือ...ทำไมนายแว่นไปกับทีชเชอร์
ดโยว่าแล้วเชียวทำไมถึงไปส่งงานทุกวัน ทีชเชอร์ไม่มีที่ในใจให้ดโยแล้ว ดโยเสียใจ
ดโยจะฟ้องชิงชิง”
“นี่..มาทำลับๆล่อๆอะไรอยู่หน้าคลินิกน่ะ
เย็นป่านนี้ทำไมไม่กลับบ้าน”ชายหนุ่มเอ็ดเบาๆก่อนที่เด็กคนนั้นจะหันมามองคุณหมอหนุ่มตัวเล็กผิวขาว
กับผมบ็อบสีคาราเมล ดวงตาเรียวที่เด่นชัดด้วยอายไลเนอร์...
นี่พระเอกการ์ตูนนี่นา...
“หล่อ...”
“?”
“หมอที่นี่เหรอ...ทำไมหล่อจังเลย....ฮืออ
ดโยจะไปฟ้องชิงชิง...ฮือออ!!”เด็กคนนั้นวิ่งพล่านออกไปปล่อยให้แบคฮยอนยกมือค้างก้อนจะวกมาเกาศีรษะแกรกๆแล้วเดินกลับเข้าคลินิกด้วยความงุนงง..
นับวันคนที่ใจมีปัญหายิ่งเยอะแฮะ...
วันเวลาผ่านไปจากเรื่องราวในวันนั้น แม้จะเพิ่งเจอกันไม่กี่วันแต่เซฮุนก็ได้รับความเข้าใจจากแม่ของลู่หานเป็นอย่างดี
รวมทั้งข่าวที่ส่งมาจากพ่อของลู่หานที่ยินดีหากเซฮุนกล้าพอที่จะรักและดูแล
แต่ยังไงก็อยากให้ดูใจกันไปเสียก่อน(ซึ่งพวกเขาทั้งคู่ได้แต่บอกว่าคงไม่ทันแล้ว)
และเพราะมีเซฮุนคอยดูแลลู่หาน มารดาของเขาเลยสามารถออกไปหางานทำเพิ่มเติมได้อีกทางหนึ่ง
ส่วนเรื่องพ่อแม่ของเซฮุน ลู่หานได้ข่าวว่าทั้งคู่อยู่ที่ต่างประเทศ
และชาติกำเนิดของแฟนคนแรกก็ยังเป็นความลับที่ลู่หานเบื่อที่จะถาม
วันนี้ก็แค่วันหนึ่งไม่ต่างอะไรกับการไปโรงเรียนทุกวัน
แต่เหมือนคุณอู๋บอกว่าจะเลี้ยงฉลองที่ลู่หานสอบ(เก็บคะแนนสามสิบนาที)เสร็จ จึงอาจจะได้ไปเที่ยวเล่นในเย็นวันนี้
โดยที่พ่อแม่ของลู่หานก็วางใจที่จะให้ลู่หานค้างบ้านของเซฮุน
เด็กหนุ่มรูปร่างเล็กใบหน้าหวานหยดที่วันนี้ได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตอีกสิ่งคือการใส่คอนแทคเลนส์มาโรงเรียน
ทำให้ทุกคนแทบจ้องมองกันจวนเหลียวหลังอย่างหลงนึกว่าเป็นเด็กใหม่
“ลู่หาน ทางนี้ๆ”ซึลกิโบกมือเรียกลู่หานที่ส่งยิ้มหวานก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหา
ตามด้วยร่างกลมๆของใครคนหนึ่งที่วิ่งเข้ามากอดเอวเขาแน่น
“นี่นายแว่น เอ้ย ลู่หาน
บอกดโยหน่อยสิว่าคุณหมอที่เขียนอายไลเนอร์อยู่คลินิกตรงนั้นชื่ออะไร...มีเบอร์รึเปล่า
พระเอกการ์ตูนญี่ปุ่นของดโยเลยนะ!!”
“เอ๊ะ..ชื่อแบคฮยอนน่ะ...คุณหมอบยอนแบคฮยอน...”
“อ๊า! น่ารัก!! ชื่อน่ารักจัง แบคฮยอน...แบคฮยอน...
ชิงชิง เราไปทำคุณไสย์กันเถอะ! ดโยเอาแป้งโดมาด้วย
เรามาปั้นคุณหมอแบคฮยอนกัน”ร่างป้อมๆวิ่งไปอย่างมีความสุขปล่อยให้อี้ชิงเดินตามอย่างอ่อนใจ
ตามด้วยลู่หานและซึลกิที่เดินขึ้นห้องเรียนไปในที่สุด
ชีวิตของลู่หานกับเซฮุนยังปกติแม้อายุจะห่างกันมากกว่าสิบปี
ความเข้ากันได้อย่างน่าประหลาดคือบางเรื่องเซฮุนก็เป็นเด็กกว่า
และลู่หานก็แก่กว่าในบางเรื่อง ซึ่งโรคที่ว่าก็ได้รับการแก้ไขว่าโอเซฮุนเป็นโรคกระเพาะ อยากจะหยุดลาพัก จึงไม่มีเด็กคนไหนสงสัยในโรคที่ทีชเชอร์เป็นอีก รวมทั้งความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครที่คัดค้านอะไรกันมากมาย
ด้วยความเข้าใจอย่างผิดๆว่าที่จริงทั้งคู่เกี่ยวดองกันอยู่แล้ว
ซึ่งพวกเขาก็อาศัยจังหวะให้ทุกคนเข้าใจผิดไปแบบนั้น
“ขออนุญาตครับ”ลู่หานเคาะประตูก่อนจะเอาแบบฝึกมาวาง
เขามองชายหนุ่มที่ยังดูดีอยู่เสมอกำลังตรวจงานพร้อมกับวางเรียงอย่างเรียบร้อย
และลู่หานก็เริ่มกลับไปเรียกอีกฝ่ายด้วยสรรพนามเดิมเพราะรู้สึกเขินหากจะต้องเรียกแฟน
พี่หรือเรียกชื่อเฉยๆ
“ซอนแซงนิม..อย่าลืมนัดของคุณอู๋นะครับ”
“ไม่ลืมหรอกครับ เดี๋ยวไว้เราไปกัน”
“เสาร์อาทิตย์เราไปหาคุณพ่อกันได้มั๊ยครับ”
“ได้สิครับ ไปเที่ยวพูซานก็ดีเหมือนกันนะ”ร่างเล็กลากเก้าอี้มานั่งตรงข้ามชายหนุ่มก่อนจะยกมือเท้าคางมองเซฮุนที่ตรวจการบ้านและแบบฝึกไปเรื่อยๆจนหมด
ชายหนุ่มจัดวางเอกสารเรียงกันเรียบร้อยก่อนจะสังเกตใบหน้าของลู่หาน
“วันนี้...ทำไมไม่ใส่แว่นล่ะครับ”เอ่ยทักเพราะวันนี้ทั้งวันชายหนุ่มไม่ได้ไปสอนห้องของอีกฝ่ายเลย
แถมไมได้นอนด้วยกัน ที่ติดต่อกันก็ทางมือถือที่เจ้าตัวเพิ่งได้เป็นของขวัญวันคริสต์มาสไปเมื่อเดือนก่อนๆ
“คุณแม่บอกว่าถ้าไม่ใส่แว่นซอนแซงนิมจะชอบครับ
แต่ผมเอาตลับกับน้ำยามาด้วยนะ แต่กว่าจะใส่ได้ กลัวตั้งนานแน่ะครับ”
แม่ยายรู้ใจมากครับ... *อิโมหมียกนิ้วโป้ง*
“พูดถึงตอนนั้นแล้วอดเฟลไม่ได้เลย...ขอโทษนะครับที่ตอนนี้พูดปกป้องเราไม่ได้เลย
โดนพี่เขาดักหมดทุกทาง”เซฮุนถอนใจน้อยๆให้กับลู่หานที่อมยิ้มแล้วส่ายหน้า
“ถึงผมจะไม่เห็นความสำเร็จ..แต่ผมเห็นความพยายามของซอนแซงนิมนะ
เก่งแล้วครับ”
“ขอถามบางอย่างได้มั๊ยครับ”
“?”
“ถ้าเกิดว่าครูไม่หาย...”
“ก็ไม่เป็นไรครับ...ผมจะให้ซอนแซงนิมกินอยู่ดีแหล่ะ
แต่ซอนแซงนิมห้ามไปเป็นหมาป่าใส่คนอื่นนะ”
“ทำไมน่ารักแบบนี้กันน้า”เซฮุนเปรยเบาๆก่อนจะลุกขึ้นแล้วเท้าแขนลงกับโต๊ะ
ชายหนุ่มโน้มหน้าลงจนใบหน้าชิดกับลู่หานซึ่งเลิกคิ้วนิดหน่อย “ครูว่าครูหายใจไม่ค่อยออกอีกแล้วครับ”
ลู่หานหัวเราะเบาๆก่อนจะวกหน้าไปกดริมฝีปากกับเรียวปากคุณครูเล็กน้อย
รสจูบนุ่มนวลที่ทำให้หัวใจของพวกเขามีความสุขอยู่เสมอ
เป็นรสจูบที่ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของพวกเขากำลังเต้นไปพร้อมกันๆ
นั่นคือความสุข... เซฮุนยอมรับว่าเขาสุขมากเหลือเกิน
กับคนที่เคยทำอะไรพลาดอย่างเขาได้นางฟ้าตัวน้อยมาเป็นรางวัล
ได้พบคนที่เข้าใจปัญหาที่เป็นจนคลี่คลาย ได้จูบริมฝีปากนุ่มๆอยู่อย่างนี้...
เขาเชื่อว่าเขาคงเป็นหมีที่โชคดีที่สุดในฝูงหมีหลายล้านตัวบนโลกเลยล่ะ...
ขอบคุณนะครับ..ชอนซา☺
*******************************
ปิดคดีพี่หมีเพดแล้วครัช.__.
แง ขอบคุณที่ชอบนะขรั่บ สกรีมมากมายเลย
แต่มันแค่ห้าตอนแหล่ะ 5555
พลังหมีจงสถิตย์ในตัวท่าน..
#ฟิคพี่หมีฮุน จ้า
“...นายนี่มันตัวอันตรายชัดๆ”แบคฮยอนหันหน้าแดงๆออกไปพร้อมกับลู่หานที่เอียงคอมอง
ตอบลบหลงเลยอะ กรี้ดลั่นห้อง มันหวานนมากกก
แง่ๆๆ ชอบอ่ะะะะ
ตอบลบ