วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

[SF] Baby and The Bear {SEHUN x LUHAN} 1/5







Title : Baby and The Bear 1/5
Author : RUNAWAY05
Couple : SEHUN x LUHAN
Note : ปฐมบทลูกผู้ชายพันธุ์หมี มีห้าตอน แต่งแก้เครียดจ้า ....


*********************************************


“นักเรียนทุกคนกลับทบทวนหน้าที่หนึ่งร้อยสิบสอง ทำแบบฝึกที่ครูแจกให้แล้วรวบรวมมาส่งครูช่วงเย็นนะครับ และการบ้านวันนี้ก็ทำแบบฝึกท้ายบทมาส่งครูในชั่วโมงถัดไป วันนี้พอเท่านี้ก่อนครับ”

เสียงนุ่มนวลจากคุณครูผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษซึ่งเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงผิวขาวจัด เส้นผมสีน้ำตาลเข้มใบหน้าคมคายอยู่ในชุดเชิ้ตสีดำกางเกงแสลคประสาคนมีวิชาชีพครู และวิชาภาษาอังกฤษของครูหนุ่มคนนี้เป็นที่ติดใจของเด็กๆในโรงเรียนมัธยมต้นแห่งหนึ่งในโซลเพราะคุณครูใจดี ใจเย็น และสอนเข้าใจง่าย รวมทั้งใบหน้าหล่อเหลา รูปร่างดูดี ทำให้ โอเซฮุน ค่อนข้างเป็นขวัญใจเด็กๆมากกว่าครูคนอื่นในช่วงวัยเดียวกัน

ชายหนุ่มเก็บของรวบแฟ้มและหนังสือเข้าอ้อมอก ก่อนจะรับความเคารพของเด็กๆพร้อมกับสาวเท้าออกจากห้อง ไม่นานนักคุณครูสาวๆที่เลิกสอนด้วยเวลาไล่เลี่ยกันก็วิ่งกรูกันเข้ามาหาชายหนุ่มทันที สิ่งนั้นอยู่ในสายตาของเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งในห้องในขณะที่เด็กคนอื่นๆพยายามรวบรวมงานไปส่ง เด็กน้อยดวงตากลมโต ผิวขาวนวล ริมฝีปากอวบอิ่มก็หันไปคุยกับเด็กอีกคนที่ผิวขาวไม่แพ้กัน สองแก้มประดับลักยิ้มซึ่งกำลังรวบปากกาและดินสอกดใส่กระเป๋า

“ทีชเชอร์อย่างกับเจ้าชายเลยเนอะ พวกครูผู้หญิงเอาแต่ตามจีบ”

“ออกจากห้องทีไรพวกครูผู้หญิงก็วิ่งไปเกาะแกะเหมือนแมวเลย”

“ดโยไม่เห็นชอบผู้หญิงที่ไปเกาะแกะผู้ชายเลย เนอะชิงชิง”

“อื้อ แม่เราบอกว่าผู้หญิงที่ไปเกาะแกะผู้ชายน่ะ ผู้ชายไม่ชอบหรอก”

“คยองซู อี้ชิง เราขอแบบฝึกของทีชเชอร์หน่อยจ้า”เด็กหญิงผมยาวดำขลับใบหน้าน่ารักเดินมาทักเด็กทั้งสองคนที่กุลีกุจอส่งแบบฝึกกลับไปให้หัวหน้าห้อง โดยเด็กที่ชื่อคยองซูก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“ขอบใจนะซึลกิ”

“ไม่เป็นไรน่า หน้าที่เราอยู่แล้วนี่นะ”

“ซึลกิดูหน้าซีดๆนะ เป็นอะไรรึเปล่า”อี้ชิง หรือชิงชิงที่เป็นชื่อเรียกเอ่ยทักเด็กสาวที่ยกมือลูบแก้มตัวเองนิดหน่อย

“เราปวดท้องนิดหน่อย เดี๋ยวไปส่งงานก็กลับแล้ว”

“โอเค ดูแลตัวเองน้า”

ความสัมพันธ์ของเด็กม.2ที่เป็นสังคมแบบชายหญิงรวมกันทำให้เด็กๆมีการพูดคุยและมีปฏิสัมพันธ์ต่างเพศมากขึ้น และห้องเรียนนี้ก็เช่นกัน พวกเขาก็อยู่ในห้องเรียนปกติที่จะมีดาวเด่น หรือคนไม่มีตัวตนของห้องคละเคล้ากันไป รวมทั้งกับคนที่ไม่สนใจสิ่งใดก็มี

“อ้าว ไปแล้วเหรอ?”

ลู่หาน เด็กชายที่เหมือนจะเป็นพวกธรรมดาของห้อง ไม่ใช่คนเด่น แต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีตัวตน ลู่หานเป็นเด็กชายวัยสิบสี่ปีที่มักรับบทเป็นประชากรทั่วไปของห้อง เด็กชายตัวเล็กๆแว่นหนาๆใครคุยอะไรมาก็ตอบ ขอความช่วยเหลือตามโอกาส เป็นเด็กธรรมดาที่ไม่ได้เด่นเหมือนคังซึลกิ หรือโดคยองซูกับจางอี้ชิงที่ผลัดกันสองได้ที่หนึ่งที่สองของห้อง

เด็กหนุ่มตัวเล็กคว้ากระเป๋าพร้อมกับแผ่นกระดาษวิ่งออกจากห้องเมื่อหมดคาบเพื่อไปให้ทันหัวหน้าห้องของตน บางทีซึลกิอาจจะเผลอลืมหรือเขาไม่ได้ยินที่เธอเรียกครั้งสุดทายก็เป็นได้ ถ้าหากเขาแยกไปส่งคนเดียวซึลกิอาจจะโดนตำหนิเพราะรวบรวมงานมาส่งไม่ครบ ลู่หานรีบวิ่งตามซึลกิพร้อมกับยื่นสองมือสะพายเป้ให้เรียบร้อย เห็นเมื่อกี้เธอน่าจะมาทางนี้นี่นา

“ซึลกิ!”ลู่หานอุทานเมื่อพบว่าเด็กสาวกำลังนั่งกุมท้องกับพื้น เอกสารปลิวกระจัดกระจาย ลู่หานรีบไปดูอาการคังซึลกิหัวหน้าห้องให้พิงกับกำแพง แต่เธอกลับพูดออกมาเบาๆ

“แบบฝึก...”

เด็กชายเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งไปเก็บกระดาษแบบฝึกของเพื่อนๆในห้อง ลู่หานรวบรวมมันจนมาอยู่ในชุดเดียวกันรวมทั้งใส่งานของตนเองลงไปด้วย “เราเอาให้ซึลกิไม่ทันเลยวิ่งตามมาให้ เป็นอะไรมากรึเปล่า”

ดวงตากลมโตเอียงมองอาการเพื่อนที่จู่ๆก็จับกระโปรงแน่นสีหน้าแดงก่ำเหมือนอับอาย ลู่หานขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างงุนงงกับท่าทีของเธอจนกระทั่งเสียงๆหนึ่งก็แว่วขึ้นมา

“ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ?”

ร่างของคุณครูผู้เป็นเจ้าของวิชาแบบฝึกปรากฏขึ้น เซฮุนมองเด็กชายเด็กหญิงที่พิงกำแพงด้วยท่าทีแปลกๆจึงสืบเท้าเข้ามาดูอย่างสงสัย “อ้าว มีอะไรรึเปล่า ไม่สบายเหรอ? ครูอุ้มไปมั๊ยครับ?”

“ไม่..ไม่ค่ะ”ซึลกิปฏิเสธเสียงสั่น โดยเซฮุนก็ขมวดคิ้วสักพักจึงเข้าใจได้ จึงเอ่ยปากกับนักเรียนของตนอย่างนุ่มนวล

“งั้นเดี๋ยวครูโทรเรียกคุณแม่มารับนะครับ มีเบอร์ท่านรึเปล่า?”เด็กหญิงบอกเบอร์มือถือให้กับคุณครูหนุ่มไป โดยที่เซฮุนก็ต่อสายหาแม่ของซึลกิอย่างใจเย็น ภาพทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของลู่หานที่ได้เจอคุณครูสอนวิชาภาษาอังกฤษใกล้ๆ ไม่นานพ่อแม่ของซึลกิก็ปรากฏตัวขึ้น ได้ความว่าวันนี้แม่ออกมาซื้อของและเจอกับพ่อที่เลิกงานพอดี ลู่หานโบกมือลาซึลกิที่ก้มหน้าแดงจัดแต่ก็พยักหน้าให้โดยเด็กชายก็เผลอถามกับตนเองอย่างงุนงง

“ซึลกิเป็นอะไรไปนะ”

“ประจำเดือนน่ะครับ”เสียงของเซฮุนดังขึ้นเป็นคำตอบ และทำให้ลู่หานเผลอหันไปมองตรงที่ซึลกิเคยนั่งเมื่อกี้ ซึ่งปรากฏคราบเลือดจางๆกับพื้น ลู่หานยิ้มแหยให้กับคุณครูหนุ่มที่ยิ้มอย่างเอ็นดูสีหน้าซีดเผือดของเด็กน้อย ก่อนจะรับชุดกระดาษแบบฝึกที่ลู่หานส่งให้แทน

“ผม..กลับก่อนนะครับซอนแซงนิม”

“เรียกซะเต็มยศเชียว”เซฮุนคลี่ยิ้ม “แต่ครูว่ารถโรงเรียนคงหมดแล้ว ให้ครูไปส่งดีกว่านะครับ”

“หว๋า~”ลู่หานอุทานเมื่อนึกขึ้นได้ว่ารถคงหมดแล้ว แถมด้วยเวลาก็ล่วงเลยจนเกือบห้าโมงเย็น เซฮุนส่งยิ้มให้เด็กน้อยแว่นหนาก่อนจะเอ่ยชักชวนเบาๆ

“รอครูเก็บของก่อนนะครับ”

“อ่า..ครับ”ลู่หานเอ่ยเบาๆเพราะไม่กล้าปฏิเสธ และคิดว่าครูใจดีแบบเซฮุนคงไม่ทำอะไรแบบที่ตัวเองกลัวไว้ ข่าวคนร้ายพาเด็กไปข่มขืนหรือทำอนาจารที่เป็นข่าวครึกโครมบ่อยๆอยู่ในสมองของลู่หานที่พยายามสะบัดศีรษะไล่ความคิดไม่ดีออกไป เขากำลังใส่ความคุณครูในสมองและมันเป็นการกระทำที่ไม่ดี ลู่หานเผลอขบริมฝีปากล่างของตนก่อนจะตามเซฮุนเข้าไปที่ห้องพักครูในที่สุด

ห้องทำงานของเซฮุนเป็นห้องเดี่ยว ไม่ใช่สำนักงานเหมือนช่วงชั้นวิชาอื่น บรรยากาศค่อนข้างเงียบและเป็นระเบียบ แต่ก็จะมีห้องอาจารย์คนอื่นอยู่ข้างๆไล่กันไปตามช่วงชั้น ห้องไม่ได้ใหญ่นักและมีเอกสารรวมทั้งตำราการสอนเล็กน้อย ครูคนนี้มาสอนหลังลู่หานเข้าม.1ได้เดือนสองเดือนเท่านั้น ลู่หานนั่งลงกับโซฟาชุดเล็กและนั่งมองเซฮุนกำลังเคาะชุดกระดาษแบบฝึกเรียงตามชั้นและห้องอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบ

“โอ๊ะ”

เซฮุนได้ยินเสียงเด็กชายร้องเบาๆก่อนจะหันไปพบร่างของเด็กน้อยกำลังคว่ำตัวกับพื้น มือเล็กๆและแขนเรียวในชุดนักเรียนกำลังยื่นเข้าไปด้านล่างโซฟา แต่เหมือนจะไม่ถึงเจ้าตัวเลยเผลอแนบท่อนบนของตัวลงกับพื้น ส่งผลให้สะโพกของเด็กชายยกสูงขึ้นลอยเด่น กางเกงรัดตึงจนเห็นขอบชั้นใน


ชั่วขณะนั้นลมหายใจของชายหนุ่มก็สะดุด...ฝ่ามือสั่นนั่นเริ่มกำแน่น


เซฮุนเบือนหน้าหนีออกไปอีกทางทันทีก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”

“พวงกุญแจผมตกไปข้างล่าง ได้แล้วครับ”ลู่หานหัวเราะแห้งๆโดยเซฮุนก็พยักหน้ารับ เขาคว้ากระเป๋าทำงานและกุญแจ แล้วส่งยิ้มให้ลู่หาน เด็กน้อยที่ขยับแว่นสายตาก็พยักหน้ารับให้อย่างเกรงใจ เซฮุนเปิดประตูให้ลูกศิษย์ออกไปก่อน และในตอนนั้นเขาก็ได้กลิ่นตัวของลู่หานในระยะประชิด

โอเซฮุนรับรู้ถึงฝ่ามือที่ชื้นเหงื่อ...

ชายหนุ่มพาเด็กชายตัวน้อยขึ้นไปนั่งบน Mercedes-Benz S63 AMG Coupe สีขาวมุกของตน โดยลู่หานก็ขมวดคิ้วเล็กๆที่ได้กลิ่นน้ำหอมปรับอากาศในรถเป็นกลิ่นคล้ายๆแป้งเด็ก เขามองเบาะรถที่เป็นหนังสีดำเข้ากันและกระจกติดฟิล์มอย่างตื่นเต้น จนเห็นหมอนอิงใบน้อยบนที่นั่งข้างคนขับ อยากจะหยิบออกแต่ก็เกรงใจจึงได้เอามากอดไว้พร้อมเป้ เด็กชายอยากหยิกตัวเองที่ขึ้นรถของคนเป็นครูผู้สอนอย่างง่ายดาย แต่มันคงดีกว่าหาทางกลับเอง เพราะพ่อแม่ของลู่หานต่างก็ทำงานไม่ค่อยมีเวลาให้เขานัก

“เรียนของครูพอเข้าใจมั๊ยครับ?”

เซฮุนเปิดบทสนทนาขึ้นหลังจากออกรถมาได้สักพักและถามทางกับเด็กนักเรียนเรียบร้อย เด็กน้อยขยับตัวตนเองที่เลื่อนลงพลางส่งยิ้มให้

“ก็พอเข้าใจฮะ แต่บางทีก็งงๆ”

“ไม่เข้าใจมาถามครูได้นะครับ”

“ได้ฮะ”ลู่หานรับคำ ก่อนจะรู้ตัวว่าบรรยากาศเริ่มเงียบจนอึดอัดจึงเอ่ยชวนคุยขึ้นมาบ้าง “ซอนแซงนิมสอนเก่งจัง ไม่ดุเหมือนซอนแซงนิมคนอื่นด้วย เหมือนวัยรุ่น แบบพี่ๆแถวบ้านผมเลย”

“เรียกแบบนั้นอีกแล้ว...เด็กคนอื่นเรียกครูว่าทีชเชอร์นะ”

“มันก็แปลว่าซอนแซงนิมนี่ครับ”ลู่หานก้มหน้ามองตุ๊กตาลูกกวางที่ห้อยกับเป้ตน และเซฮุนก็คลี่ยิ้มออกมานิดหน่อย

“ครูยอมแพ้แล้วครับ...ถึงซอนแซงนิมจะฟังดูแก่ก็เถอะ ครูเพิ่งยี่สิบหกเองนะ”

“ซอนแซงนิมเก่งจัง ยี่สิบหกเป็นครูแล้ว ผมนึกว่าสามสิบกว่าๆซะอีก”

“ไหนตอนแรกบอกครูเหมือนวัยรุ่นไงครับ”ชายหนุ่มหัวเราะโดยบังคับมือตัวเองที่กำลังสั่นให้อยู่นิ่ง จนกระทั่งไปส่งถึงหน้าบ้านเด็กชายที่อยู่ซอยข้างๆคอนโดของตนเอง ลู่หานลงจากรถก่อนจะส่งยิ้มไปให้เซฮุนเป็นการขอบคุณ ท่ามกลางเสียงมารดาที่กำลังเดินออกมาหน้ารั้ว

“เสี่ยวลู่ทำไมกลับช้าจังลูก”

“มีเรื่องนิดหน่อยฮะ พอดีซอนแซงนิมมาส่ง”ลู่หานตอบมารดาที่หันมายิ้มให้กับเซฮุนที่ค้อมศีรษะเล็กน้อย

“สวัสดีครับ”

“ขอบคุณนะคะคุณครู เข้ามาทานมื้อเย็นกันก่อนมั๊ยคะ?”

“ขอบคุณนะครับ แต่ผมไม่ค่อยสบาย ต้องรีบกลับน่ะครับ”เขากล่าว

“โอ..รักษาสุขภาพนะคะคุณครู ขอบคุณจริงๆค่ะ เสี่ยวลู่ ขอบคุณครูเขาเร็ว”หญิงวัยกลางคนหันมากระตุ้นลู่หานที่ส่งยิ้มหวานมาให้พร้อมกับกล่าวเสียงสดใส

“ขอบคุณนะฮะซอนแซงนิม”

“ยินดีครับ”เซฮุนตอบรับเสียงนุ่มพร้อมกับปิดกระจกและออกรถ โดยคนเป็นแม่ก็หันมาซักฟอกลูกชายตัวน้อยของตนต่อ

“มีอะไรจ๊ะ ทำไมถึงกลับเย็น”

“ผมจะเอางานไปส่งให้เพื่อน แต่เพื่อนปวดท้องครับเลยอยู่เป็นเพื่อนจนพ่อแม่เขามารับ”ลู่หานตอบไปตามตรง

“คราวหน้าไม่เอาแล้วนะลูก กลับช้าก็ให้คุณครูบอกแม่ก่อนนะ”

“ได้ฮะ แต่ซอนแซงนิมเหมือนไม่สบายเลย มือสั่นตลอดเลยครับ จะเป็นอะไรรึเปล่าน้า”เด็กชายกะพริบตาปริบๆก่อนจะวางกระเป๋าไปอาบน้ำทำกิจวัตรช่วงเย็น โดยที่เซฮุนเองเมื่อจอดลงก็ปล่อยมือจากพวงมาลัย เขาหันไปก้มกดจมูกกับเบาะที่นั่งข้างคนขับ เมื่อได้รับรู้ว่ากลิ่นยังคงอยู่ใบหน้าหล่อก็สูดดมเอียงซ้ายขวาราวกำลังปลุกปล้ำกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งราวกับสัตว์ป่า จนสักพักก็พรูลมหายใจพักเหนื่อยที่เบาะนั้น ก่อนที่เซฮุนจะหยิบหมอนใบเล็กที่ลู่หานกอดไว้ในรถเพราะความประหม่าเลยไม่ได้หยิบของจากเบาะออกโดยที่เจ้าของไม่ได้อนุญาต เซฮุนสูดดมและได้กลิ่นของลู่หาน สองมือสั่นระริกพลันรีบขึ้นไปยังห้องของตนเอง

เซฮุนกดลิฟต์เพื่อขึ้นไปที่ห้องตัวเองอย่างยากเย็น แม้จิตใต้สำนึกจะบอกให้เขาไม่ควรหยิบหมอนที่มีกลิ่นของเด็กคนนั้นติดมือมาแต่มันก็อดไม่ได้ เมื่อมาถึงห้องเขาก็รีบกดล็อคพร้อมกับดิ่งเข้าห้องนอน เขาทิ้งตัวลงบนเตียงพลางทำท่าเหมือนปลุกปล้ำบางอย่าง จินตนาการในสมองเริ่มสร้างร่างของใครสักคนที่มีกลิ่นหอมแบบนี้ กลิ่นของเด็ก... เด็กที่กำลังโอบกอดเขา เบียดกายเข้าหา ร้องไห้กระซิกเมื่อความบริสุทธิ์ถูกพังทลายราบ ก่อนจะโต้ตอบด้วยรสจูบของโลกที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นด้วยน้ำมือของเขา เขาได้ยินเสียงอ่อนหวานที่ยังไม่แตกหนุ่มของเด็กชายเรียกเขาอยู่ในสมองว่าซอนแซงนิม...



กว่าจะรู้สึกตัวอีกที...หมอนใบนั้นก็เลอะน้ำขุ่นข้นไปหมด...

โอเซฮุนทิ้งตัวลงกับเตียงอย่างเกลียดตัวเอง...



จนเวลาผ่านไปสักพักจนชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่น เขาลุกขึ้นหยิบหมอนใบนั้นไปโยนทิ้งถังขยะ ก่อนจะอาบน้ำชำระร่างกายและเปิดไฟให้สว่าง ห้องชายโสดของเขาสะอาดสะอ้านกว่าชายโสดทั่วไป อาจเป็นเพราะนิสัยที่ติดมาแต่เล็กตั้งแต่เรียนในชายล้วนแบบปิดก็เป็นได้ และเมื่อแต่งตัวเรียบร้อย เซฮุนที่สวมชุดนอนก็เดินไปหยิบเบียร์กระป๋องและบุหรี่ออกมา เขาเปิดระเบียงห้องชั้นสิบหกของตน เปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้เพราะที่นี่ช่างเงียบเหงา ก่อนจะเปิดเบียร์ดื่ม เซฮุนพรูลมหายใจและเริ่มจุดบุหรี่สูบอย่างไม่เหลือเค้าภาพทีชเชอร์ใจดีของเด็กๆ ไม่นานนักเขาก็เริ่มต่อสายหาใครคนหนึ่ง

“หมอ นอนยัง”

((เซฮุน?))

“ครับ หมอ...ผมเป็นอีกแล้ว ผมจะทำไงดี”

((อีกเหรอ? นายหายอาการนี้ไปจะสองปีแล้วนี่))

“ผมไม่รู้ทำไมผมเป็นอีก แต่ผมได้กลิ่น... ผม... พรุ่งนี้ผมไปหาหมอได้มั๊ย”เซฮุนกรอกเสียงลงกับสมาร์ทโฟนราคาแพงระยับพร้อมกับอัดลมนิโคตินไหม้เข้าปอด เมื่อได้รับคำตอบตกลงเขาก็วางสาย ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจยาว ก่อนจะซบหน้ากับฝ่ามือ


มันน่ากลัวเกินไปสำหรับคนมีวิชาชีพแบบเขา...

การเป็นครูคือสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก.. เขาไม่ควรจะเป็นแบบนี้เลยด้วยซ้ำ...




“นักเรียนทุกคนกลับทบทวนหน้าที่หนึ่งร้อยยี่สิบ ทำแบบฝึกที่ครูแจกให้แล้วรวบรวมมาส่งครูช่วงเย็นนะครับ และการบ้านวันนี้ก็ทำแบบฝึกท้ายบทมาส่งครูในชั่วโมงถัดไปเหมือนเดิม วันนี้พอเท่านี้ก่อนครับ”

เซฮุนกล่าวกับเด็กๆที่มีสีหน้าเสียดายเพราะไม่อยากให้ชั่วโมงเรียนแสนสนุกจบลง ชายหนุ่มรวมเอกสารพร้อมกับเด็กๆที่ยู่ปากทำแบบฝึกกันต่อไป คงมีแต่ลู่หานที่แอบเงยหน้ามองซอนแซงนิมของตนผ่านแว่นเลนส์หนาๆนั่น วันนี้ซึลกิบอกให้เขาอย่าบอกเพื่อนๆว่าเมื่อวานเธอเป็นอะไร โดยที่ลู่หานก็รับคำอย่างดี

เด็กชายก้มหน้าหลบเมื่อสายตาของเซฮุนมองมา เหมือนเจ้าตัวจะรู้สึกว่าตัวเองถูกแอบมอง เขารีบทำงานส่งให้เรียบร้อยตามปกติ และซึลกิก็เดินเข้ามาหาเขาในที่สุด

“ลู่หานไปส่งงานให้เราหน่อยได้มั๊ย ขอโทษที่รบกวนนะ แต่เราปวดท้องตุ้บๆเลย”

“?”เด็กชายเลิกคิ้ว “ได้สิ เธอพักผ่อนมากๆเถอะน้า”

“อื้อ ขอบใจนะ”

ลู่หานส่งยิ้มพร้อมกับรวบแบบฝึกไปที่ห้องพักครูตามปกติ โดยที่สายตาพวกคนเก่งของห้องก็มองเขาแบบผ่านๆ แน่นอนว่าลู่หานไม่ได้น่าสนใจเหมือนคนอื่น และลู่หานก็ไม่ได้หวังว่าตัวเองจะเป็นที่สนใจของใครอยู่แล้ว

“ขออนุญาตครับ”

กำปั้นเล็กเคาะสองสามครั้งและเปิดมันออกด้วยตนเอง ก่อนที่ลู่หานจะพบว่าอาจารย์หนุ่มที่สวมเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสีดำเป็นปกติจะสะดุ้งเล็กน้อยที่เห็นเขา โดยที่เซฮุนรีบก้มหน้าก้มตากับงานที่เสร็จไปแล้ว แต่เขารู้สึกอายลู่หานจริงๆกับสิ่งที่เขาทำลงไปเมื่อคืนวานแม้อีกคนจะไม่รู้

“วางไว้ตรงนี้ล่ะ ขอบคุณครับ”

“ซอนแซงนิมดีขึ้นรึยังครับ?”ลู่หานไต่ถามไปด้วยไมตรีเพราะน้ำใจของคุณครูที่ไปส่งตนถึงบ้านเมื่อวาน แต่สายลมที่พัดเอากลิ่นตัวของเด็กน้อยมาให้ได้รับรู้ ประสาทตัวตื่นตูมและมือของเซฮุนก็เริ่มสั่นอีกครั้งหนึ่ง

“ครูโอเคแล้ว เราก็กลับเถอะเดี๋ยวรถหมดนะ”

“แต่มือซอนแซงนิมสั่นมากเลยนะครับ”

“ครูไม่เป็นไรครับ”เซฮุนรีบปฏิเสธพลางหยิบตำราบางตัวขึ้นเพื่อไปวางบนชั้น ลู่หานที่เห็นคุณครูใจดีที่มีอาการแปลกๆก็เผลอเอามือไปแตะแผ่นหลังของเซฮุนเบาๆ

“ผมว่าซอนแซงนิมไปหาหมอ..!”ลู่หานเบิกตาโพลงเมื่อชายหนุ่มปัดของบนชั้นร่วงลงกับพื้นพร้อมกับรวบตัวเด็กน้อยโยนลงกับโซฟา เป้เรียนตกลงกับพื้นพร้อมกับลู่หานที่หูอื้อมึนงงไปหมดจนกระทั่งรู้สึกขนลุกเกรียวเพราะคล้ายว่าอีกฝ่ายกำลังซุกไซ้ไปกับซอกคอ มือเล็กพยายามทุบตีอีกคนแต่ก็เหมือนจะไม่มีผลอะไรนัก ลู่หานร้องเบาเมื่อความรู้สึกแปลกเกิดขึ้นเมื่อลูกเลียไปตามลำคอ ทั้งรู้สึกวาบหวิวและหวั่นกลัวปะปนกันไปหมด เขาพยายามดิ้นรนเมื่อคุณครูเริ่มจะใจร้ายด้วยการบดเบียดริมฝีปาก และสิ่งที่ล่วงล้ำเข้ามาซึ่งนุ่มหวานแปลกๆ สัมผัสหยาบโลนโจนจ้วงเริ่มทำให้ลู่หานรู้สึกกลัวจนทนไม่ไหว เขาตัดสินใจสะบัดตัวอย่างแรงจนแว่นกระเด็นตกลงกับพื้น และเผลอฝากรอยนิ้วไว้กับข้างแก้มของเซฮุน

“อ๊ะ!!

ชายหนุ่มอุทานก่อนจะได้สติ เซฮุนผ่อนหายใจแรงกะพริบตาสองสามครั้งก่อนจะมองสิ่งที่ตนเองกำลังทำ และภาพตรงหน้าทำให้เขารู้สึกใจหายเพราะเป็นร่างขาวละเอียด เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนเหมือนไหมข้าวโพดยุ่งเหยิงไปกับผืนเบาะโซฟา คอเสื้อนักเรียนที่ยับไม่เป็นทรง ลำคอระหงที่เลอะน้ำลาย ริมฝีปากเล็กที่บวมตึงจากการถูกบดเบียดไปเมื่อครู่ แก้มใสที่แดงก่ำไล่ไปถึงใบหู จมูกโด่งเล็กพ่นลมหายใจหนักหน่วง และดวงตากลมโตที่มีทั้งแก้วตาหวานสีน้ำตาลอ่อนกับแพขนตายาว ประกอบกับคิ้วขมวดมุ่นและดวงตานั้นเอ่อไปน้ำตาผสมกับแววตาของความผิดหวัง ลู่หานทั้งตกใจและเสียใจจนพูดไม่ออก เด็กชายมองเซฮุนเหมือนกับลูกแกะที่มองหมาป่าผู้แฝงมาในคราบของแกะน้อย


หัวใจของชายหนุ่มหล่นวูบ...

เด็กคนนี้สวยงามกว่าที่จินตนาการเอาไว้ และเขากำลังทำให้หัวใจของเด็กน้อยแตกเป็นเสี่ยงๆ


“ครู..ครูขอโทษ... ครูขอโทษครับ”เซฮุนก้มหน้าลงจนปอยผมละไปกับกลางหน้าอกของเด็กชาย ในขณะที่ลู่หานกำลังเรียงลำดับอย่างมึนงง “ครู...ครูผิดไปแล้วครับ”

“ปีศาจ...”เสียงเบาๆของลู่หานทำเอาเซฮุนรู้สึกเหมือนโดนน้ำเย็นสาดหน้า แต่แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นเมื่อเด็กชายเอ่ยขึ้นในเวลาต่อมา “ปีศาจไม่ดีมาสิงซอนแซงนิมใช่มั๊ยครับ”

“...”

“หรือซอนแซงนิมเป็นมนุษย์หมาป่า...”

“...”

ดวงตาคมกะพริบถี่เมื่อลู่หานค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นแตะข้างแก้มของเขาที่มีรอยเล็บของเจ้าตัวเบาๆ แววตาผิดหวังในคราแรกนั้นเปลี่ยนเป็นแววตาของเด็กช่างสงสัยใคร่รู้และสำนึกผิดที่ทำให้คุณครูเป็นแผล และเซฮุนก็ยอมรับว่าเขามองเด็กคนนี้ผิดไปมาก... เด็กคนนี้หน้าตาน่ารัก..แล้วก็...ดูมีเสน่ห์แบบมากๆจนทำให้เขารู้สึกว่าใบหน้าของเขาเริ่มจะร้อนขึ้นมา เพียงแต่ชอบสวมแว่นและทำตัวกลืนๆไปกับสังคมเท่านั้น

“ซอนแซงนิมไม่ตอบ..แสดงว่าเป็นหมาป่าใช่มั๊ยครับ? ซอนแซงนิมจะกินผมใช่มั๊ยเมื่อกี้...”ลู่หานหน้าเสียขึ้นมา โดยประโยคพาซื่อนั้นทำให้เซฮุนก้มหน้าแล้วหลุดหัวเราะเบาๆ เขาหลุดยิ้มเศร้ากับความคิดของเด็กน้อยตรงหน้าที่มีความจริงอยู่อย่าง...



ว่าสิ่งที่เขาเป็นมันไม่มีวันหายเหมือนเป็นมนุษย์หมาป่านั่นแหล่ะ...


“ครูไม่กินเราหรอก..ครูจะไม่กินเราเด็ดขาดเลย”

น้ำเสียงติดเศร้านั้นทำให้ลู่หานรู้สึกสงสารขึ้นมาแปลกๆ เขาลูบมือขยับจัดปกเสื้อก่อนจะหรี่ตาหาของสำคัญบางอย่าง และเซฮุนก็เป็นคนหยิบแว่นที่ตกกับพื้นมาสวมใส่ให้ เมื่อการมองเห็นชัดเจนขึ้นลู่หานก็เห็นใบหน้าของโอเซฮุนใกล้ๆในระยะประชิด ดวงตาคมนั้นจดจ้องมาที่เขาด้วยแววตาเจือเศร้าและรู้สึกผิด นั่นทำให้ลู่หานมั่นใจในความคิดตัวเองมากขึ้น


ซอนแซงนิมเป็นมนุษย์หมาป่าจริงๆด้วย...


“ผมจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะครับ ผมจะไม่บอกใคร”

“ครับ..”เรื่องที่เผลอปล้ำไปล่ะก็เซฮุนโอเคนะ...

“แต่มันเย็นมากแล้ว...ผมต้องรีบกลับแล้วครับ ซองแซงนิมต้องรีบนอน ห้ามโดนพระจันทร์เด็ดขาดเลยนะครับ”

“...”คิ้วเข้มขมวดมองเด็กชายวัยสิบสี่ที่กำลังอยู่ช่วงวัยเสรีในการวิเคราะห์ ลู่หานสรุปกับตัวเองไปมาอยู่เช่นนั้นพลันขยับแย้มรอยยิ้มออกมาให้

“ซอนแซงนิมก็อยากเป็นคนธรรมดาใช่มั๊ยล่ะครับ สู้ๆนะครับ”

ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ก่อนจะเป็นฝ่ายอาสาไปส่งนักเรียนคนนี้อีกวัน อย่างน้อยเซฮุนก็รู้สึกตัวเองลดอาการอยากได้อย่างน่าแปลกทั้งที่ถ้าเขามีอาการขึ้นมา ทางเดียวก็คือต้องทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองปลดปล่อย แต่เพราะชายหนุ่มยังไม่ลืมนัดกับคุณหมอ จึงรีบไปส่งเด็กชายที่บ้านและเพิ่งรู้ว่าเด็กชายเสี่ยวลู่ที่เขาได้ยินเมื่อวันก่อนมีชื่อเต็มว่าลู่หาน และท่าจะบ้านิยายเอาพอสมควรโดยเฉพาะพวกนิยายแฟนตาซี เพราะเจ้าตัวเอาแต่เล่าเจื้อยแจ้วเกี่ยวกับตำนานหมาป่าที่อ่านมาโดยลืมไปสนิทว่าตัวเองเกือบจะโดนข่มขืนในห้องพักครู

เขาคิดว่าเขาจะลองมองเด็กแว่นคนนี้ใหม่จริงๆ...


เมื่อส่งลู่หานที่หน้าบ้านเรียบร้อย เซฮุนก็เลี้ยวรถออกไปยังถนนใหญ่ ชายหนุ่มยูเทิร์นสองครั้งและเลี้ยวเข้าถนนอีกฟากฝั่งตรงไปยังคลินิกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นคลินิกรับปรึกษาปัญหาทางจิตเวชเป็นออฟชั่นเพิ่มจากการรักษาปกติ ทันทีที่เท้าของเซฮุนแตะเข้ามาในคลินิก เสียงจากเคาน์เตอร์ต้อนรับที่เป็นชายหนุ่มร่างเล็กดวงตาเรียวเขียนด้วยอายไลเนอร์เฉี่ยวคมผิดวิสัยในชุดกาวน์ที่กำลังเท้าคางทำท่ารอก็ทักขึ้นทันที

“ไง เจ้าหมีเพดโด้* หมอจงแดรออยู่ข้างในน่ะ”

“...”เซฮุนหันไปหรี่ตาใส่เภสัชกร บยอนแบคฮยอน ที่คุ้นเคยหน้าเขาเป็นอย่างดี เพราะถึงอาการที่เขาเป็นจะหายไปแล้วแต่เขาก็ยังนัดกินข้าวกันอยู่เสมอ ก่อนที่เซฮุนจะเบ้ปากเดินหนีแบคฮยอนที่ยังหัวเราะไล่หลังมา

“เจ้าชาติหมีเอ๊ย...ฮ่าฮ่าฮ่า”




เซฮุนเดเินหนีหมอยาช่างล้อสาวเท้าเข้ามาในห้องที่คุณหมอเจ้าของไข้ของเซฮุนกำลังรออยู่ เป็นชายหนุ่มใบหน้าคมคาย ดวงตาเรียวจมูกโด่งและริมฝีปากที่มุมยกขึ้นทั้งสองข้าง ซึ่งกำลังรื้อแฟ้มเก่าๆนั่งอ่านขณะที่รอเซฮุนให้นั่งลงกับเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

“ตอนนี้โอเคมั๊ยครับ? ยังไม่ไปทำอะไรเด็กที่ไหนนะ?”

“จวนแล้วครับหมอ ดีได้สติแล้วเด็กก็ไม่สงสัยอะไร”

“ระวังตัวมากๆเลยนะคุณโอ เพราะอาการเพดโดฟิเลียที่ผสมกับเฟติสชิซึมหน่อยๆของคุณมันไม่เหมือนชาวบ้าน อีกอย่างคุณก็เป็นครูอยู่กับเด็กทุกวัน ข่าวครูข่มขืนเด็กถมเถไป”

เซฮุนถึงกับคอตกเมื่อได้ยินชื่อพฤติกรรมทางเพศของตนที่ค่อนข้างจะแปลกกว่าชาวบ้าน และเซฮุนก็เป็นมาตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลาย เขามีอาการของเพดโดฟิเลียหรือโรครัก(คลั่ง)เด็ก เขามีความต้องการกับเด็กที่อายุห่างกับตนเองสิบปีลงไป ก็จวนเป็นโลลิค่อนแล้วแต่เขาแค่ไม่มีอารมณ์กับเด็กผู้หญิง และในความรักเด็กก็แฝงด้วยความหื่นอีกอย่างเพราะดันมีอาการของเฟติสชิซึม นั่นคือมีอารมณ์กับเสื้อผ้า ถุงเท้า ของใช้ กลิ่นตัวต่างๆ นับว่าอาการนี้ของเซฮุนมันทำให้ความฝันของการอยากเป็นครูของเขาดูยากเย็นเหลือเกิน และเพิ่งมาหายด้วยฝีมือหมอคิมจงแด จิตแพทย์ฝีมือดีของกรุงโซลที่รักษาเขาจนหายมาได้ปีสองปี ก่อนจะมามีอาการอีกทีเมื่อวานนี้นี่แหล่ะ

“ไหนเล่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณมีอาการได้มั๊ยครับ หมอจะได้วินิจฉัยให้ถูก”

“เมื่อวานนี้เด็กผู้หญิงที่ต้องรวมงานมาส่งผมเธอไม่สบายกะทันหันน่ะครับ แล้วมีเด็กผู้ชายคนนึงอยู่เป็นเพื่อนเธอด้วย พอเด็กผู้หญิงกลับไปแล้วผมก็เลยกะว่าจะไปส่งเด็กคนนี้ แล้วเค้าทำกุญแจตกลงไปใต้โซฟา..เค้าอยู่ในท่า..เอ่อ...”

“ท่าคลานเข่าที่คุณชอบ”

“...”เซฮุนหลับตาถอนใจอย่างขัดเขินเล็กน้อย ก่อนจะให้ข้อมูลกับหมอต่อไป “ครับ แล้วผมได้กลิ่นเขาตอนเปิดประตูให้เขาออกจากห้องแล้วพอเขากลับเขาเอาหมอนอิงในรถไปกอดไว้”

“คุณได้กลิ่นนั้น ก็เลยมีอารมณ์กับเด็กผู้ชายตัวเล็กๆตัวหอมๆ ก็คงจะหอมแบบกลิ่นตัวติดแป้ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการแสดงอาการของคุณสินะ”จิตแพทย์ผู้รู้จิตใจคนไข้ดีก็ฟันธงจนเซฮุนอยากจะร้องไห้ให้ดูไปเสีย “เด็กคนนั้นยังปลอดภัยใช่มั๊ยครับ?”

“ก็หน้ามืดไปพอสมควรครับ แต่เขาเข้าใจว่าผมเป็นหมาป่า”

“หมาป่า?”

“ครับ เขาบอกว่าผมเป็นหมาป่า อย่าไปโดนพระจันทร์”

“ผมว่าความเพดโดฟิเลียนี่ก็เหมือนหมาป่าดีๆนี่แหล่ะ เอาอย่างนี้ ผมจะให้แบคฮยอนจัดยาคลายประสาทให้คุณก่อนแล้วกัน แล้วยังไงผมว่าคุณหลีกเลี่ยงที่จะเจอเด็กคนนั้นดีกว่านะ”

“แต่หมอครับ...หลีกเลี่ยงเลยเหรอ ผมหวิดปล้ำเขาเลยนะ เขาจะไปบอกคนอื่นรึเปล่าครับ?”เซฮุนค้าน

“ผมว่าคุณมีวิธีจัดการแบบผู้ใหญ่อยู่แล้วนะ”จงแดขยับยิ้มให้โดยที่เซฮุนก็นิ่งงันไปพักใหญ่ จะให้เขาเลี่ยงที่จะเจอลู่หานอย่างนั้นเหรอ... เด็กที่เอาแต่เรียกเขาว่าซอนแซงนิม(คุณครู)ที่ดูซื่อๆคนนั้น ไหนจะท่าทางวางใจ ทั้งที่เขาเกือบทำมิดิมิร้ายไปแล้วแต่ก็ยังเป็นห่วงเขาอย่างเชื่อมั่น


ถ้าเขาเป็นซอนแซงนิมจริง เด็กนั่นก็ชอนซา(นางฟ้า)แล้วล่ะ!




**************

แท็ก #ฟิคพี่หมีฮุน นะครัช

มาทำความเข้าใจกับหมีเพดโด้กันเถอะ!

PedoBear เป็นมีมตัวนึงที่ฝั่งญี่ปุ่นทำขึ้นมาโดยหมีตัวนี้ใช้เรียกแทนผู้ที่ชื่นชอบ "ผู้เยาว์" ไม่ว่าจะทั้งหญิงหรือชายแบบสุดๆ หรือเรียกว่า pedophilia (โรคคลั่งเด็ก)


สรุปสั้นๆก็คือ เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้เรียกพวก Lolicon นั่นเองLolicon เป็นคำแสลงของญี่ปุ่น มาจากคำว่า Lolita Complex ที่หมายถึง คนที่มีความหลงใหลในตัวเด็ก ส่วน Pedophilia หมายถึงคนที่มีความต้องการสมสู่กับเด็ก ซึ่งทั้ง 2 คำนี้ถูกใช้แทนกันได้ เพราะอาการ Lolita Complex ก็มักจะเกิดจากความต้องการทางเพศอยู่แล้ว


(นี่คือนาง)


1 ความคิดเห็น: