Title: หมวย (27)
Image: SEHUN x LUHAN
Author: RUNAWAY05
Note: เง้อะะ
“!!”
ลวินท์เบิกตาโพลงลุกพรวดพราดขึ้น
ก่อนจะพบว่าตนเองอยู่ในห้องพักโรงแรม เขาหลับไปเหรอ?
หรือทุกอย่างเป็นเพียงความฝันเท่านั้น ใบหน้าหวานก้มลงพลางยกมือแตะศีรษะ ก่อนจะเลื่อนลงแตะลงที่บริเวณหัวใจที่ยังเจ็บปวดอยู่เสมอ...
นั่นสินะ จะเป็นไปได้อย่างไร มันเป็นเพียงความหวังลมๆแล้งๆที่เขาเอาเก็บมานึกฝันเอาเท่านั้น
“เอะ...”เขาอุทานเบาๆเมื่อเห็นโค้ทตัวยาวที่ไม่คุ้นเคยแขวนอยู่กับเสาที่มุมห้อง
และลวินท์ก็มั่นใจว่าไม่ใช่เสื้อของเขา หัวใจของเขาทำงานหนักอีกครั้งเมื่อมองเห็นกระเป๋าเดินทางใบขนาดกลางสีดำที่ไม่ใช่ของเขาอีกเช่นกัน
พร้อมกับเสียงประตูห้องที่เปิดออก ปรากฏร่างชายหนุ่มผู้ซึ่งเขาคิดว่าฝันไปที่ได้เจอ
สวมเสื้อยืดกับกางเกงลายทหารสามส่วนสบายๆ
“ปวดตามั้ยครับ”...ช่างเป็นคำถามไม่น่าพิสมัยนักสำหรับคนที่หายหน้าจากกันไปถึงสามปี
ลวินท์ขมวดคิ้วมองสุหฤทธิ์..หรือคุณชุนที่นั่งลงขอบเตียงพลันระบายยิ้มให้
สองมือชายหนุ่มแกะแผ่นผ้าเย็นก่อนจะแตะดวงตากลมหวานนั้นอย่างนุ่มนวล
“อ่ะ! มันเย็นนะครับ”
“จะได้หายตาบวมไงครับ”นิ้วหัวมือแตะแต้มเบาๆที่เนื้อผ้าเปลือกตา
ลวินท์ลืมตาขึ้นช้าๆก่อนจะกะพริบสองสามครั้งและพบว่าอีกฝ่ายยังคงส่งยิ้มให้อยู่
ทันใดนั้น เจ้าตัวก็โผคว้ากอดเอาไว้ราวกับคุณชุนของตนนั้นทำมาจากขนนก ถ้าโดนลมทะเลอาจจะปลิวหายไปได้
“ไม่ชอบเลย..ไม่ชอบแบบนี้เลย
อย่าหายไปอีกนะ...อย่าทิ้งพี่ไปอีก เข้าใจไหม?”
“...”ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่ายนอกจากลูบกลุ่มผมนุ่มมืออย่างบางเบา
“ก่อนนี้พี่ไม่รู้...ไม่มีใครเล่า
แต่พี่รู้สึกเหมือนขาดอะไรไป..พี่ไม่สามารถทำสิ่งที่มีคุณชุนอยู่ข้างๆได้
พี่เหงาทุกครั้งที่ขึ้นรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน เวลาที่เสียงประกาศว่าถึงสยาม
พี่เงยหน้าขึ้น..แล้วพี่ก็ไม่เห็นใคร พี่ไปคิโนะ..พี่มองชั้นหนังสือตั้งนาน
ซึ่งพี่ไม่รู้ว่าพี่มองอะไร พี่ยืนอยู่ปาร์คพารากอนคนเดียว... คนเดินผ่านไปมา
ทั้งที่แดดร้อนเปรี้ยง แต่พี่ก็รู้สึกหนาว... ไม่เอาแล้ว...ไม่หายไปแบบนี้อีกนะ
ไม่ให้ไปแล้วนะ”ร่างเล็กเอ่ยฟ้องฉอดๆพร้อมกับน้ำตาพาลจะไหลอีกรอบ
โดยที่อีกคนก็โอบกอดเอาไว้พลางลูบหลังและเอนตัวไปมาเบาๆ
“ไม่ร้องนะครับ...เจอผมแล้วพี่เอาแต่ร้องไห้ผมเสียใจนะเนี่ย”
เสียงสูดลมหายใจแรงๆดังขึ้น
และใบหน้าหวานนั้นก็ผละมามองหน้าอีกฝ่ายพลางแตะนิ้วกับข้างแก้มพลันลูบเบาๆ “แล้วคุณชุนมาที่นี่...”
“มาพักน่ะครับ ผมเหลืออีกปีนึงก็จบเอกแล้ว
เป็นด็อกเตอร์ชุนแล้วนะ”
“งั้นต้องกลับไปอีกเหรอครับ...”ลวินท์กล่าวเบาๆก่อนจะถูกขยี้ศีรษะไปมา
“ไม่กลับก็ไม่จบสิครับ...”ใบหน้าคมวาดรอยยิ้มมาให้พลันเอ่ยถามขึ้นมา
“พี่หิวรึเปล่า แต่ห้องครัวปิดแล้วนะครับ เห็นพี่อี้ว่าต้องออกไปกินข้างนอก”
“ไม่หิวเลยครับ..มัน...ตื้อไปหมด”
“จริงสิ มีนมกล่องอยู่
พี่อี้เอามาให้เมื่อหัวค่ำน่ะ”ร่างสูงขยับกายขึ้นไปเปิดตู้เย็นเล็กก่อนจะเจาะหลอดแตะริมฝีปากเล็กๆที่ขยับถาม
“เอ่อ...กี่โมงแล้วครับ”
“สามทุ่มแล้วครับ”
“คุณพระ”ลวินท์อุทานแผ่ว พลันดูดน้ำนมในกล่องแต่โดยดี
นมเปรี้ยวรสผลไม้รวมกล่องสีเขียวนั้นเป็นเหมือนเครื่องดื่มประจำตัวที่มาแทนน้ำเต้าหู้ไปเสียแล้ว
เพราะตั้งแต่ฟื้นมาก็ต้องดื่มทุกเช้าจนติดไปโดยปริยาย
นิ้วยาวขยับหลอดลงจนเห็นคราบน้ำนมจางๆค้างที่ริมฝีปากน้อยๆนั้น
เขาวางกล่องนมกับโต๊ะพร้อมกับขยับหัวแม่มือหวังจะเช็ดให้
แต่สุดท้ายกลับทำได้แค่เลื่อนมันแตะลงกับพวงแก้มและใช้ริมฝีปากกดจูบอย่างนุ่มนวล
เบาบาง ระมัดระวังราวกับควบคุมความรู้สึก ลวินท์หลับตาลงจนเห็นแพขนตายาวๆโผล่พ้นขอบตา
รสจุมพิตนุ่มนวลราวกับน้ำค้างตกลงบนใบไม้ และน่าประหวั่นเมื่อสัมผัสเพียงครั้งก็ไม่สามารถถอนถอยออกไปได้
ทุกอย่างนิ่งค้างจนไม่รู้ว่าควรจะรอคอยต่อไปดีหรือไม่ สุดท้าย
กลีบปากเล็กก็ขยับแยกให้อีกคนเชยชิมอย่างไม่คิดหวงแหน
มือของลวินท์ขยับเลื่อนก่อนจะขยุ้มเสื้อยืดของอีกฝ่ายไว้
เสียงลมหายใจกอบเข้าเพียงเฮือกสั้นๆก่อนจะถูกฉุดลงไปกับสัมผัสจูบราวกับท้องทะเลยามราตรีที่เผอเรอเพียงเสี้ยววินาทีก็อาจถูกฉุดให้ด่ำดิ่งลงไป
ทุกอย่างไหวสั่นโดยเฉพาะความรู้สึก จากที่เนิบช้าระแวดระวังก็เริ่มเร่งร้อน
เสื้อแขนยาวสีเทาของลวินท์ถูกดึงออกเหวี่ยงลงไปสักที่ไม่ใกล้ไม่ไกล
ผิวละเอียดเปลือยเปล่าถูกสัมผัสไล้อย่างคะนึงหา ฝ่ามือของเขาสัมผัสไปทั่วตามเนื้อตัวของคนรักอย่างสะเปะสะปะ
คิ้วขมวดเล็กน้อยเมื่อรู้สึกเหมือนถูกดูดแรงๆที่ลำคอ ลมหายใจของเขาแรงขึ้น...
แรงขึ้น... ราวกับจะหายใจต่อไปไม่ได้อีก
ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เขาอยู่บนผืนเตียงด้วยสภาพแรกเกิด
ความร้อนที่สองพวงแก้มยังคงไว้ซึ่งความหวามไหว
ยังเป็นตัวเขาที่ปล่อยกายให้อีกฝ่ายราวกับไม่มีราคา
แม้อีกคนจะกระซิบบอกว่ามันช่างมากค่าเหลือเกิน ความรู้สึกเติมเต็มเมื่อริมฝีปากอีกคนล่วงล้ำเข้าที่ส่วนตัว
เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่ซึมออกมาจากร่างกายและถูกเก็บกลืนไปหลายต่อหลายครั้ง
เสียงที่พยายามควบคุมในลำคอเหมือนกับเสียสมดุล จนรู้สึกตัวอีกครั้งคือรู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งแปลกปลอมที่ชำแรกเข้าหา
ขาของเขาคาค้างที่ต้นแขนแข็งแรงนั่น รสจูบแนบแน่นปลอบประโลมเมื่อสัมผัสขยับเข้าชิด
ลวินท์ส่งเสียงเฮือกเบาๆเมื่อมีการขยับไหว เรี่ยวแรงที่มีเหมือนสูญสิ้นไปหมด
ทุกอย่างโคลงเคลงขยับไหวไม่อยู่นิ่ง เขาได้แต่ยื่นมือไปแตะใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มที่กำลังโน้มใบหน้าเข้ามาหา
ลวินท์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองส่งเสียงอะไรออกไป
แม้จะรับรู้ได้ว่ากำลังถูกกอบกุมมือกดจมลงกับที่นอน
เขาไม่รู้แม้กระทั่งสีหน้าของเขาในตอนนี้
มันอาจน่าอายพอๆกับตอนที่รู้ว่าตัวเขากำลังปรารถนาในตัวผู้ชายคนนี้อย่างถึงที่สุด
แม้จะรู้สึกถึงกี่ครั้งก็ราวกับคนที่กินข้าวไม่อิ่ม แม้จะเจ็บปวดจนน้ำตาไหลพรูแต่เขากลับรู้สึกต้องการอีก...และมันน่าอายที่เขรู้ว่าตัวเขาต้องการอีก
ลมหายใจยังติดขัดและรุนแรงแม้จะถูกพลิกหันให้หันหลัง
สัมผัสจูบที่แผ่นหลังราวตรีตรานั้นเขาไม่สามารถบอกได้ว่าชอบหรือไม่ชอบ
เขาบอกไม่ถูก เขาได้แต่ขยับไปจับมือและรู้สึกว่านิ้วยาวนั้นเกี่ยวตอบกับมา
มันเต็มไปด้วยความโหยหา...เรียกร้อง...วิงวอนอย่างไม่มีจุดพอใจ...
เขาได้ยินเพียงคำกระซิบรักเบาๆที่ริมหูก่อนจะก้าวเข้าสู่นิทรารมย์ไปอีกคราหนึ่ง
บางครั้งลวินท์ก็อดคิดไม่ได้ว่าเขากำลังฝันอยู่
แต่แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขามันยิ่งกว่านิยาย... มันอาจเป็นเรื่องธรรมดาสามัญกับความรักในวัยเด็กที่กลับมาเจอกันอีกครั้งและอยู่ด้วยกัน
แต่เขารู้ว่ากับคุณชุนเขารู้สึกมากกว่านั้น..
ตั้งแต่นิยามความรู้สึกไม่ถูกจนกลายเป็นคำว่ารักอย่างเต็มปากเต็มคำ
และเหนือคำว่ารักไปอีกอย่างไม่รู้จะเรียกมันว่าสิ่งใด
เขารู้สึกตัวตื่นอีกครั้งตอนตีห้า
และพบว่าตนเองแต่งกายเรียบร้อยซึ่งน่าจะเป็นฝีมือของคนที่นอนกอดอยู่ข้างๆ แม้จะรู้สึกแสบๆอยู่แต่ก็ไม่ถึงกับใช้ชีวิตไม่ได้
มันอาจเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยมาก่อนแม้จะห่างหายไปสามปี
คุณชุนของเขายังเป็นผู้ชายความรู้สึกไวเหมือนเดิม
แค่จูบกระหม่อมเบาๆก็ขยับตัวลืมตาตื่น
พวกเขามองหน้ากันและไม่ได้กล่าวอะไรไปมากกว่าแนบจูบเป็นคำทักทายตอนเช้าเหมือนที่เคยทำ
เข้าช่วงฟ้าสาง
ชั้นล่างของโรงแรมเริ่มเปิดวิทยุและมีเสียงการใช้ชีวิตที่เริ่มต้น
ตอนนี้เพื่อนของเขาคงยังไม่ตื่น แต่ก็ไม่เป็นไร.. ลวินท์สวมเสื้อคลุมทับชุดตนเอง
เดินตามชายหนุ่มร่างสูงย่างลงชายหาด ในเวลานี้หาดราวกับหาดร้าง
แต่ตัวเขายังคงชอบช่วงฟ้าสางแบบนี้เสมอ เป็นเวลาที่ไม่พลุกพล่าน ลวินท์ชอบที่จะมองเห็นการเริ่มต้นใช้ชีวิตในวันใหม่ของคนอื่นๆ
พ่อค้าแม่ค้าเริ่มมาขายของ นกบินออกจากรัง รถราและเครื่องจักรที่เริ่มทำงาน
อาจเพราะเขาอาศัยอยู่ที่เยาวราช...เมืองแห่งการค้ามาครึ่งชีวิตก็เป็นได้
“พ่อกับแม่พี่จะโมโหผมมั้ยครับ..ถ้าผมโผล่ไปหาพวกท่าน”น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามขึ้นอย่างบางเบาในขณะที่ลวินท์ก็ขยับยิ้มเล็กน้อย
“นี่แน่ะคุณชุน...พี่ไม่ได้เล่าเรื่องที่บ้าน”
“?”
“ลูกชายน้าบัว น้องบี้เรียนช่างกับเพื่อน
ข้างบ้านเลยขยายทำอู่ให้น้อง พี่ทำบัญชีให้ที่บ้านอยู่
พี่มาเที่ยวนี่น้าบัวก็เป็นคนทำแทนให้ ไปได้ดีเลยล่ะ”
“...”คิ้วได้รูปขยับย่น “แปลว่ามีเด็กหนุ่มๆเต็มบ้านเลยน่ะสิครับ...ผมเกือบมาไม่ทันแล้วไงล่ะ”
“ไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อยคุณชุนนี่ก็”เอ่ยเอ็ดเบาๆกับใบหน้าคมที่ถมึงทึงเป็นเด็กขี้หวงไม่ว่าจะช่วงเวลาใด
“บวชเรียนมาแล้วนะครับ ไหนจะใจเย็นไง”
“คืนพระอาจารย์ท่านไปหมดแล้วครับ”
“เป็นอย่างนั้นไปอีก”แค่นหัวเราะให้กับคนขี้หึงไปเบาๆ
“ถ้าหวงพี่แล้วหายไปสามปีเลยเนี่ยนะ ดีไม่ตกล่องปล่องชิ้นกับพี่ป๋อไปเสียก่อน
เขาเล่นมาโอ๋พี่ทุกวันจนพ่อถามว่าจะคบกันเลยไหม”
“ผมโป้งคุณพ่อแล้ว”สีหน้างอนไม่จริงจังนักของคุณชุนทำให้ลวินท์หัวเราะเบาๆออกมา
“พี่คิดถึงไข่ต้ม คิดถึงบ้านสาทร
คิดถึงอะไรหลายๆอย่างที่เคยทำหายไป พี่เคยคิดนะครับ... ว่าจากนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรอีก
ถ้าคุณชุนกลับมาหาพี่อีกครั้ง พี่จะเก็บช่วงเวลาของเราให้นานที่สุด
และรักษามันให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
ใบหน้าคมคายครึ่งตะวันตกวาดยิ้มบางเบาราวกับลมทะเลที่กำลังสงบนิ่ง...
“คุณชุนยังอยากได้คำตอบ...ที่ถามพี่ไว้ในกระทู้รึเปล่าครับ”
ดวงตาคมตอนนี้เจือไปด้วยแววหวาน
มองใบหน้าของลวินท์ ผู้มีเชื่อเล่นว่ากวาง แต่ทุกคนก็ชอบเรียกว่าหมวย
เขาไม่รู้ว่าทำไมทุกคนถึงชอบเรียกว่าหมวย
แต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็เอาแต่เรียกอีกฝ่ายแบบนั้น ใบหน้าเล็กหวานหยด
ดวงตากลมโตขนตาเป็นแพยาว จมูกโด่งเล็ก ริมฝีปากน้อย เครื่องหน้านิดๆหน่อยกับตัวเล็กๆที่น่าทะนุถนอม
แต่กลับแบกรับความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดได้ดีกว่าชายอกสามศอกร่างใหญ่โตบางคน
สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆตากลมๆที่ต่อสู้กับเรื่องราวหลายอย่างทั้งรอยยิ้มและน้ำตา
ที่เขาหลงรักเหลือเกินคงจะเป็นสิ่งนี้
สิ่งเล็กๆน้อยๆที่ประกอบตัวกันเป็นลวินท์...หรือพี่หมวยของเขา
และจะเป็นของเขาคนเดียว
ทันทีที่ศีรษะของชายหนุ่มผงกช้าๆ
กลีบปากเล็กๆก็เอื้อนเอ่ยวาจาออกมาบางเบา...
“พี่อยากแต่งงานกับคุณชุนครับ”
“...”
“เพราะคุณชุน...เป็นคนๆเดียวที่พี่จะรัก”
แม้จะเที่ยวไม่ครบช่วงเวลาที่ตั้งใจ
เพียงแค่สามสี่คืนลวินท์ก็ต้องกลับเพราะมีเรื่องต้องจัดการหลายอย่าง
และเพื่อนรักอย่างอี้เองก็เข้าใจดี เพียงแค่เพื่อนมีความสุขตามทางของตนเองนั้น ต่างคนต่างเคารพการตัดสินใจของกันและกันเสมอ
เขาไม่ได้บอกที่บ้านว่าเจอคุณชุนที่นี่ และคุณชุนก็ไม่ได้พูดถึงพวกกลุ่มญาติผู้ใหญ่ที่คอยจ้องจะว่าอะไรอีก
อีกฝ่ายกล่าวเพียงว่าถ้าหญิงยายเข้าใจสิ่งที่เขาจะทำ คำพูดคนที่เหลือก็ทำอะไรไม่ได้
และในตอนนี้หญิงยายเข้าใจสิ่งที่คุณชุนทำแล้ว
“ไว้คราวหน้ามาอีกนะ อย่าลืมล่ะ”เจ๊โจมองทั้งสองคนก่อนจะส่งเสียงฮึ
“มีคู่แล้ว มาคราวหน้าเก็บเงินแล้วนะยะ”
“ขอบคุณนะครับพี่โจ”
“เจ๊ชื่อโจมี่ เรียกเต็มๆหน่อย อย่าไปตามอี้มันนัก”สาวสวยกอดอกหน้าบูดใส่
ได้ข่าวจากอี้มาว่าที่เจ๊โจแกงอนเพราะกลับก่อนกำหนด อุตส่าห์เตรียมทริปไว้ให้
ซึ่งลวินท์ก็ได้แต่เอ่ยขอโทษพร้อมกับสัญญาว่าจะมาเที่ยวใหม่อีกครั้ง แม้จะถูกงอน..แต่ของฝากที่เจ้าบ้านจัดมาให้นั้นบ่งบอกถึงใจอันกว้างขวาง
และลวินท์คิดว่าหากกลับบ้านที่เยาวราชต้องส่งของมาตอบแทนเสียหน่อย
คนดีๆผ่านเข้ามาในชีวิตไม่บ่อยนัก และมันคงจะดีหากรักษากันและกันเอาไว้
“พี่หมวย แม่ถามว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า
บังคับด้วยว่าต้องมาค้างสามวัน”คุณชุนกล่าวขึ้นหลังจากซื้อตั๋วและรอขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ
โดยที่ร่างเล็กก็โคลงศีรษะ
“เจ้าสัวหาอะไรได้พี่ก็กินอันนั้นแหล่ะครับ”
“แม่ชอบพี่ก็แบบนี้ พี่กินง่าย
เวลาแม่ไปทานข้าวกับสาวๆเห็นทานกันนิดเดียว บางทีก็กินแต่ผักกับอาหารนก”ลวินท์ขมวดคิ้วนิดหน่อยเมื่องุนงงว่าคนอะไรกินอาหารนก
ก่อนจะเข้าใจในเวลาต่อมาว่ามันคือพวกธัญพืชของคนที่ตั้งตนว่ารักสุขภาพ คงเพราะคุณชุนถูกเลี้ยงมากับกับข้าวกับปลาแบบเต็มที่
ถึงได้ไม่ชอบพวกธัญพืช เขาคิดแบบนั้น
“งั้นวันนี้ไปนอนที่บ้านพี่ก่อนนะ
พ่อกับแม่พี่ต้องตกใจมากแน่ๆ”
“ได้สิครับ...ไว้ยังไงเดี๋ยวแวะไปคอนโดด้วย
ไว้ไปที่ห้องด้วยกันนะครับ”
“ได้ครับ”ต่างคนต่างพูดมีหางเสียงต่อกันอย่างสุภาพราวกับหลุดมาจากนิยาย
แต่หากรู้ถึงความสัมพันธ์อันเคยปากและพื้นฐานการเลี้ยงดูก่อนหน้า
การที่เขาสองคนพูดแบบนี้ต่อกันนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรนัก
จนกระทั่งขึ้นเครื่อง ลวินท์ก็เตรียมยาแก้เมาพร้อมกับคนข้างกายที่เอ่ยขอน้ำจากแอร์โฮสเตส
“คุณชุน”
“ครับ?”
“คุณชุนไม่ได้ตอบพี่เลย..คุณชุนจะกลับไปอีกเมื่อไหร่
อีกปีนึงเชียวหรือกว่าจะกลับมา”ใบหน้าหวานนั้นง้ำลงเล็กน้อย “พี่ไม่อยากห่างอีกแล้ว
สามปีมันมากพอเกินไปแล้ว”
“...”
“แต่ถ้าต้องไปจริงๆ...พี่ก็คงต้องรอใช่ไหม”
“ผมมาอยู่ที่นี่หนึ่งเดือนครับ”ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ซึ่งมันก็มากพอสำหรับทำวีซ่าไปแคนาดานะ”
“?”
“หากจัดงานเล็กๆที่นี่...แล้วไปจดทะเบียนที่นั่น
พวกเราทำได้ อาจะต้องวิ่งเต้นกันนิดหน่อย แต่ผมคิดว่าพ่อคงอยากวิ่งให้ใจจะขาดเลยล่ะ”ใบหน้าคมคายขยับแย้มยิ้มออกมาทันทีที่ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ
“เมื่อกี้ผมก็เริ่มคุยเรื่องงานกับพ่ออีกครั้งด้วย ถ้าทางบ้านพี่โอเค
อีกสักอาทิตย์ก็จัดงานได้เลย”
“เอ๋..เดี๋ยวครับ..สามสี่วันเหรอ..พี่ว่า”เจ้าตัวขยับริมฝีปากไปมาอย่างสับสน
ใบหน้าตื่นๆนั้นทำเอาอีกคนยิ่งแย้มยิ้มอย่างขำขันพลันกุมมืออีกคนไว้
“พี่ตกลงกับผมแล้วนี่ครับว่าจะแต่ง”
“แต่มัน..เร็วไปมากเลยครับ...”
“ผมรอไม่ไหวแล้วครับ...เหมือนที่ผมเคยพูดเมื่อนานมาแล้ว
ว่านาทีเดียวผมก็รอไม่ไหว”หัวแม่มือของชายหนุ่มลูบไปบนนิ้วนางข้างซ้ายของลวินท์ที่มีโบว์ผ้าสีแดงผูกไว้อยู่
“แหวนมันต้องการอยู่กับเจ้าของที่ถูกต้องแล้วล่ะครับ ไม่สงสารมันเหรอ?”
“...”เจ้าตัวได้แต่อ้าปากค้างก่อนจะทำตาปริบๆ
ทั้งที่ตอนเด็กคอยสอน คอยปกป้องดูแลแต่ในตอนนี้เหมือนการตัดสินใจทุกอย่างกลับมาสู่คุณชุน
เจ้านายทั้งที่ทำงานและชีวิตจริง คนสองคนยังพูดคุยเรื่องราวต่อไปเรื่อยๆราวไม่รู้จบ
บนเครื่องบินโดยสารที่ทะยานขึ้นฟ้ากลับสู่กรุงเทพมหานคร นิ้วนางข้างซ้ายของพวกเขาทั้งสองคนยังผูกไว้ด้วยริบบิ้นผ้าสีแดงและมันกำลังจะถูกเปลี่ยนเป็นแหวนในไม่ช้า...
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทำอะไรหลายๆอย่างแบบคู่รัก...
แต่พวกเขายินดีมากกว่าที่จะดูแลกันแบบธรรมดา..ในฐานะคู่ชีวิต
ในห้วงความคิดหนึ่งได้ย้อนไปยังภาพของเด็กชายสองคนที่แม้จะแต่งตัวต่างกัน
เด็กชายคนหนึ่งสวมชุดนักเรียนกางเกงนักเรียนสีกากีรองเท้าผ้าใบสีน้ำตาลแก่
ผมตัดรองทรงสั้นเดินถือกระเป๋านักเรียนสีดำไปตามถนนย่านห้องแถว
โดยข้างกันเป็นเด็กชายที่ผมยาวกว่า
สวมชุดนักเรียนปกกะลาสีลายสก็อตและกางเกงลายเดียวกัน เจ้าตัวสะพายเป้ลายสก็อตปักตราโรงเรียน
รองเท้าผ้าใบสีดำนั้นเปรอะเปื้อนฝุ่นเล็กน้อย สองแขนผอมๆนั้นโอบกอดลูกฟุตบอลตามอีกคนต้อยๆจนสายตาเหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งระหว่างสองข้างทาง
“พี่หมวยๆ ไอ้นั่นเรียกอะไรอะ”เอ่ยถามเด็กชายหัวเกรียนที่เหลียวหน้าไปมองสิ่งที่เป็นคำถามก่อนที่คำตอบจะสะท้อนกลับมา
“หน้ากากแป๊ะยิ้มไง เหมือนแกอะ
เวลาแกยิ้ม”
“มันดีมั้ยอะ”เอียงหน้าถามอย่างใคร่รู้จนอีกฝ่ายจิปากเล็กน้อย
“แกยิ้มแกมีความสุขป้ะล่ะ
ถ้ามีความสุขก็ดี”
“อยู่กะพี่หมวยแล้วมีความสุขนะ”เจ้าตัวตอบพลันส่งยิ้มแฉ่งออกมาจนอีกคนได้แต่มองอย่างเหวอๆแล้วเกาหัวเกรียนๆของตนเองแก้เขิน
เด็กชายสุหฤทธิ์ยิ้มจนเห็นเขี้ยวเมื่อ‘พี่หมวย’ของเขาตอบเสียงห้วนๆกลับมา
“หน้าแกเลยเหมือนแป๊ะยิ้มไง”เมื่อเหล่มองแล้วพบว่ามีรอยยิ้มเผล่รอคอย
บรรยากาศก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ
ทั้งคู่ยังคงเดินต่อไปบนถนนสายยาวในย่านห้องแถวแห่งหนึ่งของเยาวราช พร้อมกับคำมั่นสัญญาของเด็กชายกางเกงลายสก็อตที่มีต่อคนข้างกายอย่างไม่คิดจะลืมเลือน
‘ถ้าชุนโตขึ้น...ชุนจะทำให้พี่หมวยมีความสุขที่สุดในโลกให้ได้ครับ...รอชุนนะ’
END.
:D
แท็ก #คุณชุนพี่หมวย จ้า
ขอบคุณที่ติดตามรับชมต้ะ
เหลือบันทึกของคุณชุนอีกสามตอน อย่าเพิ่งไปไหนหนา
เดี๋ยวไปสั่งลา(?) กันตอนนั้น 5555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น