วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หมวย (Sehun x Luhan) (13)











Title: หมวย (13)
Image: SEHUN x LUHAN
Author: RUNAWAY05
  Note: พร้อมรึยัง...



เมื่อเข้ารุ่งเช้า พ่อเราก็กระวีกระวาดจะกลับไร่ แกกลัวมาเสียเที่ยว อีกอย่างคุณเต๋าแกขอให้คุณชุนและพ่อเป็นคนช่วยขบวนขันหมากด้วย เพราะครอบครัวของคุณเต๋าเป็นครอบครัวเล็กๆ ลำพังแค่พ่อแม่คุณเต๋าเกรงว่าจะจัดการงานไม่หมด พ่อเองพอได้ยาหมอก็เริงร่า ร่ำๆอยากจะไปงานเสียให้ได้ แต่เราเองถนัดที่จะทำงานเบื้องหลังเสียมากกว่า เลยอาสาจะช่วยงานข้างหลังแทน คุณชุนรบเร้าเราสองสามครั้ง เมื่อเห็นว่าเราไม่เปลี่ยนใจแกก็ไม่ตื๊อต่อ ปล่อยให้เราช่วยงานอยู่โรงครัวและพาพ่อกับแม่ไปเข้าขบวนขันหมากของคุณเต๋าที่จะเริ่มตั้งแต่กลางหมู่บ้านเข้ามาหาบ้านกำนันฉ่อย สักพักคุณชุนก็ส่งไอ้อี้มาตามอีกรอบ เราก็ยืนกรานอีกรอบจนไอ้อี้บอกว่า ถ้าขบวนมาถึงก็ไม่ต้องช่วยโรงครัวแล้วนะ ไปแต่งเนื้อแต่งตัวเพราะอย่างน้อยเจ๊จุ๋มก็สนิทกับเรา เราเลยตกลง

ที่เราปฏิเสธจะไปหน้างานไม่ใช่อะไร...เราไม่อยากออกหน้าออกตาเหมือนที่คุณนายลดาแกขอ ถ้าใครไปใครมาเห็นว่าคุณชุนดูแลพ่อแม่เราไม่พอ เรายังไปเสนอหน้าอยู่มันจะดูไม่งามนัก คุณริณมาเห็นรูปจะพาลไปชอบใจไปอีกหนึ่ง จะกลายเป็นหาเรื่องให้คุณลดาแกอีก เราจัดข้าวจัดของช่วยคนเฒ่าคนแก่เพราะมันงานบ้านนอก ไม่มีหรอกพวกออแกไนเซอร์ สักพักก็มีมือมาแบ่งจานในอ้อมแขนเราออกไปครึ่งหนึ่ง

“พี่ป๋อ? ทำไมไม่ไปกับขบวนเขาล่ะครับ”

“คนเยอะแยะครับ พี่ไม่อยากไปเบียดกับเขา เราล่ะทำไมไม่ไป”

“ไม่ถนัดเหมือนกันครับ”

“อ่า..เราสองคนมาช่วยงานทางนี้แทนแล้วกันเนอะ”แกส่งยิ้มมาให้เรา เราก็ได้แต่พยักหน้าไปให้แกแล้วก้มหน้าหลบ ก็คำว่าเราสองคนนี่ถ้าคุณชุนมาได้ยินมีหวังเขียงบินจนเจ๊จุ๋มไม่ได้แต่งงานกันพอดี เราเอาจานมาเช็ด ส่วนพี่ป๋อแกก็นั่งลงตรงข้ามเรา มันก็คงจะโอเคกว่านี้นะถ้าพี่ป๋อไม่เอาแต่จ้องหน้าเราจนเราชักจะอึดอัด

“หมวย อยากแต่งงานแบบไหนเหรอ?”

“ครับ?”

“พี่ถามว่าเราอยากแต่งงานแบบไหน”แกชวนเราคุยขึ้นมา จะไม่ตอบก็ยังไง เราเลยตอบแกไปตามตรง

“แบบไหนก็ได้ครับ ที่บ้านผมไม่ได้เคร่งมากอยู่แล้ว พี่ล่ะครับ”

“พี่ตามใจเราครับ”นั่นปะไร...เราจะทำหน้าเอือมก็ไม่กล้า พี่แกเล่นยิ้มหน้าระรื่นใส่ขนาดนั้น แต่เราคิดว่ามันไม่ถูกต้องนักเลยพูดกับแกไปตามตรง

“พี่รู้จากอี้มันแล้วใช่ไหมครับ?”

“ครับ”

“พี่ก็รู้แล้วว่าผมไม่ได้ตัวคนเดียว...”เราว่า แล้วพี่ป๋อแกก็ขยับยิ้มขึ้นมา

“หมวยรู้มั้ย...ครอบครัวพี่มีพี่ชายอีกคน พี่สาวอีกคน ถึงจะคนละแม่ แต่ก็มีคนรับช่วงต่อพ่อพี่เยอะแยะ พี่ก็เหมือนตัวเปล่า จะรักใครก็ได้ พ่อแม่พี่ไม่ว่า... แต่เขาเป็นลูกคนโต เขาเป็นสกุลผู้ดี เขามีหน้าที่ๆต้องรับผิดชอบ อย่างน้อยก็มีทายาทกับผู้หญิงสักคน พี่คิดว่าหมวยจะเข้าใจแล้วซะอีก ว่าเขาไม่มีทางจริงจังกับหมวยหรอก หมวยก็แค่ประสบการณ์ชีวิตของเขาเท่านั้น”พี่ป๋อกล่าวกับเราเสียงเข้มขึ้นและประโยคเหล่านั้นก็เหมือนจี้ใจดำ เราส่ายหน้า รู้สึกโมโหพี่ป๋อขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ไม่ทันจะทำอะไร เสียงไอ้อี้ก็ดังขึ้นมาเรียกสติเราไว้

“หมวยๆ ขบวนมาแล้ว ไปอาบน้ำแต่งตัวเร็ว”

“...”เราเขม่นมองพี่ป๋อพี่มองเราด้วยสีหน้าใจดีเหมือนเดิม แต่เรากลับมองแกติดลบขึ้นมาตงิดๆ เราสะบัดหน้าหนีออกมาหาไอ้อี้ที่เตรียมชุดมาให้

“เป็นอะไรวะหมวย มีอะไรกัน?”

“ฉันไม่อยากพูดถึงมัน ฉันไปอาบน้ำดีกว่า”

“ใจเย็นเมื่อไหร่ค่อยบอกแล้วกัน เอ้า ไปได้แล้ว คุณชุนมองหาแกใหญ่แล้ว”เรารับชุดมาซึ่งเป็นชุดเสื้อเชิ้ตขาวกางเกงดำที่เราฝากมันรีดเพราะเมื่อคืนเราไปเฝ้าพ่อ เรารีบอาบน้ำก่อนจะถูกพาไปทำผมเติมหน้านิดหน่อยไม่ให้หมองมัน ใจเรายังขุ่นมัวเพราะพี่ป๋อที่จู่ๆแกก็พูดออกมาแบบนั้น

พอเราออกไปถ่ายรูปร่วมพิธีหลักจนเรียบร้อยก็ถึงคราวส่งเจ๊จุ๋มเข้าหอ ซึ่งทำพิธีกันอยู่ข้างในก่อนจะออกมาทานอาหารร่วมกัน เราอยู่ติดกับคุณชุนและพ่อกับแม่ โดยพยายามเลี่ยงพี่ป๋อเหมือนแกเป็นตัวอันตรายไปแล้ว เราเอาตัวไปติดกับคุณชุนจนถูกยีหัวกลับมา

“เป็นอะไรครับพี่หมวย ทำหน้าเหมือนผีหลอกงั้นล่ะ”

“ไม่ใช่สักหน่อยคุณชุน”เราย่นหน้า “ไว้เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟังนะครับ”

คุณเขาเลิกคิ้วให้เราก่อนจะพยักหน้าให้เมื่อเห็นว่าเราไม่ได้เล่นด้วยอย่างปกติ เราอยู่กับคุณชุนตลอดงานช่วงกลางวันจนเรียบร้อย ก็ได้เวลาเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปพักผ่อนเพื่อรองานตอนเย็น พร้อมกับรถต่อเวทีแบบชาวบ้านก็เริ่มมาต่อเติมเวทีที่ทำโครงไว้ตั้งแต่เมื่อวานให้ทันงานค่ำคืนนี้ พวกเราพาเจ๊จุ๋มที่ใส่ชุดผ้าไหมกลีบบัว รองเท้าสีขาวมุกคู่ละห้าพันที่แกแทบไม่อยากจะเหยียบลงทางลูกหินเล็กๆที่โรยไปเชื่อมกับทางพื้นกระเบื้อง คุณเต๋าวันนี้แต่งหน้าทำผมเสียหล่อเหลา หน้าแกดุอยู่เป็นทุน ยิ่งเหมือนมาเฟียเข้าไปใหญ่ ไม่รู้ว่าเสียท่าเจ๊จุ๋มได้อย่างไรเหมือนกัน หลังจากแซวบ่าวสาวพอเป็นพิธี พวกเราก็กลับมาพักผ่อน เรากับคุณชุนพาพ่อไปนอนพัก และแม่ก็ให้ไอ้อี้ช่วยเตรียมน้ำมาให้ เรากับคุณชุนก็ถูกไล่มาพัก พอประตูลั่นดาล เราก็ถูกคุณชุนเอาคางเกยเกี่ยวกับช่วงไหล่

“ไหนพี่หมวยมีอะไรจะเล่าให้ฟังเหรอครับ?”

“ก็ไม่เชิงเล่าหรอกครับ...พอดีพี่ช่วยงานอยู่โรงครัว เห็นว่าพี่ป๋อไม่ได้ไปช่วยขบวนขันหมาก”เราว่าก่อนที่คุณชุนจะดึงเราหันไปหาทันที

“เขาทำอะไรพี่รึเปล่า?”

“พี่ผู้ชายนะครับ...”

“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ไว้ใจเขา”คุณชุนเป่าปาก เราชั่งใจอยู่เล็กน้อยจึงตัดสินใจบอกคุณชุนไปตามตรง

“เขาบอกพี่ว่า คุณชุนไม่ได้จริงจังกับพี่... พี่เลยโมโห ไม่อยากจะเสวนา พอดีไอ้อี้ไปเรียกให้แต่งตัวมาหน้างาน ก็เลยหนีเขามาล่ะครับ”

“อ้าว..ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ ผมไปคุยมั้ยครับ?”ว่าไม่ทันขาดคำ คุณชุนก็ทำท่าจะออกนอกห้องจนเราได้แต่กอดแกเอาไว้

“อย่าเลยครับ..อย่าให้เป็นเรื่องเลย”

“เขาพูดแบบนี้ดูถูกผมไม่พอ เขาดูถูกพี่ด้วยนะ เขาไม่รู้ว่าเราผ่านอะไรมา จะมาพูดสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ผมไม่ชอบ!

“วันนี้งานดี อย่ามีเรื่องกันเลยครับ...เราแค่ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา เดี๋ยวพ่อแม่จะไม่สบายใจเอาเปล่าๆ อีกอย่างเขาก็ลูกของหุ้นส่วน จะเป็นเรื่องไปใหญ่ พี่ขอนะ...”เรากล่อมคุณชุนที่สีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

“แต่ผมว่า...”

“เรื่องเราสองคน..พวกเรารู้ดีครับ อย่าไปให้ราคาคนคิดไม่ดีกับคนอื่นเลย”เราบอกแบบนั้นแล้วก็สวมกอดคุณชุนเอาไว้ ลูบหลังแกสองสามครั้งจนแกท่าทีอ่อนลง คุณชุนถอนหายใจเฮือกใหญ่อยู่พักก่อนจะกอดเราตอบ

“ผมไม่ชอบเลย...เขาจะพูดอะไรถึงผมยังไงผมไม่สนใจหรอก..มันไม่จริง แต่พอเกี่ยวกับพี่ผมก็ฉุนขึ้นมา...เพราะผมไม่เคยให้พี่เป็นแบบนั้นเลยสักครั้ง”

“พี่เล่าให้คุณชุนฟัง..เพราะพี่ไม่มีความลับกับคุณชุน จากนี้เราก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา..นะครับ”

“พี่ห้ามห่างผมเลยนะครับ ผู้ชายคนนั้นไม่สมควรได้โอกาสมาพูดจาแบบนี้กับพี่อีก”คุณชุนสีหน้าเคร่งเครียดไม่หาย เราก็ได้แต่กอดปลอบประโลมแกไปมา

“ครับ..พี่ก็อยู่กับคุณชุนแล้ว ไม่มีอะไรแล้วนะ”

“เฮ้อ...ไม่ได้มารักด้วยซะหน่อย ทำไมถึงมาพูดให้มีปัญหานะ”

“ชีวิตที่ไม่มีปัญหา...มันไม่ใช่ชีวิตนะคุณชุน”เราบอกแกที่พยักหน้ารับคำเราช้าๆ บีบๆนวดๆไหล่ให้แกหายโมโหก็พากันนอนหลับพักผ่อนอยู่ในห้องจนไอ้อี้มาเคาะประตูเรียกเมื่อถึงเวลา

งานเลี้ยงช่วงเย็นก็ไม่ได้จัดในโรงแรมหรูหราเหมือนที่เราเคยเห็นผ่านตามาหลายๆครั้ง เป็นงานกินเลี้ยงใส่ซองชาวบ้านธรรมดาๆ มีวงดนตรีมาเล่นพร้อมกับหางเครื่องขนนกหลากสีเต้นเย้ยฟ้าท้าลมหนาว เสียงดนตรีกระหึ่มจนเจ๊จุ๋มนั่งได้พักเดียวก็ขอลาหลังจากพูดขอบคุณแขกในงานเสร็จ แต่เราเฉยๆนะเพราะมีภูมิต้านทานจากเด็กห้องเยื้องซ้ายหอเดิมที่เปิดเพลงอัดหูทุกๆวัน ไม่รู้ป่านนี้มีใครเอารองเท้าไปตบประตูห้องรึยังนะ...

เราร่วมงานคืนนี้วันรุ่งขึ้นก็ต้องรีบกลับไปทำงาน แต่จะมีการแวะเที่ยวกันบ้างช่วงเช้า กว่าจะถึงกรุงเทพก็ดึกๆ ซึ่งการกลับกรุงเทพไปครั้งนี้ไม่มีเจ๊จุ๋มกลับไปด้วย หน้าที่ของแกน้องมินก็ต้องมารับช่วงจากแก คืนนั้นน้องมินกอดเจ๊จุ๋มร้องไห้อยู่นาน เพราะเจ๊จุ๋มเหมือนเป็นพี่สาวคนโตของพวกเรา จะผิดจะถูกแกก็คอยดูแลเหมือนกับญาติผู้ใหญ่ ทั้งใจหายและยินดีที่แกจะมีชีวิตที่สมบูรณ์กับคนที่พร้อมจะดูแลแกอย่างมั่นคง เราจำประโยคหนึ่งที่เจ๊จุ๋มพูดกับเราเอาไว้ในคืนนั้นได้อย่างดี

“ฉันรักพวกแกเหมือนน้อง...แต่วันไหนแกเจ็บแกล้ม แกจำไว้นะ...แกยังเหลือตัวแก เมื่อไหร่ที่แกคิดแบบนี้ได้ แกจะรู้เองว่าแกมีฉันอีกคน ฉันบอกให้คิดแบบนี้ ไม่ใช่ฉันขี้งกขี้เหนียวกับพวกแก แต่เวลาลำบากแกจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้ จำใส่ใจเอาไว้นะ”

ในตอนนั้นเราเห็นว่าน้ำตาเจ๊จุ๋มแกคลอเบ้าขึ้นมานิดหน่อย...แต่แกก็ยังรักษาคอนเซปต์หญิงแกร่งแรงเกินร้อยได้อย่างดีเยี่ยม

ท่ามกลางแสงนวลๆของโคมไฟ...เจ๊จุ๋มในสายตาเรานั้นสวยงามเหลือเกิน....




หลังจากเจ๊จุ๋มแต่งงานไปเรียบร้อย พวกเราก็กลับมาทำงานเหมือนเดิม ที่บ้านเราได้ข่าวว่าน้องสาวเฮียเส็งพ่อไอ้อินเลิกกับสามี เลยมาขอทำงานอยู่กรุงเทพ แม่เราเลยให้มาเป็นแม่บ้าน กินนอนอยู่ด้วยกัน เผื่อพ่อเป็นอะไรก็จะได้ดูแลได้ เพราะเฮียเส็งแกประกันอย่างดีว่าน้องสาวแกซื่อสัตย์ ไม่คดไม่โกงใคร พ่อกับแม่เลยเมตตาให้มาอยู่ด้วย แถมน้องสาวเฮียเส็งมีลูกชายวัยรุ่นติดมาด้วย ตอนนี้ทำหน้าที่แทนเราไปเกือบหมดแล้ว เราเงินเดือนขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เลยส่งกลับบ้านเดือนละหมื่น และเจียดไว้ซื้อรถดีๆสักคัน ไว้พาพ่อกับแม่ไปเที่ยวอีก ไหนจะต้องเก็บไว้รักษาพ่อด้วย เพราะค่าหยูกค่ายาไม่ใช่เล่นๆ และเราไม่อยากให้พ่อเราอึดอัดใจ

พอกลับมาทำงานได้อาทิตย์เดียว คุณชุนก็ต้องกลับไปที่เยอรมันเพราะต้องไปทำเอกสารเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยของแกเพิ่มเติม เพราะคุณชุนอยากต่อโทที่ไทยและทำงานไปด้วย ซึ่งเราก็สนับสนุนเรื่องการเรียนของแกเต็มที่ แต่เราไม่ได้ตามแกไปที่เยอรมันด้วยเพราะต้องทำงาน เราไม่อยากใช้อภิสิทธิ์เหนือกว่าคนอื่น คุณชุนก็งอแงไปตามเรื่องแต่สุดท้ายก็ตามใจเรา แกหยุดงานที่ออฟฟิศหนึ่งอาทิตย์ อยู่เยอรมันห้าวัน ส่วนอีกสองวันคือเผื่อไว้ไปกลับ

ทันทีที่ไปส่งคุณชุนที่สนามบิน เราก็กลับมาพบกับความเป็นจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือคุณริณ ซึ่งการทำงานกับคุณริณไม่ต่างอะไรกับการทำงานคนเดียวนัก เราไม่โทษคุณชุนว่าสอนคุณริณไม่ดี เพราะบางเรื่องแกก็ทำได้ดีอยู่ แต่เป็นนิสัยของคุณริณที่ชอบโวยวายถามเราจะทำยังไงๆทั้งที่ตัวเองเป็นเจ้านายนี่แหล่ะ แต่คุณริณแกก็ไม่กล้าแกล้ง หรือแดกดันอะไรเราแรงๆเพราะกลัวว่าจะไม่มีใครช่วยแกเวลาออเดอร์มีปัญหา นับว่าไม่ลำบากนัก แลกกับนั่งฟังแกบ่นไปเรื่อยๆประสาผู้หญิงจุกจิก

“นี่ ฉันทำแบบนี้ถูกมั้ย?”

“ถูกแล้วครับคุณริณ”

“โอ้ย น่ารำคาญ เมื่อไหร่พี่ชุนจะกลับมาซะที”คุณริณตีแขนตีขาไปมาเหมือนเด็กๆอยู่อย่างนั้น “เที่ยงรึยัง กินข้าวได้แล้วใช่มั้ย เมื่อไหร่จะเลิกงานนะเนี่ย”

นั่นแหล่ะคุณเธอ...เราก็ได้แต่ปล่อยให้มันลอยผ่านหูไป.. ตกเย็นเลิกงานเราก็กลับไปนอนที่คอนโดเหมือนเดิม คุณชุนแกกะจะให้รถเราไว้ขับ แต่เราเกรงใจ เดี่ยวคุณริณจะเขม่นเราอีก ก็เลยขับอีแก่ที่โกดังนั่นแหล่ะกลับห้อง อยู่คนเดียวก็แวะเซเว่นซื้อมาม่าออเรียนทอลกระป๋องหนึ่ง ใส่เต้าหู้ไข่ นั่นแหล่ะหนึ่งมื้อง่ายๆ ของในตู้เย็นก็ยังมีอยู่ แต่เราไม่อยากทำ กินคนเดียวมันเหงา รีดเสื้อ อาบน้ำ รับสายคุณชุนที่โทรมาหา จนได้เวลาคุณชุนร่างทรงพ่อก็ไล่เราไปนอน

ให้เราพูดไหมว่าเราคิดถึงคุณชุน... ไม่ต้องพูดก็น่าจะรู้ เพราะอยู่กันมาเราไม่เคยห่างกัน แค่วันที่สองเราก็ห่อเหี่ยวแล้ว รู้อย่างนี้หน้าทนตามแกไปเยอรมันก็ดี ได้แต่มองกำไลที่คุณนายลดาซื้อให้อยู่อย่างนั้น ตอนแรกไอ้บี๋มันชวนกินข้าวด้วย มันอยากเห็นคุณชุน มันว่าอยากเห็นเด็กที่เหมือนตุ๊ดตอนนี้จะเป็นยังไง แถมด้วยว่าจะแนะนำแฟนมันให้เรารู้จัก สรุปมันเลือกหมอรุ่นพี่ของมันนั่นแหล่ะ เพราะคนที่มาจบมันอีกคนข่าวกับพริตตี้มากมายหลายหน้าหลายตา มันเกรงว่าจะรับมือไม่ไหว ไอ้บี๋มันเป็นคนฉลาดมาแต่ไหนแต่ไร มันคงไม่ทำตัวใกล้เกลือกินด่างหรอก

“หมวย...”

“...”เราหันไปมองพี่ป๋อที่มาทักเราระหว่างกินก๋วยเตี๋ยวเป็ดเป็นมื้อเที่ยง แกสีหน้าหงอยๆไปจนเรานึกสงสาร พี่ป๋อนั่งลงตรงข้ามก๋วยเตี๋ยวก็เสิร์ฟพอดี เราต่างคนต่างกินอยู่พักพี่ป๋อแกก็ส่งเสียงขึ้นมา

“เรื่องวันนั้นพี่ขอโทษนะที่พูดไม่ดีกับหมวย... อาจเป็นเพราะว่าพี่ไม่เห็น พี่เลยมองไปตามสายตาคนนอก ถ้าทำให้หมวยไม่พอใจพี่ขอโทษ จะโกรธพี่ต่อก็ได้ แต่พี่แค่อยากบอก”

 “...”เรามองแกอยู่พักก็ถอนหายใจ “ถ้าพี่ขอโทษผมจะไม่รับเลยมันก็เกินไปนะครับ พี่มีสิทธิ์พูดของพี่ล่ะ แต่ผมก็มีสิทธิ์หงุดหงิดเหมือนกัน นี่ก็หลายวันมาแล้ว ช่างมันเถอะครับ”

“หมวยไม่โกรธพี่แล้วใช่มั้ย?”

“ผมไม่อยากเข้าหน้าใครไม่ติดครับ เวลาเข้าหน้ากันไม่ติดมันใช้ชีวิตลำบาก”เราตอบไปแบบนั้นแล้วพี่ป๋อแกก็ส่งยิ้มกลับมา

“ขอบใจนะ...แต่พี่อยากให้หมวยรู้ ว่าพี่หวังดีกับหมวย พี่น่ะ...ชอบหมวยจริงๆนะ”

“...”

“ไม่ต้องตอบพี่ว่าคิดยังไง พี่รู้คำตอบอยู่แล้ว ปล่อยให้พี่พูด แล้วพี่จะอยู่แค่ตรงนั้นแหล่ะ”

เราแค่พยักหน้าตอบรับไปเท่านั้น และแกก็หยุดจีบเราจริงๆ แกทำเหมือนเราเป็นน้องเป็นเพื่อนทั่วไปโดยที่เราก็หายอึดอัดขึ้นมาหน่อย เราไม่ได้บอกคุณชุนเรื่องนี้ กลัวว่าเดี๋ยวจะเป็นอารมณ์กันไปอีก แต่ก่อนเรามีเจ๊จุ๋ม มีอะไรก็บอกแก ตอนนี้เราไม่มี น้องมินเองก็อึดอัดเพราะคุณริณเล่นวีนไม่เว้นวัน เรารับฟังน้อง และได้พี่ป๋อมารับกรรมฟังเราบ่นอีกที ซึ่งแกก็ใจดี แนะนำทางบ้าง รับฟังเงียบๆบ้าง จนเราดีใจขึ้นมาหน่อยว่าอย่างน้อยก็ได้ที่ปรึกษาดีๆอีกคน

เราหมดเวลาหลังเลิกงานไปกับการอยู่คนเดียวได้สี่วัน ในคืนหนึ่งที่เราเผลอนอนหลับเพราะเหนื่อย หลังจากโดนคุณริณแหววีนใส่ทั้งวัน ไหนจะรอคุณชุนโทรมาแกก็ไม่โทรมา คุณชุนแกก็โผล่มาเสียกลางดึก มาถึงเตียงแกไม่พูดพร่ำทำเพลง ปล้ำเราอย่างเดียว เราทั้งเหนื่อยทั้งง่วงก็เลยได้แต่ยอมๆแกไป สอบถามจนรู้ว่าแกเป็นห่วงเรา อยู่กันมานานไม่เคยห่างกันขนาดนี้ พอทำธุระเสร็จแกก็รีบกลับมา เราโอบกอดคุณชุนเอาไว้เพราะเราเองก็คิดถึงแกมาตลอดเหมือนกัน


ถ้าเรารู้สักนิดว่าจะมีเรื่องราวอีกมากมายตามหลังมาจากนั้น...
เราสาบานว่าในตอนนั้นเราจะกอดคุณชุนให้แน่นกว่านี้


:D

แท็ก #คุณชุนพี่หมวย คับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น