วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หมวย (Sehun x Luhan) (21)








Title: หมวย (21)
Image: SEHUN x LUHAN
Author: RUNAWAY05
  Note: ...




หลังจากที่เรานั่งลงรูปและจิ้มรีวิวเที่ยวเชียงคานลงพันทิปจนเรียบร้อย ไข่ต้มมันก็นอนหลับพอดี เรายืดเส้นยืดสายอยู่สักพัก ก็เปลี่ยนจากช่องซีรี่ส์เป็นช่องโยคะ นั่งบิดแขนบิดขากันไป สายฝนตกปรอยปรายลงมาเล็กน้อย แต่เราโทรหาคุณชุนก็พบว่าแกกำลังรอฝนซาอยู่ที่หน้าเซเว่นแถวออฟฟิศ ซึ่งเราก็กลัว ไม่อยากให้แกขับรถช่วงฝนตก เพราะแกเพิ่งถอยรถออกมาใหม่ล่ะหนึ่ง สองคือเราเป็นห่วง เราไม่อยากให้เหมือนคืนวันนั้นอีก คิดถึงทีไรจะขาดใจให้ได้ทุกที แต่แล้วสิ่งที่เราไม่ได้นึกถึงคือไอ้อี้โทรมาหาเรา ซึ่งปกติมันไม่โทรมาตอนนี้

“เฮ้ยอี้ มีอะไรโทรมาตอนนี้”

((หมวย มารับหน่อยดิ))

“ฮะ?”เราร้องเสียงสูง “ให้ฉันไปเชียงใหม่เหรอไง บ้า คนเพิ่งมาจากเชียงคาน”

((ฉันอยู่หมอชิต...มารับหน่อย))

“หมอชิต? ไปทำอะไรที่นั่น”

((น่า มาหาก่อน จะร้องไห้แล้วเนี่ย...)ปลายสายอ่อนๆของมันทำเอาเราเป็นกังวล จึงได้โทรหาคุณชุนให้แกมารับ บอกว่าไอ้อี้มันกลับมาอยู่ที่หมอชิต ประจวบเหมาะกับช่วงฝนซา จึงได้พากันไปที่นั่น โทรหาได้ความว่ามันนั่งอยู่ข้างใน ไปถึงตามพิกัดก็เจอไอ้อี้นั่งรอเป็นหมาหงอยอยู่อย่างนั้น ทันทีที่เจอหน้าเรามันก็โผเข้ากอดจนเราต้องเหลือกหน้าไปมองคุณชุน ซึ่งก็พบเพียงฝรั่งหนึ่งนายส่ายหน้ากลับมา...


“ฉันเบื่อ...มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว”

ไอ้อี้มันว่าขณะที่นั่งร้องไห้ร้องห่มอยู่เบาะหลัง (โดยที่บอกให้เรามานั่งเบาะหลังกับมัน ปล่อยคุณชุนแกนั่งหน้าขับเดี่ยวราวกับโซเฟอร์แท็กซี่) ไอ้อี้สั่งน้ำมูกใส่ทิชชู่ไปเราก็ลูบหลังมันไป

“พี่จุ่นไม่เหมือนเดิมเหรอ เขาตบตีแกเหรอไอ้อี้?”

“ไม่ตี...แต่ทะเลาะกันบ่อย พ่อแม่เขาชอบเอาน้องสาวแกมาเทียบ บ่นอยากจะมีลูกมีหลาน แต่ฉันเป็นผู้ชายไอ้หมวย ฉันจะไปทำลูกจากไหนให้ได้ หนักเขาเขาก็กระแนะกระแหนฉัน ฉันบอกเขาก็ว่าฉันคิดมาก ว่าพ่อแม่เขา ใส่ร้ายกันไปอีก แม่อุ๊ยก็แก่แล้ว ออกปากออกเสียงได้ไม่เยอะ”

“แล้วมาที่นี่พี่เขารู้มั้ยครับ?”คุณชุนแกถาม และพี่อี้ก็ส่ายหน้ากลับไปเบาๆ

“ไม่ครับ พอทะเลาะกันแล้วเขาไปสวน พี่ก็เก็บของออกมาเลย นั่งรถทัวร์เพราะเพื่อนเขาหลายคนทำงานอยู่สนามบิน ไม่อยากให้ใครเจอ พี่ไม่อยากกลับบ้านด้วย ไม่อยากให้เขารู้ว่าอยู่ที่ไหน”

เรากับคุณชุนสบตากันตรงกระจกมองหลังก่อนจะหันไปมองไอ้อี้ที่ทำตาปิ๊งๆใส่...

“ฉันขอนอนด้วยสักสองสามคืนนะ”




“พี่เอาแบบนี้จริงๆเหรอครับ?”

คุณชุนถามเราขณะที่พาเราไปคุยในซอกหลืบของห้องครัวขณะที่ไอ้อี้กำลังนั่งเล่นกับไอ้ไข่ต้มที่โซฟา สีหน้าของคุณชุนไม่สบายใจนักและเราก็มองออกว่าแกไม่อยากยุ่ง ถึงแม้คุณชุนจะเป็นพ่อพระมาจากไหน แต่ถ้าเป็นเรื่องผัวเมียแกไม่ยุ่งจริงๆ

“ให้พักสักสองสามคืนเถอะครับ ตอนพี่ลำบาก ตอนพี่ทะเลาะกับคุณชุน ก็ได้มันเตือนสติตลอดนะ”เรากล่อมคุณเจ้าของอยู่พักใหญ่ๆ

“ผมไม่กลัวอะไรหรอกพี่หมวย..ผมกลัวอย่างเดียวเราไปช่วยเขาเต็มที่ พอเขาดีกันเรามันก็คนนอก เอาเป็นว่าพักน่ะพักได้ แต่อย่าถึงกับช่วยอย่างอื่นเลยนะครับ”แกว่าก่อนจะลูบผมเราเบาๆ ก่อนจะดินไปยิ้มให้ไอ้อี้แล้วแยกไปอาบน้ำ เรารื้อของในตู้เย็นมาทำกับข้าวเพราะวันนี้สมาชิกมีสามคน สักพักไอ้อี้มันก็เดินเลียบๆเข้ามาหา

“น้องเขาไม่ชอบฉันรึเปล่า? ถ้าน้องเขาไม่พอใจบอกฉันนะ ฉันไปนอนที่อื่นก็ได้”

“แกจะไปนอนไหน? อยู่ที่นี่แหล่ะ อยู่จนแกคิดออกว่าควรจะทำยังไงต่อไป”เราพูด “คุณชุนไม่อะไรนักหรอก เขาเป็นห่วงที่แกออกมาแบบไม่เข้าใจกันมากกว่า”

“...”

“ทำใจให้สบายๆ ช่วยฉันทำกับข้าวก่อนแล้วกัน”สีหน้าไอ้อี้ไม่ค่อยดีนัก ตั้งแต่รู้จักมันมาแม้มันจะร้องห่มร้องไห้ให้สาวฮิป(โป)แฟนเก่ามันที่ไหนไปได้กับเด็กแว้น แต่เราก็ไม่เคยเห็นมันเหนื่อยล้าขนาดนี้มาก่อน เราสองคนช่วยกันทำกับข้าว ไอ้อี้รื้อนั่นรื้อนี่มันก็ทำแกงเลียงให้หม้อหนึ่ง ส่วนลวินท์พ่อครัวหัวไข่ก็ได้ไข่เจียวพริกสดมาหนึ่งจานถ้วน โต๊ะทานข้าวขนาดสี่คนมีไอ้อี้เพิ่มมาคนหนึ่งเลยทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปนิดหน่อย คุณชุนไม่ค่อยเล่นหรือร่ำไรกับเรานัก เข้าใจแหล่ะว่าแกก็เกรงใจไอ้อี้พอสมควร

ด้วยอากาศเย็นๆและเราก็ไม่มีกิจกรรมเพิ่มเติมใดใด ปกติก็นอนดูซีรี่ส์มีคุณชุนคอยนั่งๆนอนๆแกะรังแคบนหัวให้ ส่วนไข่ต้มก็มุดเป้าพ่อมันตามประสา แต่พอมีสมาชิกแปลกถิ่นมาคน ทุกอย่างก็ประดักประเดิดไปหมด ทุกคนนั่งหลังตรงดูข่าวในพระราชสำนักกันอย่างตั้งอกตั้งใจ หนักเข้าคุณชุนทนไม่ไหวแกก็ขยับไปนั่งเล่นกับไข่ต้มจนไข่ต้มมันเหนื่อยแล้วก็หลับไปเอง จนได้เวลาสมควรก็มีปัญหาใหม่ นอนเตียงกันสามคน... อันนี้ขอเรานอกเรื่องสักพักหนึ่ง จำตอนเราไปนอนพักห้องไอ้บี๋ตอนที่คุณชุนรถคว่ำได้ไหม เราไปนอนพร้อมไอ้บี๋ที่มันจะต้องเข้าเวรดึก นอนอยู่ดีๆเตียงนี่เด้งยวบยาบยวบยาบ ปรากฏว่าพี่หมอชรัณแกแวะมาหา คุณชายแกก็โซโล่ทั้งที่เรานอนอยู่ด้วยอย่างนั้นแหล่ะ เราก็เลยกลัวไอ้อี้จะสยองขวัญ (หรือหันมาร่วมวง) เผื่อคุณชุนระงับหื่นไม่ได้

“เดี๋ยวผมไปนอนโซฟากับไข่ต้มนะ พวกพี่ก็นอนบนเตียงแล้วกัน”คุณชุนว่าโดยไอ้อี้ก็ส่งเสียงอย่างเกรงใจ

“เฮ้ยพี่ไปนอนที่โซฟาได้นะ”

“ไม่เป็นไรครับ โซฟามันปรับนอนได้ พี่นอนเลย”คุณชุนส่งยิ้มให้ก่อนจะหยิบหมอนเน่ากับผ้าห่มในตู้พร้อมกับอุ้มไข่ต้มไปด้วยกัน จนห้องนอนมีเรากับไอ้อี้ เราก็จัดที่นอนใหม่ เอาหมอนอีกใบที่ไม่ใช้มาให้ไอ้อี้ที่ทำตาปริบๆ

“แฟนแกดีจนฉันรู้สึกผิดเลยเนี่ย”

“คุณชุนก็แบบนี้แหล่ะ อย่าไปอะไรเขาเลย”เราพูด ต่างคนต่างล้มตัวนอนลงบนเตียง ก่อนจะได้ยินเสียงคุณชุนแกเปิดข่าวสามมิติ คงจะเหงาของเขานั่นแหล่ะนะ

“คบกันถึงสองปีรึยังวะ...ตอนนั้นแกยังไลน์มาถามฉันอยู่เลยใช่ไหมว่าเขาคิดยังไงกับแก”ไอ้อี้มันหัวเราะพลันตะแคงตัวเอาหัวหนุนแขนหาเรา “เห็นแกอยู่กับคนที่ดีกับแกจริงๆฉันก็ดีใจ”

“ตอนแรกบ้านพี่จุ่นเขาโอเคไม่ใช่เหรอ ทำไมจู่ๆเป็นแบบนี้ล่ะ”เราถาม

“ตอนแรกก็โอเคดีล่ะ แต่พอพี่จุ๋มแต่งงาน เขาก็ชอบเปรียบเทียบกัน แม่พี่จุ่นเขาบอกว่ายังไงซะผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิง เขาพูดทั้งที่จัดหมั้นจัดแต่งฉันแล้ว มันเจ็บจริงๆนะ”น้ำเสียงไอ้อี้เบาหวิวจนเราสะท้อนใจไปด้วย “แล้วบ้านแฟนแกเขาว่ายังไง แล้วคุณริณอะไรนี่จะไม่มาแล้วใช่ไหม?”

“ฉันก็ไม่รู้...แต่บ้านเขาต้อนรับฉันดีอยู่ อนาคตก็ปล่อยให้มันเป็นไปเถอะ...”เราพูดอย่างรู้สึกปลง เราปลงจริงๆกับเรื่องคุณริณ เพราะเราเองก็ไม่แน่ใจนักว่าเราจะผ่านมันไปได้ด้วยดี

“คิดถึงตอนอยู่ลาดกระบังแฮะ พวกเรานอนคุยกันแบบนี้ เตะบอล อาบน้ำ กินข้าว ทำงานส่งอาจารย์ นั่งปั้นทรีดีต่อโมเดล”

“นั่นสิ ตอนนั้นเราทำโมเดลกันบ่ายสองจนถึงบ่ายสองของอีกวัน มาราธอนสุด”เราหัวเราะ “แล้วนี่แกจะไม่ไปหาแม่แกหน่อยเหรอ?”

“พอตอนฉันโทรไประบาย ท่านก็บอกให้ฉันอดทน...แต่มันไม่ใช่ว่ะหมวย แกก็รู้...ที่ฉันหนีจนมาหาแกคือฉันสุดๆแล้วจริงๆ ฉันคงไม่กลับไปอีกแล้ว”

“แล้วแกจะไปไหน?”

“ภูเก็ตมั้ง... จำพี่โจได้มั้ย? แกไปผ่าแล้วว่ะ ชื่อโจมี่ เปิดโรงแรมกับแฟนฝรั่งแกอยู่นั่น แกทักมาตอนฉันดราม่าในเฟสพอดี เลยว่าจะไปตั้งตัวอยู่นั่นสักพัก...”

“เมื่อไหร่?”เราถามอีกครั้ง

“ตอนแรกฉันว่าสักสองสามวัน แต่ดูรบกวนพวกแก...อีกอย่าง ฉันนึกขึ้นได้ว่าเดี๋ยวพี่จุ๋มรู้ก็คงมาตามเอากับแก ลำบากใจกันไปอีก”ไอ้อี้ยิ้มบางๆ “พรุ่งนี้ไปส่งสนามบินก็พอ กวนแกหลายอย่างเลย ขอโทษนะ”

“ไม่หรอก...ตอนฉันลำบากแกก็อยู่กับฉัน จะให้ฉันทิ้งแกได้ยังไง”เราขยี้ผมมันไปเบาๆ ซึ่งไอ้อี้ลองมันได้พูดแบบนี้คือมันไม่เอาแล้วจริงๆ เราเองก็เศร้าเพราะรับรู้ข่าวมันมาตลอด และทุกอย่างก็ปกติดี ตอนที่ไปงานแต่งเจ๊จุ๋มก็ปกติหมด แต่อย่างว่า เรื่องผู้ชายรักกันสำหรับบางสังคมนั้นมันเป็นเรื่องที่เข้าไม่ถึง และการไปยัดเยียดให้เข้าถึงมันเป็นไปได้ยาก อีกอย่างในความคิดของเรา ต่อให้คนรอบข้างไม่เข้าใจ พี่จุ่นก็ไม่น่าทำกับไอ้อี้แบบนี้... ตอนรักเลือกที่จะรักกันแท้ๆ เหมือนเอาไอ้อี้ไปอยู่ด้วยแล้วไม่ทะนุถนอม ให้พูดตรงๆเราก็ค่อนข้างฉุนพี่จุ่นแกไม่น้อย

รุ่งขึ้นช่วงเช้า เรากับคุณชุนเลยไปส่งไอ้อี้ที่สนามบิน คุณชุนพี่พอรู้เรื่องราวของมันอยู่บ้างแกก็ได้แต่บอกว่าใจหาย เพราะตอนไปงานแต่งเจ๊จุ๋มก็ดูทุกอย่างมีความสุขดี เราไปส่งมัน ซื้อตั๋วแล้วก็รอจนประกาศเรียก เราสวมกอดไอ้อี้ที่ตอนนี้มันจะย้ายไปอยู่ใต้หลังจากอยู่เหนือซะนาน

“เปลี่ยนเบอร์แล้วอย่าลืมโทรมานะ”เราว่าก่อนที่มันจะพยักหน้าเบาๆ

“รักษาตัวด้วยนะหมวย”

“แกด้วยนะ”

“อื้อ ฉันจะโทรหา”มันวาก่อนจะเข้าส่วนของผู้โดยสารไป เรามองไอ้อี้อย่างใจหายไม่น้อย ทุกครั้งที่เจอกันไม่เคยสั้นเพียงคืนสองคืนแบบนี้ การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มเกิดกับคนใกล้ตัวทำให้เราหวั่นใจไปไม่น้อยเช่นกัน

“พี่หมวย กลับกันนะ”

“ครับ”เราเดินตามคุณชุนออกมาเพราะเรางงกับสนามบินเหลือเกิน สงสัยเรายังซึมอยู่แกเลยบีบมือเราเล็กน้อย

“อย่าคิดมากเลยครับ พี่อี้อาจจะเปลี่ยนแปลงเพื่อเจออะไรที่ดีกว่าก็ได้”

“มัน...ไม่น่าเป็นแบบนี้เลยครับ”เราว่าพลันหัวเราะขื่นๆนิดหน่อย ฉับพลันนั้นสายก็เข้า และเป็นใครไม่ได้นอกจาก... “ครับเจ๊”

((หมวย น้องอี้ไปหาแกรึเปล่า พี่จุ่นบอกว่าน้องหนีออกจากบ้าน))

“ไม่ได้มาครับ”เราปฏิเสธ

((ไม่มาเหรอ? เห็นเขาว่าน้องนั่งรถทัวร์มากรุงเทพ ที่บ้านน้องก็บอกว่าน้องไม่ได้ไป... หมวย บอกเจ๊เถอะ พี่ชายเจ๊แกจะเป็นบ้าแล้ว)) น้ำเสียงเจ๊จุ๋มดูร้อนอกร้อนใจไม่น้อย เรามองหน้าคุณชุนที่จ้องมองเรากลับอย่างไม่รู้จะทำยังไง

“ผมไม่รู้จริงๆครับว่าเขาไปไหน แต่ถ้าสาเหตุ... เขาเคยเล่าให้ผมฟัง ผมว่าเจ๊ลองถามพี่จุ่นเขาดูดีกว่าครับ ว่าที่บ้านเขาพูดถึงเพื่อนผมว่ายังไง”

((พ่อแม่เจ๊ว่าอะไรด้วยเหรอ?...โอเค เดี๋ยวเจ๊บอกพี่เขา ขอบใจมากนะ))

“ไม่เป็นไรครับ ไว้เดี๋ยวผมแวะไปหานะ”

((ได้ จะเกิดอะไรแกก็น้องเจ๊ มาเถอะ))ยังดีที่เจ๊จุ๋มเอ่ยกับเราอย่างใจกว้าง เราขอบคุณแกแล้วก็วางสายก่อนจะมองหน้าคุณชุน

“พี่ทำถูกรึเปล่าครับ?”

“ดีแล้วครับ”แกลูบผมเราเบาๆก่อนจะจูงมือเราไปแวะทานข้าวแล้วจึงได้พากลับ แม้จะทำตัวเข้าใจมาดีแล้วแต่ลึกๆเราก็ยังโหวงเหวงแปลกๆ ระหว่างที่นั่งรถกลับกันคุณชุนก็เอ่ยปากเนิบๆ “พี่หมวย เย็นวันเสาร์นี้..”

“ครับ?”

“ผมมีงานเลี้ยงรุ่นมัธยม พี่จะไปด้วยรึเปล่าครับ?”แกเอ่ยถึงโรงเรียนชื่อหน้าเป็นจังหวัดชื่อหลังเป็นศาสนาที่อยู่แขวงสีลม ซึ่งเป็นโรงเรียนชื่อดังที่เป็นหนึ่งในจตุรมิตร จนเราเหลือกตาขึ้นบนเมื่อนึกถึงโรงเรียนมัธยมปลายธรรมดาชื่อไม่น่าจะติดหูที่เราร่ำเรียนศึกษามาจนจบ

“คุณชุนไปเถอะครับ ไปพี่ก็ไม่รู้จักใคร”

“ผมพาพี่ไปแนะนำไงครับ”

“บ้าน่ะคุณชุน เดี๋ยวคุณนายลดาจะว่าเอาได้นะ”เราปรามแกที่ยังยิ้มจนเห็นเขี้ยวไม่รู้สึกรู้สม

“ทำไมล่ะครับ ไปเถอะ ติดผมไว้ไม่ต้องคุยกับใคร นี่ก็ไม่รู้รีบเลี้ยงกันไปไหน”คุณชุนบ่น “แวะๆไปแล้วก็กลับ ไว้ไปโยนโบล์ลิ่งกันดีกว่า ห้างต้องการพี่ไปล้างท่ออยู่นะครับ”

“คุณชุน...” เราทำเสียงยานจนแกหัวร่อคิกมาอีกหน จนแกมาส่งเราที่คอนโดและออกไปที่ออฟฟิศ เราก็เข้าเซเว่นซื้อของใช้นิดหน่อย เล่นกับไอ้ยาดม (หมา)ผู้คุมหน้าเซเว่น ก็กลับขึ้นห้องไปซักผ้าทำงานบ้าน นั่งตีเส้นทำงานต่อ เราคุยกับพี่ป๋อนิดหน่อย เพราะแกถามหาไอ้อี้เพราะไลน์มันหาย เราได้แต่บอกว่าไม่รู้ เราคิดว่าบางเรื่องรู้กันน้อยๆคงดีกว่า และแกก็ไม่ได้ซอกแซกอะไร

ช่วงบ่ายเจ๊จุ๋มโทรมาหาเราอีกครั้ง...บอกพี่จุ่นไม่กินไม่นอน เหมือนจะล้มป่วย เราก็ไม่รู้ว่าเป็นแบบนั้นจริงๆไหม ให้พูดตามตรงเราเชื่อคนบ้านพี่จุ่นไม่ลง เราได้แต่แบ่งรับแบ่งสู้ เจ๊จุ๋มแกก็ว่าที่บ้านมีพิรุธ เหมือนเล่าเรื่องให้แกฟังไม่หมด เอาแต่พูดว่าไอ้อี้ขี้เกียจไม่ยอมทำการทำงานก็เลยดุสั่งสอน ซึ่งเราก็มั่นใจว่าไอ้อี้ไม่ใช่คนอีลุ่ยฉุยแฉกแบบนั้น ความจริงเป็นอย่างไรเรามองเห็นดีอยู่ เรายิ่งไม่สะดวกใจกับบ้านพี่จุ่นไปใหญ่พี่พูดถึงไอ้อี้อย่างนี้ เราเลยตัดสินใจเล่าความจริงให้เจ๊จุ๋มฟัง แต่ไม่ได้บอกว่าไอ้อี้มาหาและมันไปอยู่ที่ไหน เจ๊จุ๋มแกฟังก็เงียบไป ก่อนจะบอกเราเบาๆ

((คิดแล้วต้องเป็นแบบนี้))

“...”

((ตอนงานแต่ง แม่เขาเอาแต่พูดชมจนคุณเต๋าแกอึดอัด แม่เจ๊ชอบเปรียบเทียบคนนั้นคนนี้ รู้มั้ยตอนเจ๊ยังวัยรุ่น แม่ก็ชอบเปรียบเจ๊กับพี่จุ่นเหมือนกัน ว่าเจ๊หัวสูง อยากมาอยู่กรุงเทพ ไม่อยู่ดูแลบ้านช่องเหมือนพี่จุ่นเขา พอแกเล่าแบบนี้เจ๊ก็ไม่แปลกใจแล้ว))

“ขอโทษนะครับ...แต่พูดถึงเพื่อนผมแบบนั้นผมก็ไม่ไหวจริงๆ”เราว่า

((เจ๊รู้...แกก็ทำใจให้สบาย อย่าเก็บไปคิดมากล่ะ สังคมคู่แบบนี้ปัญหาเยอะ แต่ที่ไม่มีปัญหาก็ใช่ไม่มี อย่างน้อยก็คู่ของแกกับคุณชุน ส่วนเรื่องน้องอี้ ติดต่อได้ก็บอกเจ๊แล้วกัน มีอะไรช่วยน้องก็ช่วย เจ๊คงไม่บอกที่บ้าน บอกไปก็ไม่ได้อะไร ส่วนพี่จุ่นถ้าแกไม่ทำอะไรก็ปล่อยให้มันเป็นไปแบบนั้นเถอะ))

“ขอบคุณนะครับเจ๊”เราว่าเท่านั้นก่อนจะวางสายไป... เราเศร้านิดหน่อยที่ว่าฉากสุดท้ายพี่จุ่นก็ไม่ไดตามหาไอ้อี้ หรือไอ้อี้รอคอยพี่จุ่นเหมือนในละคร ตอนนั้นเรายังมองภาพตัวเองไม่ออก ว่าถ้าวันหนึ่งเรากับคุณชุนเป็นแบบพี่จุ่นกับไอ้อี้จะทำยังไง เราจะแข็งแกร่งพอที่จะเก็บทุกอย่างออกมาจากชีวิตของคุณชุนเหมือนที่ไอ้อี้ทำกับพี่จุ่นหรือเปล่า นิสัยเดิมที่เรายังเป็นอยู่เสมอไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ คือเรากลัวการเปลี่ยนแปลง อาจเพราะเราฝังใจมาจากวันที่คุณชุนตอนเป็นน้องติ๋มมาหาเราแล้วเราไม่อยากเจอ จนหายไปจากชีวิตกันและกันก็เป็นได้..

แต่แล้วเราก็พบว่าไม่มีเข้มแข็งไปตลอด เมื่อเราเข้าอินสตาแกรมและพบว่าไอ้อี้ได้โพสต์เพลงหนึ่งไว้... ใจเราตอนนั้นอยากจะกอดมันแน่นๆ เราหวังว่าสักวันหนึ่งถ้าได้เจอมันอีกครั้ง เราจะกอดมันให้แน่นกว่าคืนที่มันมาค้างที่ห้องนี้

“พี่หมวย กลับมาแล้วครับ ผมเคาะห้องตั้งนานนึกว่าพี่ไม่อยู่...พี่?...พี่ร้องไห้ทำไม?”

เราได้ยินเสียงคุณชุนอุทานแล้วเราก็โผกอดแกเอาไว้ อยู่ๆเราก็อยากร้องไห้อย่างไม่มีเหตุผล เราได้ยินแค่คำว่าไม่เป็นไรนะ ผมอยู่นี่แล้วที่ริมหู บางทีเราก็เกลียดไอ้อี้ตอนที่มันชอบแสดงออกว่ามันไม่เป็นอะไร


มันคงเป็นอีกครั้งที่เราฟังเพลงแล้วรู้สึกเจ็บปวด...





“อยากพบอีกครั้งหนึ่ง อยากซึ่งอีกซักนาที
อยากทำดี ๆ กับเธออีกสักครั้ง
ที่แล้วไม่เสียใจ กอดไว้ทั้งน้ำตา
ก่อนจะยอมรับว่าเราเข้ากันไม่ได้

:(
แท็ก #คุณชุนพี่หมวย คับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น