Title: หมวย (13)
Image: SEHUN x LUHAN
Author: RUNAWAY05
Note: พร้อมรึยัง...
เมื่อเข้ารุ่งเช้า พ่อเราก็กระวีกระวาดจะกลับไร่
แกกลัวมาเสียเที่ยว อีกอย่างคุณเต๋าแกขอให้คุณชุนและพ่อเป็นคนช่วยขบวนขันหมากด้วย
เพราะครอบครัวของคุณเต๋าเป็นครอบครัวเล็กๆ
ลำพังแค่พ่อแม่คุณเต๋าเกรงว่าจะจัดการงานไม่หมด พ่อเองพอได้ยาหมอก็เริงร่า
ร่ำๆอยากจะไปงานเสียให้ได้ แต่เราเองถนัดที่จะทำงานเบื้องหลังเสียมากกว่า
เลยอาสาจะช่วยงานข้างหลังแทน คุณชุนรบเร้าเราสองสามครั้ง เมื่อเห็นว่าเราไม่เปลี่ยนใจแกก็ไม่ตื๊อต่อ
ปล่อยให้เราช่วยงานอยู่โรงครัวและพาพ่อกับแม่ไปเข้าขบวนขันหมากของคุณเต๋าที่จะเริ่มตั้งแต่กลางหมู่บ้านเข้ามาหาบ้านกำนันฉ่อย
สักพักคุณชุนก็ส่งไอ้อี้มาตามอีกรอบ เราก็ยืนกรานอีกรอบจนไอ้อี้บอกว่า ถ้าขบวนมาถึงก็ไม่ต้องช่วยโรงครัวแล้วนะ
ไปแต่งเนื้อแต่งตัวเพราะอย่างน้อยเจ๊จุ๋มก็สนิทกับเรา เราเลยตกลง
ที่เราปฏิเสธจะไปหน้างานไม่ใช่อะไร...เราไม่อยากออกหน้าออกตาเหมือนที่คุณนายลดาแกขอ
ถ้าใครไปใครมาเห็นว่าคุณชุนดูแลพ่อแม่เราไม่พอ
เรายังไปเสนอหน้าอยู่มันจะดูไม่งามนัก คุณริณมาเห็นรูปจะพาลไปชอบใจไปอีกหนึ่ง
จะกลายเป็นหาเรื่องให้คุณลดาแกอีก เราจัดข้าวจัดของช่วยคนเฒ่าคนแก่เพราะมันงานบ้านนอก
ไม่มีหรอกพวกออแกไนเซอร์ สักพักก็มีมือมาแบ่งจานในอ้อมแขนเราออกไปครึ่งหนึ่ง
“พี่ป๋อ? ทำไมไม่ไปกับขบวนเขาล่ะครับ”
“คนเยอะแยะครับ พี่ไม่อยากไปเบียดกับเขา
เราล่ะทำไมไม่ไป”
“ไม่ถนัดเหมือนกันครับ”
“อ่า..เราสองคนมาช่วยงานทางนี้แทนแล้วกันเนอะ”แกส่งยิ้มมาให้เรา
เราก็ได้แต่พยักหน้าไปให้แกแล้วก้มหน้าหลบ ก็คำว่าเราสองคนนี่ถ้าคุณชุนมาได้ยินมีหวังเขียงบินจนเจ๊จุ๋มไม่ได้แต่งงานกันพอดี
เราเอาจานมาเช็ด ส่วนพี่ป๋อแกก็นั่งลงตรงข้ามเรา มันก็คงจะโอเคกว่านี้นะถ้าพี่ป๋อไม่เอาแต่จ้องหน้าเราจนเราชักจะอึดอัด
“หมวย อยากแต่งงานแบบไหนเหรอ?”
“ครับ?”
“พี่ถามว่าเราอยากแต่งงานแบบไหน”แกชวนเราคุยขึ้นมา
จะไม่ตอบก็ยังไง เราเลยตอบแกไปตามตรง
“แบบไหนก็ได้ครับ ที่บ้านผมไม่ได้เคร่งมากอยู่แล้ว
พี่ล่ะครับ”
“พี่ตามใจเราครับ”นั่นปะไร...เราจะทำหน้าเอือมก็ไม่กล้า
พี่แกเล่นยิ้มหน้าระรื่นใส่ขนาดนั้น แต่เราคิดว่ามันไม่ถูกต้องนักเลยพูดกับแกไปตามตรง
“พี่รู้จากอี้มันแล้วใช่ไหมครับ?”
“ครับ”
“พี่ก็รู้แล้วว่าผมไม่ได้ตัวคนเดียว...”เราว่า
แล้วพี่ป๋อแกก็ขยับยิ้มขึ้นมา
“หมวยรู้มั้ย...ครอบครัวพี่มีพี่ชายอีกคน
พี่สาวอีกคน ถึงจะคนละแม่ แต่ก็มีคนรับช่วงต่อพ่อพี่เยอะแยะ พี่ก็เหมือนตัวเปล่า
จะรักใครก็ได้ พ่อแม่พี่ไม่ว่า... แต่เขาเป็นลูกคนโต เขาเป็นสกุลผู้ดี เขามีหน้าที่ๆต้องรับผิดชอบ
อย่างน้อยก็มีทายาทกับผู้หญิงสักคน พี่คิดว่าหมวยจะเข้าใจแล้วซะอีก ว่าเขาไม่มีทางจริงจังกับหมวยหรอก
หมวยก็แค่ประสบการณ์ชีวิตของเขาเท่านั้น”พี่ป๋อกล่าวกับเราเสียงเข้มขึ้นและประโยคเหล่านั้นก็เหมือนจี้ใจดำ
เราส่ายหน้า รู้สึกโมโหพี่ป๋อขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ไม่ทันจะทำอะไร
เสียงไอ้อี้ก็ดังขึ้นมาเรียกสติเราไว้
“หมวยๆ ขบวนมาแล้ว ไปอาบน้ำแต่งตัวเร็ว”
“...”เราเขม่นมองพี่ป๋อพี่มองเราด้วยสีหน้าใจดีเหมือนเดิม
แต่เรากลับมองแกติดลบขึ้นมาตงิดๆ เราสะบัดหน้าหนีออกมาหาไอ้อี้ที่เตรียมชุดมาให้
“เป็นอะไรวะหมวย มีอะไรกัน?”
“ฉันไม่อยากพูดถึงมัน ฉันไปอาบน้ำดีกว่า”
“ใจเย็นเมื่อไหร่ค่อยบอกแล้วกัน เอ้า ไปได้แล้ว
คุณชุนมองหาแกใหญ่แล้ว”เรารับชุดมาซึ่งเป็นชุดเสื้อเชิ้ตขาวกางเกงดำที่เราฝากมันรีดเพราะเมื่อคืนเราไปเฝ้าพ่อ
เรารีบอาบน้ำก่อนจะถูกพาไปทำผมเติมหน้านิดหน่อยไม่ให้หมองมัน ใจเรายังขุ่นมัวเพราะพี่ป๋อที่จู่ๆแกก็พูดออกมาแบบนั้น
พอเราออกไปถ่ายรูปร่วมพิธีหลักจนเรียบร้อยก็ถึงคราวส่งเจ๊จุ๋มเข้าหอ
ซึ่งทำพิธีกันอยู่ข้างในก่อนจะออกมาทานอาหารร่วมกัน
เราอยู่ติดกับคุณชุนและพ่อกับแม่ โดยพยายามเลี่ยงพี่ป๋อเหมือนแกเป็นตัวอันตรายไปแล้ว
เราเอาตัวไปติดกับคุณชุนจนถูกยีหัวกลับมา
“เป็นอะไรครับพี่หมวย ทำหน้าเหมือนผีหลอกงั้นล่ะ”
“ไม่ใช่สักหน่อยคุณชุน”เราย่นหน้า “ไว้เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟังนะครับ”
คุณเขาเลิกคิ้วให้เราก่อนจะพยักหน้าให้เมื่อเห็นว่าเราไม่ได้เล่นด้วยอย่างปกติ
เราอยู่กับคุณชุนตลอดงานช่วงกลางวันจนเรียบร้อย
ก็ได้เวลาเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปพักผ่อนเพื่อรองานตอนเย็น
พร้อมกับรถต่อเวทีแบบชาวบ้านก็เริ่มมาต่อเติมเวทีที่ทำโครงไว้ตั้งแต่เมื่อวานให้ทันงานค่ำคืนนี้
พวกเราพาเจ๊จุ๋มที่ใส่ชุดผ้าไหมกลีบบัว รองเท้าสีขาวมุกคู่ละห้าพันที่แกแทบไม่อยากจะเหยียบลงทางลูกหินเล็กๆที่โรยไปเชื่อมกับทางพื้นกระเบื้อง
คุณเต๋าวันนี้แต่งหน้าทำผมเสียหล่อเหลา หน้าแกดุอยู่เป็นทุน
ยิ่งเหมือนมาเฟียเข้าไปใหญ่ ไม่รู้ว่าเสียท่าเจ๊จุ๋มได้อย่างไรเหมือนกัน
หลังจากแซวบ่าวสาวพอเป็นพิธี พวกเราก็กลับมาพักผ่อน เรากับคุณชุนพาพ่อไปนอนพัก
และแม่ก็ให้ไอ้อี้ช่วยเตรียมน้ำมาให้ เรากับคุณชุนก็ถูกไล่มาพัก พอประตูลั่นดาล
เราก็ถูกคุณชุนเอาคางเกยเกี่ยวกับช่วงไหล่
“ไหนพี่หมวยมีอะไรจะเล่าให้ฟังเหรอครับ?”
“ก็ไม่เชิงเล่าหรอกครับ...พอดีพี่ช่วยงานอยู่โรงครัว
เห็นว่าพี่ป๋อไม่ได้ไปช่วยขบวนขันหมาก”เราว่าก่อนที่คุณชุนจะดึงเราหันไปหาทันที
“เขาทำอะไรพี่รึเปล่า?”
“พี่ผู้ชายนะครับ...”
“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ไว้ใจเขา”คุณชุนเป่าปาก
เราชั่งใจอยู่เล็กน้อยจึงตัดสินใจบอกคุณชุนไปตามตรง
“เขาบอกพี่ว่า คุณชุนไม่ได้จริงจังกับพี่...
พี่เลยโมโห ไม่อยากจะเสวนา พอดีไอ้อี้ไปเรียกให้แต่งตัวมาหน้างาน ก็เลยหนีเขามาล่ะครับ”
“อ้าว..ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ ผมไปคุยมั้ยครับ?”ว่าไม่ทันขาดคำ
คุณชุนก็ทำท่าจะออกนอกห้องจนเราได้แต่กอดแกเอาไว้
“อย่าเลยครับ..อย่าให้เป็นเรื่องเลย”
“เขาพูดแบบนี้ดูถูกผมไม่พอ เขาดูถูกพี่ด้วยนะ
เขาไม่รู้ว่าเราผ่านอะไรมา จะมาพูดสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ผมไม่ชอบ!”
“วันนี้งานดี อย่ามีเรื่องกันเลยครับ...เราแค่ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา
เดี๋ยวพ่อแม่จะไม่สบายใจเอาเปล่าๆ อีกอย่างเขาก็ลูกของหุ้นส่วน จะเป็นเรื่องไปใหญ่
พี่ขอนะ...”เรากล่อมคุณชุนที่สีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“แต่ผมว่า...”
“เรื่องเราสองคน..พวกเรารู้ดีครับ
อย่าไปให้ราคาคนคิดไม่ดีกับคนอื่นเลย”เราบอกแบบนั้นแล้วก็สวมกอดคุณชุนเอาไว้ ลูบหลังแกสองสามครั้งจนแกท่าทีอ่อนลง
คุณชุนถอนหายใจเฮือกใหญ่อยู่พักก่อนจะกอดเราตอบ
“ผมไม่ชอบเลย...เขาจะพูดอะไรถึงผมยังไงผมไม่สนใจหรอก..มันไม่จริง
แต่พอเกี่ยวกับพี่ผมก็ฉุนขึ้นมา...เพราะผมไม่เคยให้พี่เป็นแบบนั้นเลยสักครั้ง”
“พี่เล่าให้คุณชุนฟัง..เพราะพี่ไม่มีความลับกับคุณชุน
จากนี้เราก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา..นะครับ”
“พี่ห้ามห่างผมเลยนะครับ ผู้ชายคนนั้นไม่สมควรได้โอกาสมาพูดจาแบบนี้กับพี่อีก”คุณชุนสีหน้าเคร่งเครียดไม่หาย
เราก็ได้แต่กอดปลอบประโลมแกไปมา
“ครับ..พี่ก็อยู่กับคุณชุนแล้ว ไม่มีอะไรแล้วนะ”
“เฮ้อ...ไม่ได้มารักด้วยซะหน่อย
ทำไมถึงมาพูดให้มีปัญหานะ”
“ชีวิตที่ไม่มีปัญหา...มันไม่ใช่ชีวิตนะคุณชุน”เราบอกแกที่พยักหน้ารับคำเราช้าๆ
บีบๆนวดๆไหล่ให้แกหายโมโหก็พากันนอนหลับพักผ่อนอยู่ในห้องจนไอ้อี้มาเคาะประตูเรียกเมื่อถึงเวลา
งานเลี้ยงช่วงเย็นก็ไม่ได้จัดในโรงแรมหรูหราเหมือนที่เราเคยเห็นผ่านตามาหลายๆครั้ง
เป็นงานกินเลี้ยงใส่ซองชาวบ้านธรรมดาๆ มีวงดนตรีมาเล่นพร้อมกับหางเครื่องขนนกหลากสีเต้นเย้ยฟ้าท้าลมหนาว
เสียงดนตรีกระหึ่มจนเจ๊จุ๋มนั่งได้พักเดียวก็ขอลาหลังจากพูดขอบคุณแขกในงานเสร็จ
แต่เราเฉยๆนะเพราะมีภูมิต้านทานจากเด็กห้องเยื้องซ้ายหอเดิมที่เปิดเพลงอัดหูทุกๆวัน
ไม่รู้ป่านนี้มีใครเอารองเท้าไปตบประตูห้องรึยังนะ...
เราร่วมงานคืนนี้วันรุ่งขึ้นก็ต้องรีบกลับไปทำงาน
แต่จะมีการแวะเที่ยวกันบ้างช่วงเช้า กว่าจะถึงกรุงเทพก็ดึกๆ
ซึ่งการกลับกรุงเทพไปครั้งนี้ไม่มีเจ๊จุ๋มกลับไปด้วย หน้าที่ของแกน้องมินก็ต้องมารับช่วงจากแก
คืนนั้นน้องมินกอดเจ๊จุ๋มร้องไห้อยู่นาน
เพราะเจ๊จุ๋มเหมือนเป็นพี่สาวคนโตของพวกเรา
จะผิดจะถูกแกก็คอยดูแลเหมือนกับญาติผู้ใหญ่
ทั้งใจหายและยินดีที่แกจะมีชีวิตที่สมบูรณ์กับคนที่พร้อมจะดูแลแกอย่างมั่นคง เราจำประโยคหนึ่งที่เจ๊จุ๋มพูดกับเราเอาไว้ในคืนนั้นได้อย่างดี
“ฉันรักพวกแกเหมือนน้อง...แต่วันไหนแกเจ็บแกล้ม
แกจำไว้นะ...แกยังเหลือตัวแก เมื่อไหร่ที่แกคิดแบบนี้ได้
แกจะรู้เองว่าแกมีฉันอีกคน ฉันบอกให้คิดแบบนี้ ไม่ใช่ฉันขี้งกขี้เหนียวกับพวกแก แต่เวลาลำบากแกจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้
จำใส่ใจเอาไว้นะ”
ในตอนนั้นเราเห็นว่าน้ำตาเจ๊จุ๋มแกคลอเบ้าขึ้นมานิดหน่อย...แต่แกก็ยังรักษาคอนเซปต์หญิงแกร่งแรงเกินร้อยได้อย่างดีเยี่ยม
ท่ามกลางแสงนวลๆของโคมไฟ...เจ๊จุ๋มในสายตาเรานั้นสวยงามเหลือเกิน....
หลังจากเจ๊จุ๋มแต่งงานไปเรียบร้อย พวกเราก็กลับมาทำงานเหมือนเดิม
ที่บ้านเราได้ข่าวว่าน้องสาวเฮียเส็งพ่อไอ้อินเลิกกับสามี เลยมาขอทำงานอยู่กรุงเทพ
แม่เราเลยให้มาเป็นแม่บ้าน กินนอนอยู่ด้วยกัน เผื่อพ่อเป็นอะไรก็จะได้ดูแลได้ เพราะเฮียเส็งแกประกันอย่างดีว่าน้องสาวแกซื่อสัตย์
ไม่คดไม่โกงใคร พ่อกับแม่เลยเมตตาให้มาอยู่ด้วย แถมน้องสาวเฮียเส็งมีลูกชายวัยรุ่นติดมาด้วย
ตอนนี้ทำหน้าที่แทนเราไปเกือบหมดแล้ว เราเงินเดือนขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้เลยส่งกลับบ้านเดือนละหมื่น และเจียดไว้ซื้อรถดีๆสักคัน ไว้พาพ่อกับแม่ไปเที่ยวอีก
ไหนจะต้องเก็บไว้รักษาพ่อด้วย เพราะค่าหยูกค่ายาไม่ใช่เล่นๆ
และเราไม่อยากให้พ่อเราอึดอัดใจ
พอกลับมาทำงานได้อาทิตย์เดียว
คุณชุนก็ต้องกลับไปที่เยอรมันเพราะต้องไปทำเอกสารเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยของแกเพิ่มเติม
เพราะคุณชุนอยากต่อโทที่ไทยและทำงานไปด้วย ซึ่งเราก็สนับสนุนเรื่องการเรียนของแกเต็มที่
แต่เราไม่ได้ตามแกไปที่เยอรมันด้วยเพราะต้องทำงาน เราไม่อยากใช้อภิสิทธิ์เหนือกว่าคนอื่น
คุณชุนก็งอแงไปตามเรื่องแต่สุดท้ายก็ตามใจเรา แกหยุดงานที่ออฟฟิศหนึ่งอาทิตย์ อยู่เยอรมันห้าวัน
ส่วนอีกสองวันคือเผื่อไว้ไปกลับ
ทันทีที่ไปส่งคุณชุนที่สนามบิน
เราก็กลับมาพบกับความเป็นจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือคุณริณ ซึ่งการทำงานกับคุณริณไม่ต่างอะไรกับการทำงานคนเดียวนัก
เราไม่โทษคุณชุนว่าสอนคุณริณไม่ดี เพราะบางเรื่องแกก็ทำได้ดีอยู่
แต่เป็นนิสัยของคุณริณที่ชอบโวยวายถามเราจะทำยังไงๆทั้งที่ตัวเองเป็นเจ้านายนี่แหล่ะ
แต่คุณริณแกก็ไม่กล้าแกล้ง หรือแดกดันอะไรเราแรงๆเพราะกลัวว่าจะไม่มีใครช่วยแกเวลาออเดอร์มีปัญหา
นับว่าไม่ลำบากนัก แลกกับนั่งฟังแกบ่นไปเรื่อยๆประสาผู้หญิงจุกจิก
“นี่ ฉันทำแบบนี้ถูกมั้ย?”
“ถูกแล้วครับคุณริณ”
“โอ้ย น่ารำคาญ เมื่อไหร่พี่ชุนจะกลับมาซะที”คุณริณตีแขนตีขาไปมาเหมือนเด็กๆอยู่อย่างนั้น
“เที่ยงรึยัง กินข้าวได้แล้วใช่มั้ย เมื่อไหร่จะเลิกงานนะเนี่ย”
นั่นแหล่ะคุณเธอ...เราก็ได้แต่ปล่อยให้มันลอยผ่านหูไป..
ตกเย็นเลิกงานเราก็กลับไปนอนที่คอนโดเหมือนเดิม คุณชุนแกกะจะให้รถเราไว้ขับ
แต่เราเกรงใจ เดี่ยวคุณริณจะเขม่นเราอีก ก็เลยขับอีแก่ที่โกดังนั่นแหล่ะกลับห้อง อยู่คนเดียวก็แวะเซเว่นซื้อมาม่าออเรียนทอลกระป๋องหนึ่ง
ใส่เต้าหู้ไข่ นั่นแหล่ะหนึ่งมื้อง่ายๆ ของในตู้เย็นก็ยังมีอยู่ แต่เราไม่อยากทำ
กินคนเดียวมันเหงา รีดเสื้อ อาบน้ำ รับสายคุณชุนที่โทรมาหา จนได้เวลาคุณชุนร่างทรงพ่อก็ไล่เราไปนอน
ให้เราพูดไหมว่าเราคิดถึงคุณชุน...
ไม่ต้องพูดก็น่าจะรู้ เพราะอยู่กันมาเราไม่เคยห่างกัน แค่วันที่สองเราก็ห่อเหี่ยวแล้ว
รู้อย่างนี้หน้าทนตามแกไปเยอรมันก็ดี
ได้แต่มองกำไลที่คุณนายลดาซื้อให้อยู่อย่างนั้น ตอนแรกไอ้บี๋มันชวนกินข้าวด้วย
มันอยากเห็นคุณชุน มันว่าอยากเห็นเด็กที่เหมือนตุ๊ดตอนนี้จะเป็นยังไง
แถมด้วยว่าจะแนะนำแฟนมันให้เรารู้จัก สรุปมันเลือกหมอรุ่นพี่ของมันนั่นแหล่ะ เพราะคนที่มาจบมันอีกคนข่าวกับพริตตี้มากมายหลายหน้าหลายตา
มันเกรงว่าจะรับมือไม่ไหว ไอ้บี๋มันเป็นคนฉลาดมาแต่ไหนแต่ไร
มันคงไม่ทำตัวใกล้เกลือกินด่างหรอก
“หมวย...”
“...”เราหันไปมองพี่ป๋อที่มาทักเราระหว่างกินก๋วยเตี๋ยวเป็ดเป็นมื้อเที่ยง
แกสีหน้าหงอยๆไปจนเรานึกสงสาร พี่ป๋อนั่งลงตรงข้ามก๋วยเตี๋ยวก็เสิร์ฟพอดี
เราต่างคนต่างกินอยู่พักพี่ป๋อแกก็ส่งเสียงขึ้นมา
“เรื่องวันนั้นพี่ขอโทษนะที่พูดไม่ดีกับหมวย... อาจเป็นเพราะว่าพี่ไม่เห็น
พี่เลยมองไปตามสายตาคนนอก ถ้าทำให้หมวยไม่พอใจพี่ขอโทษ จะโกรธพี่ต่อก็ได้ แต่พี่แค่อยากบอก”
“...”เรามองแกอยู่พักก็ถอนหายใจ
“ถ้าพี่ขอโทษผมจะไม่รับเลยมันก็เกินไปนะครับ พี่มีสิทธิ์พูดของพี่ล่ะ
แต่ผมก็มีสิทธิ์หงุดหงิดเหมือนกัน นี่ก็หลายวันมาแล้ว ช่างมันเถอะครับ”
“หมวยไม่โกรธพี่แล้วใช่มั้ย?”
“ผมไม่อยากเข้าหน้าใครไม่ติดครับ
เวลาเข้าหน้ากันไม่ติดมันใช้ชีวิตลำบาก”เราตอบไปแบบนั้นแล้วพี่ป๋อแกก็ส่งยิ้มกลับมา
“ขอบใจนะ...แต่พี่อยากให้หมวยรู้
ว่าพี่หวังดีกับหมวย พี่น่ะ...ชอบหมวยจริงๆนะ”
“...”
“ไม่ต้องตอบพี่ว่าคิดยังไง พี่รู้คำตอบอยู่แล้ว
ปล่อยให้พี่พูด แล้วพี่จะอยู่แค่ตรงนั้นแหล่ะ”
เราแค่พยักหน้าตอบรับไปเท่านั้น และแกก็หยุดจีบเราจริงๆ
แกทำเหมือนเราเป็นน้องเป็นเพื่อนทั่วไปโดยที่เราก็หายอึดอัดขึ้นมาหน่อย
เราไม่ได้บอกคุณชุนเรื่องนี้ กลัวว่าเดี๋ยวจะเป็นอารมณ์กันไปอีก
แต่ก่อนเรามีเจ๊จุ๋ม มีอะไรก็บอกแก ตอนนี้เราไม่มี น้องมินเองก็อึดอัดเพราะคุณริณเล่นวีนไม่เว้นวัน
เรารับฟังน้อง และได้พี่ป๋อมารับกรรมฟังเราบ่นอีกที ซึ่งแกก็ใจดี แนะนำทางบ้าง
รับฟังเงียบๆบ้าง จนเราดีใจขึ้นมาหน่อยว่าอย่างน้อยก็ได้ที่ปรึกษาดีๆอีกคน
เราหมดเวลาหลังเลิกงานไปกับการอยู่คนเดียวได้สี่วัน
ในคืนหนึ่งที่เราเผลอนอนหลับเพราะเหนื่อย หลังจากโดนคุณริณแหววีนใส่ทั้งวัน
ไหนจะรอคุณชุนโทรมาแกก็ไม่โทรมา คุณชุนแกก็โผล่มาเสียกลางดึก มาถึงเตียงแกไม่พูดพร่ำทำเพลง
ปล้ำเราอย่างเดียว เราทั้งเหนื่อยทั้งง่วงก็เลยได้แต่ยอมๆแกไป
สอบถามจนรู้ว่าแกเป็นห่วงเรา อยู่กันมานานไม่เคยห่างกันขนาดนี้ พอทำธุระเสร็จแกก็รีบกลับมา
เราโอบกอดคุณชุนเอาไว้เพราะเราเองก็คิดถึงแกมาตลอดเหมือนกัน
ถ้าเรารู้สักนิดว่าจะมีเรื่องราวอีกมากมายตามหลังมาจากนั้น...
เราสาบานว่าในตอนนั้นเราจะกอดคุณชุนให้แน่นกว่านี้
:D
แท็ก #คุณชุนพี่หมวย คับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น