Title: หมวย (24)
Image: SEHUN x LUHAN
Author: RUNAWAY05
Note: ...
“พอดีเป๊ะเลย”
เจ๊จุ๋มว่าพลางหมุนตัวเราไปมาอย่างพอใจ
เสื้อผ้าที่จะใช้ในงานเป็นของร้านเจ๊จุ๋มซึ่งให้ช่างมือหนึ่งของร้านตัดเย็บอย่างประณีต
วันนี้เรามาลองชุดแล้วก็เช็คสถานที่จัดงาน ซึ่งคุณชุนเช่าห้องของโรงแรมขาดกลางๆไว้
เราส่งยิ้มให้เจ๊จุ๋มและน้องมินที่นั่งยิ้มหวานข้างๆ
“หมดทุกข์หมดโศกซะทีนะคะพี่หมวย คราวนี้จะได้อยู่กับคุณชุนเขาเสียที”น้องมินพูดขึ้น
“พรุ่งนี้แล้วน้า พี่ตื่นเต้นรึเปล่าคะ”
“ตื่นเต้นสิ..มือพี่มีแต่เหงื่อ ขนาดวันนี้วันซ้อมนะ”เราตอบติดตลกจนเจ๊จุ๋มแกหลุดยิ้ม
เจ๊จุ๋มลูบผมเราเบาเบา แล้วก็พูดขึ้น
“มันเพิ่งเริ่มเองหมวย แกต้องเจออะไรอีกเยอะ
ทุกเรื่องมาโถมหาแกเรื่อยๆ เพียงแค่จากนี้แกจะไม่สู้กับมันคนเดียวอีกแล้ว ฉันผ่านมันมาแล้ว
เชื่อฉันนะ”
“ครับเจ๊”
“หนูก็อยากแต่งงานนะคะ
แต่พี่เชนทร์ไม่ออกปากสักทีเนี่ย”น้องมินทำท่ากระเง้ากระงอดจนเจ๊จุ๋มหันไปยื่นปากใส่
“ฉันบอกแล้วไงว่าให้ข่มขืนเขา เดี๋ยวแกก็ท้อง
จะได้แต่งกัน”
“หนูไม่เอานะ หนูกลัวเจ็บอ่ะ”
“ก็ไม่มีผัวค่ะ ง่ายจะตายไป”เราหัวเราะดูเจ๊จุ๋มกับน้องมินง้องแง้งใส่กัน
ก่อนที่เจ๊จุ๋มจะขอตัวออกไปดูสถานที่ภายนอก ส่วนน้องมินก็บอกเราว่าเดี๋ยวจะเอาน้ำหวานมาให้
เรานั่งมองตัวเองอยู่หน้ากระจก
สูทผ้าไหมสีงาช้างที่แต่ก่อนเราได้แต่มองตอนเดินผ่านพวกร้าน แต่ตอนนี้เราได้ใส่มัน
ว่าแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
“โอ๊ะ...!”เราครางเบาๆเมื่อจู่ๆก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
เราคิดว่าคงเพราะเราเป็นไข้ แต่ครั้งนี้มันปวดขึ้นเรื่อยๆ ปวดตุบๆจนเราน้ำตาไหล
เราทรุดลงไปข้างหน้า แต่เราก็พยายามจับโต๊ะเอาไว้อยู่
พร้อมกับได้ยินเสียงน้องมินร้องขึ้น
“พี่หมวย! พี่หมวยเป็นอะไรคะ นั่งก่อนนะ!”
“พี่คงเป็นไข้...”เราตอบไปตามตรง
“พี่คลายสูทก่อน เดี๋ยวหนูไปตามคุณชุนมาหาพี่นะ
พี่ห้ามไปไหนนะ”น้องมินย้ำกับเราอีกครั้งและเราก็พยักหน้าตอบกลับไป
สักพักอาการปวดหัวก็เริ่มค่อยๆทุเลา เราสูดลมหายใจลึกๆ คุณชุนก็เข้ามาพอดี
“พี่หมวย! ไม่สบายเหรอครับ?”
“คงเป็นไข้น่ะครับ”เราตอบไปเบาๆ
คุณชุนขมวดคิ้วมองหน้าเราอย่างคงกังวลกอนจะลุกขึ้น
“พักที่ห้องดีกว่านะครับ ยาอยู่ที่รถใช่มั้ย
เดี๋ยวผมไปเอามาให้นะ”แกลุกขึ้นเราก็เดินตามแกไป
น้องมินจะประคองเราแต่เราก็ยืนยันว่าเราไหว
เราโบกมือนิดๆให้น้องก่อนจะก้าวขาออกไปตามปกติ
แต่...
จู่ๆเหมือนเราดูวิดิโอที่กล้องมันหล่นตกพื้น
ทุกอย่างพลิกลงตะแคงไปหมดแล้วก็ดับมืดลงเรากับไฟดับเสียงแว่วๆระหว่างนั้นคือเสียงร้องของคุณชุนที่เรียกชื่อเรา
เราอยากจะตอบรับ แต่เราไม่ไหว ...
และเราก็ไม่รู้สึกอะไรอีกหลังจากนั้น...
“...”
เราลืมตาขึ้นช้าๆ
หลอดไฟนีออนคือสิ่งแรกที่เรามองเห็น เรากวาดตาไปรอบๆก็เข้าใจได้ว่านี่คือห้องพักของโรงพยาบาล
เราลุกพรวดขึ้นเพราะกลัวไม่ทันงาน ไม่รู้ว่าเราหลับไปกี่ชั่วโมง
แต่แล้วเสียงประตูเปิดก็ดังขึ้น คุณชุนแกสวมเสื้อผ้าเหมือนชุดทำงาน สีหน้าของแกตอนนี้ไม่ดีเท่าไหร่
“คุณชุน...เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
“...”
“งานวันพรุ่งนี้...”เราเอ่ยเบาๆก่อนจะใจเสียเมื่อคุณชุนแกยิ้มแล้วส่ายหน้าช้าๆ
“เลื่อนแล้วครับ พี่หมดสติไปวันนึงเต็มๆแน่ะ”แกลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงก่อนจะจบมือเรามาแนบแก้ม
“ไว้พี่หายแล้วค่อยจัดก็ได้ครับ”
“คุณชุนเป็นอะไรรึเปล่า...ทำไมพี่ใจไม่ดีเลย
โกรธพี่เหรอครับ?”เราถามแกแต่คุณชุนก็สั่นหน้าน้อยๆแล้วกดเรียกพยาบาล
“ไม่โกรธหรอกครับ...ถ้าพี่เป็นอะไรไปมากกว่านี้ผมจะโกรธ”
“...”
“ผมจะโกรธตัวเองที่ดูแลพี่ได้ไม่ดี”แกว่าพร้อมกับพยาบาลที่เข้ามาดูอาการ
เธอเช็คนั่นเช็คนี่อยู่สักพักก็เอ่ยปากถามเรา
“คุณหมอต้องการคุยกับคนไข้และญาติคนไข้ด้วยนะคะ
ไม่ทราบว่าพอสะดวกรึเปล่า เห็นว่าความดันและชีพจรปกติแล้ว”
“?”เราเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ไม่นานนักคุณหมอท่านหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น
เขาส่งยิ้มมาให้เรากับคุณชุน ก่อนจะยืนถือแฟ้มปิดดูเนื้อความข้างใน คุณหมอมองเราสองคนอยู่พัก
ก่อนจะเอ่ยปากขึ้น
“ตอนแรกหมอแจ้งให้ญาติๆได้ทราบแล้ว แต่หมอขอแจ้งผลการสแกนร่างกายตามที่ญาติได้ร้องขอมากับตัวคนไข้นะครับ
ตอนนี้ คุณลวินท์มีเนื้องอกในสมอง และกำลังค่อยๆโตขึ้นทีละน้อย
เลยมีอาการปวดหัวอยู่บ่อยๆ”เรานิ่งอึ้งแทบจะหมดแรงไปในทันที แต่คุณชุนก็กุมมือเราไว้พร้อมกับคุณหมอที่ยิ้มบางๆ
“แต่ไม่ต้องตกใจนะครับ ไม่ใช่เนื้องอกร้ายแรงอะไร
ถ้าได้รับการผ่าตัดเอาก้อนที่เติบโตออกไปก่อน และรักษาไปเรื่อยๆ
ก็เข้าสู่สภาวะปกติครับ”
“ต้องผ่า...เหรอครับ”เราเอ่ยเสียงเบา
พอรู้มาอยู่ว่าค่ารักษาตรงนี้มันแพงเหลือเกิน แล้วเราจะหาเงินมาจากไหน
“ใช่ครับ ต้องผ่า...”คุณหมอหยิบฟิล์มส่งให้เรา
เราเห็นแต่อะไรเป็นก้อนๆขาวๆดำๆอยู่ในแผ่นนั้น “แต่หมอต้องขอแจ้งเกี่ยวกับการผ่าตัดให้คนไข้ทำความเข้าใจก่อน
ว่าเนื้องอกชิ้นนี้อยู่ใกล้ส่วนของเทมพอรัล โลบ คือตรงนี้ สมองกลีบขมับ
ซึ่งจะมีผลข้างเคียงก็คือ หลังจากผ่าตัดไปแล้ว คนไข้จะสูญเสียความทรงจำ
อาจจะบางส่วน หรือทั้งหมด”
“ไม่ครับ!”
“พี่หมวย..”
“ผมไม่ผ่า!..ผมไม่ผ่ามันออก!
ไม่มีทางอื่นเหรอครับ?”เราร้องขึ้นพร้อมกับสั่นหน้าทันที เราไม่มีทางผ่าเด็ดขาด...
ทั้งราคาน่าจะแพง และความทรงจำทั้งหมดนั้นมันมีแต่คุณชุนอัดแน่นเต็มไปหมด
ขอบตาเราร้อนผ่าว เราจิกผ้าห่มแน่นพลันส่ายหน้าไปมาอย่างรับไม่ได้ เรารับไม่ได้
เราไม่อยากเสียเรื่องราวทั้งหมดไปแบบนี้
“วิธีผ่าตัดเป็นวิธีที่ดีที่สุด
และคนไข้จะปลอดภัยที่สุดครับ หากไม่ผ่าตัด คุณลวินท์จะอยู่ได้ไม่เกินสองปี ยังไงทั้งญาติและคนไข้
ลองปรึกษากันก่อน หากตัดสินใจยังไง รบกวนแจ้งหมออีกทีนะครับ”คุณหมอเก็บฟิล์มจากมือเราไปพร้อมกับพยาบาล
โยที่เราก็นั่งนิ่งน้ำตาไหลพรากอยู่บนเตียง เราเหมือนกำลังวิ่งเข้าไปหาปราสาททราย
ก่อนจะพบว่าคลื่นทะเลซัดมันพังลงต่อหน้า เรารับไม่ได้จริงๆ
ต่อให้เราต้องตายเราก็จะไม่ผ่าตัดเด็ดขาด
“พี่หมวย...ผมว่า...”
“พี่ไม่ผ่าครับ..พี่ไม่เอา...พี่..พี่...”ปากเราสั่นไปหมด
ไม่หรอก...เราสั่นไปทั้งตัว เราทั้งกลัว ทั้งสับสน ทั้งอะไรหลายๆอย่าง
คุณชุนก็ลุกขึ้นกอดเราไว้แน่น เพียงเท่านั้นเราก็ปล่อยโฮออกมาทันที
เราไม่เข้าใจว่าเราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า ทำไมเราต้องมาเจอเรื่องราวแบบนี้
ทำไมถึงต้องเป็นเราที่ไม่สามารถมีความสุขได้เหมือนคนอื่นๆ เราสะอื้นจนตัวโยน
ก่อนจะรับรู้ว่าคุณชุนก็ร้องไห้ออกมาเหมือนกัน เราพยายามตั้งสติตามที่คุณชุนกระซิบบอก
คุณชุนผละออกมาเอานิ้วโป้งลูบแก้มเราก่อนจะส่งยิ้มให้ แต่มันช่างเป็นยิ้มที่เศร้าหมองและเหนื่อยล้าเหลือเกิน
“ไว้คุยกับพ่อแม่เรากันก่อนนะ...พี่หมวยไม่เป็นไร..พี่จะไม่เป็นไร”
“พี่ไม่อยากลืมคุณชุน..”เราพูดไปร้องไป
และคุณชุนก็กดจูบกับหน้าผากของเราเบาๆ
“ผมจะทำให้พี่จำได้เอง...ไม่เป็นไรนะครับ
พี่อาจจะไม่ได้ลืมผมก็ได้นี่นา”
“แต่พี่...พี่..”
“คุณหมอบอกว่าอาจจะแค่บางส่วนก็ได้นี่ครับ
ไม่เป็นไรหรอกครับ...ดีกว่าพี่เป็นอะไรไปนะ..”
“พี่ไม่อยาก...”เรายังร้องไห้งอแงงี่เง่าเป็นเด็กๆจนคุณชุนเอ็ดขึ้นมาเสียงดัง
“ถ้าพี่ปล่อยไว้แล้วเป็นอะไรไป
พี่คิดว่าผมจะอยู่ได้เหรอ?!”
“...”เราเผลอกัดปากเงียบไปในทันที
ตัวเราสั่นเป็นลูกนก จนคุณชุนเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“พี่เลือกที่จะเก็บความทรงจำไว้แล้วทิ้งผมไว้คนเดียวบนโลกใบนี้เหรอ?
ทำไมพวกเราไม่สู้ล่ะครับ? ผมรถควำเกือบตายพี่ยังสู้เพื่อผมมาได้ ทำไมถึงถอดใจล่ะ?! ทำไมพี่ถึงไม่เชื่อว่าผมสู้ให้พี่ได้เหมือนกัน!”
เรากัดปากร้องไห้น้ำตาไหลพรูๆ
ที่เราเปล่งออกมาได้ตอนนี้คงมีแต่เสียงครางฮือสลับกับสะอึกสะอื้น
หน้าเราเปียกไปหมด เปียกหยดลงไปถึงเสื้อคนไข้ คุณชุนเงียบไปสักพักก่อนจะพูดกับเราด้วยน้ำเสียงแห้งผาก
“ผมบอกแล้วไงผมจะปกป้องพี่เอง..พี่จำไม่ได้เหรอ?”
เราหันไปมองคุณชุนก่อนจะโผเข้ากอดแกอีกหนหนึ่ง
เรากลัว... เกิดมาเราไม่เคยโดนผาหัว เรากลัวตั้งแต่มีอะไรอยู่ในหัวเรา
แล้วจะมีอะไรไม่รู้มาเปิดหัวเราะเอามันออกไป ไม่พอเรายังต้องเสียความทรงจำไปอีก
ทำไมโหดร้ายเหลือเกิน... ทำไมคนบนสวรรค์ถึงไม่เมตตากับเราเสียบ้าง...
ทำไมคนบนสวรรค์ถึงไม่ใจดีเหมือนคุณชุน ที่กำลังกอดเราเอาไว้แนบแน่น...
สุดท้ายแล้วพวกราก็ได้แต่กอดกันร้องไห้อยู่อย่างนั้น...
“เห็นเจ้าบี๋บอกว่าจุฬาคิวยาวมาก
ศิริราชก็ต้องนัด โรงพยาบาลรามา... ต้องลองติดต่อดูก่อน แต่มีคนแนะนำสถาบันประสาท
แม่กลัวว่าเตียงคนไข้จะไม่พอเอาน่ะสิ”
แม่เราว่าขณะที่แกแกะผลไม้ให้เราทาน
เรายังต้องตรวจดูอาการที่นี่ ซึ่งเราไม่รู้ว่าเราอยู่มากี่วัน สุดท้ายทุกคนก็เห็นตรงกันว่าเราควรผ่าตัด
เรื่องงานแต่งนั้นยกเลิกไปก่อน หายดีแล้วค่อยจัดกันใหม่
เราเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่เป็นแบบนี้
ทั้งที่เตรียมงานทุกอย่างจนพร้อมแล้วด้วยซ้ำ
“มันจะแพงมากมั้ยแม่ หนูไม่อยากให้มันเป็นภาระมากไป”
“สถาบันประสาทเสียสามสิบบาทได้ลูก
แต่แม่ว่าบริการก็เท่าราคานั่นแหล่ะ”แม่เราส่งยิ้มเนือยๆมาให้ “ไม่ต้องเป็นห่วงนะลูก
ทองเก็บแม่ยังมีอยู่ พ่อก็ยังเหลือสมบัติของอาม่า เดี๋ยวไว้ขายรวบรวมกันมาก็ได้
ลูกแม่ทำงานหนักมาเยอะแล้ว เจ้าสัวกับคุณนายก็ออกปากว่าจะช่วยเราเต็มที่”
“หนูไม่อยากให้ใครลำบาก”เราว่าเสียงอ่อน
ยิ่งรู้สึกผิดไปใหญ่ที่ทำคนอื่นเดือดร้อนไปทั่ว เราเงยหน้าขึ้นตามเสียงประตูเปิด
ก่อนจะเข้าใจได้ว่าคุณชุนพาพ่อเราไปรับยามา
“หน้าบูดเป็นตูดเลยนะเอ็ง”
“โธ่พ่อ..ใครจะไม่เครียด”
“ก็ใครใช้ให้เอ็งมีหนำเลี๊ยบอยู่ในหัวล่ะ”พ่อจิ้มหน้าผากเราเบาๆ
เราก็แต่แตะเบะปากไปให้แก
“ไม่ได้เอาใส่เองสักหน่อย”
“เป็นแล้วก็รีบรักษา คุณชุนเขาเป็นหม้ายขันหมากเลยเห็นไหม”เราย่นหน้าทันทีที่พ่อพูดจบ
โดยที่คุณชุนก็สั่นหน้ายิ้มๆกลับมาให้พ่อเรา
“ไม่เป็นไรหรอกครับ หายดีแล้วค่อยแต่งก็ได้”
“น่ะ เขาว่ามาอย่างนั้น รีบหายนะรู้มั้ย”
“รู้แล้วครับ”เราทำเสียงยานๆพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆของพ่อกับแม่
และไอ้อินที่เปิดประตูเอากระเช้ามาวางให้ที่โต๊ะ
“ไงหมวย ดีขึ้นยัง
คุณโด้เขาฝากมาบอกว่าถ้าลงกรุงเทพจะเอาพวกโสมมาให้ กินเยอะๆจะได้แข็งแรงนะ”
“ขอบใจนะเว้ยอิน”
“เออน่า ไอ้บี๋มันยังทำงานอยู่ เห็นว่าเลิกเวรแล้วจะมาหา
สู้นะเว้ย เด็กห้องแถวสายแข็งอย่าลืม”ไอ้อินชี้หน้าเราจริงจังจนเราส่งยิ้มไปให้มันแทน
จากนั้นมันก็พาพ่อกับแม่เราไปด้วย เพราะน้าบัวน้องสาวเฮียเส็งซื้อของรออยู่ข้างล่าง
แกคงเห็นว่าเป็นส่วนตัว เกรงจะเป็นคนนอก
ทั้งที่เราก็ไม่อยากให้แกถือว่าตัวเองเป็นคนใช้แบบนั้น แต่ไม่รู้จะฝากไปห้ามยังไง
ได้แต่มองไอ้อินปิดประตูเพื่อพาพ่อกับแม่ไปส่งที่บ้าน
คุณชุนก็นั่งลงเก้าอี้แทนแม่เรา แล้วก็ดึงมือเราไปจูบเบาๆ
“ง่วงนอนรึยังครับ?”
“ยังเลยครับ เมื่อคืนพยาบาลฉีดยาให้ พี่นอนเต็มที่เลย”เราตอบกลับ
“ออฟฟิศยุ่งมั้ยครับ?”
“ปกติครับ...ยุ่งเป็นปกติ”คุณชุนส่งยิ้มมาให้เรา “แต่ดีที่หัดงานเด็กใหม่ๆทัน
เด็กสมัยนี้เป็นงานเร็ว ก็พวกสาวๆชุดบัญชีที่พี่หาคนไปเพิ่มนั่นแหล่ะครับ ช่วยกัน
คนละนิดละหน่อย”
“ขอโทษนะครับที่ทำให้ลำบาก”เราพูดเพราะรู้สึกว่าคุณชุนต้องเหนื่อยเพราะเรา
แต่ก็นั่นแหล่ะ แกส่ายหน้ามาให้เป็นท่าทีปกติ
“ไม่ลำบากเลยครับ อะไรที่ทำให้พี่
ผมไม่เคยรู้สึกลำบากเลย”คุณชุนหยิบริบบิ้นสีแดงออกมาอีกครั้ง “นี่ครับ...ใส่ไว้นะ
ห้ามถอดจนกว่าเราจะแต่งกัน ถ้าตอนผ่าตัดก็ใส่มันไปด้วย
จะได้รู้สึกว่ามีผมอยู่ข้างๆ”แกมัดริบบิ้นไว้กับนิ้วนางข้างซ้ายของเราอีกครั้ง
แล้วเราก็มองริบบิ้นแดงผูกปมเป็นโบว์สวยงามอยู่บนนิ้ว “พี่เข้ากับสีแดงแฮะ”
“เอ๋?”
“หรือเพราะธีมไม่เป็นมงคล...อาม่าพี่ต้องอยากให้พี่ใส่ชุดแดงแน่ๆ”คุณชุนว่าติดตลกจนเราที่แอบเครียดๆเผลอหัวเราะตามแกอีกครั้ง
“ไม่ใช่แล้วครับ”
“คำสาปน้องสุรินทร์”
“ไม่ใช่อะ..ไม่ใช่เลย ห้ามชื่อนี้”เราตีๆมือแกที่แกล้งแตะแก้มแตะหูเราเล่น
จนพวกเราเงียบไปอีกครั้งหนึ่ง เราเลยเรียกชื่อแกเบาๆ “คุณชุน”
“ครับ?”
“ถ้าพี่จำไม่ได้... ถ้าพี่ลืมคุณชุน คุณชุนห้ามดุพี่นะ”เราว่า
แกก็มองหน้าเราพักหนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ
“จะยกประโยชน์ให้จำเลยครับ จะทำให้จำได้ไวๆด้วย”
“หืม?”
“ไปอยู่ชะอำสักสองอาทิตย์...”
“ทะลึ่ง”เราตีแกที่หัวเราะร่วนอยู่อย่างนั้น
คนจริงจังยังจะมาทะเล้นอีก...คุณชุนนะคุณชุน...
“ผมจะพาพี่ไปตากอากาศ ดูน้ำทะเลไงครับ
ช่วงนี้พัทยาคนเยอะ ไปชะอำดีกว่า พี่คิดอะไรครับเนี่ย”
“ไม่ต้องเบี่ยงประเด็นเลยครับ”เราหน้างอใส่แกที่ยังส่งยิ้มมาให้
แค่รอยยิ้มที่เขาส่งมา วันที่เหนื่อยล้าที่สุดก็ยังรู้สึกดีอย่างประหลาด
“ต่อให้พี่จำผมไม่ได้...ผมก็ยังจำได้ว่าพี่รักผม”
“...”
“ไม่ต้องกลัวนะครับ...มันจะผ่านไปด้วยดี
พี่จะต้องไม่เป็นอะไร”คุณชุนกอบมือเราเข้าจูบเบาๆ นึกแล้วก็ตลกตัวเอง
แค่ไม่กี่คำของคุณชุนเราก็รู้สึกแข็งแรงราวกับโลกนี้ทำอะไรเราไม่ได้
เรายังคิดเลยว่าหากไม่มีคุณชุนเราจะทำยังไงต่อไป เราจะอยู่ยังไง
เราจะตัดสินใจยังไง แค่ถามตัวเองเล่นๆเรายังนึกไม่ออก
จนเราอดแปลกใจไม่ได้ที่เด็กน้อยเกาะขาแม่เป็นลูกลิงในตอนนั้นกลายเป็นคนที่เป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างของเราในตอนนี้
เราไม่รู้ว่าการผ่าตัดจะสำเร็จไหม ผ่าไปแล้วจะมีผลอะไรตามมา เราต้องลืมทุกอย่าง
หรือลืมแค่บางสิ่ง หากเป็นอย่างนั้น...บางสิ่งที่เราต้องลืมขอให้เป็นอะไรที่ไม่สำคัญจะได้ไหม
อะไรที่เลวร้ายกับความรู้สึก หากเป็นอย่างนั้นเราก็จะไม่ตะขิดตะขวงใจ
เราคงจะอยากรู้สึกขอบคุณก้อนเนื้อในสมองของเรามากกว่านี้
เราใช้สายตาจดจำคุณชุน..ที่พูดกับเราเหมือนในคืนนั้น...คืนที่แกขอเป็นคนเดียวกันกับเรา..ขอเป็นคู่ชีวิตของเรา
แกขอไว้เยอะเยอะทีเดียว และคุณชุนก็พูดมันขึ้นมาอีกหน...
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...พี่จะลืมชุนหรือไม่ลืม ชุนอยากให้พี่รู้ไว้อีกอย่างนึง...ชุนรักพี่หมวยนะ”
“...”
“ชุนรักพี่...เป็นของพี่...และจะเป็นของพี่คนเดียว”
แม้น้ำตาเราจะไหลหยด...
แต่ริมฝีปากของเรายังคงวาดเป็นรอยยิ้ม....
._.
แท็ก #คุณชุนพี่หมวย ต้ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น