วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หมวย (Sehun x Luhan) (15)










Title: หมวย (15)
Image: SEHUN x LUHAN
Author: RUNAWAY05
  Note:พร้อมนะ...?


เราเคยบอกคุณชุนอยู่ครั้งหนึ่งว่า.. “ชีวิตที่ไม่มีปัญหา...มันไม่ใช่ชีวิต”
จนในวันนั้นปัญหาที่ว่าก็เดินทางมาถึง...




ในวันนั้นคุณชุนมีธุระอยู่ที่โกดัง แกให้เรารอที่ห้องเหมือนเดิม เราทำงานไปเรื่อยๆ โดยคิดไว้ว่าตอนเที่ยงๆคงไปกินข้าวกับน้องมินและน้องจอยเหมือนเดิม สักพักเรารู้สึกเหมือนว่ามีคนมาหา ปรากฏว่าเป็นคุณริณเดินมาพร้อมกับกระดาษจำนวนหนึ่งในมือ ไม่ทันที่เราจะได้ถามอะไร คุณริณก็ฟาดกระดาษโยนใส่หน้าเราพร้อมกับส่งเสียงวีนออกมาทันที

“หน้าด้าน!!

“...”เรานิ่งอึ้งไป นั่งนิ่งไม่ทันจะได้พูดอะไร เสียงคุณริณคงทำให้คนอื่นๆเริ่มกรูเข้ามามุงที่ห้องคุณชุน เราตั้งสติสักพักจึงได้ถามคุณริณเธอไปเบาๆ “มีอะไรเหรอครับ?”

“ยังจะกล้าถามอีกเหรอ! หน้าด้าน!! คนหน้าด้านอย่างแกน่ะไม่มีวันจะแย่งพี่ชุนไปจากฉันได้หรอก! หึ! ฉันก็ว่าแล้วมันทะแม่งๆ มีเมียแล้วงั้นเหรอ? ใครเมีย ไหนเอาออกมาดูซิ!! แล้วกล้าดียังไงไปนอนกับพี่ชุนที่คอนโด คนหน้าไม่อาย! พวกอีแอบ!! พวกวิปริต!!

“...”เราหน้าชา ก่อนจะโดนคุณริณจิกเสื้อลากออกมาจากเก้าอี้จนรู้สึกเจ็บ “โอ๊ะ! คุณริณ! นี่มันไม่ใช่ละครน้ำเน่านะครับ ผมไม่อยากทำคุณ!

“ทำไม! ทีลักกินขโมยกินยังทำได้ แค่นี้อายเหรอ?! ให้ชาวบ้านรู้นี่มันอายเหรอ? ว่าแกน่ะแย่งของชาวบ้าน! ใครที่ไหนก็รู้ว่าเขาเป็นของฉัน!!”คุณริณยังร้องเกรี้ยวกราดไม่หยุด เราส่ายหน้าพร้อมกับพยายามปัดป้อง เราไม่อยากทำอะไรรุนแรงกับเจ้านายที่เป็นผู้หญิง แต่แล้วคุณริณก็ลอยหวือลงไปนั่งจ้ำเบ้ากับพื้นอ้าปากค้าง ก่อนที่พี่ป๋อจะมายืนขวางไว้

“แหกปากโวยวายเป็นแม่ค้าในตลาดเลยนะคุณ! ทำตัวเป็นนางร้ายในละครไปได้!

“ไอ้..แกเป็นใคร...กล้าดียังไงมาทำฉัน!

“พี่หมวยออกไปกันเถอะค่ะ”น้องมินวิ่งมาดึงเราออกไปจากห้อง เราแสบหน้านิดหน่อยคงเป็นเล็บของคุณริณข่วนเข้าให้ น้องมินพาเรามาระเบียงตึกชั้นบนของออฟฟิศ ก่อนจะกอดเราเอาไว้ “พี่หมวย..หนูขอโทษ หนูไม่น่าเล่าให้ยายจอยฟังเลย”

“หืม?”

“ก็ยายจอยมาถามว่าพี่กับคุณชุนเป็นอะไรกัน...หนูไม่รู้ว่านางไปตีสนิทกับพวกเจ๊หยองที่เอาใจคุณริณอยู่...ก็เลย...”น้องมินก้มหน้าลง เราถึงได้เข้าใจ เราลูบไหล่น้องก่อนจะสั่นหน้าไปเบาเบา

“ช่างมันเถอะ...รู้ก็รู้ไปแล้ว อย่าโทษตัวเองเลย เขาไม่ซื่อสัตย์กับเรา”

“ค่ะ...”

“หมวย!”พี่ป๋อวิ่งไล่ตามมาพอดิบพอดี น้องมินเลยหันมาพูดกับเราอีกรอบ

“เดี๋ยวหนูไปหายามาให้พี่นะ รอตรงนี้ก่อนนะคะ”

“อื้ม อย่าคิดมาก”เราปลอบน้องที่เดินเลียบออกไป โดยพี่ที่ป๋อก็ปราดเข้ามาดูอาการเราหน้าตาตื่น

“หมวย เจ็บตรงไหนมั้ย? ไปโรงพยาบาลรึเปล่า”

“ไม่หรอกครับ คุณริณตัวนิดเดียว อย่างมากก็เล็บข่วน”

“พี่บอกแล้วใช่มั้ย?”พี่ป๋อว่าขึ้น เรามองแกอยู่วูบหนึ่งจึงได้หลบตาแกไปเสีย “พี่ไม่อยากจี้ใจดำหมวยนะ... แต่หมวยก็น่าจะรู้ว่าความจริงคืออะไร ผู้หญิงคนนั้นไม่หยุดกับหมวยแค่นี้แน่”

“ผม...ผมรู้ว่าพี่หวังดี แต่ผมยังไม่อยากได้มันตอนนี้”

“หมวย...”

“ขอโทษนะครับ”เราขยับตัวจะเดินออกไปตามน้องมิน แต่พี่ป๋อแกกระชากเรากลับไปหา เราอึ้งไปนิดหนึ่งก่อนจะรู้สึกว่าหน้าของพี่ป๋อโน้มเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว อย่าจะรู้ว่าถูกจูบเราก็ตัวแข็งทื่อไปหมด มันไม่ใช่เรื่อง เราดันแกออกก่อนที่แกจะสะบัดหน้าออกไป คุณชุนมาจากไหนไม่รู้ แกเข้าต่อยพี่ป๋อซัดกันอยู่อย่างนั้น เสียงเอะอะทำเอาพวกไทยมุงวิ่งขึ้นมา เราก็ได้แต่ดึงคุณชุนไว้ไม่ให้ทำอะไรรุนแรงไปกว่านี้

“คุณชุน พอแล้วครับ!

“พี่อย่าห้ามผม! ผมจะเหยียบปากมัน! กล้าดียังไงมาจูบพี่!

“คุณชุน!”เราร้องปรามแกแต่ก็โดนผลักออกมา ซึ่งคนผลักนั้นก็คือคุณริณนั่นเอง คุณริณกอดแขนคุณชุนเอาไว้แน่น เราจึงได้แต่ลงไปประคองพี่ป๋อที่ยันตัวขึ้นเช็ดเลือดมุมปาก

“พวกชอบขุดทองก็สมควรจะอยู่ด้วยกันแล้ว ไม่ต้องมายุ่งกับพี่ชุนของฉัน!!

“พี่หมวย!”น้องมินเพิ่งวิ่งมาถึงก็ร้องเรียกเรา ทุกอย่างนิ่งไปหมด คุณชุนมองเราด้วยสายตาที่เดาไม่ออกนัก จู่ๆแกก็สะบัดคุณริณออกแล้วปรี่มาลากข้อมือเราให้ไปด้วยกัน เราก็ได้แต่ตามคุณชุนไปเพราะตอนนี้แกน่ากลัวจริงๆ เราได้แต่หันไปมองพี่ป๋อแล้วพบว่าน้องมินเข้าไปดูอาการ จึงได้ใจชื้นขึ้นมาหน่อย เลยมีเวลากลับมาสงสารตัวเองเพราะโดนคุณชุนบีบแขนจนเจ็บเหลือเกิน คุณชุนพากลับเข้ามาในห้อง แกปิดประตูแล้วหันมาถามเรา

“ไหนว่าเราจะไม่ยุ่งกับคนๆนี้แล้วไงครับ”

“...”

“พี่รู้มั้ยมีคนมาบอกผมว่าพี่คุยกับเขาตามระเบียง บันไดออฟฟิศ ผมก็ไม่เชื่อ... เพราะผมเชื่อใจพี่ แต่สิ่งที่ผมเห็นนี่อะไรเหรอ? ไม่มีผมพี่อยู่ได้แล้วใช่มั้ย?”

“ไม่ใช่นะครับ...”

“ไม่ใช่คือ? พี่ไม่ได้คุยกับเขาใช่มั้ย? ถ้าพี่บอกว่าไม่ได้คุยผมก็จะเชื่อพี่”เรามองมือตัวเองที่คุณชุนบีบเอาไว้แน่น ตัวเราสั่นไปหมด เราพยายามจะไม่ร้องไห้ แต่การโกหกแกก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เราจึงได้แต่พยักหน้าไปเบาๆ

“คุยครับ”

“...”

“แต่เราคุยกันเรื่องงานนะ...เรื่องที่ทำงาน พี่ไม่มีเจ๊จุ๋มไม่รู้จะคุยกับใคร บางทีน้องมาปรึกษา...”

“แล้วพี่จะมีผมไว้ทำไม”คุณชุนย้อนเรียบๆแต่ทำเราสะอึก “สรุปผมเป็นอะไรในสายตาพี่ครับ? ผมยังเป็นไอ้น้องติ๋มเหมือนเดิมเหรอ? ผมยังไม่ดีพอจะปกป้องพี่ได้เลยเหรอครับ...กับเกือบปีที่ผ่านมา เวลาพี่มีปัญหา ผมอยากฟัง เรื่องงี่เง่าอะไรผมก็อยากฟัง เพราะพี่เป็นคนสำคัญของผม แต่พี่กลับเห็นผมเป็นคนอื่น...แล้วให้ใครที่ไหนไม่รู้มาเป็นคนที่พี่วางใจงั้นเหรอ?”

“คุณชุนพี่ว่าพวกเรา...”

“พี่บอกว่าเราอย่าไปยุ่ง.. แต่พี่ก็ไปยุ่ง ผมขอว่าอย่าไปยุ่ง...แต่พี่ก็ไป เชื่อผมมันยากเหรอครับ?”คุณชุนสีหน้าโกรธจัด ตบท้ายด้วยถอนหายใจออกมาทำเอาเราขบริมฝีปาก “ผมถามพี่ประโยคเดียว...ซื่อสัตย์กับผมมันยากเหรอ?”

“พี่ไม่ได้ทำแบบนั้นนะ”เราแย้งแต่คุณชุนกลับส่ายหน้า เราคว้ามือของแกที่จับมือเราไว้ก่อน ทว่าสิ่งที่เราได้รับคือคุณชุนเลือกที่จะดึงมือของแกออกไปจากมือเรา.... คุณชุนเลือกที่จะปล่อยมือเราไปก่อน...เพียงเท่านั้นน้ำตาเราหยดเลยคุณ... มันแย่ยิ่งกว่าถอนหายใจเป็นสิบเท่า... คุณชุนบอกเราเองไม่ใช่หรือว่าไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเราอย่าปล่อยมือกัน แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้คืออะไร...

เราไม่ได้เรียกร้องนอกจากพยายามข่มเสียงของตัวเอง เก็บของใส่กระเป๋าแล้วเดินออกมาจากห้องเงียบๆ ภาพสุดท้ายก่อนประตูจะปิดลงคือคุณชุนหันหลังให้เรา...เราเดินผ่านพนักงานที่เหลือที่มองเราเป็นตาเดียว แต่เราไม่จ้องไปที่ใครสักคนนอกจากเร่งฝีเท้า เราอายสายตาคนอื่น...เราเจอเรื่องแย่มาพอแล้ว คำบางคำพ่อแม่ไม่เคยพูดกับเราด้วยซ้ำ... เรากลับมานอนที่หอ ไม่ได้ตอบคำถามของลุงป้าชุดหลากสีห้องเยื้องขวาที่ถามว่าเราอะไรหรือเปล่า เราขังตัวเองอยู่ในห้องเงียบๆ อาจจะดูเหมือนละครหรือมิวสิควิดิโอเพลง แต่พอมาเจอจริงๆมันไม่อยากจะคุยกับใคร มันหมดเรี่ยวแรงไปหมดเพียงเพราะถูกคนที่เราให้ไปทุกสิ่งทุกอย่างหันหลังใส่

ไม่รู้ว่าเราเอาแต่นอนร้องไห้จนหลับไปนานแค่ไหน... เราลืมตาขึ้นก็ค่ำ เราปิดเครื่องไว้เลยไม่มีสายใครเข้ามา เราขังตัวเองไว้กับห้องมืดๆอยู่อย่างนั้น เราแค่คิดถึงตัวเองก่อนหน้าที่ไม่มีคุณชุนเข้ามา... เราอยู่แบบไหน เราคิดอะไรหลายๆอย่างและเราก็สับสนเหลือเกิน และในความสับสนเหล่านั้นเรากลับจำได้ทุกอย่างตั้งแต่คุณชุนเกาะขาแม่เรากลับมาจากโรงเรียน คุณชุนบอกว่าเราคือความสุขของแก ตอนเราเจอกันอีกครั้ง ตอนเราไปพัทยา ตอนที่เราจูบกัน จนที่เรายอมให้เขาทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนกับความผิดหวังครั้งเดียวมันสามารถดึงเรื่องผิดหวังเล็กๆน้อยๆในใจเราออกมามากมายไปหมด เราจึงได้รู้อยู่อย่างคือเราไม่ได้ร้องไห้หนักๆนานมากแล้ว ร้องไห้แบบอยู่ลำพังไม่เหลือใคร เพราะยังไงซะต่อให้มีน้ำตาแค่ไหนก็จะมีคุณชุนอยู่ข้างๆเสมอ

หรือว่าเราควรจะเลิกเอาชีวิตเราไปฝากไว้กับคุณชุนเสียที...

“พี่หมวย!

“?!”เราสะดุ้งเมื่อเสียงเรียกและเสียงเคาะประตูดังขึ้น แต่เราไม่ได้ขานกลับ เราได้แต่พิงผนังนั่งคู้เข่าปิดปากตัวเองเอาไว้ในขณะที่เสียงเคาะประตูก็ยังดังลั่นติดต่อกันหลายๆครั้ง

“พี่หมวย!! ผมรู้นะพี่อยู่ที่นี่!... เรามาคุยกันดีๆเถอะครับ!

“....”คุยดีหรือ...คุยดีอะไร..ในเมื่อตัวเองทิ้งมือเราไปต่อหน้าต่อตา...

“พี่หมวย กลับห้องเราเถอะครับ โอเคชุนขอโทษที่พูดไม่ดีกับพี่ แต่เรากลับห้องกันเถอะนะ”คุณชุนอ้อนวอนเราอยู่หลายประโยค แต่มันเจ็บเหลือเกินคุณ... ภาพที่เขาหันหลังให้ยังติดตา คำพูดทิ่มแทงใจมันยังก้องในสมอง เราไม่ตอบแกอยู่พักใหญ่ๆ จนสุดท้ายคุณชุนจึงตามใจเราอีกครา “ถ้าพี่หายโกรธผมแล้ว... โทรหาผมนะ เราจะคุยกันใหม่ ผมจะไม่ใช้อารมณ์แล้ว”

“...”

“ฝันดีครับ”นั่นคือประโยคสุดท้ายของแกก่อนจะตามด้วยเสียงฝีเท้าจากไป เรานั่งร้องไห้อยู่คนเดียวพักใหญ่ เราทบทวนอะไรหลายๆอย่าง ทิฐิที่ก่อขึ้นมาก็ค้ำคอ เราเจ็บ... และเราก็อายมากกับวันแย่ๆวันนี้ เรานั่งกอดเข่าก่อนจะมองเห็นกำไลที่คุณนายลดาได้ซื้อไว้ให้เรา..เพียงเท่านั้น คำพูดที่แกฝากเอาไว้ก็เข้ามาในสมอง เราจึงได้เริ่มตั้งสติก่อนจะกระวีกระวาดคว้ามือถือมาเปิดเครื่องเพื่อโทรหาคุณชุน เราเม้มปากเมื่อเห็นทั้งข้อความและเบอร์ที่แจ้งพยายามติดต่อจากคุณชุนมากมายเช่นเดิม เราต่อสายหาแกแต่ก็ไม่มีคนรับ เราคิดว่าแกคงขับรถอยู่ จึงรอสักพักแล้วโทรอีกครั้ง...ทว่าก็ไม่มีใครรับสาย จนสุดท้ายก็มีสายของใครคนหนึ่งโทรเข้ามาหาเรา

พร้อมกับประโยคเดียวที่ทำให้เราเป็นบ้าไปได้แทบจะในทันที...

“ไอ้หมวย! กูบี๋เองนะ พี่หมอบอกว่าคุณชุนรถคว่ำ ถูกส่งตัวที่ไปโรงบาลเขา มึงรีบมาเลยนะ!!





ทุกอย่างมันรวดเร็วเหลือเกินภายในวันเดียวจนเราตั้งตัวไม่ติด...

เรายังจำเช้าวันนี้ก่อนที่พวกเราจะมาทำงานได้ เราตื่นตอนหกโมงสิบสองนาที คุณชุนนอนกอดเราไว้แม้เราจะนอนหันหลังให้แกก็ตาม เราบีบยาสีฟันเผื่อแกเอาไว้ พวกเราแปรงฟันพร้อมกัน เราออกมาทำข้าวเช้ากับกาแฟ และคุณชุนก็อาบน้ำแต่งตัวต่อ พวกเรากินข้าวพร้อมกันแล้วก็ออกมานอกห้อง เราเห็นปกเสื้อคุณชุนแกยับ..เราเลยยื่นมือไปจัด แล้วแกก็โน้มหน้ามาจูบแก้มเราเบาเบา แกพูดว่ารักเรา... และเราก็ส่งยิ้มให้

ตอนนี้เราได้แต่นั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉินกับไอ้บี๋ที่กอดเราไว้ พลางปลอบเราไปมา มันบอกว่ามีคนเมาขับฝ่าไฟแดงมาชนรถคุณชุนตรงสี่แยก และให้เราเชื่อใจหมอชรัณ เราก็ได้แต่พยักหน้าและโทษตัวเองว่าถ้าตอนนั้นเราเปิดประตูให้คุณชุนเข้ามาคงดี... อย่างน้อยถ้าเราไปด้วยกัน เราตายด้วยกันก็คงดี... แบบนี้มันแย่ยิ่งกว่าเราทะเลาะกันเสียอีก เราร้องไห้จนแขนขาเย็นไปหมด และไม่รู้ว่าจะมีอะไรแย่ไปมากกว่านี้อีกไหม

ไม่นานนักคนทางบ้านของคุณชุนก็มา คุณนายลดาสีหน้าไม่ดีนักโดยที่เจ้าสัวก็กอดคุณนายเอาไว้ พวกท่านไม่ได้โทษเราแม้ว่าเราจะเล่าไปแล้วว่าก่อนหน้าที่คุณชุนจะเกิดอุบัติเหตุคืออะไร มิหนำซ้ำเจ้าสัวยังปลอบเราที่เอาแต่ร้องไห้จนตัวสั่นเสียด้วยซ้ำ เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงมากนัก หนึ่งนาทีในการรอคอยนั้นช่างยาวนานเหลือเกิน แต่สุดท้ายมันก็สิ้นสุดเมื่อมีหมอคนหนึ่งเปิดประตูห้องฉุกเฉินออกมา

“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ”

เพียงเท่านั้นก็เหมือนยกเขาออกจากอก น้ำตาเราไม่หยุดไหลราวคนสำออย ในใจเรายังโทษตัวเองไม่หาย ลงท้ายเราก็มานอนห้องไอ้บี๋ที่เป็นหอพักแพทย์อย่างอ่อนแรง พอตื่นได้เราก็ตั้งหน้าตั้งตาไปหาคุณชุน ได้ความจากหมอชรัณมาว่าคุณชุนถูกกระแทกที่ช่วงอก มีเลือดออก ซี่โครงก็หักทิ่มปอด มีเศษกระจกบาดตามตัว แต่ก็ผ่าตัดไปแล้วและไม่ถึงกับห้ามเยี่ยมอะไร เราเข้าไปเยี่ยมคุณชุนที่ยังพักผ่อน สภาพของคุณชุนที่นอนไม่ได้สติบนเตียงคนไข้ทำเอาเราน้ำตาแทบไหล... มันเจ็บปวดเหลือเกินจริงๆ

“ยังหน้าด้านมาที่นี่อีกเหรอ หน้าด้านไปทั่วเลยนะ”

“...”เราหันไปมองก็เจอคุณริณที่จิกตามามองเรา แต่เราก็ได้แต่เม้มปากหลบสายตาอย่างไม่คิดจะขยับตัว

“เสนอหน้าอะไร! ไปได้แล้ว!! อย่ามาทำให้พี่ชุนตกต่ำไปมากกว่านี้!!

“ริณ..”เสียงปรามดังขึ้นพร้อมกับเจ้าสัวและคุณนายลดาเข้ามาที่ห้อง เรามองพวกท่านแล้วก็ก้มหน้ากลับไปที่เดิมจนได้ยินเสียงอ่อยๆของคุณริณดังขึ้นมา

“คุณอา...”

“ตาชุนกำลังเจ็บป่วย อย่าส่งเสียงดังรบกวนตาชุนดีกว่านะคะ”คุณนายแกเข้ามาดูอาการคุณชุนก่อนจะยกมือปิดปาก สีหน้าของแกเจ็บปวดจนเราสะท้อนในอกไปด้วย

“ยังจะยืนอยู่อีก!”คุณริณหันมาเอ็ดเราพร้อมกับเสียงเจ้าสัวสมคิดที่ดังขึ้นอีกครั้ง

“ให้หมวยดูแลชุนดีกว่า..หนูริณไปทำงานเถอะ นี่ก็สายมากแล้วนะ”

“คุณอาคะ..แต่...”

“ยังไงเจ้าหมวยก็ยังเป็นเลขาของชุนอยู่ และหมวยจะต้องดูแลชุนที่นี่ทุกวันจนกว่าชุนจะหายดี...ถ้าหนูอยากจะมาเยี่ยมค่อยแวะมา..แต่อย่าทิ้งงานมาดีกว่า เดี๋ยวคุณหญิงศันสนีย์แม่หนูจะไม่ชอบใจเอา”

“...ค่ะ”คุณริณกระแทกเสียงอย่างไม่เต็มใจนัก มิวายมาค้อนใส่เราครั้งหนก่อนจะไหว้เจ้าสัวกับคุณนายแล้วกระฟัดกระเฟียดออกไป ทันทีที่ประตูปิดลงเราจึงได้เอ่ยขึ้นมาเบาๆ

“ขอบคุณนะครับ...”

“ฉันรู้เรื่องที่ริณไปวุ่นวายที่ออฟฟิศแล้ว...แต่หมวยก็ใช้โอกาสไปแล้วครั้งหนึ่ง ฉันบอกแล้วนะ”คุณนายลดามองหน้าเราที่เผลอก้มหน้าลงอัตโนมัติ “เอาเถอะ...ยังไงซะก็ดูแลลูกฉันจนกว่าจะหายดีก็พอ เดี๋ยวฉันจะให้ย้ายตาชุนขึ้นไปชั้นบน มีอะไรติดขัดก็บอกฉัน”

“ครับ”

“ผลเสียจากการเอาแต่อารมณ์สู้กัน...หมวยเห็นแล้วใช่ไหม”

“ครับ...”เราเริ่มขอบตาร้อนขึ้นมาอีกรอบ จนได้ยินเสียงเจ้าสัวว่าขึ้น

“อย่าไปย้ำเด็กมันเลย...เรื่องรักไม่มีใครรู้ดีจนกว่าจะเจอเองหรอก ชุนเองก็เผด็จการไปตามนิสัย อย่าไปว่าอะไรหมวยเลย รักแค่ไหนคนเราความอดทนมันก็มีขีดจำกัด... จากนี้ก็ดูแลชุนให้หายดี เริ่มกันใหม่ จะได้ไม่ต้องเจ็บทั้งสองฝ่ายอีกนะ”

“ครับ..”ไหล่เราไหวขึ้นมา...เพราะสุดท้ายพวกท่านก็ยังเมตตาเราอยู่เสมอ แต่เราเหนื่อยเกินจะนั่งร้องไห้เป็นคนขี้แยเหมือนเมื่อวานแล้ว

เราปาดน้ำตา..ก่อนจะรับผ้าเย็นจากคุณนายลดามาเช็ดตัวให้คุณชุนอย่างบางเบา...


;w;

แท็ก #คุณชุนพี่หมวย จ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น