วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

บันทึกของคุณชุน ฉบับที่ ๒










มาถึงตรงนี้ เป็นช่วงที่ผมไม่อยากบันทึกสักเท่าไหร่ เพราะดูไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก นั่นคือนิสัยไม่ดีของพี่หมวย...

พี่หมวยชอบทำตัวให้ผมดุอยู่เรื่อย จนกลายเป็นจอมมารวายร้ายที่คอยหึงหวงเขาจนหน้ามืด ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว พี่หมวยไม่เคยจะรู้ตัวเลยว่าเป็นที่เข้าใจผิดของพวกเด็กฝึกงาน หรือพนักงานส่วนคนที่เขาไม่ได้มาออฟฟิศบ่อยๆ ใครๆก็มองพี่หมวยเป็นสาวผมสั้น (แม้เจ้าตัวจะออกปากปาวๆว่าตัวเองเป็นชายทั้งแท่ง) ใครมาทำดีคุยดีด้วย ก็ยิ้มแป้นแล้นอัธยาศัยดีไปหมด จนเป็นผมที่ต้องมาหงุดหงิดอยู่คนเดียว ได้แต่ทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจเพราะทำอะไรไม่ได้ ผมเป็นคนโมโหแล้วจะเสียงดัง พอเอ็ดเข้าหน่อยพี่หมวยก็ตัวสั่นเป็นลูกนก (นี่แหล่ะชายทั้งแท่ง) บางสถานการณ์ที่ผมโมโหหนักๆแล้วเขาทำอะไรไม่ได้ ก็ก้มหน้าจิกขากางเกงน้ำตาพรูเป็นเด็กเล็กๆ ผมก็แพ้สิ...

พอมีเรื่องจุกๆจิกๆให้ขัดอกขัดใจกัน ก็ไม่ใช่แค่ผมที่ต้องคอยตามขอโทษเขาหรอกครับ มีช่วงที่ผมเองก็ได้กำไรอยู่บ้าง ถ้าพี่หมวยรู้ว่าทำให้ผมโกรธ เขาชอบมาด้อมๆมองๆแอบอยู่แถวแขนผมเหมือนแมว แล้วก็ถามว่าเขาทำอะไรให้ผมโกรธหรือเปล่า และผมก็เลือกที่จะไม่ตอบ (เคยบอกครับ หน้าหงอยไปกว่าเดิมเลย ก็เลยไม่บอกดีกว่า) เขาก็จะขอโทษ ถ้าผมยังนิ่งๆอยู่ เขาก็จะถามผมว่า

“ทำยังไงคุณชุนถึงจะหายโกรธครับ?”

อ้อยเข้าปากช้างสิครับ...

ตอนนั้นผมเหมือนคนประสาทเสีย หาเรื่องงอนเขาอุตลุดนั่นนี่ก็งอแงเหมือนคนไม่โต บางทีก็แกล้งบอกเขาว่าฝันไม่ดี ฝันว่าเขามีคนอื่น งอนนะ อะไรแบบนี้ล่ะครับ... คิดอีกทีก็ทุเรศตัวเองเหมือนกันที่ทำแบบนั้น แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีกว่าการถามคำถามโง่ๆอย่างที่เคยทำ ผมอยู่กับเขา ไปค้างหอเขา (ซึ่งก็บันเทิงดี) คอยปลอบเขาในวันที่น้องต้นหอมเสีย พวกเราใช้ชีวิตด้วยกันมาเรื่อยๆ เพราะอย่างนั้นเรื่องแค่นี้ (คนที่มาแอบๆมองพี่หมวย) ไม่ทำให้ผมรู้สึกอะไรหรอกครับ

แต่ท่ามกลางความรู้งอนทีเล่นที่จริง ความรู้สึกให้โกรธจริงๆก็มีครับ พี่ป๋อคนนั้นไงล่ะ ผมไม่ชอบเลย...เรียกได้ว่าผมไม่ถูกชะตาเลยล่ะ เขาเป็นลูกชายคนที่เข้ามาถือหุ้นเล็กๆน้อยๆกับพ่อ เป็นรุ่นพี่ของพี่หมวย แต่ที่เหนือกว่านั้นคือสายตาและการแสดงออกของเขา ใครดูก็รู้ว่าเขาจงใจจะจีบพี่หมวยที่ผมของผมอยู่ก่อนแล้ว แถมยังให้น้องมินเป็นตัวช่วยอ้อมๆอีกต่างหาก ผมไม่ชอบวิธีแบบนี้ ถ้าจะมาแย่งของผม ก็เข้ามาแบบแฟร์ๆ มาถามมาพูดแบบตรงๆ พี่หมวยยิ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอยู่ ผมพยายามไม่โวยวายให้พี่หมวยรู้สึกแย่ กลับกลายเป็นว่าพอช่วงที่ผมกลับไปทำเอกสาร ผู้ชายคนนั้นก็แอบกลับมาหาพี่หมวยอีก ผมไม่สนใจหรอกว่าพี่หมวยจะเห็นความดีอะไรในตัวคนๆนี้ สำหรับผม ผมไม่ชอบ ไม่มีใครชอบคนที่มาชอบคนของเราหรอกครับ ผมรักพี่หมวยมาตั้งนาน แล้วตอนที่ผมหายไปเขาไปอยู่ไหนกันล่ะ? จะให้ผมมาใจดีไม่มีหรอกครับ

และสิ่งที่ทำให้ผมโมโหคือการที่พวกบัญชีตึกข้างๆชอบมาฟ้องว่าพี่หมวยกับผู้ชายคนนั้นเจอกันบ่อยๆ ไม่ค่อยอยู่เฝ้าห้องตอนผมไปทำงานข้างล่าง ผมไม่แคร์เรื่องใครเข้าห้องไม่เฝ้าห้องหรอกครับ อะไรหายกล้องวงจรปิดมี แต่ที่ผมเสียใจที่สุดในบางอย่าง พี่หมวยเลือกที่จะพึ่งผู้ชายคนนั้นมากกว่าผม ผมรู้ว่าบางเรื่องไม่สามารถปรึกษาคนที่กำลังคบกันได้ แต่สำหรับผม..ผมเต็มใจทุกอย่าง ผมบอกกับตัวเองตั้งแต่เด็กว่าจะทำให้พี่หมวยมีวามสุข แต่สุดท้ายเขากลับเลือกที่จะวางใจคนที่อื่นไม่ใช่ผม เราทะเลาะกันแรงมาก และผมก็โมโหจนดึงมือตัวเองออก ถ้าผมไม่ดึงมือออกมา ผมเดาตัวเองไม่ได้หรอกครับว่าจะเผลอทำอะไรรุนแรงไปกว่านี้ไหม ผมหันไประงับอารมณ์ แล้วพี่หมวยก็ออกจากห้องไป

เขาติดต่อไม่ได้ แวผมก็ร้อนใจอีกครั้ง เขาหายไปเหมือนตอนนั้น ตอนที่ริณเข้ามาอยู่ในออฟฟิศ ผมออกตามหาเขาจนทะเลาะกับริณใหญ่โต ผมเลยทิ้งริณไว้ที่ออฟฟิศแล้วตามหาพี่หมวยอีกครั้ง จนเพิ่งนึกได้ว่ายังไมได้ไปที่หอ ผมรู้ว่าเขาต้องอยู่ที่นี่ ผมขอร้องให้เขาเปิดประตู ผมไม่อยากให้ทุกอย่างมันแย่ไปกว่านี้ แต่เขาก็ไม่ได้เปิด เสียงห้องไห้เบาๆที่ลอดออกมาทำให้ผมรู้ว่ามันยังไม่ใช่เวลา เลยได้แต่คอตกออกมาและขับรถกลับ... แต่อย่างที่พวกคุณรู้...เกิดอุบัติเหตุกับผมเสียก่อน

ผมนึกว่าผมจะตายซะแล้ว ยิ่งตอนรู้สึกตัวแล้วต้องล้างแผลด้วยทิงเจอร์มันทรมาน ผมสำนึกได้ตั้งแต่ตอนนั้น ต้องมาเจ็บตัว เสียเวลาดีๆที่จะได้อยู่ร่วมกัน ไหนจะต้องบวช แต่การบวชนั้นเป็นประสบการณ์ที่ดี (พี่หมวยวางตัวดีมากจนแม่เอ่ยชมกับผมบ่อยๆ) จนรู้ว่าการทะเลาะกันนี่มันไม่เข้าท่าเลยครับ ผมเลยบอกกับตัวเองนับจากนั้นว่าจะไม่เอาแต่อารมณ์ และต่อให้โมโหมากแค่ไหนก็จะไม่ปล่อยมือของพี่หมวยทิ้งเอาไว้แบบนั้นอีก

พวกเรากลับมาคืนดีกันอีกครั้ง พวกเราอยู่ด้วยกันจนได้เด็กดำมาเลี้ยงตัวหนึ่ง ชีวิตของพวกเราสมบูรณ์แบบ จนผมคิดว่าผมคงต้องผิดสัญญาว่าจะแต่งงานกับเขาตอนสามสิบ ผมอยากทำให้สิ่งที่เราเป็นกันอยู่นี้เป็นเรื่องสมบูรณ์แบบเสียที ผมขอพี่หมวยแต่งงาน และเขาก็ตกลง มันดีมากเลยนะครับที่เราพูดถึงอนาคตร่วมกัน ผมเร่งติดต่อการจัดงาน ทำงานไปด้วย จนไม่ได้สังเกตว่าพี่หมวยปวดหัวบ่อยๆแล้วก็ตาพร่ามาได้สักพัก ผมคิดว่าเขานอนไม่พอหรือไม่สบายเล็กน้อยตามที่เขาบอก เพราะตอนแรกที่เราไปคลินิกก็ไม่พบอะไร

จนก่อนวันงานแค่หนึ่งวัน พี่หมวยเหมือนจะไม่สบาย ผมกำลังไปที่รถและเขาที่ตามหลังผมมาก็ล้มลงไป ตอนนั้นใจผมเหมือนจะขาด ผมไม่เคยรู้สึกกลัวขนาดนี้มาก่อน มือผมสั่น ได้แต่วนไปวนมารอผลการตรวจจากคุณหมอ... และพบว่าพี่หมวยมีเนื้องอกในสมอง ใจผมหล่นวูบตกไปอยู่ตาตุ่ม ผมมองคุณแม่พี่หมวยที่ร้องไห้กอดคุณพ่อเอาไว้แทบจะทันที ผมสัญญากับท่าน... ผมสัญญาว่าจะทำทุกทางเพื่อให้พี่หมวยได้ผ่าตัดไปได้ด้วยดี ผมปรึกษาพ่อและทุกอย่างก็ไม่น่ามีปัญหา จนเรื่องผมกับริณที่ยุติความสัมพันธ์แบบถาวรก็ไปถึงบ้านใหญ่ พวกป้าสะใภ้ก็เริ่มหาเรื่องครอบครัวของผมอีกครั้งโดยการเอาเรื่องที่ผมจะจัดงานกับพี่หมวยมาโจมตี ว่าเป็นพวกฝรั่งผิดเพศ ทำสกุลตระกูลเสื่อมเสีย บ้างบอกให้ผมเอาสกุลออก ตอนนั้นผมเดาใจหญิงยายไม่ถูก จนท่านเอ่ยขึ้นมาเนิบๆ

หญิงรู้ว่าคุณชุนบริสุทธิ์ใจ...แต่คุณชุนทำแบบนี้ก็เหมือนหักหาญใจหญิงนะ... เรื่องแบบนี้ พวกนักข่าวปากดีจะเอาไปซุบซิบนินทาได้ คุณชุนจะไม่นึกถึงสกุลของคุณลดาหน่อยหรือ”

“...”

“ตอนนี้พวกเมียคุณใหญ่พากันมาใส่ไฟให้หญิงทุกวัน หญิงลำบากใจเหลือเกินคุณชุน... หากอย่างนั้น หญิงมีข้อเสนอหนึ่ง”ผมมองหน้าหญิงยายที่ทอดสายตามาหาก่อนที่ท่านจะพูดประโยคที่ทำเอาผมตัวชา “แต่งงานกับลูกสาวครอบครัวลูกครึ่งที่เคยมางานเลี้ยงวันเกิดหญิง แล้วรอจนถึงสามสิบ ไปเรียน ไปทำงาน ไปทำอะไรก็ได้ หรืออยู่กับท่านคุณเคอร์เบิร์กเสียก่อน เหมาะสมแล้วค่อยกลับมา เหมือนพวกเมียคุณใหญ่จะอยากให้เป็นแบบนั้น”

“คุณหญิง...แต่จะให้ชุนทำแบบนั้นทั้งที่จะแต่งงานมันไม่ถูก ผมแย้งกับพวกคุณใหญ่ไปแล้ว คุณหญิงสั่งชุนแบบนี้ไม่ได้”คุณพ่อออกไปโดยที่ผมก็เม้มปากนิ่ง ผมรู้แก่ใจว่าไม่มีที่ให้ผ่าตัด กว่าจะมีคิวว่างพี่หมวยคงสิ้นใจไปก่อน แถมคุณพ่อก็จะยิ่งร้าวกับทางนี้ไปใหญ่ถ้าผมไม่รับข้อเสนอหญิงยาย ...ตอนนั้นผมเลือกที่จะตกลง อาจจะดูใจร้าย แต่ผมไม่มีเวลาแล้ว ผมได้แต่รับชะตากรรมพวกนั้นอย่างไม่สามารถหลีกหนีมันได้ ผมไม่อยากให้พวกคุณลุงใหญ่มาวุ่นวายกับครอบครัวของผมอีก

ผมกลับมาดูแลพี่หมวย คอยปลอบเมื่อพี่หมวยทราบวินิจฉัย..เป็นไปตามคาด เขาก็กลัวไม่ต่างจากผม เขามีผมเป็นที่พึ่ง และผมก็ดูแลเขาตลอดเวลาแทบไม่ได้ห่าง ผมอยู่กับเขาโดยที่งานแต่งระหว่างผมกับผู้หญิงอีกคนก็ดำเนินไปเรื่อยๆโดยที่เขาไม่รู้ ผมได้แต่ขอโทษพ่อแม่พี่หมวย ผมไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากจะให้เขาหายดี และโชคดีที่พ่อแม่ของเขาเข้าใจผม และโชคดีอีกครั้งที่ผู้หญิงที่ผมจะแต่งด้วยเธอไม่ได้อชพออะไรผมนัก เธอเป็นแพทย์อาสาอยู่ต่างประเทศ และเหมือนจะรักกับหมอที่นั่น การคลุมถุงชนของเราสองคนจึงไม่ได้เป็นปัญหาอิรุงตุงนังเท่าไหร่

แม้จะรู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกทุกอย่างกับพี่หมวย แต่ผมรู้ว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาไม่มีทางยอมแน่นอน ในขณะเดียวกันทีมแพทย์ที่หญิงยายได้ดำเนินการให้ก็มาถึง โรงพยาบาลที่พี่หมวยพักอยู่นั้นเป็นของคุณลุงรอง เรื่องค่าใช้จ่ายนั้นจึงตกเป็นส่วนหนึ่งของเงื่อนไข ผมจูบลาตั้งแต่เรายังคอยเวลาผ่าตัด ผมได้แต่เอ่ยเป็นนัยๆเพื่อจะได้ไม่รู้สึกเจ็บปวดไปกว่านี้ และสุดท้ายผมก็ส่งพี่หมวยเข้าห้องผ่าตัด ทันทีที่พี่หมวยเข้าห้องผ่าตัด มันน่าอายที่ผมได้แต่หันหลังเดินร้องไห้ออกจากโรงพยาบาลไปยังรถที่จอดรอรับ มันเจ็บปวดมากจริงๆที่ผมไม่สามารถปกป้องเขาได้อีกครั้ง ผมรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลว ผมผิดหวังในตัวเอง ผมรู้สึกแย่กับหลายๆอย่าง และได้คเชนทร์กับคู่แต่งงานที่รู้สึกไม่ต่างกันนักคอยปลอบ ผมเพิ่งมารู้อีกว่าพวกเมียคุณลุงใหญ่ยังไม่หยุดไปวอแวกับบ้านพี่หมวยว่าให้ส่งของเกี่ยวกับพวกเราสองคนมายึดไว้ ผมจึงได้แต่เอาของที่ผมมีฝากไว้ให้ริณ และให้หญิงยายช่วยเอาของที่พวกเมียคุณลุงใหญ่ไปเอามานั้นมาให้ผม ติดตัวไปแคนาดาด้วย

ผมกับเจ้าสาวแต่งงานจดทะเบียนกันเรียบร้อย ก็แยกทางกันที่สนามบิน ผมเก็บความรู้สึกเจ็บปวดมาพักที่บ้านคุณปู่คุณย่า และทำเอกสารเรียนต่อและเริ่มใช้ชีวิตอยู่ที่แคนาดา จนได้ฤกษ์หย่ากับเจ้าสาวที่ตอนนี้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ผมใช้ชีวิตต่อไปแม้ท้องฟ้ามันจะไม่เหมือนเดิม ทุกสิ่งทุกอย่างดูขาดหาย ผมได้แต่มองข้าวของที่ทางญาติไปเอามาจากบ้านพี่หมวย รูปถ่ายของเรา ความทรงจำทุกสิ่งทุกอย่างที่อัดแน่นอยู่ในนี้ ผมไม่รู้ว่าพี่หมวยจะยกโทษให้ผมหรือเปล่าที่ผมตัดสินแบบนี้ แต่ผมบอกแล้วว่าผมจะปกป้องพี่หมวย แม้ว่ามันจะเป็นวิธีที่ขี้ขลาดที่สุดก็ตาม หลายต่อหลายครั้งงที่ผมได้แต่ซบหน้ากับมุมห้องร้องไห้เงียบๆอย่างเหนื่อยล้าแม้ว่าปกติผมไม่ได้เป็นแบบนั้น


ผมยังผูกริบบิ้นสีแดงที่นิ้วของผมเองอยู่...
เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าผมเป็นของคนๆหนึ่ง... แม้ว่าเจ้าของของผมจะจำผมไม่ได้แล้วตาม...


บางครั้งมันก็เจ็บในหัวใจแปลกๆเมื่อถามข่าวคราวของพี่หมวยผ่านเจ้าเชนทร์ และพบว่าเขาลืมผมจนหมด และทุกคนก็ไม่สามารถพูดชื่อผมออกไปได้ ได้อยู่กันไปแบบนั้น มันสะท้อนในอกอย่างบอกไม่ถูก เขาลืมผมไปแล้วในขณะที่ผมจำได้ทุกอย่าง ผมคิดถึง อยากกอด อยากจูบ อยากแตะแก้มของเขา อยากหัวเราะไปด้วยกันเหมือนที่เคยทำ แต่ที่ผมทำได้กลับเป็นแค่เพียงการอดทนรอ ผมรอ...ให้สักวันนึงริณส่งของให้กับพี่หมวย และถ้าริณไม่ได้ส่งให้ หรือพี่หมวยได้รับแล้วจำไม่ได้ ผมตอนสามสิบจะกลับไปทำให้เขาได้เองตามที่เคยบอกกับเขาเอาไว้... ถ้าเขาไม่มีใครไปก่อน

ผมใช้ชีวิตอยู่กับคุณปู่คุณย่า และญาติๆฝั่งคุณพ่อที่ค่อนข้างอบอุ่น กับกาลเวลาที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ไม่มีอะไรติดต่อกลับมาจากพี่หมวยแม้ผมจะรับรู้จากริณแล้วว่าได้ส่งของไปให้ ริณแค่อวยพรให้ผมแล้วเราก็จบกันด้วยดีไม่มีอะไรติดค้างใจกันอีก ผมยังคงรอคอยท่าทีของพี่หมวยจากเจ้าเชนทร์ และได้คำตอบว่าพี่หมวยยังใช้ชีวิตปกติ ยังมีพี่ป๋อมาคอยแวะเวียนดูแลทุกวันจนผมคิดว่าผมจะจะผิดคำพูดโดยการไปหาเขาก่อนสามสิบจะดีหรือไม่

ในช่วงกลางดึกอันแสนจะน่าเบื่อ ผมตรำตำราเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่าน นั่งอ่านหนังสือและทำวิจัยของตัวเองไป จู่ๆโปรแกรมแชทจากคเชนทร์คนเดิมก็ส่งมาหา มันมากับลิ้งกระทู้ชื่อดังของประเทศไทยที่ทำเอาหัวใจของผมเต้นแรงเหลือเกิน ก่อนจะทิ้งท้ายว่าน้องมิน ภรรยาสุดที่รักของมันส่งข่าวว่าพี่หมวยกำลังจะไปหาพี่อี้ที่ภูเก็ต

ผมลองคลิกมันเข้าไปก่อนจะเห็นชื่อกระทู้ว่า กลางวันตื่น – กลางคืนฝัน และความทรงจำของเรา สายตาผมกวาดดูข้อความ ขมวดคิ้วเมื่อเจอคำว่าปัก รูปเคลื่อนไหวแปลกๆ และคำว่าลืมแท็กห้องนิยายรึเปล่า ผมตัดปัญหาด้วยการกดเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้ สิ่งที่บันทึกมาตลอดนั้นเป็นความทรงจำระหว่างเขากับผม ตั้งแต่เขาแนะนำตัวว่าชื่อลวินท์... แม้จะเป็นความทรงจำที่ผมรู้ดีอยู่แล้ว แต่ผมกลับใช้สายตาไล่อ่านมันอย่างตั้งใจ ตัวหนังสือของเขาร้อยเรียงเรื่องราวระหว่างเราสองคน ตัวผมในมุมมองของเขา (ที่เรียกว่าร่างทรงพ่อ) ทุกสิ่งที่ผ่านสายตาของเขามันทำให้ผมกลั้นน้ำตาของตัวผมเองไม่ไหว หากในตอนนี้ให้พูดสิ่งที่ผมอยากทำที่สุด ผมคงตอบว่าผมอยากกอดเขา ยิ่งรู้ว่าระหว่างสามปีนั้นส่วนลึกของเขาผมยังมีตัวตน มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่ามันช่างวิเศษ ผมอ่านทุกบรรทัดที่พี่หมวยพิมพ์อย่างไม่ให้ตกหล่นเสียสักบรรทัด ผมค่อยๆก้าวขาเข้าไปในห้องแห่งความทรงจำของผู้ชายที่ชื่อว่าลวินท์แล้วล็อคประตูขังตัวเองเอาไว้ในนั้น...

เมื่อผมพิมพ์ตอบกระทู้นั้นเรียบร้อย ก็ลุกขึ้นเก็บเสื้อผ้าบางส่วนทันที ผมบอกกับคนที่บ้านว่าอยากไปเที่ยวที่ไทยสักพักและพวกท่านก็เข้าใจว่าเป็นเพราะผมเรียนหนัก หัวใจของผมสั่น มันพองโตจนคับอก หนึ่งพันหนึ่งร้อยห้าสิบนาทีบนคาเธ่ย์แปซิฟิกออกจากแวนคูเวอร์ผ่านฮ่องกงสู่ภูเก็ต ผมหลับไปไม่รู้กี่ตื่น เช็คมือถืออีกทีก็พบว่าข้อความของผมถูกดันไปอยู่บนสุด หัวใจผมเต้นรัวเมื่อนั่งรถไปยังโรงแรมที่ให้คเชนทร์สอบถามมาให้ ทันทีที่ผมลากกระเป๋าและเห็นพี่อี้ที่เคาน์เตอร์ เขามองผมอ้าปากค้างไปเลยทีเดียว ก่อนจะรู้ว่าผมต้องการอะไร พี่อี้บอกให้ผมรอสักครู่และต่อสายหาพี่หมวย

ผมหงายข้อมือดูนาฬิกา พบว่ามันยิ่งช้ากว่าสิบเก้าชั่วโมงสิบนาทีที่ผมเดินทางมาเสียอีก ผมได้แต่รอ...และรู้ดีว่าการรอคอยของผมกำลังสิ้นสุดลงในไม่ช้า...



ผมแย้มริมฝีปากออกมาเมื่อคนที่ก้าวพรวดเข้ามาใหม่นั้นเป็นคนที่ผมคิดถึงเหลือเกิน...
ทันทีที่ผมกอดพี่หมวยเอาไว้...การรอคอยอันยาวนานของผมก็สิ้นสุดลง...




:D
แท็ก #คุณชุนพี่หมวย จ้า
รายละเอียดเล่มออกวันที่ 25  นี้ฮะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น