วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หมวย (Sehun x Luhan) (26)










Title: หมวย (26)
Image: SEHUN x LUHAN
Author: RUNAWAY05
  Note: ฮุ่ย






“พี่จะไปนานมั้ยอะ อย่าลืมของฝากบี้นะรู้ป้ะ”

ลวินท์หันไปมองเด็กหนุ่มที่พูดโวยวายหน้ารถซึ่งเขาเอ็นดูราวกับน้องแท้ๆ ระหว่างที่นั่งรถไปที่สนามบิน หลังจากเพื่อนที่เรียนด้วยกันสมัยมหาวิทยาลัยซึ่งเคยมาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลสองสามครั้งออกปากชวนไปพักผ่อนที่ภูเก็ต ตัวเขาเองหลังจากวันนั้น ก็ได้ซักถามกับคนรอบข้างจนรู้ถึงการมีอยู่ของผู้ชายที่ชื่อสุหฤทธิ์ ที่ตอนนี้ติดต่อไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร จะให้เขาไปที่บ้านสาทรก็ไม่กล้า เขาไม่ได้โทษใครกับการตัดสินใจทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขาคิดว่ามันนานเกินจะฟูมฟายให้เป็นความผิดของใคร และคิดว่าที่ผ่านมาทุกคนช่วยเหลือเขาอย่างถึงที่สุดแล้ว

“ส่งตรงนี้นะเว้ยหมวย มีอะไรด่วนรีบโทรมา”อินทัชกำชับเพื่อนสีหน้าจริงจัง ซึ่งชายหนุ่มรูปร่างกะทัดรัดก็ส่งยิ้มกลับมา

“เออ ขอบใจนะเว้ยอิน”

“ถึงแล้วอย่าลืมโทรหาบี้ด้วยนะ ไม่โทรฟ้องแม่นะเว้ย”

“รู้แล้วล่ะน่า”ได้แต่ทำปากยื่นให้ทั้งสองคนก่อนจะโบกมือลาแล้วลากกระเป๋าเข้าสู่สนามบิน เขาไม่ได้ให้พ่อแม่มาส่งเพราะไปแค่อาทิตย์เดียว เหมือนไปพักผ่อน แต่เขายังคงเอากล่องที่ได้จากคุณไอริณติดกระเป๋ามาด้วย ชายใบหน้าหวานข้อมือขวาสวมกำไลคาร์เทียร์ทองคำขาว ส่วนนิ้วมือข้างซ้ายสะดุดตาคนด้วยริบบิ้นสีแดงที่ผูกเป็นโบว์เอาไว้ เข้าติดต่อตั๋วเดินทางและจัดการเอกสารเล็กน้อย ก็ได้เวลาเดินทางไปยังภาคใต้ของประเทศ

ก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวัน เขาได้อัพความทรงจำของเขาลงในกระทู้ชื่อดังสีน้ำเงินเหลือง บอกเล่าเรื่องราวของตัวเองที่เกี่ยวข้องกับชายคนหนึ่งมาตลอดแม้จะไม่ได้เปิดเผยชื่ออีกฝ่าย แม้แรกๆจะถูกเยาะเย้ยว่าให้แท็กห้องแต่งนิยาย หรือถามแบบจิกกัดว่าหนังสือจะออกเมื่อไหร่จะได้ตามไปซื้อ แต่ลวินท์ก็ไม่ได้ถือสา ชีวิตของเขามันยิ่งกว่านิยาย และสังคมในนั้นคงมีการแต่งเรื่องเพื่อเอาความนิยมกันมามาก จะคลางแคลงใจกันก็ไม่แปลก

“...”

เขาเลื่อนดูข้อความกำลังใจทั้งหลายรวมทั้งโพสต์เพลงเป็นข้อความตอบกลับ หน้าไมค์หลังไมค์ที่ทั้งปลอบทั้งสอนการใช้ชีวิตทำให้เขายิ้มออกมาได้ ก่อนหน้าที่เขาเดินทางมาสนามบิน ก็มีคนมาทักในกล่องข้อความว่าเขามีตัวตนจริงหรือเปล่า อยากเจอจะได้ไหม เขาก็ตอบว่าได้และมีคนมาจริงๆ เขาไม่ปิดบังอะไรกับข้อมูลของเขา แต่เขาอยากจะปกปิดข้อมูลของอีกคนเอาไว้ อีกฝ่ายเป็นคนสกุลดัง จะทำอะไรออกนอกหน้าคงจะไม่งามเท่าใด

ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งก็ถึงสนามบิน เขาลากกระเป๋าออกมาเจอชลันธรเพื่อนสนิทอีกคนที่ไม่เจอกันหลายเดือน ซึ่งตอนนี้เพื่อนก็ยังช่วยงานอยู่ที่โรงแรมชายหาดแห่งหนึ่งในภูเก็ต ทั้งคู่สวมกอดกันแน่น และเป็นลวินท์ที่กล่าวออกมาเบาๆ

“แกผอมไปแล้วนะไอ้อี้”

“แกต่างหากไอ้หมวย ฉันน่ะเท่าเดิม อ้วนขึ้นด้วยซ้ำ ของกินเพียบทุกวัน”อีกฝ่ายส่งยิ้มมาให้ “ป่ะ วันนี้เจ๊โจให้ลาวันนึง ฉันจะพาแกเที่ยว”

“นอนที่โรงแรมได้เลยเหรอ?”เขาถามอย่างไม่แน่ใจนัก

“ได้ซี...ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เจ๊โจแกแว้ดๆไปอย่างนั้นแหล่ะ แต่แกใจดีจะตาย”ทั้งคู่พากันขึ้นรถที่เจ้าถิ่นขับมาเอง ท่ามกลางความเงียบงันบทสนทนาก็เริ่มต้น

“พี่จุ่นเป็นไงบ้างล่ะ”

“ก็พาน้องมาหาบ่อยๆนะ แต่ฉันสนุกกับที่นี่ ฉันไม่อยากกลับไปแล้ว เขาเลยว่าเดี๋ยวเยลลี่ปิดเทอมจะเอามาฝากฉันเลี้ยง เจ๊โจตบมือรอเลยว่ะ แกอยากได้เด็กผู้หญิงมาเลี้ยงลูกสาว”

“แบบนี้ก็ดีน่ะสิ”

“กลัวว่าน้องจะแรดแล้วแม่พี่จุ่นจะด่าหัวฉันเอาล่ะไม่ว่า”เสียงหัวเราะดังขึ้นจนคนขับกล่าวถามเนิบๆ “แล้วแกเป็นไง”

“?”

“ที่แกโทรมาร้องไห้ร้องห่มว่าได้กล่องของขวัญ เป็นยังไงบ้าง”

“ทำไมแกไม่เล่าเรื่องคุณชุน...สามปีเลยนะที่ฉันอยู่แบบขาดอะไรไป...แรกๆฉันก็โกรธทุกคนแต่พอคิดดูดีๆ...เฮ้อ”ลวินท์พิงตัวกับเบาะรถ และเพื่อนสนิทคนเดิมก็หันมายิ้มน้อยๆให้

“แกเชื่อมั้ย ว่าเจ๊โจไปงานแต่งคุณชุนมา”

“...”

“แกเอ๋ย...ฉันไม่กล้าเล่าให้ใครฟังเลย...เรื่องที่เจ๊โจบอกกับฉันว่าพวกวงในไฮโซเขาซุบซิบกัน เรื่องคุณชุนจะรักษาแก แต่งแกออกหน้าออกตาทั้งที่ทางญาติผู้ใหญ่เขาไม่เห็นด้วย เจ้าสัวสมคิดออกปากทะเลาะต่อสู้จนแทบตาย จะเป็นคนออกค่ารักษาให้แกเอง แต่ทางญาติเขาก็ไม่ยอม ถึงจะรักษาแกไปคุณชุนก็ต้องแต่งกับผู้หญิงสักคนอยู่ดี เขาไม่ปล่อยให้ชายสกุลสูงเป็นโสดอยู่นานหรอก”

“...”เขามองชลันธรที่เพ่งมองถนนด้านหน้า

“มันเป็นข้อเสนอที่คุณชุนเขาสมัครใจเอง ทั้งที่พ่อแม่ของเขาก็คัดค้านเต็มความสามารถ ฟังตรงนี้อาจดูเหมือนเขาใจร้ายอยากจะไปจากแก...แต่ไม่ใช่เลยหมวย เขาไม่ได้ปกป้องแค่แก..เขาปกป้องความสัมพันธ์พ่อเขากับญาติทางแม่เขาที่ไม่ค่อยจะถูกกัน ปกป้องครอบครัวของแกไม่ให้พวกญาติเขาไปวุ่นวายมากกว่านี้ เขาปกป้องแกจนนาทีสุดท้ายด้วยการลบตัวเองหายไปจากชีวิตของแก”

“แก..พอก่อน..ฉันจะร้องไห้”ลวินท์พูดเบาๆ

“เอาน่ะแก... เมื่ออีกคนนึงเดินจากไป มันเหมือนกับเขาเอาทุกอย่างไปจากชีวิตเรา”ดวงตาสวยนั้นทอดไปตามถนน “แต่แกเชื่อฉันนะ ว่ายังเหลือสิ่งนึงที่เขาไม่เอาไปจากแกไม่ได้ สิ่งนั้นคือความรักที่แกมีให้เขา”

“...”

เพราะมันจะอยู่กับความทรงจำของแกตลอดไป... มาพักผ่อนเว้ย อย่าเครียด”

“อืม...”ลวินท์ครางรับในลำคอ สายตามองสองข้างทางจนอีกฝ่ายพากลับมาที่โรงแรม เขาได้รู้จักกับเจ๊โจ เจ้าของโรงแรมคนสวยกับสามีฝรั่ง ซึ่งแกพอรู้เรื่องของเขามาก่อนหน้านี้แล้ว ทันทีที่เจอกันก็บอกว่าให้พักให้กินเต็มที่ เขาโดนลูบศีรษะพร้อมกับบอกสงสารไม่หยุดปาก แต่ให้พูดตามความจริง เขาก็สงสารตัวเองอยู่เหมือนกัน

“กินข้าวกินปลาก่อนนะ เดินทางมาเหนื่อยสิเรา”เจ๊โจ หรือโจมี่สาวประเภทสองที่สวยกว่าผู้หญิงแท้ๆเรียกเด็กๆมาจัดสำรับต้อนรับในห้องอาหารของโรงแรม ลวินท์มองขนมจีน แกงส้มปลากะพง หมูฮ้อง ที่คล้ายหมูพะโล้แต่หนักเครื่องเทศกว่า น้ำพริกกุ้งเสียบ เส้นหมี่แกงปู ใบเหลียงผัดไข่ ถูกจัดวางเต็มโต๊ะจนเขาคิดว่าเขาคงทานคนเดียวไม่ไหว

“เอามาเยอะไปแล้วครับ ผมทานไม่หมดหรอก”

“ก็กินด้วยกันนี่แหล่ะ อี้มานั่งกินข้าวด้วยกัน โรเบิร์ตนี่ยังไม่ตื่นใช่มั้ย?”

“ไม่นะเจ๊ เห็นเด็กว่ายังนอนอยู่เลย”

“ตาย ผัวฉัน นอนกินเกาะภูเก็ต”เจ๊โจเหลือกตาขึ้นฟ้า “ตอนเย็นๆมีพวกซีฟู้ดเลี้ยงนะ กินไปเถอะ ทริปนี้เจ๊เลี้ยง ถือว่ามาพักใจ”

“ขอบคุณนะครับ”เขาตอบไปเบาๆ ก่อนจะถูกตบไหล่อีกที

“โลกนี้มันก็แบบนี้แหล่ะหมวย...บอกว่าชอบคนที่จิตใจ แต่ก็ทำข่าวพ่อค้าแม่ค้าหน้าตาดีกัน บอกว่ารักไม่มีพรมแดนขวางกั้น แต่สุดท้ายก็มีชนชั้น มีข้อห้ามนั่นนี่อยู่เสมอ คิดซะว่าวาสนาเรากับเขายังไม่พอดีกัน เจ๊ผ่านมันมา เจ๊เข้าใจ...เจ๊เลยเข้าใจอี้ชวนน้องมาอยู่นี่ เจ๊กว่าจะอยู่กับโรเบิร์ตได้ ลาออกจากแบงค์ หนีงานแต่งที่พ่อแม่หาผู้หญิงให้หนักเขาหนีออกจากบ้าน ร้องมาเยอะ ชีวิตคนเรามันมีเรื่องราวแตกต่างกันไป อยู่ที่เราจะให้มันจบลงแบบไหน”

“...”

“ถ้ามีวาสนาต่อกัน...ก็จะได้เจอกันอีกแน่นอน คิดดีไว้นะ”

“ครับ”เขาตอบรับ จนเมื่อทานอาหารพร้อมกับเอาของไปเก็บที่ห้อง และอี้เพื่อนคนเดิมของลวินท์ก็พาไปวัดไชยธาราราม หรือวัดฉลอง และได้รับรู้ว่าเพื่อนเคยมาขอพรให้เขาหายดีอยู่หลายครั้ง เสียงประทัดแก้บนยังคงเลือนลั่น โดยที่ไกด์เฉพาะกิจกันเขาไปยังจุดชมวิวต่างๆ ก่อนจะกลับมาทานอาหารและเข้านอนพักผ่อน เขานอนกับไอ้อี้เพื่อนที่ยังคงอยู่ด้วยกันมาเกือบสิบปี พูดคุยเรื่องราวต่างๆด้วยกันแทบจะทั้งคืน ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาและเรื่องต่อจากนี้ อี้บอกกับเขาว่ายังพอใจกับการอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆแม้จะไม่มีพี่จุ่นเคียงข้าง และตัวเขาเองนั้นที่ยังไม่รู้จะเอายังไงต่อไปกับชีวิตเกี่ยวกับความรัก นอกจากเล่าเรื่องที่ตั้งกระทู้แบบขำๆให้เพื่อนกัง ชีวิตจากนี้ก็ได้แต่พูดว่ารอก่อน... เขายังไม่อยากมีใครตอนนี้ ความจริงที่เขารับรู้ยิ่งทำให้ไม่มีใครมาแทนที่ผู้ชายคนนั้นได้แม้แต่คน

“เดี๋ยววันนี้นั่งรถของโรงแรมไปกับพวกฝรั่งเอาแล้วกัน แกเที่ยวคนเดียวไหวใช่มั้ย?”

“ไหวดิ ชินแล้ว”เขาตอบเพื่อนขณะที่เช็คความแน่นหนาของรองเท้าผ้าใบในเช้าวันต่อมา วันนี้เพื่อนของเขาต้องทำงานเลยไม่สามารถพาไปไหนมาไหนได้

“มีอะไรรีบโทรมานะ แล้วนี่โทรกลับบ้านรึยัง”

“โทรแล้ว..ฉันจะสามสิบแล้วนะเว้ยทำเหมือนเป็นเด็กไปได้”

“แกไม่โต”อีกฝ่ายว่าให้ได้เหลือกตามองบน แต่ลวินท์รู้ดีว่าเพื่อนคนนี้ยังคงความห่วงใยเขาอยู่เสมอ สุดท้ายเขาก็ออกมาจากที่พักโดยขึ้นรถของโรงแรมออกเดินทางไปกับชาวต่างประเทศที่มาท่องเที่ยว เขานั่งอยู่อย่างแปลกแยกและไม่ได้ตอบคำถามเวลาที่คนจ้องมองมาที่มือซ้าย สายลมและพระอาทิตย์ของที่นี่ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมา เขาไม่รู้สึกกลัวที่จะไปเที่ยวในที่ไม่คุ้นเคยอีก เขายังคงฟังเพลงๆเดิมจากเครื่องเล่นอันเล็ก ในกระเป๋ายังมีอัลบั้มรูปถ่าย นิ้วนางข้างซ้ายยังคงไว้ซึ่งริบบิ้นผ้าสีแดงเส้นเดิมอยู่เสมอ

ชีวิตของผ่านมาอะไรมากมายนัก...เขาคิดว่าแบบนั้น และผ่านมาได้ด้วยความรัก เขาได้รับความรักจากหลายๆคนและความหวังดีจากคนรอบตัว ลวินท์คิดว่าตัวเองช่างโชคดี และก็โชคร้ายที่ไม่สามารถเก็บคนที่รักไว้กับตัวได้ บางทีเขาก็รู้สึกเสียดาย หากจะเป็นอย่างนี้เขาจะบอกรักอีกคนทุกวัน จะไม่งี่เง่า จะไม่งอแง จะเก็บช่วงเวลาทุกนาทีให้ดีกว่านี้

เพราะคนเราชอบใช้ชีวิตกับการใส่ใจอะไรที่ไกลตา..จนเผลอหลงลืมอะไรใกล้ตาไปอย่างไม่รู้ตัว...

เขายังนึกถึงวันเกิดของพวกเขา ยังนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา และรู้ดีว่าเขาไม่สามารถย้อนหรือกลับไปเรียกร้องอะไรได้ ที่เขาเขียนมันลงกระทู้นั้น เขายังมีความหวังลึกๆว่าอีกฝ่ายจะรับรู้... เขาไม่ได้เรียกร้องว่าต้องได้อะไรกลับมา เขาหวังแค่ว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ก็พอ...

“ฮัลโหล”ลวินท์รับสายเมื่อเจ้าอี้เพื่อนรักโทรมาหา ขณะที่ตัวเองกำลังนั่งชมวิวอยู่ตรงศาลา คิ้วเรียวขมวดเมื่อปลายเสียงตะกุกตะกักของชลันธรส่งมาจากปลายสาย

“แก..กลับมาที่โรงแรมเดี๋ยวนี้เลย”

“ห๋า..ทำไม? มีอะไร?”

“ฉันโทรให้เด็กไปรับแกแล้ว รออยู่ตรงนั้นนะ”อีกฝ่ายพูดเสียงเบาจนแทบกระซิบ “ที่ไปตั้งกระทู้พันทิปไว้น่ะ อ่านท็อปคอมเม้นท์ด้วย กระทู้แกแตกแล้ว”

“?”ดวงตากลมโตเบิกนิดหน่อย จนกระทั่งรถแท็กซี่คันหนึ่งมาเทียบจอดพร้อมกับยืนยันตัว ลวินท์จึงบอกคนขับรถและไกด์นำทางว่าขอตัวกลับก่อน เขาขึ้นแท็กซี่ก่อนจะเปิดดูกระทู้ที่เขาปิดหน้าต่างออกไปตั้งแต่ตอนมาเที่ยว พวกว่าเลขสีเหลืองถูกบวกจนถึงหลักพัน ท็อปคอมเม้นท์แรกที่เป็นข้อความสอนการใช้ชีวิตจากใครสักคนในโลกออนไลน์ ถูกแทนที่ด้วยคอมเม้นท์หนึ่งซึ่งอยู่ในหลักพันกว่า



“สวัสดีครับ...คุณจขกท.(เจ้าของกระทู้)

เมื่อวานนี้ผมได้รับข้อความจากทางโปรแกรมไลน์จากคเชนทร์ เพื่อนสนิทคนหนึ่งของผม เกี่ยวกับกระทู้ที่มีบันทึกเรื่องราวของคุณ ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้อ่านเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด และรู้สึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ผมได้อ่านบันทึกดีๆนั้นอีกครั้ง จนอดไม่ได้ที่ต้องปัดฝุ่นล็อกอินนี้มาคอมเม้นให้ ซึ่งผมเคยสมัครไว้กดถูกใจตอนคุณรีวิวเที่ยวเชียงคาน...ประมาณสามปีที่แล้ว...

ตามที่จขกท.ได้รับรู้ ผู้ชายคนนั้นได้แต่งงานระหว่างที่จขกท.ทำการผ่าตัดสมองจนเรียบร้อยดี เขารับรู้ปลายทางแต่แรกตั้งแต่ที่คุณหมอแจ้งอาการ ผู้ชายคนนั้นอ่อนแอเหลือเกิน... หรือเรียกอีกอย่างที่ไม่เข้มแข้งพอที่จะสามารถเคียงข้างจขกท.ไปจนถึงตอนที่จขกท.ฟื้นจากการผ่าตัดได้ แต่ข่าวคราวของจขกท.เขายังรับรู้เสมอผ่านคเชนทร์..เพื่อนคนเดิมของเขา

ผู้ชายคนนั้นแต่งงานกับผู้หญิงที่รู้จักกันได้เพียงสี่วัน ตอนนี้เธอเป็นอาสาสมัครอยู่แอฟริกา เป็นแพทย์อาสาผู้เสียสละและน้ำใจงามมาก เธอฟังปัญหาของผู้ชายคนนั้นในครั้งแรกที่เจอกัน และยินยอมที่จะเข้าพิธีด้วย แต่หลังจากนั้น เขาและเธอก็แยกกันอยู่อย่างไม่มีสัมพันธ์ใดใดสักนิดเดียว เมื่อเข้าปีที่สอง เขาและเธอก็หย่ากัน เธอยังคงมุ่งช่วยเหลือคนลำบากที่เดิม และเขาก็ย้ายมาที่แวนคูเวอร์เพื่อทำการศึกษาต่อจนจบปริญญาโท และตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ช่วงปริญญาเอกอันแสนจะเหนื่อยล้า

จขกท.ครับ...จขกท.รู้ไหมว่าจนป่านนี้ คอนโดนั้นยังไม่มีการเคลื่อนย้ายอะไร และมีการทำความสะอาดสองเดือนครั้ง ไข่ต้มตอนนี้เป็นแมวแก่ๆอยู่ที่บ้านสาทร พ่อแม่ของเขาต่างคิดถึงและอยากเจอจขกท.มาตลอด แต่ก็กลัวว่าจะทำให้จขกท.รู้สึกไม่ดีขึ้นมาอีก พวกท่านได้แต่รอคอยจขกท.ว่าสักวันหนึ่งถ้าหากจขกท.จำได้ จะกลับไปหาพวกท่านบ้าง ส่วนน้องสาวที่เขาฝากของให้กับจขกท. เธอเพิ่งมีโอกาสให้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอต้องเดินทางบ่อยครั้ง ทั้งที่ความจริงเขาควรฝากคเชนทร์ให้กับจขกท. แต่เขากลับเห็นว่า จะเร็วจะช้าก็ถึงมือจขกท.อยู่ดี”



ลวินท์ปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ก่อนจะจ้องลงไปที่หน้าจออีกครั้ง




“หากช้ากว่านี้หน่อย ผู้ชายคนนั้นก็จะอายุสามสิบ จะสามารถทำตามสัญญาที่เคยให้ตั้งแต่ตอนแรกได้...ว่าตอนอายุสามสิบ เขาจะขอจขกท.แต่งงาน แต่ด้วยความใจร้อนละมั้ง ทุกอย่างจึงได้กลับตาลปัตรไปเสียหมด เขายังอยู่ที่นี่... เขายังไม่มีใคร เขายังยกมือแตะขึ้นไปบนฟ้าบ่อยๆ เขาไม่สนใจนักว่าใครจะมองมาที่มือของเขา ที่ผูกริบบิ้นสีแดงไว้ที่นิ้ว ยังฟังเพลงเดียวกันกับเพลงที่ฝากไว้ให้กับจขกท. ...เขาไม่ได้ตอบคำถาม.. ทุกคนที่ถามเขาว่าสิ่งนี้คืออะไร... เขาเก็บคำถามทั้งหมดมวลนั้นไว้รอถามจขกท.สักวันหนึ่ง ในเวลาที่หมาะสม และไม่มีใครกล้มาวุ่นวายพื้นที่ของพวกเขาได้อีก และเขาคิด...เขาคิดว่าเขาพร้อมแล้ว ที่จะเอ่ยถามคุณจขกท.อีกครั้ง”

“...”ริมฝีปากเล็กกัดฉับ น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาอีกหนจนหยดน้ำนั้นไหลหยดเปื้อนจอมือถือ เขาเงยหน้าขึ้น น้ำตาคลอไปทั้งดวงตา เขาสูดลมหายใจลึกๆก่อนจะก้มหน้าอ่านอีกครั้ง ก่อนจะเจอประโยคเดียวที่อยู่ท่ามกลางช่องว่างนั้นซึ่งถูกบดบังด้วยน้ำใสคลอเต็มสองตา



“พี่หมวย...ยังอยากจะแต่งงานกับชุนอยู่มั้ยครับ?”



ลวินท์รีบเช็ดน้ำตาเมื่อรู้สึกได้ว่ารถมาถึงโรงแรม เขาเปิดประตูรถสาวเท้าเร็วๆเข้ามาด้านในเพราะไม่อยากให้ใครเห็นว่าเขาร้องไห้ ก่อนจะพบใครสักคนที่ยืนรอตรงล็อบบี้ ผู้ชายคนนั้นรูปร่างสูงราวร้อยแปดสิบเซนติเมตร เส้นผมสีทองถูกตัดรองทรงสูงเป็นระเบียบ ดวงตาคมแก้วตาสีน้ำตาล จมูกโด่งคมรับกับริมฝีปากได้รูปที่วาดเป็นรอยยิ้ม เครื่องหน้าคล้ายชาวตะวันตกอยู่ในชุดเชิ้ตเชิ้ตสีอ่อนกับกางเกงยีนส์สีเข้มเป็นเครื่องแต่งกายเฉพาะตัว ลวินท์ยกมือปิดปากร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เหมือนกับสิ่งที่คลุมเครือมาตลอดสาปีนั้นชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับกำแพงที่บดบังการมองเห็นเหล่านั้นได้ทลายลง



เป็นอีกครั้งที่ลวินท์ร้องไห้อย่างหมดรูปจนนึกสงสัยว่าตนเองเอาน้ำตามาจากไหนหนักหนา...

เพียงแต่ตอนนี้น้ำตาของเขามันไม่ได้หยดอย่างสูญเปล่า...มันมีเสื้อของผู้ชายคนหนึ่งที่คอยรองรับน้ำตาไว้ให้มาเสมอ..แม้จะหายจากกันไปพักหนึ่งก็ตาม...

ผู้ชายคนนั้นชื่อว่าสุหฤทธิ์...




:D
แท็ก #คุณชุนพี่หมวย คับ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น