วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หมวย (Sehun x Luhan) (24)










Title: หมวย (24)
Image: SEHUN x LUHAN
Author: RUNAWAY05
  Note: ...






“พอดีเป๊ะเลย”

เจ๊จุ๋มว่าพลางหมุนตัวเราไปมาอย่างพอใจ เสื้อผ้าที่จะใช้ในงานเป็นของร้านเจ๊จุ๋มซึ่งให้ช่างมือหนึ่งของร้านตัดเย็บอย่างประณีต วันนี้เรามาลองชุดแล้วก็เช็คสถานที่จัดงาน ซึ่งคุณชุนเช่าห้องของโรงแรมขาดกลางๆไว้ เราส่งยิ้มให้เจ๊จุ๋มและน้องมินที่นั่งยิ้มหวานข้างๆ

“หมดทุกข์หมดโศกซะทีนะคะพี่หมวย คราวนี้จะได้อยู่กับคุณชุนเขาเสียที”น้องมินพูดขึ้น “พรุ่งนี้แล้วน้า พี่ตื่นเต้นรึเปล่าคะ”

“ตื่นเต้นสิ..มือพี่มีแต่เหงื่อ ขนาดวันนี้วันซ้อมนะ”เราตอบติดตลกจนเจ๊จุ๋มแกหลุดยิ้ม เจ๊จุ๋มลูบผมเราเบาเบา แล้วก็พูดขึ้น

“มันเพิ่งเริ่มเองหมวย แกต้องเจออะไรอีกเยอะ ทุกเรื่องมาโถมหาแกเรื่อยๆ เพียงแค่จากนี้แกจะไม่สู้กับมันคนเดียวอีกแล้ว ฉันผ่านมันมาแล้ว เชื่อฉันนะ”

“ครับเจ๊”

“หนูก็อยากแต่งงานนะคะ แต่พี่เชนทร์ไม่ออกปากสักทีเนี่ย”น้องมินทำท่ากระเง้ากระงอดจนเจ๊จุ๋มหันไปยื่นปากใส่

“ฉันบอกแล้วไงว่าให้ข่มขืนเขา เดี๋ยวแกก็ท้อง จะได้แต่งกัน”

“หนูไม่เอานะ หนูกลัวเจ็บอ่ะ”

“ก็ไม่มีผัวค่ะ ง่ายจะตายไป”เราหัวเราะดูเจ๊จุ๋มกับน้องมินง้องแง้งใส่กัน ก่อนที่เจ๊จุ๋มจะขอตัวออกไปดูสถานที่ภายนอก ส่วนน้องมินก็บอกเราว่าเดี๋ยวจะเอาน้ำหวานมาให้ เรานั่งมองตัวเองอยู่หน้ากระจก สูทผ้าไหมสีงาช้างที่แต่ก่อนเราได้แต่มองตอนเดินผ่านพวกร้าน แต่ตอนนี้เราได้ใส่มัน ว่าแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

“โอ๊ะ...!”เราครางเบาๆเมื่อจู่ๆก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เราคิดว่าคงเพราะเราเป็นไข้ แต่ครั้งนี้มันปวดขึ้นเรื่อยๆ ปวดตุบๆจนเราน้ำตาไหล เราทรุดลงไปข้างหน้า แต่เราก็พยายามจับโต๊ะเอาไว้อยู่ พร้อมกับได้ยินเสียงน้องมินร้องขึ้น

“พี่หมวย! พี่หมวยเป็นอะไรคะ นั่งก่อนนะ!

“พี่คงเป็นไข้...”เราตอบไปตามตรง

“พี่คลายสูทก่อน เดี๋ยวหนูไปตามคุณชุนมาหาพี่นะ พี่ห้ามไปไหนนะ”น้องมินย้ำกับเราอีกครั้งและเราก็พยักหน้าตอบกลับไป สักพักอาการปวดหัวก็เริ่มค่อยๆทุเลา เราสูดลมหายใจลึกๆ คุณชุนก็เข้ามาพอดี

“พี่หมวย! ไม่สบายเหรอครับ?”

“คงเป็นไข้น่ะครับ”เราตอบไปเบาๆ คุณชุนขมวดคิ้วมองหน้าเราอย่างคงกังวลกอนจะลุกขึ้น

“พักที่ห้องดีกว่านะครับ ยาอยู่ที่รถใช่มั้ย เดี๋ยวผมไปเอามาให้นะ”แกลุกขึ้นเราก็เดินตามแกไป น้องมินจะประคองเราแต่เราก็ยืนยันว่าเราไหว  เราโบกมือนิดๆให้น้องก่อนจะก้าวขาออกไปตามปกติ

แต่...

จู่ๆเหมือนเราดูวิดิโอที่กล้องมันหล่นตกพื้น ทุกอย่างพลิกลงตะแคงไปหมดแล้วก็ดับมืดลงเรากับไฟดับเสียงแว่วๆระหว่างนั้นคือเสียงร้องของคุณชุนที่เรียกชื่อเรา เราอยากจะตอบรับ แต่เราไม่ไหว ...

และเราก็ไม่รู้สึกอะไรอีกหลังจากนั้น...




“...”

เราลืมตาขึ้นช้าๆ หลอดไฟนีออนคือสิ่งแรกที่เรามองเห็น เรากวาดตาไปรอบๆก็เข้าใจได้ว่านี่คือห้องพักของโรงพยาบาล เราลุกพรวดขึ้นเพราะกลัวไม่ทันงาน ไม่รู้ว่าเราหลับไปกี่ชั่วโมง แต่แล้วเสียงประตูเปิดก็ดังขึ้น คุณชุนแกสวมเสื้อผ้าเหมือนชุดทำงาน สีหน้าของแกตอนนี้ไม่ดีเท่าไหร่

“คุณชุน...เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”

“...”

“งานวันพรุ่งนี้...”เราเอ่ยเบาๆก่อนจะใจเสียเมื่อคุณชุนแกยิ้มแล้วส่ายหน้าช้าๆ

“เลื่อนแล้วครับ พี่หมดสติไปวันนึงเต็มๆแน่ะ”แกลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงก่อนจะจบมือเรามาแนบแก้ม “ไว้พี่หายแล้วค่อยจัดก็ได้ครับ”

“คุณชุนเป็นอะไรรึเปล่า...ทำไมพี่ใจไม่ดีเลย โกรธพี่เหรอครับ?”เราถามแกแต่คุณชุนก็สั่นหน้าน้อยๆแล้วกดเรียกพยาบาล

“ไม่โกรธหรอกครับ...ถ้าพี่เป็นอะไรไปมากกว่านี้ผมจะโกรธ”

“...”

“ผมจะโกรธตัวเองที่ดูแลพี่ได้ไม่ดี”แกว่าพร้อมกับพยาบาลที่เข้ามาดูอาการ เธอเช็คนั่นเช็คนี่อยู่สักพักก็เอ่ยปากถามเรา

“คุณหมอต้องการคุยกับคนไข้และญาติคนไข้ด้วยนะคะ ไม่ทราบว่าพอสะดวกรึเปล่า เห็นว่าความดันและชีพจรปกติแล้ว”

“?”เราเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ไม่นานนักคุณหมอท่านหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น เขาส่งยิ้มมาให้เรากับคุณชุน ก่อนจะยืนถือแฟ้มปิดดูเนื้อความข้างใน คุณหมอมองเราสองคนอยู่พัก ก่อนจะเอ่ยปากขึ้น

“ตอนแรกหมอแจ้งให้ญาติๆได้ทราบแล้ว แต่หมอขอแจ้งผลการสแกนร่างกายตามที่ญาติได้ร้องขอมากับตัวคนไข้นะครับ ตอนนี้ คุณลวินท์มีเนื้องอกในสมอง และกำลังค่อยๆโตขึ้นทีละน้อย เลยมีอาการปวดหัวอยู่บ่อยๆ”เรานิ่งอึ้งแทบจะหมดแรงไปในทันที แต่คุณชุนก็กุมมือเราไว้พร้อมกับคุณหมอที่ยิ้มบางๆ “แต่ไม่ต้องตกใจนะครับ ไม่ใช่เนื้องอกร้ายแรงอะไร ถ้าได้รับการผ่าตัดเอาก้อนที่เติบโตออกไปก่อน และรักษาไปเรื่อยๆ ก็เข้าสู่สภาวะปกติครับ”

“ต้องผ่า...เหรอครับ”เราเอ่ยเสียงเบา พอรู้มาอยู่ว่าค่ารักษาตรงนี้มันแพงเหลือเกิน แล้วเราจะหาเงินมาจากไหน

“ใช่ครับ ต้องผ่า...”คุณหมอหยิบฟิล์มส่งให้เรา เราเห็นแต่อะไรเป็นก้อนๆขาวๆดำๆอยู่ในแผ่นนั้น “แต่หมอต้องขอแจ้งเกี่ยวกับการผ่าตัดให้คนไข้ทำความเข้าใจก่อน ว่าเนื้องอกชิ้นนี้อยู่ใกล้ส่วนของเทมพอรัล โลบ คือตรงนี้ สมองกลีบขมับ ซึ่งจะมีผลข้างเคียงก็คือ หลังจากผ่าตัดไปแล้ว คนไข้จะสูญเสียความทรงจำ อาจจะบางส่วน หรือทั้งหมด”

“ไม่ครับ!

“พี่หมวย..”

“ผมไม่ผ่า!..ผมไม่ผ่ามันออก! ไม่มีทางอื่นเหรอครับ?”เราร้องขึ้นพร้อมกับสั่นหน้าทันที เราไม่มีทางผ่าเด็ดขาด... ทั้งราคาน่าจะแพง และความทรงจำทั้งหมดนั้นมันมีแต่คุณชุนอัดแน่นเต็มไปหมด ขอบตาเราร้อนผ่าว เราจิกผ้าห่มแน่นพลันส่ายหน้าไปมาอย่างรับไม่ได้ เรารับไม่ได้ เราไม่อยากเสียเรื่องราวทั้งหมดไปแบบนี้

“วิธีผ่าตัดเป็นวิธีที่ดีที่สุด และคนไข้จะปลอดภัยที่สุดครับ หากไม่ผ่าตัด คุณลวินท์จะอยู่ได้ไม่เกินสองปี ยังไงทั้งญาติและคนไข้ ลองปรึกษากันก่อน หากตัดสินใจยังไง รบกวนแจ้งหมออีกทีนะครับ”คุณหมอเก็บฟิล์มจากมือเราไปพร้อมกับพยาบาล โยที่เราก็นั่งนิ่งน้ำตาไหลพรากอยู่บนเตียง เราเหมือนกำลังวิ่งเข้าไปหาปราสาททราย ก่อนจะพบว่าคลื่นทะเลซัดมันพังลงต่อหน้า เรารับไม่ได้จริงๆ ต่อให้เราต้องตายเราก็จะไม่ผ่าตัดเด็ดขาด

“พี่หมวย...ผมว่า...”

“พี่ไม่ผ่าครับ..พี่ไม่เอา...พี่..พี่...”ปากเราสั่นไปหมด ไม่หรอก...เราสั่นไปทั้งตัว เราทั้งกลัว ทั้งสับสน ทั้งอะไรหลายๆอย่าง คุณชุนก็ลุกขึ้นกอดเราไว้แน่น เพียงเท่านั้นเราก็ปล่อยโฮออกมาทันที เราไม่เข้าใจว่าเราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า ทำไมเราต้องมาเจอเรื่องราวแบบนี้ ทำไมถึงต้องเป็นเราที่ไม่สามารถมีความสุขได้เหมือนคนอื่นๆ เราสะอื้นจนตัวโยน ก่อนจะรับรู้ว่าคุณชุนก็ร้องไห้ออกมาเหมือนกัน เราพยายามตั้งสติตามที่คุณชุนกระซิบบอก คุณชุนผละออกมาเอานิ้วโป้งลูบแก้มเราก่อนจะส่งยิ้มให้ แต่มันช่างเป็นยิ้มที่เศร้าหมองและเหนื่อยล้าเหลือเกิน

“ไว้คุยกับพ่อแม่เรากันก่อนนะ...พี่หมวยไม่เป็นไร..พี่จะไม่เป็นไร”

“พี่ไม่อยากลืมคุณชุน..”เราพูดไปร้องไป และคุณชุนก็กดจูบกับหน้าผากของเราเบาๆ

“ผมจะทำให้พี่จำได้เอง...ไม่เป็นไรนะครับ พี่อาจจะไม่ได้ลืมผมก็ได้นี่นา”

“แต่พี่...พี่..”

“คุณหมอบอกว่าอาจจะแค่บางส่วนก็ได้นี่ครับ ไม่เป็นไรหรอกครับ...ดีกว่าพี่เป็นอะไรไปนะ..”

“พี่ไม่อยาก...”เรายังร้องไห้งอแงงี่เง่าเป็นเด็กๆจนคุณชุนเอ็ดขึ้นมาเสียงดัง

“ถ้าพี่ปล่อยไว้แล้วเป็นอะไรไป พี่คิดว่าผมจะอยู่ได้เหรอ?!

“...”เราเผลอกัดปากเงียบไปในทันที ตัวเราสั่นเป็นลูกนก จนคุณชุนเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง

“พี่เลือกที่จะเก็บความทรงจำไว้แล้วทิ้งผมไว้คนเดียวบนโลกใบนี้เหรอ? ทำไมพวกเราไม่สู้ล่ะครับ? ผมรถควำเกือบตายพี่ยังสู้เพื่อผมมาได้ ทำไมถึงถอดใจล่ะ?! ทำไมพี่ถึงไม่เชื่อว่าผมสู้ให้พี่ได้เหมือนกัน!

เรากัดปากร้องไห้น้ำตาไหลพรูๆ ที่เราเปล่งออกมาได้ตอนนี้คงมีแต่เสียงครางฮือสลับกับสะอึกสะอื้น หน้าเราเปียกไปหมด เปียกหยดลงไปถึงเสื้อคนไข้ คุณชุนเงียบไปสักพักก่อนจะพูดกับเราด้วยน้ำเสียงแห้งผาก

“ผมบอกแล้วไงผมจะปกป้องพี่เอง..พี่จำไม่ได้เหรอ?”

เราหันไปมองคุณชุนก่อนจะโผเข้ากอดแกอีกหนหนึ่ง เรากลัว... เกิดมาเราไม่เคยโดนผาหัว เรากลัวตั้งแต่มีอะไรอยู่ในหัวเรา แล้วจะมีอะไรไม่รู้มาเปิดหัวเราะเอามันออกไป ไม่พอเรายังต้องเสียความทรงจำไปอีก ทำไมโหดร้ายเหลือเกิน... ทำไมคนบนสวรรค์ถึงไม่เมตตากับเราเสียบ้าง... ทำไมคนบนสวรรค์ถึงไม่ใจดีเหมือนคุณชุน ที่กำลังกอดเราเอาไว้แนบแน่น...

สุดท้ายแล้วพวกราก็ได้แต่กอดกันร้องไห้อยู่อย่างนั้น...





“เห็นเจ้าบี๋บอกว่าจุฬาคิวยาวมาก ศิริราชก็ต้องนัด โรงพยาบาลรามา... ต้องลองติดต่อดูก่อน แต่มีคนแนะนำสถาบันประสาท แม่กลัวว่าเตียงคนไข้จะไม่พอเอาน่ะสิ”

แม่เราว่าขณะที่แกแกะผลไม้ให้เราทาน เรายังต้องตรวจดูอาการที่นี่ ซึ่งเราไม่รู้ว่าเราอยู่มากี่วัน สุดท้ายทุกคนก็เห็นตรงกันว่าเราควรผ่าตัด เรื่องงานแต่งนั้นยกเลิกไปก่อน หายดีแล้วค่อยจัดกันใหม่ เราเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่เป็นแบบนี้ ทั้งที่เตรียมงานทุกอย่างจนพร้อมแล้วด้วยซ้ำ

“มันจะแพงมากมั้ยแม่ หนูไม่อยากให้มันเป็นภาระมากไป”

 “สถาบันประสาทเสียสามสิบบาทได้ลูก แต่แม่ว่าบริการก็เท่าราคานั่นแหล่ะ”แม่เราส่งยิ้มเนือยๆมาให้ “ไม่ต้องเป็นห่วงนะลูก ทองเก็บแม่ยังมีอยู่ พ่อก็ยังเหลือสมบัติของอาม่า เดี๋ยวไว้ขายรวบรวมกันมาก็ได้ ลูกแม่ทำงานหนักมาเยอะแล้ว เจ้าสัวกับคุณนายก็ออกปากว่าจะช่วยเราเต็มที่”

“หนูไม่อยากให้ใครลำบาก”เราว่าเสียงอ่อน ยิ่งรู้สึกผิดไปใหญ่ที่ทำคนอื่นเดือดร้อนไปทั่ว เราเงยหน้าขึ้นตามเสียงประตูเปิด ก่อนจะเข้าใจได้ว่าคุณชุนพาพ่อเราไปรับยามา

“หน้าบูดเป็นตูดเลยนะเอ็ง”

“โธ่พ่อ..ใครจะไม่เครียด”

“ก็ใครใช้ให้เอ็งมีหนำเลี๊ยบอยู่ในหัวล่ะ”พ่อจิ้มหน้าผากเราเบาๆ เราก็แต่แตะเบะปากไปให้แก

“ไม่ได้เอาใส่เองสักหน่อย”

“เป็นแล้วก็รีบรักษา คุณชุนเขาเป็นหม้ายขันหมากเลยเห็นไหม”เราย่นหน้าทันทีที่พ่อพูดจบ โดยที่คุณชุนก็สั่นหน้ายิ้มๆกลับมาให้พ่อเรา

“ไม่เป็นไรหรอกครับ หายดีแล้วค่อยแต่งก็ได้”

“น่ะ เขาว่ามาอย่างนั้น รีบหายนะรู้มั้ย”

“รู้แล้วครับ”เราทำเสียงยานๆพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆของพ่อกับแม่ และไอ้อินที่เปิดประตูเอากระเช้ามาวางให้ที่โต๊ะ

“ไงหมวย ดีขึ้นยัง คุณโด้เขาฝากมาบอกว่าถ้าลงกรุงเทพจะเอาพวกโสมมาให้ กินเยอะๆจะได้แข็งแรงนะ”

“ขอบใจนะเว้ยอิน”

“เออน่า ไอ้บี๋มันยังทำงานอยู่ เห็นว่าเลิกเวรแล้วจะมาหา สู้นะเว้ย เด็กห้องแถวสายแข็งอย่าลืม”ไอ้อินชี้หน้าเราจริงจังจนเราส่งยิ้มไปให้มันแทน จากนั้นมันก็พาพ่อกับแม่เราไปด้วย เพราะน้าบัวน้องสาวเฮียเส็งซื้อของรออยู่ข้างล่าง แกคงเห็นว่าเป็นส่วนตัว เกรงจะเป็นคนนอก ทั้งที่เราก็ไม่อยากให้แกถือว่าตัวเองเป็นคนใช้แบบนั้น แต่ไม่รู้จะฝากไปห้ามยังไง ได้แต่มองไอ้อินปิดประตูเพื่อพาพ่อกับแม่ไปส่งที่บ้าน คุณชุนก็นั่งลงเก้าอี้แทนแม่เรา แล้วก็ดึงมือเราไปจูบเบาๆ

“ง่วงนอนรึยังครับ?”

“ยังเลยครับ เมื่อคืนพยาบาลฉีดยาให้ พี่นอนเต็มที่เลย”เราตอบกลับ “ออฟฟิศยุ่งมั้ยครับ?”

“ปกติครับ...ยุ่งเป็นปกติ”คุณชุนส่งยิ้มมาให้เรา “แต่ดีที่หัดงานเด็กใหม่ๆทัน เด็กสมัยนี้เป็นงานเร็ว ก็พวกสาวๆชุดบัญชีที่พี่หาคนไปเพิ่มนั่นแหล่ะครับ ช่วยกัน คนละนิดละหน่อย”

“ขอโทษนะครับที่ทำให้ลำบาก”เราพูดเพราะรู้สึกว่าคุณชุนต้องเหนื่อยเพราะเรา แต่ก็นั่นแหล่ะ แกส่ายหน้ามาให้เป็นท่าทีปกติ

“ไม่ลำบากเลยครับ อะไรที่ทำให้พี่ ผมไม่เคยรู้สึกลำบากเลย”คุณชุนหยิบริบบิ้นสีแดงออกมาอีกครั้ง “นี่ครับ...ใส่ไว้นะ ห้ามถอดจนกว่าเราจะแต่งกัน ถ้าตอนผ่าตัดก็ใส่มันไปด้วย จะได้รู้สึกว่ามีผมอยู่ข้างๆ”แกมัดริบบิ้นไว้กับนิ้วนางข้างซ้ายของเราอีกครั้ง แล้วเราก็มองริบบิ้นแดงผูกปมเป็นโบว์สวยงามอยู่บนนิ้ว “พี่เข้ากับสีแดงแฮะ”

“เอ๋?”

“หรือเพราะธีมไม่เป็นมงคล...อาม่าพี่ต้องอยากให้พี่ใส่ชุดแดงแน่ๆ”คุณชุนว่าติดตลกจนเราที่แอบเครียดๆเผลอหัวเราะตามแกอีกครั้ง

“ไม่ใช่แล้วครับ”

“คำสาปน้องสุรินทร์”

“ไม่ใช่อะ..ไม่ใช่เลย ห้ามชื่อนี้”เราตีๆมือแกที่แกล้งแตะแก้มแตะหูเราเล่น จนพวกเราเงียบไปอีกครั้งหนึ่ง เราเลยเรียกชื่อแกเบาๆ “คุณชุน”

“ครับ?”

“ถ้าพี่จำไม่ได้... ถ้าพี่ลืมคุณชุน คุณชุนห้ามดุพี่นะ”เราว่า แกก็มองหน้าเราพักหนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ

“จะยกประโยชน์ให้จำเลยครับ จะทำให้จำได้ไวๆด้วย”

“หืม?”

“ไปอยู่ชะอำสักสองอาทิตย์...”

“ทะลึ่ง”เราตีแกที่หัวเราะร่วนอยู่อย่างนั้น คนจริงจังยังจะมาทะเล้นอีก...คุณชุนนะคุณชุน...

“ผมจะพาพี่ไปตากอากาศ ดูน้ำทะเลไงครับ ช่วงนี้พัทยาคนเยอะ ไปชะอำดีกว่า พี่คิดอะไรครับเนี่ย”

“ไม่ต้องเบี่ยงประเด็นเลยครับ”เราหน้างอใส่แกที่ยังส่งยิ้มมาให้ แค่รอยยิ้มที่เขาส่งมา วันที่เหนื่อยล้าที่สุดก็ยังรู้สึกดีอย่างประหลาด

“ต่อให้พี่จำผมไม่ได้...ผมก็ยังจำได้ว่าพี่รักผม”

“...”

“ไม่ต้องกลัวนะครับ...มันจะผ่านไปด้วยดี พี่จะต้องไม่เป็นอะไร”คุณชุนกอบมือเราเข้าจูบเบาๆ นึกแล้วก็ตลกตัวเอง แค่ไม่กี่คำของคุณชุนเราก็รู้สึกแข็งแรงราวกับโลกนี้ทำอะไรเราไม่ได้ เรายังคิดเลยว่าหากไม่มีคุณชุนเราจะทำยังไงต่อไป เราจะอยู่ยังไง เราจะตัดสินใจยังไง แค่ถามตัวเองเล่นๆเรายังนึกไม่ออก จนเราอดแปลกใจไม่ได้ที่เด็กน้อยเกาะขาแม่เป็นลูกลิงในตอนนั้นกลายเป็นคนที่เป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างของเราในตอนนี้ เราไม่รู้ว่าการผ่าตัดจะสำเร็จไหม ผ่าไปแล้วจะมีผลอะไรตามมา เราต้องลืมทุกอย่าง หรือลืมแค่บางสิ่ง หากเป็นอย่างนั้น...บางสิ่งที่เราต้องลืมขอให้เป็นอะไรที่ไม่สำคัญจะได้ไหม อะไรที่เลวร้ายกับความรู้สึก หากเป็นอย่างนั้นเราก็จะไม่ตะขิดตะขวงใจ เราคงจะอยากรู้สึกขอบคุณก้อนเนื้อในสมองของเรามากกว่านี้

เราใช้สายตาจดจำคุณชุน..ที่พูดกับเราเหมือนในคืนนั้น...คืนที่แกขอเป็นคนเดียวกันกับเรา..ขอเป็นคู่ชีวิตของเรา แกขอไว้เยอะเยอะทีเดียว และคุณชุนก็พูดมันขึ้นมาอีกหน...

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...พี่จะลืมชุนหรือไม่ลืม ชุนอยากให้พี่รู้ไว้อีกอย่างนึง...ชุนรักพี่หมวยนะ”

“...”

“ชุนรักพี่...เป็นของพี่...และจะเป็นของพี่คนเดียว”




แม้น้ำตาเราจะไหลหยด...
แต่ริมฝีปากของเรายังคงวาดเป็นรอยยิ้ม....





._.
แท็ก #คุณชุนพี่หมวย ต้ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น