วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หมวย (Sehun x Luhan) (23)










Title: หมวย (23)
Image: SEHUN x LUHAN
Author: RUNAWAY05
  Note: คนแต่งหิวกุ้งมาก...




อาจเพราะเราทำงานหนักมากไป ระยะนี้เราเลยปวดหัวบ่อยๆ ต้องซื้อยาพาราเซตามอลมาไว้ ตอนแรกคุณชุนแกก็ห่วงเราจะเป็นอะไรหรือเปล่า แต่พอไปหาหมอที่คลินิกก็ไม่มีปัญหาอะไร เขาว่าเราแค่เครียดมากเกินไป ได้ยาระงับประสาทกับยาแก้ปวดธรรมดากลับมา ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไรมากมายนักนอกเสียจากปวดหัวตอนเช้าๆ เราเลยทานยาตามที่หมอสั่ง

วันหยุดหลังจากที่ไปหาพ่อกับแม่ที่เยาวราชตั้งแต่เย็นวันเสาร์ นอนค้างกับแกคืนหนึ่ง วันอาทิตย์พวกเราก็ไปบ้านสาทร คุณแจ็คพอเห็นเราสองคนแกก็ยิ้มแป้น ตอนแรกเรานึกว่าเด็กเล็กสองสามขวบ ที่ไหนได้คุณแจ็คเรียนประถมแล้ว ดวงตาโตแป๋วแหววหวานนั้นได้คุณนายลดามาเต็มที่ (ส่วนคุณชุนได้เค้าโครงเจ้าสัวสมคิดมาเสียมากกว่า) ฤดูนี้ช่วงน้ำขึ้น คุณนายลดาเลยไล่ให้พวกเราไปนอนเล่นที่ศาลาริมน้ำสวนข้างบ้าน แกว่าในบ้านมันอุดอู้อยู่กันเยอะ ไปนอนเล่นศาลาลมเย็นสบายกว่า

แต่ก่อนจะได้ไปนอนเล่นที่ศาลา เจ้าสัวสมคิดที่นุ่งเตี่ยวผ้าขาวม้าก็พายเรือมากับลูกน้องเสียก่อน แกได้กุ้งแม่น้ำมาหลายตัว เป็นอันว่ารู้กันว่ามื้อนี้มีแต่กุ้งแน่ๆ ระหว่างที่เจ้าสัวแกจะไปอาบน้ำ ก็สั่งลูกน้องก่อไฟเตรียมไว้ย่างกุ้ง คุณนายลดาแกเลยต้องลุกมาทำน้ำจิ้มให้ พอเลือกดูกุ้งแกก็ได้กุ้งตัวเล็กๆมาจำนวนหนึ่ง คุณนายออกปากสั่งให้พวกเด็กในบ้านเอามาทำ สั่งนั่นสั่งนี่อยู่พักแกก็เรียกเรากับคุณชุนเข้าไปในครัว

“ตาชุนมาโขลกสามเกลอให้แม่หน่อย” สามเกลอของคุณนายคือรากผักชี กระเทียม พริกไทย ซึ่งคุณชุนก็ลากครกมานั่งขัดสมาธิกับพื้นอย่างสงบเสงี่ยม

“ครับ”

“เสร็จแล้วโขลกพริกแห้งแช่น้ำถ้วยนี้ แยกไว้ แล้วตำพริกกับกระเทียมไม่ต้องละเอียดล่ะ เดี๋ยวไว้ทำน้ำจิ้มกินกับกุ้ง”แกมวยผมทะมัดทะแมงแล้วหันมาทางเรา “เธอมานี่ มาทอดข้าวตัง”

“ครับ?”

“รู้จักมั้ย? ข้าวตังหน้าตั้ง”คุณนายแกหยิบถุงซีลอย่างดีออกมาจากหลังตู้ไม้ติดผนังสีครีม “เคยแต่ซื้อกินล่ะสิ”

“ครับ...”

“นี่กระทะ เปิดไฟกลาง ใส่น้ำมันลงไป อย่ากระโดดหนีน้ำมันล่ะ น้ำมันหยดเล็กๆยังกลัวแล้วจะทำกับข้าวให้ลูกชายฉันกินได้ยังไง”แกหลิ่วตาพร้อมกับตีมือเราที่เผลอคว้าฝาหม้อมาเป็นโล่อาวุธ คุณนายแกเอามืออังน้ำมัน จนได้ทีของแกก็เอาข้าวตังแห้งลง เสียงมันฉ่าฉ่าดีดเปาะดีดแปะทำเอาเราสะดุ้งเล็กน้อย แล้วคุณนายก็ส่งตะหลิวรูให้เรากลับไปกลับมา

“แบบนั้นแหล่ะ อย่าให้ไหม้ล่ะ เสร็จแล้วก็ใส่กระดาษซับน้ำมันตรงนี้ ทอดให้หมดถุงเลย เจ้าสัวเขากินเยอะ”คุณนายว่าเท่านั้นก่อนจะผละไปดูลูกชายแก เราก็ทอดข้าวตังไปเรื่อยๆจนเรียบร้อย พอข้าวหมดคุณนายลดาแกก็ทำน้ำจิ้มกุ้งเสร็จพอดี

“ชุนเอาข้าวไปวางไว้ตรงนั้น เธอมานี่”เราโดนเรียกมาใหม่ คุณนายลดาแกสั่งให้เทน้ำมันออกจนเหลือก้นๆกระทะ “ใส่สามเกลอลงไปก่อน เทไปให้หมด พริกนี่ด้วยผัดให้หอม”

เราพยักหน้ารับคำ ผัดไปผัดมาจนส่งกลิ่น แอบเหลียวไปมองก็เห็นคุณชุนแกเท้าโต๊ะแกะข้าวตังทอดกินเล่นยิ้มเผล่มาหาเรา สักพักคุณนายลดาก็เทหัวกะทิลงไป เรากะจะเอาตะหลิวคนก็เจอตีมืออีก เลยต้องรอสักพักจนคุณนายเอาเนื้อสับทั้งหลาย มีทั้งหมู ไก่ และกุ้งสดที่ใช้เด็กไปแกะสับหยาบๆใส่ลงไป คราวนี้แกให้เราคนได้ เห็นแกว่าจะแยกมันกุ้งไว้ทำมันกุ้งเสวยไปให้แม่เรา เพราะคราวที่แล้วแม่เราทำกานาฉ่ายมาให้

เมื่อคนๆผัดๆจนได้ที่ กลิ่นหอมจนฝรั่งสองพ่อลูกมายืนแกะกินข้าวตังรอ คุณนายก็สั่งให้ใส่หัวหอมแดงซอยลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน รอให้หอมแดงสุกใสเล็กน้อยก็ปรุงรสด้วยเกลือกับ(คุณนายใส่สองอย่าง เกลือเอาเค็ม น้ำปลาเอาหอม) ตามด้วยน้ำตาลปีบ น้ำมะขามเปียก ผัดให้เข้ากันจนทั่ว พอเดือดอีกครั้งแกใส่หางกะทิส่วนที่เหลือลงไปตามด้วยใส่ถั่วลิสงคั่วบด คลุกเคล้าให้เข้ากันจนเราได้กลิ่นหอมถั่วก็ยกลง ใส่มันกุ้งเสวยที่คุณนายทำเก็บไว้ก็เสร็จ พร้อมเสียงปรบมือของสองพ่อลูกที่แว่วมา

“ปกติคุณนายเขาไม่ให้ใครมาทำกับข้าวด้วยหรอกนะเจ้าหมวย คนพิเศษนะเนี่ย”เจ้าสัวแกชมหลังจากทำการฉลองจิ้มข้าวตังจวกลงไปในหม้อหน้าตั้ง คุณนายแกเบ้ปากให้เจ้าสัวยิ้มๆ มือตักแยกใส่ถ้วยใส่จานเด็ดใบผักชีประดับหน้า ส่วนก้านต้นแกก็วางข้างข้าวตังบนจานให้แกล้ม

“เอ้า เอาไปกินที่ศาลา น้ำอยู่ในตู้นั่นน่ะ”

“ขอบคุณครับแม่”คุณชุนแกเดินไปอ้อนแม่แกฟอดหนึ่ง ก่อนจะเอาจานใส่ถาดพร้อมกับหยิบกระบอกน้ำในตู้เย็น ส่วนแก้วสองใบเป็นหน้าที่ให้เราถือ

“อย่ากินเพลินจนลืมกุ้งพ่อล่ะ”เจ้าสัวแกว่า “ป่านนี้เรียกพ่อเรียกแม่ได้แล้ว”

“...”เราได้แต่อมยิ้มก้มหน้าเขิน จะให้เรียกเราก็กระดากปากนัก เลยได้แต่เดินตามคุณชุนต้อยๆมาที่ศาลาริมน้ำ ซึ่งมีเด็กๆมากวาดพร้อมกับปูเสื้อกับหมอนอิงไว้ให้ เราก็นั่งมองคุณชุนนั่งกินข้าวตังกรอบแกรบมีความสุขอยู่คนเดียวแบบนั้น

“อร่อยจังครับ พี่ทำอะไรก็อร่อย”

“คุณนายเธอปรุงต่างหากล่ะครับ”เราว่า

“แต่ข้าวพี่ก็ทอด อร่อย”ใจคอแกจะยกยอปอปั้นเราให้ได้ก็เลยตามเลยไป เรานั่งอยู่สักพักก็รู้สึกว่าตัวเองตาพร่า ก็เลยนึกได้ว่าเมื่อคืนพาแม่ดูซีรี่ส์กว่าจะได้นอนก็เที่ยงคืนครึ่ง

“พี่นอนไม่พอแน่ๆเลย”

“เจอลมริมน้ำเข้าให้ล่ะสิครับ”คุณชุนยิ้ม “พี่จะนอนก็ได้นะ”

“กินก่อนแล้วกันครับ”

หลังจากนั่งกินข้าวตังหน้าตั้ง ดื่มน้ำจนหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน คุณชุนแกก็เอาจานชามขวดน้ำไปวางอีกฝั่ง ก่อนจะขยับให้เรานอนหนุนตักแก ซึ่งมันเล็กแต่ก็แข็งมาก (ต้นขาคุณชุนนะ) เราเลยเอาหมอนมารองทับอีกชั้น เกรงว่าแกจะเจ็บขาไปเปล่าๆ

“เดี๋ยวก็ถึงวันแต่งเราแล้ว..จัดงานเล็กๆแบบที่คิดไว้เลยนะครับ ดีที่พีสะใภ้ไอ้เชนทร์เขาทำงานกับพวกเวดดิ้ง ให้เขาช่วยสักหน่อย พี่อยากจัดแบบจีนรึเปล่าครับ?”

“แค่งานเล็กๆน้อยๆเลี้ยงพระแบบที่แม่พี่บอกเมื่อวานก็พอครับ ไม่ต้องไปเสียเงินกับมันมาก พี่เห็นหลายคู่แล้วแต่งแล้วก็ต้องมาใช้หนี้งาน พิธีการมันก็แค่ส่วนนึง เราอยู่ด้วยกันทุกวันต่างหากที่สำคัญ”เราตอบแกไป และพบว่าคุณชุนยิ้มให้เราจนตาหยี

“พี่ขี้งกเหมือนตอนเด็กๆเลย จำได้มั้ยตอนนั้นที่เราไปซื้อไอติมไม้ละห้าบาทกัน แล้วพี่ได้ไม้ฟรี พี่ก็วนไปเอาอีก แล้วก็ฟรีสองสามรอบจนพี่บี๋บ่น”

“อ้าว ก็พี่ได้ฟรีนี่นา ถึงจะเป็นเงินคุณชุนซื้อให้ก็เถอะ”

“ผมเปย์พี่แต่เด็กเลยนะเนี่ย”

“หมันไส้จังครับ”เราหัวเราะเบาๆพร้อมกับหลับตาเมื่อความอบอุ่นจากฝ่ามือคุณชุนลูบลงที่ศีรษะเราอย่างนุ่มนวล

“จริงๆผมก็อดโมโหตัวเองไม่ได้นะครับ”

“?”

“พอคิดเรื่องที่ผ่านมา จริงๆแล้วมีแต่พี่เอาแต่ปกป้องผม ทั้งตอนเด็กหรือตอนโต พอมาคิดดูแล้วเหมือนพวกเรากำลังใช้ชีวิตตอนเด็กซ้ำอีกครั้งนึงเลย”เรายิ้มน้อยๆโดยที่คุณชุนแกก็ยังลูบผมเราไปมาอยู่อย่างนั้น

“ไม่หรอกครับ หลายเรื่องคุณชุนก็เป็นที่พึ่งของพี่ เราหัวเราะด้วยกัน ร้องไห้ด้วยกัน โกรธกันแล้วก็ดีกัน มันผ่านอะไรมาเยอะจริงๆ”

“จากนี้ผมจะปกป้องพี่ให้ดีกว่านี้...จะไม่ให้พี่เป็นอะไรแน่นอนครับ”เรากุมมือคุณชุนที่ค้างคาศีรษะเอาไว้ ไม่รู้ทำไมเวลาที่เกี่ยวนิ้วกันแล้วเรามีความสุข เราอุ่นใจ อย่างน้อยแค่เกี่ยวนิ้วเอาไว้เราก็รู้สึกเหมือนว่าคุณชุนอยู่ข้างๆเราไม่ไปไหน

เราเผลอหลับไปตื่นหนึ่งก็สดชื่นขึ้นบ้าง เลยโดนคุณชุนแซวว่าตื่นมาได้เวลากินพอดี ได้แต่ค้อนควักไปให้แกเพราะเถียงไม่ออก เราตื่นเพราะกลิ่นกับข้าวจริงๆ ไปดูเตาหลังบ้านก็เจอเจ้าสัวแกใส่ผ้าขาวม้านั่งปิ้งกุ้งอยู่ มีลูกน้องสี่ห้าคนช่วยกันดูกุ้ง ดูไฟ ดูเตา นั่งทำกุ้งกันก็มี เราเห็นถ้วยใส่แปรงอาหารที่มีคนคอยนั่งทาอยู่ เจ้าสัวบอกว่ามันเป็นซอส สูตรที่แกจำได้แต่ยังเล็กๆ เอาเนยมาแกะทิ้งไว้ให้นิ่ม ใส่ผงกะหรี่ ใส่โยเกิร์ต คนให้เข้ากัน ผ่ากลางหลังกุ้งเอาเส้นดำออก เขี่ยขี้กุ้งออกแล้วก็ทาซอส แล้วก็เอามาปิ้งจนหอม เจ้าสัวว่าเห็นขายอยู่ห้องอาหารโรงแรมหนึ่ง ขายจานละสองสามพันเลยเชียว

พอนั่งปิ้งกุ้งจนได้จานหนึ่ง เราก็เดินตามคุณชุนไปกับเจ้าสัวสมคิดที่พาลูกน้องยกถาดกุ้งไปวางที่โต๊ะอาหารตรงระเบียงบ้าน นอกจากกุ้งปิ้งซอสกับน้ำจิ้มรสเด็ดแล้ว ก็มีต้มยำกุ้ง กุ้งกระเทียม มันกุ้งเสวยกับผักสด และยำชะอมกรอบใส่กุ้งเป็นธรรมเนียมของบ้าน ถ้าเจ้าสัวหาอะไรมาได้ ก็จะเป็นส่วนประกอบหลักของมื้อนั้นๆ  อีกอย่างบ้านนี้ไม่ค่อยกินกับข้าวรสหวานกันเท่าไหร่ เช่น ผัดเปรี้ยวหวาน บ้านนี้ไม่กิน แกงก็หวานน้อย เขาถือว่ารสหวานคือรสขนม รสของว่าง พวกข้าวตังหรือเมี่ยงคำเมี่ยงปลา ไม่หวงน้ำตาล คุณนายทำออกมาอร่อยไปหมด จนเราคิดว่าถ้าเราอยู่ที่นี่นานๆเราต้องอ้วนเป็นหมูแน่ๆ

หมดมื้อคุณแจ็คก็กินกุ้งไปสิบๆตัว รอยยิ้มสดใสของแกนั้นบ่งบอกว่ามีความสุขจริงๆ ส่วนเปลือกกุ้งนั้นเจ้าสัวไม่ทิ้ง แกจะเอาไปป่นให้ปลากิน คุณนายก็ว่าถ้าทำแกงเลียงกุ้งให้ลวกกุ้งไว้ทั้งเปลือก แค่ผ่าเอาเส้นดำออก แล้วแกะเนื้อกุ้ง เอาเปลือกเอาหัวไปปั่นใส่น้ำลวกกุ้งทำน้ำซุป รสชาติจะเข้มข้นมาก แกว่าเดี๋ยวไว้แกจะทำให้กิน ตบท้ายของหวานเป็นผลไม้สด ก็มะม่วงกับมะละกอสวนเกษตรของเจ้าสัวสมคิดแกนั่นแหล่ะ จบหนึ่งมื้อ

เรานั่งคุยเรื่องที่ทำงาน เรื่องต่างๆตอนยังเด็กกับเจ้าสัวและคุณนายจนได้เวลาพัก คืนนี้เรานอนที่บ้านสาทร แล้วค่อยไปทำงานที่ออฟฟิศตามปกติ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่เราค้างที่นี่ เพิ่งรู้ตัวเองว่าคบมาจนป่านนี้ เราไม่เคยเห็นห้องนอนคุณชุนที่บ้านสาทรเลยสักครั้ง เราก้าวตามคุณชุนขึ้นชั้นสองไปอย่างงกๆเงิ่นๆ กระเบื้องลายดอกไม้สีมุกอ่อนหวานที่ปูกับพื้น กลิ่นไม่คุ้นเคยทำเอาเราเกร็งตัวไปถนัดใจ จนคุณชุนเดินไปที่ห้องฝั่งซ้าย เปิดประตูและเสียงสวิตซ์ไฟก็ดังขึ้น ซึ่งก็ไม่แปลกใจนักกับห้องนอนดูดีสมกับตัวบ้าน แม้ว่าคุณชุนเองจะออกปากว่าไม่ค่อยมานอนบ่อย เตียงใหญ่ขนาดสองคน ชั้นหนังสือ คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ แถมตู้เย็นเล็กและห้องน้ำในตัวราวกับอยู่ห้องโรงแรม คนเรียนสายนี้แบบเรามองปราดเดียวก็รู้ว่าถูกจัดวางโดยมืออาชีพ คุณชุนเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดกับผ้าขนหนูย่นส่งให้กับเรา

“พี่หมวยอาบน้ำก่อนนะครับ ชั้นหน้าประตูห้องน้ำมีพวกเก็บของสำรองอยู่ มีแปรงสีฟันที่ยังไม่ได้ใช้ เดี๋ยวผมเคลียร์ห้องแป๊บนึง”

เคลียร์ห้องเหรอ...เราไม่เห็นตรงไหนมันจะรกเลอะเสียสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้ออกปากอะไร เราไปอาบน้ำตามปกติ แต่งตัวออกมาก็เจอคุณชุนเอาหมอนมาวางอีกใบ จัดเตรียมที่นอนก่อนจะส่งยิ้มให้

“เด็กดำคงคิดถึงพวกเราแย่”

“นั่นสินะครับ”เราส่งยิ้มให้พร้อมกับคุณชุนที่เข้าไปอาบน้ำ เรานั่งนิ่งๆกับเตียงสักพักก็รู้สึกปวดหัวอีกรอบ เหมือนจะครั่นเนื้อครั่นตัวไม่สบาย เพราะเดี๋ยวนี้เรานอนพักผ่อนไม่พอ ต้องดื่มแบรนด์แทบจะทุกเช้า (ซึ่งรสชาติก็เหมือนโดนฆ่าทุกเช้า) เราเอนตัวลงนอนกับผืนเตียงจนได้ยินเสียงคุณชุนเปิดประตูห้องน้ำออกมา

“พี่หมวย ง่วงแล้วเหรอครับ?”

“พี่ปวดหัวนิดหน่อยน่ะครับ คงเพราะอากาศเปลี่ยน”เราส่งยิ้มเนือยๆไปให้แก คุณชุนมองเรากลับมาพยักหน้านิดหน่อย แล้วแกก็เดินไปตู้หน้าห้องน้ำ และหยิบน้ำในตู้เย็นเล็กมาขวดหนึ่ง

“พี่กินยาก่อนนะครับ”เรารับยากับน้ำมาจากคุณชุน กินเสียหน่อยตามด้วยน้ำเปล่าไปครึ่งขวด ก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้งโดยที่คุณชุนแกก็นอนกอดเราเอาไว้ แกจับมือเรากุมกับข้างซ้ายที่แกผูกริบบิ้นแดงให้เมื่อวันก่อน (แต่เราต้องขอแกแกะออกเสียก่อนเพราะอาบน้ำและอายคนที่ออฟฟิศ)

“พ่อบอกว่า มีแหวนวงนึงของคุณย่า ท่านกำลังส่งมา เดี๋ยวเอาไว้สวมให้พี่”

“...”

“ผมกลัวพี่จะงอน อยู่กันมาป่านนี้มีริบบิ้นเส้นเดียว”นั่นปะไร...เราอมยิ้มก่อนจะซุกช่วงอกแกหลับตา

“พี่ไม่ได้หวังเสียสักหน่อยนี่ครับ”

“แปลว่าพี่ไม่เอา?”

“พ่อพี่หวัง”

“เป็นงั้นไป”แกหัวเราะในลำคออยู่เหนือหน้าผากเรา และเราก็โอบกอดคุณชุนเอาไว้ “วันงานพี่ต้องน่ารักมากแน่ๆ”

“อ่า..พี่เป็นผู้ชายนะครับ”เราท้วง ผู้ชายต้องชมว่าหล่อสิ

“น่ารักน่ะเหมาะแล้วครับ”

“พี่หล่อกว่าคุณชุนตั้งเยอะ แค่เตี้ยกว่าเอง”เราว่าเท่านั้นแหล่ะ แก้มเราแทบบี้เพราะแกเอาดั้งชนเอาชนเอา

“ไหนว่าใหม่สิครับ”

“พี่..หล่อ..กว่า..ฮ่าฮ่า”เราจั๊กจี้จนต้องห่อไหล่ แม้จะยังปวดหัวนิดๆตัวรุมๆเล็กน้อยก็ไม่ได้มีอุปสรรคอะไร พอเล่นกันจนเหนื่อย เราสองคนยื่นแขนไปหาอากาศตรงเพดานอีกครั้ง เหมือนเราติดทำแบบนี้กันตั้งแต่อยู่ที่งานแต่งเจ๊จุ๋ม “พี่ต้องมีแหวนให้คุณชุนมั้ยครับ?”

“พวกแหวนคุณพ่อบอกจะจัดการให้เองครับ ไม่ต้องห่วงนะ งานเล็กๆ เลี้ยงพระ แม่บอกทำเหมือนพวกงานหมั้นก็ได้ แขกแค่ยี่สิบสามสิบคน มีแต่พวกเรา”

เรามองปลายคางคุณชุนที่ขยับยกไปตามการเปล่งเสียงนั้น...

“เลี้ยงพระเลี้ยงแขกแล้วก็เข้าหอเลย”

“ทะลึ่งครับ”เราตีต้นแขนไปเบาๆ พร้อมกับคุณชุนที่แนบจูบลงกับหน้าผาก มันเหมือนมียาวิเศษติดที่ริมฝีปากของคุณเขา แค่จูบเบาๆเราก็รู้สึกมีความสุข แค่ปากคุณชุนแตะกับหน้าผากก็ไม่รู้สึกเจ็บไข้ได้ป่วยอะไร แม้ยากายจะออกฤทธิ์ช้า แต่ยาใจนั้นเต็มเปี่ยมมากกว่านัก

“ไว้ถึงตอนนั้น”

“?”

“บอกผมว่ารักสักคำนะครับ...แค่ครั้งเดียว แล้วผมจะไม่เซ้าซี้อีกแล้ว”ปลายเสียงอ่อนโยนที่กระซิบเบาๆกับหน้าผากของเรา และเราก็ไม่ลังเลที่จะออกปากไปเช่นกัน

“มักน้อยจังครับ”

“...”

“ไม่ต้องรอให้ถึงตอนนั้นหรอก..พี่จะบอกทุกวัน แค่คุณชุนได้ยิน พี่ก็พร้อมจะบอก”เราส่งยิ้มให้กับแกที่โอบกอดเราไว้ อากาศเย็นสบายจากในสวนนั้นพอเหมาะกับอ้อมกอดที่อบอุ่นเหลือเกิน เราหลับตาลง พร่ำบอกประโยคหนึ่งแทนความรู้สกทั้งหมดทั้งมวลในหัวใจ ตอบแทนความอ่อนโยน ตอบแทนความรัก ทุกความรู้สึกที่ทำให้ซาบซึ้ง แม้จะเพียงแค่นาทีเดียว หรือเสียววิสายตาที่มองมาอย่างอาทร เราก็นับเป็นคุณค่าทางใจหมด ความรู้สึกทั้งหมดมวลอัดล้น แม้อยู่บนเขาหรือชายทะเล ก็ยังเป็นความรู้สึกเดียวกัน ต่อให้ประสาทความรู้สึกไม่ทำงาน ปอดไม่รับอากาศเข้าหมุนเวียนเลือดเพื่อใช้ชีวิต ล่องลอยไปเป็นหนึ่งแสงของหมู่ดาว หากในตอนนั้นเราสามารถเปล่งเสียงออกมาได้ มันก็ยังคงเป็นประโยคเดิม


“พี่รักคุณชุน...พี่รักคุณชุนที่สุดเลยนะ”


แม้จะไม่มีคำพูดใด...ทว่าทันทีที่แกซบหน้ากับซอกคอพลางสูดลมหายใจเอาเสียเต็มปอด เราก็ถือว่านั่นคือการตอบรับที่ดีที่สุดของคุณชุนแล้ว...



:D
แท็ก #คุณชุนพี่หมวย คับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น