Title: หมวย (7)
Image: SEHUN x LUHAN
Author: RUNAWAY05
Note: TvT♥..
Note: TvT♥..
พวกเราไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกหลังจากนั้น
คุณชุนขับรถไปเรื่อยๆโดยที่เราก็ไม่รู้ว่าแกจะพาเราไปไหน
เราได้แต่เอาหัวพิงหน้าต่างกระจกอกสะท้อนอยู่แบบนั้น สงสัยเพราะเราร้องไห้เสียงดังเป็นผีเด็กไปคุณชุนเลยไม่มายุ่งกับเราอีก
คุณชุนแวะเติมน้ำมันก่อนจะเลี้ยวไปจอดขังเราเอาไว้ในรถ
แกดึงกุญแจรถออกไปสงสัยกลัวเราจะขับหนี สักพักเสียงเปิดประตูก็ดัง เราได้กินซาลาเปาหมูสับเซเว่นกับกาแฟร้อน
เห็นเราเป็นฮิปโปเขาดินหรืออย่างไรเอะอะก็เอาของกินมายัดใส่ปาก
สักพักเราก็รู้สึกเหมือนว่าแกเริ่มจับมือเราอีกครั้ง เราไม่ได้สะบัดออก
จะว่าเรากลัวก็ได้ แต่เราไม่มีแรงจะสะบัดสะบิ้งอะไรทั้งนั้น
“พี่หมวย”
“...”
“เช็ดหน้าก่อนนะครับ เหนียวหน้านะ”แกบีบมือเราเบาๆ
“ชุนโมโห...ตกใจด้วย ก็เลยเสียงดังกับพี่ หันมาให้ชุนขอโทษก่อนนะครับ
แล้วค่อยหันกลับไปก็ได้”
“...”เราหันไปมองคุณชุนที่สีหน้าตอนนี้ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่
คุณชุนแกะห่อผ้าเย็นเช็ดหน้าให้เราแล้วก็พูดเสียงเนิบๆเหมือนเดิม
“ชุนรอพี่หมวยไปซื้อกาแฟ คุณแม่ก็มาออฟฟิศ
ชวนไปกินข้าว แล้วก็ไหลไปกับยัยริณ ชุนเบื่อจะตาย กลับก่อนก็ไม่ได้
ส่งข้อความบอกให้พี่รอก่อน ไม่เห็นพี่ตอบกลับ”
“...”
“พอชุนกลับมาออฟฟิศ ถามแม่บ้านเลยรู้ว่าพี่กลับไปแล้ว
ชุนโทรหาพี่เป็นสิบสาย พี่ก็ไม่รับสายกันเลย”เราหยิบมือถือมาดูก็เจอมิสคอลเป็นสิบๆสาย
ทั้งข้อความทั้งไลน์เต็มหน้าจอไปหมด เราหลบตาหนีคุณชุนที่จ้องหน้าเราสักพักแล้วมองกลับเมื่อเหลือบเห็นว่าแกก้มหน้าลง
“ถามกับใครก็ไม่เจอ ชุนหาพี่เหมือนเป็นบ้า เลยลองไปนั่งรอแถวๆใต้ดิน
เผื่อพี่จะกลับบ้าน มาเจอพี่เย็นชาใส่อีก ชุนว่าชุนเก็บอาการเก่งนะ
พอเจอแบบนี้เหมือนไม่มีสติไปเลย...ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้นะครับ”
“...”
“ยังไม่ต้องหายโกรธก็ได้ กินอะไรก่อนนะ
เดี๋ยวผมพากลับหอ กินแล้วก็นอนพักนะครับ”คุณชุนเอาผ้าถูแก้มเราเบาๆ
แต่เราก็ยังไม่พูดไม่ออกแม้กระทั่งคำว่าขอบคุณ เราทำได้แค่กุมข้อมือคุณชุนไว้ก่อนจะซบหน้ากับฝ่ามือแก
เราอยู่นิ่งๆแบบนั้นจนคุณเขาลูบผมเราไปมา ร้องมากมันก็เหนื่อยเนอะ เริ่มจะหิว เลย หยิบซาลาเปามาถือไว้
แล้วแกซื้อมาลูกเดียว เราเลยบิครึ่งแล้วส่งให้คุณชุนไป
“ครับ?”
“คุณชุนยังไม่หิวเหรอ พี่กินไม่หมดหรอก”
“เดี๋ยวพี่ไม่อิ่มนะ”
“ให้พี่หิวเถอะ
ดีกว่าอิ่มแล้วดูคุณชุนหิว”เราตอบไปแบบนั้น
สรุปว่าแบ่งกาแฟร้อนกับซาลาเปากันอย่างประหยัด เรามองพื้นที่ๆไม่ค่อยจะคุ้นนัก
เหมือนจะเป็นเมืองย่อมๆแสงสีไม่เคยดับ “นี่ที่ไหนครับ?”
“รังสิตครับ ผมหัวว่างๆเลยขับมาเรื่อยๆ
พอเติมน้ำมันเพิ่งรู้ว่าถึงนี่”เราถึงกับอ้าปากค้างเมื่อพบว่าคุณชุนเหยียบรถมาพาไกลขนาดนี้
“คุณชุนนอนก่อนมั้ย ขับไปขับมามันเมื่อยนะ
เดี๋ยวจะหลับในเอา”
“ผมไม่ชอบนอนในรถครับ
มันไม่สบายตัว”คุณชุนตอบเรากลับมา และเราก็เห็นว่าเศษแป้งซาลาเปาไปติดปากแก ก็เลยยื่นมือไปเช็ดๆให้
คุณชุนเลยดึงมือเราไปแนบแก้มแกแล้วพูดขึ้นมาอีกหนหนึ่ง
“พี่หมวย...ผมมีเรื่องที่อยากขอพี่ เรื่องนึง”
“ครับ?”
“ต่อให้พี่จะโกรธผมมากแค่ไหน
หรือผมทำตัวแย่ๆกับพี่ อย่าสะบัดมือผมทิ้งได้มั้ย...ผมไม่ชอบเลย...
อย่าปล่อยมือผม...ต่อให้ตอนนั้นความสัมพันธ์ของพวกเรามันตกลงไปจุดที่แย่ที่สุดก็ตาม”
เราเงียบ
“สัญญามั้ยครับ?”
“ครับ”เราบีบมือแกกลับเบาๆก็เลยโดนฟัดขมับไปทีหนึ่ง
พวกเราเริ่มหาที่นอนกัน ก็เลยตกลงที่จะเปิดห้องแถวๆนี้นอน เราต่างคนต่างเน่า
เวลาจวนจะเที่ยงคืน เอนตัวลงเตียงได้เราก็ล้มตัวลงนอนกันแบบแมนๆ
เราเองก็ร้องไห้จนเหนื่อย คุณชุนก็หาเราจนเหนื่อย ขับรถจนล้า
สรุปว่าเพลียกันทั้งคู่ สักพักเราก็รู้สึกว่าคุณชุนแกขยับลุกขึ้น
แล้วแกก็เอาหมอนมายัดใส่ใต้หัวเรา เราขยับตัวนิดหน่อยเมื่อเห็นแกตะแคงตัวเท้าศีรษะหันมาหา
“พี่หมวยง่วงรึยังครับ?”
“ก็..ครับ..ใกล้แล้ว”
“ยังไม่สบายใจเหรอครับ?
มีอะไรอยู่ในใจพี่เล่าให้ผมฟังได้มั้ย ถึงจะช่วยไม่ได้บางเรื่อง
แต่พี่จะได้โอเคขึ้นไงครับ”เรามองคุณชุนแล้วก็ชั่งใจว่าจะพูดดีหรือไม่
สุดท้ายเราก็ตัดใจพูด เพราะร้องไห้ใส่ก็ทำมาแล้ว คงไม่ต้องทำเป็นเข้าใจทุกอย่างอีก
“วันนี้มีเด็กฝึกงานขอมาขอไลน์คุณชุนด้วย...
แต่พี่ไม่ได้ให้ไป ไหนจะมาเจอคุณริณเอาอีก พี่เลยสับสนไปไหน่อยน่ะครับ”
“แล้วใครพี่เมียพี่ล่ะครับ?”
“...เจ๊จุ๋มไงครับ”เราตอบไปปุ๊บคุณชุนแกก็หัวเราะพร้อมกับพลิกตัวมากอดเราไว้ทันที
“โธ่..ผมนึกว่าพี่ซุกเมียไม่บอกผมซะอีก”
“พี่บอกอยู่ว่าหมาเซเว่นยังไม่มองเลย
จะมีเมียจากไหนกันล่ะ”
“ผมก็ตาดีกว่าหมาเซเว่นสิครับ”แกซุกซอกคอเราหัวเราะเบาๆก่อนจะเงียบไปพักหนึ่ง
“พี่อาจจะคิดว่าเพราะเราดูๆกัน
พี่เลยไม่มีสิทธิ์ที่จะบอกว่าไม่ชอบเวลาที่ใครเขามาหาผม... แต่กับผม..พี่มีสิทธิ์
พี่ทำได้นะ”
“...”
“ผมบอกแล้วว่าสำหรับผมพี่เป็นยังไง”หน้าเราห่างกันแค่คืบ...
เราก็แค่เบี่ยงหน้าออกไปทางอื่นเสียจนได้ยินเสียงคุณชุนแกหัวเราะขึ้นเบาๆ
“จริงสิครับ”
“?”
“งานในเมลน่ะ...พี่เซฟไว้แฟ้มไหนเหรอครับ?”เอาล่ะสิ...งานเข้าลวินท์อีกแล้วไง...
เรานอนนึกย้อนไปสักพักก็อ้าว..ตายล่ะ เพราะเรากดเจอแฟ้มความลับคุณชุนก็เลยรีบๆกดออก
แล้วก็ลืมไปเลยว่างานเก็บไว้ที่ไหน...
“อ่า...พี่....คือ...”
“หืม?”เรามองคุณชุนเลิกคิ้วใส่ก็รีบก้มหน้าลงเลย..ตายละวา...อย่างนี้คุณชุนก็รู้แล้วใช่ไหมว่าเราเห็นแฟ้มนั่นแล้ว
คุณชุนแตะเบาๆที่หน้าท้องของเราแล้วดึงเราไปหาแก เราหลับตาแน่นจนได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ
“อย่างนี้พี่ก็รู้แล้วสิครับ”
“...”เราไม่ได้ตอบ จนคุณชุนจูบเข้าใกล้ๆปากเรา
เราหดหน้าหนีสมงสมองไม่สั่งการไปอีกรอบ เรารู้แค่ว่าเรากำลังจูบ...
ทว่าครั้งนี้จูบนั้นมันไม่ใช่เอาปากแตะๆกันเหมือนที่ผ่านมา เรารู้สึกว่ากำลังถูกเลียที่ริมฝีปาก
ความรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปวัยเด็กที่เรากำลังกินสายไหม มันทั้งนุ่มและหวาน...
รู้ตัวอีกทีพวกเราก็เกี่ยวเรียวลิ้นมั่วไปหมด เรารู้แค่ว่าเราหายใจไม่ค่อยสะดวกนัก
คุณชุนทั้งกดจูบ ไล่ปลายลิ้นทั่วปาก แกนุ่มนวลและหนักหนักอยู่ในที
เพียงเท่านั้นเราก็อ่อนแรงไปหมด เราไม่รู้จะทำอย่างไร
ได้แต่จิกเชิ้ตคุณชุนเอาไว้ตอนที่แกลูบมือกับแผ่นอกแบนที่เป็นไวท์บอร์ด จนเราเริ่มรู้สึก...
พวกเรามองหน้ากันอยู่พักใหญ่ จนคุณชุนเอ่ยปากถามเราเบาเบา
“พี่คิดว่าพี่พร้อมรึเปล่า?”
“...”เรานิ่งไปพัก เพราะเราคิดว่าเรายังไม่พร้อม
ใจเราน่ะพร้อมแล้ว แต่อะไรหลายๆอย่างเราว่ามันยังไม่เหมาะ คุณชุนเลยจูบข้างแก้มเรามาทีหนึ่ง
“ไว้พี่พร้อมดีกว่าครับ”
“คุณชุน”
“ครับ?”
“พี่...ไม่พอใจได้จริงๆใช่มั้ย?”เราถามย้ำอย่างไม่มั่นใจนัก
และแกก็ยิ้มบางๆตอบกลับมา
“ได้ครับ...ต่อให้พี่บอกว่าเราไม่ใช่แฟนกัน
แต่ผมให้พี่เป็นทุกอย่าง... ผมให้พี่ทุกอย่างเลย... เพราะผมบอกพี่แล้วว่าพี่เป็นผู้ชายคนเดียวที่ผมจะรัก
ผมรักพี่ ทุกอย่างที่ผมทำ จะถูกจะผิด มันก็เพราะผมรักพี่”
“...”
“อย่าลืมรักผมนะ”คุณชุนกระซิบบอกเราเบาเบาอีกหนหนึ่ง
เราแค่ทำใจกล้าแตะริมฝีปากคุณชุนไปเล็กน้อย พวกเราจูบกันอีกครั้ง
และคุณชุนเริ่มจูบไล่ลงมาที่คอของเรา
เราตัวเกร็งไปหมดเมื่อรู้สึกว่าคุณชุนกำลังถอดกระดุมเสื้อของเรา สติสตังเรากระจัดกระจายไปหมด
เหมือนหัวสมองมันว่างมันโล่งอย่างที่ไม่เคยเป็น เราอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก
มันนุ่มนวลแล้วก็ร้อนๆ มันน่าอายไปหน่อยตอนที่เราไม่ได้ใส่กางเกง
แต่คุณชุนก็ปลอบเราว่าไม่เป็นไร กอดไว้แน่นๆก็พอ จากนี้เราก็อธิบายไม่ถูกแล้ว
คุณชุนไม่ได้เข้ามา แต่เรารู้สึกเหมือนถูกดูแลอย่างทะนุถนอม...
เราเพิ่งรู้ตัวว่าชอบกอดคุณชุนเหลือเกินก็คราวนี้...
หากถามฟินมั้ย...ก็คงประมาณหนึ่ง...
พวกเราเข้าออฟฟิศอีกครั้งก็จวนบ่าย
ไม่มีใครกล้าถามว่าตอนเช้าพวกเราไปไหน และเราก็ไม่ได้ให้คำตอบ เมื่อคืนแค่ครั้งเดียวเราก็สลบเลย
โธ่..จะบอกไม่เคยไอ้อี้ก็คงหัวเราะเราอีก มันเหมือนเราปวดฉี่หลายๆรอบ
แค่นี้ก็ทรมาน ถ้าท้องเสียอีกจะทรมานแค่ไหน
เราลองแอบถามไอ้อี้ตอนเช้าขณะที่คุณชุนพาเรากลับมา ไอ้อี้บอกว่า
ถ้าถึงตอนนั้นจะเหมือนปวดฉี่แล้วก็ท้องเสียพร้อมๆกัน...
เราว่าเราคงตายก่อนเถอะหากเป็นอย่างนั้น
เราพาคุณชุนมาอาบน้ำที่หอและใส่เสื้อที่เราเอามาซักถึงได้มาเข้าทำงาน
“พี่หมวยๆ ไปไหนมาเหรอคะ”น้องมินสตรีใจกล้าของออฟฟิศเลียบๆเคียงๆถามเราที่เดินมาชงกาแฟไปให้คุณชุน
เรานึกคำตอบสักพักแต่คงไม่ทันใจน้อง “คุณริณมาเฝ้าออฟฟิศตั้งแต่เช้า”
“ไปคุยงานนิดหน่อยน่ะ...”
“ไปคุยงานหรือคุยกัน...คิดว่าฉันไม่รู้เหรอยะ”เจ๊จุ๋มที่เอามะม่วงมานั่งแกะกินที่ห้องอาหารก็เหล่มองเราที่เหลือบหน้าไปทางอื่น
“เจ๊รู้อะไรทำไมไม่บอกหนู หนูชอบเผือก บอกเร็ว
เผือกแล้วต้องแสดงออก”น้องมินไปรบเร้าเจ๊จุ๋มที่ลอยหน้าลอยตา โดยที่เราก็เร่งชงกาแฟหนีสายตาแก
“แหมๆ เด็กฝึกงานมันมาฟ้องฉันว่าไปขอไลน์คุณชุนกับเลขาเขา
หน้าเลขาคุณชุนนี่เหมือนจะหักคอเด็ก ไหนจะคุณชุนไล่ตระเวนหาเลขาเป็นบ้าเป็นหลังเมื่อวาน
ท่าทาง สายตงสายตา อาการมันออก ให้ฉันพูดอีกมันเยอะ พูดไปก็ไม่หมด ไม่พูดก็ได้ยินด้วยมั้งของแบบนี้”
“อะไรนะเจ๊...หรือว่า”น้องมินอ้าปากค้างทำตาโตมาหาเราที่รีบกดน้ำร้อนปลีกตัวออกมา...
อ่า..เจ๊จุ๋มผู้มองขาดทุกสิ่งอย่าง... นี่ก็คงเป็นร่างทรงแม่ของเราแน่ๆ
เรากลับมาที่ห้องทำงาน ก็เจอคุณริณนั่งกระแซะคุณชุนอยู่เหมือนเดิม
แต่คราวนี้เรากลับไมรู้สึกกังวลอีกแล้ว
เราเดินเอากาแฟไปวางพร้อมกับเสียงคุณริณที่ไล่หลังมา
“นี่ วันนี้ฉันอยากกินผลไม้”
“ครับ...”
“ไปซื้อให้หน่อย จะกินแถวอนุสาวรีย์
ตรงอื่นไม่กิน”นั่น...แผลงฤทธิ์ขึ้นมาอีก เราพยักหน้ารับแต่เสียงคุณชุนก็ดังขึ้นมาก่อน
“ริณ ถ้าอยากกินก็ให้เลขาริณไปซื้อ
อย่ามาใช้คนของพี่”
“ทำไมริณจะใช้ไม่ได้ล่ะ”
“งั้นริณให้พี่เขาไปซื้อ
แล้วมาทำเอกสารแทนพี่เขาไหม?”คุณชุนลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะทำงานส่งเสียงไม่พอใจนัก และหน้าหวานๆของคุณริณก็งอง้ำแทบจะทันที
“พี่ชุน ริณใช้แค่นี้ไม่ได้เหรอ เขาเป็นลูกน้องพวกเรานะ”
“พวกเรา..คือคำที่พี่เรียกรวมพี่กับพี่หมวย
ไม่ใช่พี่กับริณนะ..เราน่ะจะมาหัดงาน ไปหัดกับพวกพี่หยองออฟฟิศข้างๆดีกว่า
ทางนี้ทำงานกันทั้งวัน ไม่มีใครมาคอยซื้อของให้ริณกินตลอดหรอกนะ”
“พี่ชุนไล่ริณเหรอคะ?”เราหดคอหนีแทบจะเบียดเข้าซอกตู้เซฟเมื่อคุณริณเริ่มไม่พอใจขึ้นมาบ้าง
คุณชุนแกก็นั่งเซ็นเอกสารไปตอบคุณริณไป
“พี่ไม่ได้ไล่ แต่พี่ไม่เห็นเรามาดูงานเหมือนที่บอกกับแม่พี่เมื่อวานเลย
และพี่ก็ไม่ชอบคนใช้อำนาจแบบผิดๆด้วย”แกเงยหน้าขึ้นบอกคุณริณที่เริ่มเบะปาก “สรุปจะกินผลไม้แถวอนุสาวรีย์ให้ได้ใช่มั้ย?”
“ค่ะ!”
“โอเค พี่หมวยเก็บของครับ เดี๋ยวเราไปซื้อผลไม้ให้น้องกัน
ผมเซ็นเอกสารเสร็จแล้ว งานที่เหลือแจ้งพวกชิปปิ้งส่งทางเมล
เอกสารฝากไว้ที่ห้องเจ๊จุ๋มนะครับ”คุณชุนว่าสบายๆก่อนจะลุกขึ้นเดินมาโอบไหล่เราที่กำลังจดใส่ออแกไนเซอร์
เราไม่ได้หันไปมองแต่เสียงไล่หลังของคุณริณน่าจะร้อนๆหนาวๆได้เหมือนกัน
“ริณจะบอกคุณแม่!!”
“ตอนที่เราคบกัน...ริณดูโอเคกว่าตอนนี้มากเลย
ผมไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ริณเปลี่ยนไปเหมือนกัน แต่ก่อนริณฉลาด ไม่ค่อยพูดมาก ไม่ค่อยใช้อำนาจด้วย
ผมเลยรู้สึกแย่บางที... เพราะงั้นอย่าคิดเลยครับว่าผมจะกลับไปหาริณ ผมพอแล้วล่ะ”
คุณชุนบ่นไม่หยุดขณะที่พวกเราออกจากออฟฟิศ เอารถมาจอดที่เทอร์มินอล
ก่อนที่คุณชุนจะพาเราขึ้นมาถึงสถานีรถไฟฟ้า พวกเราแตะบัตรไปสยาม
ซึ่งคุณชุนบ่นอีกรอบว่าไม่อยากขับรถ และอยากได้นิยายอีกเล่ม
เพราะที่ซื้อมายังไม่ครบชุด เราก็ได้แต่ตามใจแก แม้จะมีคนมองบ้างแต่พวกเราก็ทำเป็นมองไม่เห็น
คุณชุนสอดนิ้วกับซอกมือเราแล้วกุมแน่น ไกวๆไปมารอรถไฟฟ้าและขึ้นไปท้ายขบวนซอกในสุดซึ่งเป็นสถานที่สำหรับยืน
พวกเราชอบยืนชิดซอกมากกว่ายืนชิดประตู และแน่นอนว่าบางครั้ง...
ที่นั่งก็ไม่ใช่ที่สำหรับผู้ชาย
เราสองคนออกประตูสามเข้าไปที่พารากอนอีกครั้ง
มองไปที่ลานแล้วเราก็นึกถึงเพลงนั้น... เราคิดว่าเรื่องของเพลง ไอ้บี๋ก็พูดถูกและคุณชุนก็ไม่ได้ผิด
มันอยู่ที่เรานี่แหล่ะจะใส่ความรู้สึกไปมากน้อยแค่ไหน แม้ว่าฟังแล้วจะเจ็บ
แต่พอเราเปิดในรถวันนี้มันก็หวานขึ้นมาแปลกๆ เรากลับมาที่คิโนะคุนิยะอีกครั้ง
แล้วก็เดินดูตุ๊กตาตัวละพันขนาดเท่ากำปั้น บีบๆจับๆเป็นบุญมือก็เดินไปเล่นทางอื่น
มองเครื่องเขียนสมัยเก่าก่อนที่ไม่มีตัวเลือกมากๆอย่างนี้
เรานึกถึงสมุดเรียนบริจาคเป็นตัวหนังสือจีนสีจัดๆหน่อย
สมุดปกสีน้ำตาลพิมพ์รูปพระเจ้าอยู่หัวสีน้ำเงินเล่มใหญ่ๆ และกลับมามองสมุดไดอารี่เล่มหนาๆตกแต่งลายเล่มสองสามร้อยบาท
เราก็เริ่มคิดว่าเราผ่านอะไรมาหลายยุคหลายสมัย อยู่ทันมองคนคุยกันทางตู้โทรศัพท์
เริ่มมีมือถือขาวดำ มือถือจอสี แบลคเบอรี่และสมาร์ทโฟน นั่นก็คือความเปลี่ยนแปลง
ความเปลี่ยนแปลงพวกนั้นทำให้เราทำใจกับความสัมพันธ์ แม้มันเหมือนจะไม่เกี่ยวกัน..แต่มันเกี่ยวกันจริงๆนะ
นั่นคือทุกอย่างเปลี่ยนแปลง... เรากับคุณชุนเองก็เช่นกัน
และก่อนจะถึงการเปลี่ยนแปลงในตอนนั้น...เราก็อยากทำทุกอย่างให้จะได้ไม่ต้องเสียดายทีหลัง...
“คุณชุน”
“ครับ?”
“มีอะไรให้คุณชุนฟังล่ะ...”เราว่าพร้อมกับใส่หูฟังให้คุณชุนบ้าง
ระหว่างที่เรากำลังเดินไปตามซอกซอยสยามสแควร์ในช่วงบ่ายคล้อย
เพลงนี้เราคิดว่ามันเพราะดี และได้ฟังอีกทีก็ตอนที่มือถือมันสุ่มมาอีกครั้งเมื่อเช้า
เรากดเล่นเพลงพร้อมกับคุณชุนที่เอียงหน้ามองเรายิ้มๆ
“ผมชอบวงนี้มากเลย ไว้คราวหน้าเราไปงานคอนเสิร์ตกันนะ”
“ได้สิครับ”
“พี่ฟังด้วย ผมก็อยากให้พี่ฟังเหมือนกัน”แกดึงหูฟังออกพร้อมกับใส่ให้เรา
“คบกันก็เหมือนใส่หูฟังคนละข้าง...ฟังสิ่งที่ตัวเองชอบข้าง ฟังสิ่งที่อีกคนพูดข้าง
ไม่ดีเหรอครับ?”
“...”เราไม่ได้ตอบ
เพียงแต่ไกวแขนคุณชุนเบาๆขณะที่เราเดินเล่นไปตามถนน เสียงเพลงถูกถ่ายทอดไปตามความรู้สึกของสองเรา
เหมือนความสัมพันธ์พวกเรากระเถิบเข้ามาหากันอีกนิดหน่อย.. เริ่มกล้าที่จะแข่งกันร้องเพลงเสียงเพี้ยนๆแล้วก็หัวเราะด้วยกัน...
เรานึกถึงตอนที่คุณชุนยังเล็กแกถามเราว่า ยิ้มแบบแป๊ะยิ้มนี่มันดีมั้ย
และเราบอกแกว่ามีความสุขก็ยิ้ม...
ตอนนี้เด็กน้อยที่ถามเราตัวสูงใหญ่กำลังส่งยิ้มหยีมาให้เหมือนเดิมไม่มีผิด...
ความเป็นจริงแล้วหัวใจเราสองคนผูกพันกันมากกว่านั้น....
เพียง...คำพูดคำสุดท้าย
จะรักแค่เธอไปจนวันตาย
หมดสิ้นแล้ว...ทุกสิ่ง
แต่ฉัน...ไม่รู้ว่านานแค่ไหน
วันที่ฉันหมดลมหายใจ
แต่ใจฉันยังคง
รักเธอ...
:D
เพลง : (คำสุดท้าย - slot machine)
แท็ก #คุณชุนพี่หมวย จ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น