วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หมวย (Sehun x Luhan) (22)












Title: หมวย (22)
Image: SEHUN x LUHAN
Author: RUNAWAY05
  Note: หมวยแม่แมว...



เวลาผ่านไปสามเดือน...ไอ้อี้ก็ติดต่อเรามาอีกครั้ง

ครั้งนี้เป็นการรายงานชีวิตของมันที่ภูเก็ต ไอ้อี้มันว่าเหมือนเริ่มใหม่หมด ยังดีที่พี่โจแกเห็นไอ้อี้ชงกาแฟเก่ง เลยเปิดช็อปเล็กๆในโรงแรมให้มันทำ เหนื่อยบ้างสุขบ้างไปตามประสาชีวิต พอเราถามเรื่องแฟน มันบอกแค่ว่ามันยังไม่คบใคร พี่จุ่นตื้อมันเหลือเกิน เพราะมันยังไม่ได้ลบอินสตราแกรม มันเสียดายรูปถ่าย แต่มันก็ยังแอบเข้าไปอยู่บ่อยๆ มันไม่ได้อันฟอลโล่ว์พี่จุ่นเลยเห็นพี่แกพร่ำเพ้ออยู่ทุกวัน บางวันก็อัพคลิปลูกติดพี่จุ่น น้องเยลลี่ ร้องไห้ร้องห่มถามหาม๊าอี้อยู่ไหน ม๊าอี้อยู่ไหน (น้องเรียกมันม๊า เพราะมันเลี้ยงน้องมาตั้งแต่เล็กๆ ตั้งแต่พี่จุ่นไปจีบมันใหม่ๆ) มันเกือบใจอ่อนหลายครั้ง แต่พอนึกถึงพ่อแม่พี่จุ่นแล้วมันก็ว่ามันพอจะมองเห็นปลายทาง สรุปคือมันไม่โกรธอะไรกับพี่จุ่น ไม่รู้จะใช้คำว่าเลิกได้ไหม แต่มันยืนยันว่ามันจะไม่กลับไปอีก กลับไปก็เหมือนเดิม

ระยะเวลาสามเดือนนี้ก็มีเรื่องให้น่าเศร้าอีกเรื่อง โกเล้งพ่อไอ้บี๋หัวใจวายตาย ตอนนั้นทุกคนต่างช็อคกันมาก เรากับคุณชุนและไอ้อินก็ไม่พลาดไปช่วยงาน ไอ้บี๋มันร้องไห้ร้องห่มน่าสงสาร มันเอาแต่โทษตัวเองที่เรียนหนัก ทำงานหนัก ไม่ค่อยกลับไปดูแลพ่อแม่มัน เราเข้าใจความรู้สึกของมันนะ ตอนที่มันบอกว่ามันเป็นหมอรักษาคนไข้ แต่พ่อมันคนเดียวมันกลับรักษาไม่ได้ ประโยคนี้มันทำเอาเราโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก ยังดีที่นอกจากแม่มัน ยังมีพี่หมอชรัณอยู่ข้างๆมันเสมอ แม้ว่าแกจะมาอยู่งานนานๆไม่ได้เพราะเข้าเวร แต่พอออกงานก็นอนสองชั่วโมงแล้วบึ่งรถมาเยาวราชบ้าง นั่งใต้ดินมาบ้าง เผลอหลับในขบวนก็มี น่าเห็นใจแกไม่น้อย

หลังจากเสร็จงานศพโกเล้ง แม่มันก็ปิดบ้าน ย้ายไปอยู่กับญาติที่สมุทรปราการ ยังดีที่แม่มันไม่อยากให้มันท้อที่จะเป็นหมอ แกว่าถ้าไอ้บี๋จะโทษตัวเองว่าเป็นหมอแต่ดูแลพ่อไม่ได้ แกก็คงโทษตัวเองด้วยเหมือนกันที่ดูแลผัวแกเองไม่ได้ทั้งที่นอนเตียงเดียวกันทุกคืน พอโกเล้งเสีย พ่อเราดูแกไม่ค่อยร่าเริง ถึงจะพยายามตลกก็รู้ได้เลยว่าแกทำเพราะไม่อยากให้เราห่วง กลุ่มกาแฟเหลือแค่ตาเส็งกับพ่อเรา แต่ก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่

ในตอนนี้เงินที่เรามีเริ่มไม่พอกับค่ายาของพ่อ แม่เราเองก็เริ่มเป็นโรคเบาหวานไปอีกคน แต่ยังดีที่แม่ยังใช้สิทธิ์สามสิบบาทได้อยู่ (แต่เราก็ไม่อยากให้ใช้เท่าไหร่ เพราะคนเยอะ คิวนาน บางทีแม่ต้องไปรอเป็นวันๆ) เงินจากงานนอกที่รับทำก็ยังนับว่าน้อย บางคนอยากได้ของดีราคาถูก แก้งานแล้วแก้งานอีก สุดท้ายก็บ่นนั่นบ่นนี่หาเรื่องไม่จ่าย หรือไม่ก็ต่อราคาเหมือนเราไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไรเลย พอหนักเข้าก็ชักเหนื่อยใจ พี่ป๋อแกจะออกเงินให้เราก็ไม่อยาก คุณชุนบอกจะรับผิดชอบค่ารักษาเราก็เกรงใจ สุดท้ายเราก็ต้องขอกลับไปทำงานเป็นเลขาคุณชุนที่ออฟฟิศอีกครั้ง

การกลับเข้าไปทำงานนั้นไม่ง่ายเลย ยิ่งปากหอยปากปู ปากต่อปากพนักงานเก่าพนักงานใหม่ ก็ตั้งแต่เรื่องคุณริณอาละวาดกับเรื่องพี่ป๋อ มีเรื่องให้เราปวดหัวทุกวัน แต่โชคดีที่เราเข้ากับวดีและกิรตาได้ พร้อมกับน้องจอยที่เรียนงานจากตึกข้างจนเก่ง ก็ขอกลับมาทำงานตึกนี้ น้องมาขอกับเราเพราะทนแรงกดดันเจ๊หยองไม่ไหว แต่น้องยังไม่อยากออก น้องเองก็รู้สึกผิดที่คิดทางลัดเลยไม่กล้าขอคุณชุนตรงๆ เราเองก็เห็นว่าน้องลำบาก เหมือนที่น้องมินเคยลำบากมาก่อน เหมือนเป็นเวรเป็นกรรมเวียนว่ายมาบรรจบ เราไม่อยากทำบาปกับน้องไปอีกคน แค่นี้น้องก็คงทุกข์ใจแย่ เราเลยขอคุณชุนเปลี่ยนน้องจอยมาแทนเจ๊แต เพราะเจ๊แตเองอยู่ตึกไหนก็ได้ แกไม่สนใจใครเท่าไหร่ คุณชุนเลยบอกบัญชีตึกนี้แล้วแต่เราจะให้ใครทำเลย แกไม่ค่อยอยากยุ่งเรื่องพนักงาน หรือไม่ก็ให้ฝ่ายบุคคลจัดการไป น้องจอยเลยได้กลับมาทำงานที่ตึกนี้ อยู่กับวดีและน้องกี้ ชื่อเล่นของกิรตา

พอกลับมาทำงานใหม่เราเหมือนคนที่รู้วิธีใช้ช้อนแต่เอาช้อนตักข้าวเข้าปากไม่ได้ ต้องมาหัดมานั่งจดนั่งจำใหม่ เตรียมออแกไนเซอร์เล่มใหม่ โปรแกรมบัญชีต่างๆที่เราแทบลืมไปแล้วก็ต้องกลับมาจดมาจำใหม่หมด มาหัดใหม่ให้ชินมือ บางวันก็เลยต้องเอางานมาหัดทำด้วย วันนี้ก็เช่นกัน เรากับคุณชุนกลับมาถึงบ้านตอนหกโมงเย็น หนีการจราจรติดขัดมาได้อย่างฉิวเฉียด เราเอาแฟ้มลูกค้ากลับมาเล่มหนึ่งมาทำงานกับแมคบุ๊ค เมื่อเปิดประตูห้องคุณชุนก็อุ้มไอ้ไข่ต้มที่ตัวอ้วนกลายเป็นไข่พะโล้ไปแล้วมากอด

“เด็กดำ ทำอะไรครับ มาให้พ่อหอมหน่อยเร็ว”

นั่นแหล่ะ วันคืนผ่านไป ไอ้ไข่ต้มก็มีชื่อเล่นใหม่ว่าเด็กดำ เป็นทูนหัวพ่อชุนรักใคร่กลมเกลียวสามัคคี ยิ่งตอนพ่อลูกแหกปากหิวข้าวพร้อมกันนี่นะเราถึงกับนวดขมับ เหมือนหูจะแตก ยิ่งอยู่ด้วยกันแกยิ่งสบายตัว(จนเกินไป) บางทีเราขัดใจก็ลงไปนอนดีดขากับโซฟากับเตียงเป็นเด็กๆ และเราก็มั่นใจว่าสกิลนี้คุณชุนไม่น่าจะได้มาจากคุณนายลดาแน่นอน

 “พี่อาบน้ำเร็ว เดี๋ยวเราออกไปข้างนอก”จู่ๆคุณชุนก็เอาผ้าเช็ดตัวมายัดใส่มือเราพร้อมกับรุนหลังเราไปห้องน้ำ เราก็งงสิ

“เราจะไปไหนกันครับ?”

“ตลาดนัดครับ”แกทำหน้าซื่อ เราก็ขมวดคิ้วฉับ

“ทำไมคุณชุนไม่แวะล่ะ”

“เถอะน่ะพี่หมวย อาบน้ำก่อนเลย ผมเอาอาหารให้เด็กดำก่อน”แม้จะสงสัย แต่เราก็ยอมไปอาบน้ำแบบงงๆอยู่ดี เราแต่งตัวง่ายๆ เสื้อยืดกางเกงสามส่วน เพราะไม่ได้งานหรูหราอะไรนัก พอเห็นเราเช็ดผมออกมาคุณชุนก็เข้าไปอาบน้ำบ้างตามปกติ

หลังจากกำชับไข่ต้มให้เฝ้าห้อง เราสองคนก็ขับรถออกจากคอนโดไปยังตลาดนัดที่อยู่ไม่ไกลนัก เห็นคุณชุนบ่นอยากกินข้าวโพดต้ม แต่เรากลับนึกถึงน้ำเต้าหู้โกเล้งพิกล ไม่ว่าจะกินน้ำเต้าหู้ร้านไหนๆก็ไม่เท่ากับกินร้านแก รอยยิ้มของแกที่ยิ้มให้เราอย่างอาทรเหมือนญาติผู้ใหญ่

เราสองคนแวะทานขนมจีน แล้วเดินไปตามตลาดนัด ผ่านร้านเสื้อผ้าผู้หญิงตัวกระจิ๋วหลิว ผ่านร้านขายยาลดความอ้วนทั้งที่คนขายก็ไซส์ใหญ่ไซส์โต ร้านขายครีมหน้าใสทั้งที่คนขายก็ยังเป็นฝ้า คนรวยหยุดถ่ายรูปสุนัขข้างทาง ได้ยินแต่ลงเฟซๆ แต่ก็ก้าวขาข้ามมันไปด้วยท่าทีรังเกียจ จนเป็นลุงขอทานขาพิการที่หยิบเหรียญจากในกระป๋องยื่นให้แม่ค้าซื้อลูกชิ้นให้มันกิน สังคมที่เราเหยียบอยู่นั้นฉาบฉวยราวกับเครื่องสำอางบนใบหน้า มันไม่ใช่มีแค่ดีกับไม่ดี แต่ในดีและไม่ดีนั้นก็มีดีนิดหน่อย ไม่ดีนิดหน่อย หลากหลายชั้นซับซ้อน ชีวิตดิ้นรนนั้นทำให้คนหลายคนเลือกที่จะทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองเป็นสุขโดยที่ลืมนึกถึงว่าเป็นความทุกข์ของใครคนอื่น

“พี่หมวย ไม่อยากได้อะไรแล้วเหรอครับ”คุณชุนหันมาถามเรา และเราเองก็ตอบแกไปตรงๆ

“พี่อยากนอนแล้วครับ”

“...”แกมองหน้าเราแล้วก็ก้มหน้าเอาปลายเท้าถูถนนไปมา “ไปนอนบนรถแล้วกันครับ”

“?”

“ผมว่าจะขับรถรอบๆเมืองสักหน่อย”




และนั่นแหล่ะ..ตอนนี้เราเลยมานอนคออ่อนตาปรืออยู่เบาะข้างคนขับ โยที่คุณชุนก็ขับรถไปตามเส้นทางเรื่อยๆ ติดแยกบ้าง ขึ้นทางยกระดับบ้างแล้วแกก็วกเลี้ยว พวกเราไม่ได้พูดกันและเราก็ว่ามันชักจะแปลกๆ เลยถามแกไปเบาๆ

“คุณชุนมีอะไรรึเปล่าครับ”

 “ครับ?”

“ปกติคุณชุนไม่ทำแบบนี้นี่นา”เราว่า แล้วแกก็หัวเราะเบาๆ

“อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างน่ะครับ”เราเหล่ตามองคุณชายเล็กน้อย

“หน้าเดิมๆที่เดิมๆมันน่าเบื่อสินะ...”

“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย แค่ช่วงที่ผ่านมานี้เราเจอแต่เรื่องเครียดๆ เหมือนเที่ยวเสร็จลงจากสวรรค์เข้านรกยังไงก็ไม่รู้”คุณชุนแกเลี้ยวเข้าไปเติมน้ำมันที่ปั๊มใบไม้แห่งหนึ่ง เรานึกออกอยู่เรื่องก็เลยถามแกกลับไป

“คิดเรื่องเลี้ยงรุ่นรึเปล่าครับ?”

“ไม่หรอกครับ”แกยิ้มก่อนจะจ่ายเงินกับบัตรสะสมแต้มให้เด็กปั๊มแล้วรับเงินทอนกลับมา “ตอนนั้นยังไงผมก็ไม่มีทางไปหรอก ผมจะทิ้งพี่ไว้แบบนั้นได้ยังไง”

“...”เรายักไหล่ เพราะวันนั้นไม่รู้เราไปกินอะไรเข้า แต่คงเป็นอาหารไม่สะอาด ก็เลยถ่ายท้องอยู่หลายชั่วโมง คุณชุนที่แต่งตัวจะออกไปงานก็พาลไม่ได้ไป อุ้มเราขึ้นรถพาไปโรงพยาบาล ปรากฏว่าอาหารเป็นพิษ นอนให้น้ำเกลือคืนหนึ่ง คุณชุนเลยพลาดงานเลี้ยงรุ่นมานอนเฝ้าเราแทน เราก็แอบคิดไม่ได้ว่านั่นอาจทำให้คุณชุนรู้สึกไม่สบายใจที่อดเจอเพื่อนเก่า

“คิดมากไปแล้วครับ ต่อให้ไม่ไปงานเลี้ยงรุ่น ก็นัดเจอกันได้อยู่ดีแหล่ะพี่”คุณชุนขับรถพาเราไปเรื่อยๆ เสียงเพลงเบาๆในรถทำเอาเราเริ่มจะคอพับกับเบาะ สุดท้ายแกก็ไปจอดที่สวนแห่งหนึ่งริมแม่น้ำ เป็นที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวแต่ไม่ถึงกับเปลี่ยว เพราะยังมีผู้คนมาจอดรถพักผ่อนหย่อนใจตอนกลางคืนกัน คุณชุนเปิดประตูรถลงไปเดินเล่น เราเองก็เลยเปิดลงตามเพราะไม่อยากถูกขังอยู่ในรถ

“คนละอารมณ์กับเชียงคานเลยนะครับเนี่ย”แกหัวเราะเบาๆ

“แต่มันก็มีเสน่ห์ในตัวของมันนะครับ”เราส่งยิ้มไปให้ท่ากลางแสงไฟสลัวทั่วทุกทีราวกับเป็นเมืองที่ไม่มีวันหลับ คุณชุนเดินมาตบๆกระโปรงรถแล้วก็นั่งพิง เราได้แต่ยืนมองตามอยู่อย่างนั้น

“พี่หมวย..ผมมีอะไรจะถามพี่หน่อยครับ”

“ครับ?”เราเลิกคิ้วโดยที่แกก็ส่งยิ้มน้อยๆมาให้

“ตอนนั้น...ผมเคยบอกว่าถ้าสามสิบผมอยากแต่งงานกับพี่”

“?”

“ถ้าเร็วกว่านั้น...พี่จะว่ามั้ยครับ?”คุณชุนยิ้มให้เราจนเห็นเขี้ยว เขี้ยวเล็กๆที่โผล่หรอมแหรมมาตั้งแต่เด็กนั่นล่ะ ว่าแต่...คุณชุนพูดเรื่องแต่งงานเหรอ?

“เราจะแต่งกันได้ไงล่ะครับ เราสองคนเป็นผู้ชายนะ”

“ได้สิครับ ก็จัดเล็กๆ มีแค่คนสนิท ไม่ต้องมีพิธี ไหนๆเราก็มีลูกกันแล้ว”

“ลูก?”

“เด็กดำไงครับ”แกตอบหน้าตาย แล้วเราก็อดหัวเราะไม่ได้ “เราลูกสองกันแล้วนะ ต้นหอมด้วย”

“รอสามสิบไม่ไหวแล้วเหรอครับ?”เรากระเซ้าแกเบาๆ และคุณชุนก็ยิ้มหวานกลับมา

“นาทีเดียวก็ไม่ไหวแล้วครับ... กว่าผมจะได้เป็นแฟนพี่เลือดตาแทบกระเด็น พี่เล่นดูๆกับผมเป็นปี อยากดูแลพี่ได้มากกว่านี้ อยากสร้างอะไรๆให้มั่นคงกว่านี้ ถึงออฟฟิศพ่อกับแม่จะยอมให้พี่ดูแลได้เท่าผมแล้วก็เถอะ”

“จริงเหรอครับ?”เราอุทานเบาๆอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก

“ทำไมผมต้องโกหกพี่ด้วยล่ะเนี่ย”คุณชุนยิ้มบางๆมาให้เรา “คบกันมาป่านนี้แล้ว พี่ยังดูไม่ออกอีกเหรอครับผมเป็นคนยังไง”

“พี่ก็แค่...”เราย่นปาก “แปลกใจ”

“...”

“ถ้าเราแต่งงานกันแล้วเราจะทำยังไงกันต่อไปครับ”เราเอียงหน้าให้แกเป็นเชิงคำถาม

“รับเด็กมาเลี้ยงสักสองคน..นามสกุลผม นามสกุลพี่ เพราะคุณพ่อขอไว้”แกเรียกพ่อเราเป็นพ่อแกอย่างเต็มปาก “สองคนต้องเป็นผู้ชายสินะ... ถ้ามันโอเค รับเด็กผู้หญิงอีกคน หรือจะลองอุ้มบุญดีครับ? มีเลือดพวกเรา..”

“อุ้มบุญแล้วไม่ให้ลูกแบบเป็นข่าวไม่เอานะครับ”เราว่าแล้วคุณชุนก็หัวเราะร่วน

“ต่างประเทศดีกว่า ชายสองคน หญิงสักคน เป็นน้องสาวที่มีพี่ชายใจดีปกป้อง มันต้องดีแน่ๆ”คุณชุนทอดสายตาออกไปมองแม่น้ำ “ผมเป็นพี่คนโต พี่เป็นลูกคนเดียว พวกเราไม่มีความทรงจำตรงนั้น เราค่อยเติมมันลงไปให้เธอ ดีมั้ยครับ?”

“แล้วชื่อล่ะครับ”เราซักแกต่ออย่างรู้สึกสนุก

“พี่ชื่อลวินท์ ผมชื่อสุหฤทธิ์...”

“...”

“สุรินทร์...”

“พอเลยครับ”พอได้ยินชื่อเป็นจังหวัดเราถึงกับหลุดขำทันที “ตั้งชื่อแบบนั้นมันเป็นตราบาปเด็กนะรู้รึเปล่า?”

“ขอโทษครับคุณหาญศักดิ์...”

“เดี๋ยวเถอะ!”เราทำตาโตตีแขนแกไปทีหนึ่งโดยที่แกก็แกล้งทำเป็นเจ็บนักเจ็บหนาใส่ “จริงๆเลยเชียว”

“เอาไว้ตอนนั้นให้พวกคุณพ่อคุณแม่ตั้งดีกว่าครับ อย่างน้อยพวกท่านจะได้ไม่รู้สึกว่าเรากีดกันพวกท่านเกินไป”คุณชุนว่า ก่อนจะคว้ามือเราเอาไว้ “จู่ๆผมก็คิดถึงพี่...”

“?”

“ตอนที่พี่เดินออกมานอกโรงเรียนกับพี่อินพี่บี๋ ผมยังเกาะขาคุณแม่อยู่เลย พวกเราไปไหนต่อไหนด้วยกัน อาจจะเพราะแม่ผมจ้าง แต่พี่ก็ปกป้องผมมาตลอด จนผมรู้สึกว่าสักวันหนึ่ง...ผมอยากดูแลพี่บ้าง ผมอยากปกป้องพี่จากสิ่งไม่ดีทุกอย่างเหมือนที่พี่ทำให้ผมมาตลอดตอนยังเด็ก บางครั้งผมเลยโมโห หลายครั้งที่ผมแอบไม่พอใจเวลารู้ว่าคนที่พี่นึกถึงตอนที่พี่มีปัญหาไม่ใช่ผม ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมถาม ผมอาสา ผมไม่ได้ถามไปอย่างนั้น...ทุกอย่างผมเต็มใจ และผมก็หวังผลมาตลอด”

เรายืนมองคุณชุนจับมือเราไว้นิ่งๆ...

“ผมอยากให้พี่รักผม...ผมหวังว่าสักวันความดีที่ผมทำจะทำให้พี่รักผม ..ผมเคยคิดนะว่าพี่อาจจะไม่ชอบที่ผมชอบพี่ และผมยังยืนยันว่าจนตอนนี้ ผมก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย ผมไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคน..ผมไม่ได้เป็นแบบนั้น... แต่ในใจของผมมีเรื่องราวของเราตลอด... ผมยังจำได้ตอนที่เราเดินเล่นผ่านห้องแถว จำได้แม่นกว่าตอนที่แม่ซื้อไอโฟนให้เป็นของขวัญวันเกิดอีก”เราเม้มปากเล็กน้อย พยายามบอกตัวเองไม่ให้ร้องไห้ โดยที่คุณชุนก็ยังส่งยิ้มมาหาเราอยู่เช่นเดิม

“เพราะหัวใจผมยังติดอยู่กับความรู้สึกนั้น พอมาเจอพี่อีก ผมก็หลงรักพี่เอาง่ายๆเลย... ทั้งที่ผมชอบคนยาก พี่ก็เห็น มีคนเข้าหา แต่ผมก็ไม่เลือกใคร เอาแต่วอแวอยู่กับพี่ ในความคิดของผมมีแต่เรื่องของเราเต็มไปหมด..ทุกๆอย่าง และผมก็จะคิดเอาเองด้วยว่าพี่เองก็เหมือนกัน”

“...”

“ผมอยากอยู่กับพี่... วันที่ผมไปหาพี่แล้วพี่ไม่อยากเจอผม ทั้งตอนเด็ก...ทั้งตอนเราทะเลาะกัน มันตั้งสองครั้งสองคราที่ผมทั้งเจ็บทั้งพูดไม่ออก ผมพูดมันออกไปไม่ได้... ผมกลัวพี่จะเกลียดผมไปกว่าเดิม แต่ตอนนี้ผมไม่กลัวแล้ว... ผมอยากแต่งกับพี่ อยากอยู่กับพี่ อยากใช้เวลาที่เหลือด้วยทุกๆอย่าง ผมถึงได้บอกว่านาทีเดียวก็ช้า ผมไม่อยากรอแล้ว”เราส่งยิ้มให้คุณชุนทั้งที่มันเป็นยิ้มที่บิดเบี้ยวเพราะกลั้นหยาดน้ำตา เราปวดคอเหลือเกินคุณ มันเหมือนมีอะไรจุกอยู่ น้ำตาเราร่วงทันทีที่แกถามประโยคหนึ่งอย่างจิงจังอีกครั้งหน

“พี่อยากแต่งงานกับผมมั้ยครับ?”

เราไม่ได้ตอบ มันตื้นตันไปหมด เราทำได้แค่พยักหน้าตอบกลับไปเหมือนคนเป็นใบ้พูดอะไรไม่ได้ เราเห็นคุณชุนล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกง แกหยิบริบบิ้นสีแดงขึ้นมาผูกกับนิ้วนางข้างซ้ายของเราเอาไว้ เราพยายามจะไม่มีน้ำตาเดี๋ยวแกจะเข้าใจว่าเราร้องไห้เพราะแกไม่ได้ให้แหวน นั่นเราไม่ได้นึกถึง แหวนวงเดียวเราช่วยกันซื้อได้ แค่เป็นคุณชุน ริบบิ้นแดงจากไหนไม่รู้เส้นเดียวก็สุขล้นไปทั้งหัวใจแล้ว แกกุมมือเราไว้แน่นก่อนจะลุกขึ้นกอดเรา และเราก็ซบหน้าลงกับบ่าของน้องติ๋ม ไอ้น้องตัวน้อยท่าทางอ่อนแอที่ตอนนี้โตขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ และยิ่งประหลาดใจไปกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าเหตุผลของการเติบโตนั้นคือไว้ปกป้องเราบ้าง สมองเรามีแต่คำว่ายอมแล้ว เราสู้ความรู้สึกในใจของเราไม่ไหว เรารักผู้ชายคนนี้มากเกินจะอธิบายเป็นคำๆหนึ่งออกมา มันอาจไม่ใช่รักที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่เป็นรักที่กาลเวลาทำอะไรมันไม่ได้แม้แต่น้อย


มันความรักเล็กน้อยในวัยเด็กที่เป็นความรักเติบใหญ่ในช่วงวัยราวกับถูกรดน้ำ...



 “อย่าลืมนะครับ...ที่ผมเคยบอก ว่าผมไม่ได้รักผู้ชาย”

“...”

“แต่พี่เป็นผู้ชายคนเดียวที่ผมจะรัก”




;D

แท็ก #คุณชุนพี่หมวย จ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น