Title: หมวย (22)
Image: SEHUN x LUHAN
Author: RUNAWAY05
Note: หมวยแม่แมว...
เวลาผ่านไปสามเดือน...ไอ้อี้ก็ติดต่อเรามาอีกครั้ง
ครั้งนี้เป็นการรายงานชีวิตของมันที่ภูเก็ต
ไอ้อี้มันว่าเหมือนเริ่มใหม่หมด ยังดีที่พี่โจแกเห็นไอ้อี้ชงกาแฟเก่ง
เลยเปิดช็อปเล็กๆในโรงแรมให้มันทำ เหนื่อยบ้างสุขบ้างไปตามประสาชีวิต
พอเราถามเรื่องแฟน มันบอกแค่ว่ามันยังไม่คบใคร พี่จุ่นตื้อมันเหลือเกิน เพราะมันยังไม่ได้ลบอินสตราแกรม
มันเสียดายรูปถ่าย แต่มันก็ยังแอบเข้าไปอยู่บ่อยๆ มันไม่ได้อันฟอลโล่ว์พี่จุ่นเลยเห็นพี่แกพร่ำเพ้ออยู่ทุกวัน
บางวันก็อัพคลิปลูกติดพี่จุ่น น้องเยลลี่ ร้องไห้ร้องห่มถามหาม๊าอี้อยู่ไหน ม๊าอี้อยู่ไหน
(น้องเรียกมันม๊า เพราะมันเลี้ยงน้องมาตั้งแต่เล็กๆ ตั้งแต่พี่จุ่นไปจีบมันใหม่ๆ) มันเกือบใจอ่อนหลายครั้ง
แต่พอนึกถึงพ่อแม่พี่จุ่นแล้วมันก็ว่ามันพอจะมองเห็นปลายทาง สรุปคือมันไม่โกรธอะไรกับพี่จุ่น
ไม่รู้จะใช้คำว่าเลิกได้ไหม แต่มันยืนยันว่ามันจะไม่กลับไปอีก กลับไปก็เหมือนเดิม
ระยะเวลาสามเดือนนี้ก็มีเรื่องให้น่าเศร้าอีกเรื่อง
โกเล้งพ่อไอ้บี๋หัวใจวายตาย ตอนนั้นทุกคนต่างช็อคกันมาก เรากับคุณชุนและไอ้อินก็ไม่พลาดไปช่วยงาน
ไอ้บี๋มันร้องไห้ร้องห่มน่าสงสาร มันเอาแต่โทษตัวเองที่เรียนหนัก ทำงานหนัก ไม่ค่อยกลับไปดูแลพ่อแม่มัน
เราเข้าใจความรู้สึกของมันนะ ตอนที่มันบอกว่ามันเป็นหมอรักษาคนไข้ แต่พ่อมันคนเดียวมันกลับรักษาไม่ได้
ประโยคนี้มันทำเอาเราโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก ยังดีที่นอกจากแม่มัน ยังมีพี่หมอชรัณอยู่ข้างๆมันเสมอ
แม้ว่าแกจะมาอยู่งานนานๆไม่ได้เพราะเข้าเวร
แต่พอออกงานก็นอนสองชั่วโมงแล้วบึ่งรถมาเยาวราชบ้าง นั่งใต้ดินมาบ้าง
เผลอหลับในขบวนก็มี น่าเห็นใจแกไม่น้อย
หลังจากเสร็จงานศพโกเล้ง แม่มันก็ปิดบ้าน
ย้ายไปอยู่กับญาติที่สมุทรปราการ ยังดีที่แม่มันไม่อยากให้มันท้อที่จะเป็นหมอ
แกว่าถ้าไอ้บี๋จะโทษตัวเองว่าเป็นหมอแต่ดูแลพ่อไม่ได้
แกก็คงโทษตัวเองด้วยเหมือนกันที่ดูแลผัวแกเองไม่ได้ทั้งที่นอนเตียงเดียวกันทุกคืน พอโกเล้งเสีย
พ่อเราดูแกไม่ค่อยร่าเริง ถึงจะพยายามตลกก็รู้ได้เลยว่าแกทำเพราะไม่อยากให้เราห่วง
กลุ่มกาแฟเหลือแค่ตาเส็งกับพ่อเรา แต่ก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่
ในตอนนี้เงินที่เรามีเริ่มไม่พอกับค่ายาของพ่อ แม่เราเองก็เริ่มเป็นโรคเบาหวานไปอีกคน
แต่ยังดีที่แม่ยังใช้สิทธิ์สามสิบบาทได้อยู่ (แต่เราก็ไม่อยากให้ใช้เท่าไหร่
เพราะคนเยอะ คิวนาน บางทีแม่ต้องไปรอเป็นวันๆ) เงินจากงานนอกที่รับทำก็ยังนับว่าน้อย
บางคนอยากได้ของดีราคาถูก แก้งานแล้วแก้งานอีก สุดท้ายก็บ่นนั่นบ่นนี่หาเรื่องไม่จ่าย
หรือไม่ก็ต่อราคาเหมือนเราไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไรเลย พอหนักเข้าก็ชักเหนื่อยใจ พี่ป๋อแกจะออกเงินให้เราก็ไม่อยาก
คุณชุนบอกจะรับผิดชอบค่ารักษาเราก็เกรงใจ สุดท้ายเราก็ต้องขอกลับไปทำงานเป็นเลขาคุณชุนที่ออฟฟิศอีกครั้ง
การกลับเข้าไปทำงานนั้นไม่ง่ายเลย ยิ่งปากหอยปากปู ปากต่อปากพนักงานเก่าพนักงานใหม่
ก็ตั้งแต่เรื่องคุณริณอาละวาดกับเรื่องพี่ป๋อ มีเรื่องให้เราปวดหัวทุกวัน แต่โชคดีที่เราเข้ากับวดีและกิรตาได้
พร้อมกับน้องจอยที่เรียนงานจากตึกข้างจนเก่ง ก็ขอกลับมาทำงานตึกนี้ น้องมาขอกับเราเพราะทนแรงกดดันเจ๊หยองไม่ไหว
แต่น้องยังไม่อยากออก น้องเองก็รู้สึกผิดที่คิดทางลัดเลยไม่กล้าขอคุณชุนตรงๆ เราเองก็เห็นว่าน้องลำบาก
เหมือนที่น้องมินเคยลำบากมาก่อน เหมือนเป็นเวรเป็นกรรมเวียนว่ายมาบรรจบ
เราไม่อยากทำบาปกับน้องไปอีกคน แค่นี้น้องก็คงทุกข์ใจแย่
เราเลยขอคุณชุนเปลี่ยนน้องจอยมาแทนเจ๊แต เพราะเจ๊แตเองอยู่ตึกไหนก็ได้
แกไม่สนใจใครเท่าไหร่ คุณชุนเลยบอกบัญชีตึกนี้แล้วแต่เราจะให้ใครทำเลย
แกไม่ค่อยอยากยุ่งเรื่องพนักงาน หรือไม่ก็ให้ฝ่ายบุคคลจัดการไป
น้องจอยเลยได้กลับมาทำงานที่ตึกนี้ อยู่กับวดีและน้องกี้ ชื่อเล่นของกิรตา
พอกลับมาทำงานใหม่เราเหมือนคนที่รู้วิธีใช้ช้อนแต่เอาช้อนตักข้าวเข้าปากไม่ได้
ต้องมาหัดมานั่งจดนั่งจำใหม่ เตรียมออแกไนเซอร์เล่มใหม่ โปรแกรมบัญชีต่างๆที่เราแทบลืมไปแล้วก็ต้องกลับมาจดมาจำใหม่หมด
มาหัดใหม่ให้ชินมือ บางวันก็เลยต้องเอางานมาหัดทำด้วย วันนี้ก็เช่นกัน
เรากับคุณชุนกลับมาถึงบ้านตอนหกโมงเย็น หนีการจราจรติดขัดมาได้อย่างฉิวเฉียด
เราเอาแฟ้มลูกค้ากลับมาเล่มหนึ่งมาทำงานกับแมคบุ๊ค
เมื่อเปิดประตูห้องคุณชุนก็อุ้มไอ้ไข่ต้มที่ตัวอ้วนกลายเป็นไข่พะโล้ไปแล้วมากอด
“เด็กดำ ทำอะไรครับ มาให้พ่อหอมหน่อยเร็ว”
นั่นแหล่ะ วันคืนผ่านไป ไอ้ไข่ต้มก็มีชื่อเล่นใหม่ว่าเด็กดำ
เป็นทูนหัวพ่อชุนรักใคร่กลมเกลียวสามัคคี ยิ่งตอนพ่อลูกแหกปากหิวข้าวพร้อมกันนี่นะเราถึงกับนวดขมับ
เหมือนหูจะแตก ยิ่งอยู่ด้วยกันแกยิ่งสบายตัว(จนเกินไป) บางทีเราขัดใจก็ลงไปนอนดีดขากับโซฟากับเตียงเป็นเด็กๆ
และเราก็มั่นใจว่าสกิลนี้คุณชุนไม่น่าจะได้มาจากคุณนายลดาแน่นอน
“พี่อาบน้ำเร็ว
เดี๋ยวเราออกไปข้างนอก”จู่ๆคุณชุนก็เอาผ้าเช็ดตัวมายัดใส่มือเราพร้อมกับรุนหลังเราไปห้องน้ำ
เราก็งงสิ
“เราจะไปไหนกันครับ?”
“ตลาดนัดครับ”แกทำหน้าซื่อ เราก็ขมวดคิ้วฉับ
“ทำไมคุณชุนไม่แวะล่ะ”
“เถอะน่ะพี่หมวย อาบน้ำก่อนเลย ผมเอาอาหารให้เด็กดำก่อน”แม้จะสงสัย
แต่เราก็ยอมไปอาบน้ำแบบงงๆอยู่ดี เราแต่งตัวง่ายๆ เสื้อยืดกางเกงสามส่วน เพราะไม่ได้งานหรูหราอะไรนัก
พอเห็นเราเช็ดผมออกมาคุณชุนก็เข้าไปอาบน้ำบ้างตามปกติ
หลังจากกำชับไข่ต้มให้เฝ้าห้อง เราสองคนก็ขับรถออกจากคอนโดไปยังตลาดนัดที่อยู่ไม่ไกลนัก
เห็นคุณชุนบ่นอยากกินข้าวโพดต้ม แต่เรากลับนึกถึงน้ำเต้าหู้โกเล้งพิกล
ไม่ว่าจะกินน้ำเต้าหู้ร้านไหนๆก็ไม่เท่ากับกินร้านแก
รอยยิ้มของแกที่ยิ้มให้เราอย่างอาทรเหมือนญาติผู้ใหญ่
เราสองคนแวะทานขนมจีน แล้วเดินไปตามตลาดนัด
ผ่านร้านเสื้อผ้าผู้หญิงตัวกระจิ๋วหลิว ผ่านร้านขายยาลดความอ้วนทั้งที่คนขายก็ไซส์ใหญ่ไซส์โต
ร้านขายครีมหน้าใสทั้งที่คนขายก็ยังเป็นฝ้า คนรวยหยุดถ่ายรูปสุนัขข้างทาง
ได้ยินแต่ลงเฟซๆ แต่ก็ก้าวขาข้ามมันไปด้วยท่าทีรังเกียจ
จนเป็นลุงขอทานขาพิการที่หยิบเหรียญจากในกระป๋องยื่นให้แม่ค้าซื้อลูกชิ้นให้มันกิน
สังคมที่เราเหยียบอยู่นั้นฉาบฉวยราวกับเครื่องสำอางบนใบหน้า มันไม่ใช่มีแค่ดีกับไม่ดี
แต่ในดีและไม่ดีนั้นก็มีดีนิดหน่อย ไม่ดีนิดหน่อย หลากหลายชั้นซับซ้อน
ชีวิตดิ้นรนนั้นทำให้คนหลายคนเลือกที่จะทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองเป็นสุขโดยที่ลืมนึกถึงว่าเป็นความทุกข์ของใครคนอื่น
“พี่หมวย ไม่อยากได้อะไรแล้วเหรอครับ”คุณชุนหันมาถามเรา
และเราเองก็ตอบแกไปตรงๆ
“พี่อยากนอนแล้วครับ”
“...”แกมองหน้าเราแล้วก็ก้มหน้าเอาปลายเท้าถูถนนไปมา
“ไปนอนบนรถแล้วกันครับ”
“?”
“ผมว่าจะขับรถรอบๆเมืองสักหน่อย”
และนั่นแหล่ะ..ตอนนี้เราเลยมานอนคออ่อนตาปรืออยู่เบาะข้างคนขับ
โยที่คุณชุนก็ขับรถไปตามเส้นทางเรื่อยๆ ติดแยกบ้าง ขึ้นทางยกระดับบ้างแล้วแกก็วกเลี้ยว
พวกเราไม่ได้พูดกันและเราก็ว่ามันชักจะแปลกๆ เลยถามแกไปเบาๆ
“คุณชุนมีอะไรรึเปล่าครับ”
“ครับ?”
“ปกติคุณชุนไม่ทำแบบนี้นี่นา”เราว่า
แล้วแกก็หัวเราะเบาๆ
“อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างน่ะครับ”เราเหล่ตามองคุณชายเล็กน้อย
“หน้าเดิมๆที่เดิมๆมันน่าเบื่อสินะ...”
“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย
แค่ช่วงที่ผ่านมานี้เราเจอแต่เรื่องเครียดๆ เหมือนเที่ยวเสร็จลงจากสวรรค์เข้านรกยังไงก็ไม่รู้”คุณชุนแกเลี้ยวเข้าไปเติมน้ำมันที่ปั๊มใบไม้แห่งหนึ่ง
เรานึกออกอยู่เรื่องก็เลยถามแกกลับไป
“คิดเรื่องเลี้ยงรุ่นรึเปล่าครับ?”
“ไม่หรอกครับ”แกยิ้มก่อนจะจ่ายเงินกับบัตรสะสมแต้มให้เด็กปั๊มแล้วรับเงินทอนกลับมา
“ตอนนั้นยังไงผมก็ไม่มีทางไปหรอก ผมจะทิ้งพี่ไว้แบบนั้นได้ยังไง”
“...”เรายักไหล่ เพราะวันนั้นไม่รู้เราไปกินอะไรเข้า
แต่คงเป็นอาหารไม่สะอาด ก็เลยถ่ายท้องอยู่หลายชั่วโมง คุณชุนที่แต่งตัวจะออกไปงานก็พาลไม่ได้ไป
อุ้มเราขึ้นรถพาไปโรงพยาบาล ปรากฏว่าอาหารเป็นพิษ นอนให้น้ำเกลือคืนหนึ่ง คุณชุนเลยพลาดงานเลี้ยงรุ่นมานอนเฝ้าเราแทน
เราก็แอบคิดไม่ได้ว่านั่นอาจทำให้คุณชุนรู้สึกไม่สบายใจที่อดเจอเพื่อนเก่า
“คิดมากไปแล้วครับ ต่อให้ไม่ไปงานเลี้ยงรุ่น ก็นัดเจอกันได้อยู่ดีแหล่ะพี่”คุณชุนขับรถพาเราไปเรื่อยๆ
เสียงเพลงเบาๆในรถทำเอาเราเริ่มจะคอพับกับเบาะ
สุดท้ายแกก็ไปจอดที่สวนแห่งหนึ่งริมแม่น้ำ
เป็นที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวแต่ไม่ถึงกับเปลี่ยว
เพราะยังมีผู้คนมาจอดรถพักผ่อนหย่อนใจตอนกลางคืนกัน คุณชุนเปิดประตูรถลงไปเดินเล่น
เราเองก็เลยเปิดลงตามเพราะไม่อยากถูกขังอยู่ในรถ
“คนละอารมณ์กับเชียงคานเลยนะครับเนี่ย”แกหัวเราะเบาๆ
“แต่มันก็มีเสน่ห์ในตัวของมันนะครับ”เราส่งยิ้มไปให้ท่ากลางแสงไฟสลัวทั่วทุกทีราวกับเป็นเมืองที่ไม่มีวันหลับ
คุณชุนเดินมาตบๆกระโปรงรถแล้วก็นั่งพิง เราได้แต่ยืนมองตามอยู่อย่างนั้น
“พี่หมวย..ผมมีอะไรจะถามพี่หน่อยครับ”
“ครับ?”เราเลิกคิ้วโดยที่แกก็ส่งยิ้มน้อยๆมาให้
“ตอนนั้น...ผมเคยบอกว่าถ้าสามสิบผมอยากแต่งงานกับพี่”
“?”
“ถ้าเร็วกว่านั้น...พี่จะว่ามั้ยครับ?”คุณชุนยิ้มให้เราจนเห็นเขี้ยว
เขี้ยวเล็กๆที่โผล่หรอมแหรมมาตั้งแต่เด็กนั่นล่ะ ว่าแต่...คุณชุนพูดเรื่องแต่งงานเหรอ?
“เราจะแต่งกันได้ไงล่ะครับ เราสองคนเป็นผู้ชายนะ”
“ได้สิครับ ก็จัดเล็กๆ มีแค่คนสนิท ไม่ต้องมีพิธี
ไหนๆเราก็มีลูกกันแล้ว”
“ลูก?”
“เด็กดำไงครับ”แกตอบหน้าตาย แล้วเราก็อดหัวเราะไม่ได้
“เราลูกสองกันแล้วนะ ต้นหอมด้วย”
“รอสามสิบไม่ไหวแล้วเหรอครับ?”เรากระเซ้าแกเบาๆ
และคุณชุนก็ยิ้มหวานกลับมา
“นาทีเดียวก็ไม่ไหวแล้วครับ...
กว่าผมจะได้เป็นแฟนพี่เลือดตาแทบกระเด็น พี่เล่นดูๆกับผมเป็นปี
อยากดูแลพี่ได้มากกว่านี้ อยากสร้างอะไรๆให้มั่นคงกว่านี้
ถึงออฟฟิศพ่อกับแม่จะยอมให้พี่ดูแลได้เท่าผมแล้วก็เถอะ”
“จริงเหรอครับ?”เราอุทานเบาๆอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก
“ทำไมผมต้องโกหกพี่ด้วยล่ะเนี่ย”คุณชุนยิ้มบางๆมาให้เรา
“คบกันมาป่านนี้แล้ว พี่ยังดูไม่ออกอีกเหรอครับผมเป็นคนยังไง”
“พี่ก็แค่...”เราย่นปาก “แปลกใจ”
“...”
“ถ้าเราแต่งงานกันแล้วเราจะทำยังไงกันต่อไปครับ”เราเอียงหน้าให้แกเป็นเชิงคำถาม
“รับเด็กมาเลี้ยงสักสองคน..นามสกุลผม นามสกุลพี่
เพราะคุณพ่อขอไว้”แกเรียกพ่อเราเป็นพ่อแกอย่างเต็มปาก “สองคนต้องเป็นผู้ชายสินะ...
ถ้ามันโอเค รับเด็กผู้หญิงอีกคน หรือจะลองอุ้มบุญดีครับ? มีเลือดพวกเรา..”
“อุ้มบุญแล้วไม่ให้ลูกแบบเป็นข่าวไม่เอานะครับ”เราว่าแล้วคุณชุนก็หัวเราะร่วน
“ต่างประเทศดีกว่า ชายสองคน หญิงสักคน
เป็นน้องสาวที่มีพี่ชายใจดีปกป้อง มันต้องดีแน่ๆ”คุณชุนทอดสายตาออกไปมองแม่น้ำ “ผมเป็นพี่คนโต
พี่เป็นลูกคนเดียว พวกเราไม่มีความทรงจำตรงนั้น เราค่อยเติมมันลงไปให้เธอ
ดีมั้ยครับ?”
“แล้วชื่อล่ะครับ”เราซักแกต่ออย่างรู้สึกสนุก
“พี่ชื่อลวินท์ ผมชื่อสุหฤทธิ์...”
“...”
“สุรินทร์...”
“พอเลยครับ”พอได้ยินชื่อเป็นจังหวัดเราถึงกับหลุดขำทันที
“ตั้งชื่อแบบนั้นมันเป็นตราบาปเด็กนะรู้รึเปล่า?”
“ขอโทษครับคุณหาญศักดิ์...”
“เดี๋ยวเถอะ!”เราทำตาโตตีแขนแกไปทีหนึ่งโดยที่แกก็แกล้งทำเป็นเจ็บนักเจ็บหนาใส่
“จริงๆเลยเชียว”
“เอาไว้ตอนนั้นให้พวกคุณพ่อคุณแม่ตั้งดีกว่าครับ อย่างน้อยพวกท่านจะได้ไม่รู้สึกว่าเรากีดกันพวกท่านเกินไป”คุณชุนว่า
ก่อนจะคว้ามือเราเอาไว้ “จู่ๆผมก็คิดถึงพี่...”
“?”
“ตอนที่พี่เดินออกมานอกโรงเรียนกับพี่อินพี่บี๋
ผมยังเกาะขาคุณแม่อยู่เลย พวกเราไปไหนต่อไหนด้วยกัน อาจจะเพราะแม่ผมจ้าง แต่พี่ก็ปกป้องผมมาตลอด
จนผมรู้สึกว่าสักวันหนึ่ง...ผมอยากดูแลพี่บ้าง ผมอยากปกป้องพี่จากสิ่งไม่ดีทุกอย่างเหมือนที่พี่ทำให้ผมมาตลอดตอนยังเด็ก
บางครั้งผมเลยโมโห
หลายครั้งที่ผมแอบไม่พอใจเวลารู้ว่าคนที่พี่นึกถึงตอนที่พี่มีปัญหาไม่ใช่ผม
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมถาม ผมอาสา ผมไม่ได้ถามไปอย่างนั้น...ทุกอย่างผมเต็มใจ
และผมก็หวังผลมาตลอด”
เรายืนมองคุณชุนจับมือเราไว้นิ่งๆ...
“ผมอยากให้พี่รักผม...ผมหวังว่าสักวันความดีที่ผมทำจะทำให้พี่รักผม
..ผมเคยคิดนะว่าพี่อาจจะไม่ชอบที่ผมชอบพี่ และผมยังยืนยันว่าจนตอนนี้
ผมก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย ผมไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคน..ผมไม่ได้เป็นแบบนั้น...
แต่ในใจของผมมีเรื่องราวของเราตลอด... ผมยังจำได้ตอนที่เราเดินเล่นผ่านห้องแถว
จำได้แม่นกว่าตอนที่แม่ซื้อไอโฟนให้เป็นของขวัญวันเกิดอีก”เราเม้มปากเล็กน้อย พยายามบอกตัวเองไม่ให้ร้องไห้
โดยที่คุณชุนก็ยังส่งยิ้มมาหาเราอยู่เช่นเดิม
“เพราะหัวใจผมยังติดอยู่กับความรู้สึกนั้น
พอมาเจอพี่อีก ผมก็หลงรักพี่เอาง่ายๆเลย... ทั้งที่ผมชอบคนยาก พี่ก็เห็น มีคนเข้าหา
แต่ผมก็ไม่เลือกใคร เอาแต่วอแวอยู่กับพี่
ในความคิดของผมมีแต่เรื่องของเราเต็มไปหมด..ทุกๆอย่าง และผมก็จะคิดเอาเองด้วยว่าพี่เองก็เหมือนกัน”
“...”
“ผมอยากอยู่กับพี่...
วันที่ผมไปหาพี่แล้วพี่ไม่อยากเจอผม ทั้งตอนเด็ก...ทั้งตอนเราทะเลาะกัน
มันตั้งสองครั้งสองคราที่ผมทั้งเจ็บทั้งพูดไม่ออก ผมพูดมันออกไปไม่ได้...
ผมกลัวพี่จะเกลียดผมไปกว่าเดิม แต่ตอนนี้ผมไม่กลัวแล้ว... ผมอยากแต่งกับพี่
อยากอยู่กับพี่ อยากใช้เวลาที่เหลือด้วยทุกๆอย่าง ผมถึงได้บอกว่านาทีเดียวก็ช้า
ผมไม่อยากรอแล้ว”เราส่งยิ้มให้คุณชุนทั้งที่มันเป็นยิ้มที่บิดเบี้ยวเพราะกลั้นหยาดน้ำตา
เราปวดคอเหลือเกินคุณ มันเหมือนมีอะไรจุกอยู่ น้ำตาเราร่วงทันทีที่แกถามประโยคหนึ่งอย่างจิงจังอีกครั้งหน
“พี่อยากแต่งงานกับผมมั้ยครับ?”
เราไม่ได้ตอบ มันตื้นตันไปหมด
เราทำได้แค่พยักหน้าตอบกลับไปเหมือนคนเป็นใบ้พูดอะไรไม่ได้ เราเห็นคุณชุนล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกง
แกหยิบริบบิ้นสีแดงขึ้นมาผูกกับนิ้วนางข้างซ้ายของเราเอาไว้ เราพยายามจะไม่มีน้ำตาเดี๋ยวแกจะเข้าใจว่าเราร้องไห้เพราะแกไม่ได้ให้แหวน
นั่นเราไม่ได้นึกถึง แหวนวงเดียวเราช่วยกันซื้อได้ แค่เป็นคุณชุน
ริบบิ้นแดงจากไหนไม่รู้เส้นเดียวก็สุขล้นไปทั้งหัวใจแล้ว แกกุมมือเราไว้แน่นก่อนจะลุกขึ้นกอดเรา
และเราก็ซบหน้าลงกับบ่าของน้องติ๋ม ไอ้น้องตัวน้อยท่าทางอ่อนแอที่ตอนนี้โตขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ
และยิ่งประหลาดใจไปกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าเหตุผลของการเติบโตนั้นคือไว้ปกป้องเราบ้าง
สมองเรามีแต่คำว่ายอมแล้ว เราสู้ความรู้สึกในใจของเราไม่ไหว
เรารักผู้ชายคนนี้มากเกินจะอธิบายเป็นคำๆหนึ่งออกมา มันอาจไม่ใช่รักที่ยิ่งใหญ่อะไร
แต่เป็นรักที่กาลเวลาทำอะไรมันไม่ได้แม้แต่น้อย
มันความรักเล็กน้อยในวัยเด็กที่เป็นความรักเติบใหญ่ในช่วงวัยราวกับถูกรดน้ำ...
“อย่าลืมนะครับ...ที่ผมเคยบอก ว่าผมไม่ได้รักผู้ชาย”
“...”
“แต่พี่เป็นผู้ชายคนเดียวที่ผมจะรัก”
;D
แท็ก #คุณชุนพี่หมวย จ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น