วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หมวย (Sehun x Luhan) (11)










Title: หมวย (10)
Image: SEHUN x LUHAN
Author: RUNAWAY05
Note: - อนึ่ง เนื้อหาในตอนนี้ได้มีการกล่าวอ้างถึงสกุลโอสถานนท์ ซึ่งเป็นสกุลพระราชทานเก่าแก่และมีชื่อเสียงที่ดีงาม ทางผู้บันทึกขออภัยหากมีข้อความใดที่ไม่เหมาะสม เพราะเป็นการกล่าวอ้างถึงเพื่ออรรถรสของเนื้อหาด้วยความเคารพ จึงใคร่ขออนุญาตผู้ใช้สกุลโอสถานนท์ทุกท่านมา ณ ที่นี้ -





หลังจากที่ไปชะอำคราวนั้น คุณชุนก็หวงเรามากขึ้นกว่าเดิมอีก ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนๆกันแต่เรารู้สึกถึงความใส่ใจของแกกับการใส่เสื้อผ้าของเรามากขึ้น ถ้าใส่แต่เสื้อยืดกับบ็อกเซอร์ห้ามออกไปข้างนอก ห้ามลงไปเซเว่น ห้ามเปิดประตูเวลามีอะไรมาส่งจนกว่าจะใส่กางเกงบอลทับอีกตัว จะลงไปเซเว่นใต้คอนโด ต้องเป็นกางเกงผ้าขายาวกับเสื้อคลุมทับอีกชั้นและแกต้องไปด้วย จะไปซื้อของ ไปตลาด ไปตัดผม เดินห้างยันตลาดนัดแกจะเริ่มโอบไหล่ หรือไม่ก็จูงมือ (แต่นั่นแกก็ทำของแกประจำอยู่แล้ว) พวกเราเริ่มมีอะไรกันบ่อยมากขึ้น จนบางอาทิตย์ก็นอนกกกันอยู่คอนโดไม่ได้กลับบ้าน จนบางทีเราก็รู้สึกกับพ่อกับแม่เหมือนกัน หากวันหยุดเราไม่ได้กลับบ้าน เราก็เอาช่วงเลิกงานนี่แหล่ะ ไปนอนที่บ้านเสียเลย คุณชุนก็เข้าใจ แกก็อาสาขับรถและซื้อข้าวซื้อของไปให้พ่อแม่ แม้จะไม่ได้บอกว่าเป็นอะไรก็ตาม

จนเราคบกันได้สิบเดือน...คุณชุนเลยเริ่มออกปากจะพาเราไปที่บ้านของแก...

เราจำได้ว่าคืนนั้นเรานอนแทบไม่หลับ แม้ว่าจะโดนคุณชายเธอจัดจนเกือบตีหนึ่งก็ตามที เราหัวหมุนไปหมด ไม่รู้จะเริ่มยังไง แต่งตัวแบบไหน เกรงว่าพ่อแม่คุณชุนจะไม่พอใจ เพราะเราเป็นผู้ชาย แน่นอนว่าไม่มีพ่อแม่ที่ไหนอยากให้ลูกตัวเองมีแฟนเป็นผู้ชายกันหรอก ขนาดกับที่บ้านเรายังไม่อยากจะบอกเลย

เท่าที่เราฟังคุณชุนแกพูดให้ฟัง คุณพ่อของคุณชุนหรือเจ้าสัวสมคิด ชื่อเดิมแกชื่อคริสโตเฟอร์ เป็นฝรั่งแคนาดาที่มาเที่ยวประเทศไทย มาหลงผัดไทยกับต้มยำกุ้งอยู่หลายปี พื้นเพก็เป็นคุณชายเมืองนอกมีมรดกอยู่กับตัว และชอบทัวร์แบบไปตายเอาดาบหน้าอยู่แล้ว (เราเลยรู้ว่าคุณชุนชอบไปเที่ยวแบบไม่วางแผนเพราะใคร) ส่วนคุณนายลดาเป็นสตรีที่ค่อนข้างหัวโบราณ ต้นตระกูลสืบเชื้อสายมาแต่สมัยเก่าก่อน นามสกุลที่คุณชุนใช้ก็เป็นนามสกุลพระราชทานมาตั้งแต่สมัยร.๖ เห็นว่าต้นสกุลมาจากลาวพวน ใครใช้นามสกุลนี้นับว่าเป็นเกียรติและเป็นที่นับหน้าถือตาในสังคมพอสมควร ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าคุณนายลดาเองเป็นลูกเจ้าแขนงไหนเหมือนกัน

ส่วนที่ว่าเจ้าสัวสมคิดมาเจอกับคุณนายลดาได้อย่างไรนั้น คุณชุนแกเล่าติดตลกว่าหญิงยายแกเล่าให้ฟังตั้งแต่ยังเล็ก (น่าจะสมัยเป็นน้องติ๋มเทอร์โบอยู่) ว่าเจ้าสัวสมคิดแกเป็นฝรั่งแบกเป้อยู่ตามถนน มาพบรักกับคุณนายลดาที่ตอนนั้นเป็นนักศึกษา คุยถามทางกันไปกันมาเจ้าสัวก็ตกหลุมรักคุณนายแก แต่เหมือนคุณนายลดาจะว่าไม่ชอบฝรั่งมังค่า ในตอนนั้นหญิงยายก็หมายมั่นจะให้คุยกับหนุ่มผู้ดีเป็นเชื้อเจ้าทางเหนือ เจ้าสัวรู้เรื่องก็จัดการรวบหัวรวบหางคุณนายลดาแกเสียอย่างนั้น คุณชุนแกว่าตอนนั้นหญิงยายบอกคุณนายลดาร้องไห้สามวันสามคืนไม่หยุด แกว่าไม่อยากได้ผัวเป็นคนเผือก ผมหงอกตาฟ้า หนวดเครารุงรัง ผมยาว มันไม่เหมือนคนอื่น ทั้งที่สมัยนั้นเขาชอบลูกครึ่งฝรั่งกันโครมๆ แต่อย่างไรก็ได้เสียกันแล้ว ก็เลยต้องแต่งงานกัน เจ้าสัวแกเลยเลิกแบกเป้เที่ยว โกนหนวดตัดผมเสียเรี่ยม เป็นเขยไทยหล่อเหลาจนหลายคนอิจฉา ยอมเปลี่ยนสัญชาติ เปลี่ยนชื่อโดยให้คุณนายแกเปลี่ยนให้ (คุณนายแกคงหมันไส้ผัว เลยให้ชื่อสมคิด) พอเห็นความตั้งอกตั้งใจและตั้งหน้าตั้งตาจะเป็นผัวคุณนายลดาแกให้ได้ แถมหนักเอาเบาสู้ ลงทุนกิจการหลายสิ่งหลายอย่าง คุณนายแกเลยใจอ่อนอยู่จนมีคุณชุนและคุณแจ็คมาจนทุกวันนี้

เราว่าเจ้าสัวสมคิดไม่เท่าไหร่ เราหวั่นใจคุณนายลดาเหลือเกิน แม้ว่าจะพอจำได้เลือนรางๆสมัยเก่าก่อนตอนไปรับคุณชุนแกกลับบ้าน แต่ปัจจุบันเราก็จำไม่ได้เสียแล้ว ตอนทำงานก็ไม่ค่อยเจอกัน (บางครั้งตอนคุณนายมาเรามักจะโดนไล่ไปทำงานข้างนอก) ไหนจะเรื่องคุณริณอีก เราเลยค่อนข้างจะเกร็งๆขึ้นมา

รุ่งเช้าเราโทรบอกแม่ให้ช่วยเตรียมขนมมาส่ง บอกแกไปตามตรงว่าเราจะไปหาเจ้าสัวสมคิด แม่ก็จัดขนมส่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาให้ มีจุ๋ยก้วย เป็นขนมแป้งนึ่งถ้วยตะไล หยอดหน้าทั้งไส้หวานไส้เค็ม ขนมหนวดมังกรหรือขนมไหมฟ้าซอยเท็กซัสเจ้าดัง ขนมเบื้องไส้แน่นแป้งบางกรอบ ฮวงจื่อเปี้ย (ขนมเปี๊ยะทอด)หลากหลายไส้จัดใส่กล่องอย่างสวยงาม แม้ว่าฝีมือกับข้าวเราจะเด่นแค่ไข่เจียว แต่อยู่เยาวราช ของกินไม่อดอยาก ขอแค่มีเงินไปซื้อเท่านั้นแหล่ะ

ตอนแรกเราถือเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงแสลคไป ตั้งใจจะผูกเน็คไท คุณชุนแกก็ส่ายหน้าใส่ แกถามว่าบ้าเหรอ ไปบ้านแกไม่ได้ไปงานเลี้ยงที่ไหน ใส่อะไรไปเต็มยศ ลงท้ายเลยใส่เชิ้ตทับด้วยเสว็ตเตอร์สีสุภาพกับกางเกงยีนส์สีดำและผ้าใบเรียบๆ ส่วนคุณเขาก็เชิ้ตขาวกางเกงดำทับด้วยแจ็กเกตเนื้อหนาสีพื้น ขับรถไปแถวสาทร เป็นย่านผู้ดีเก่าอยู่แถวนั้น (ไม่เกี่ยวกับตึกร้างนะ) ขับรถไปไม่เท่าไหร่ก็ถึง บ้านนี่แทบไม่เรียกว่าบ้าน เรียกเป็นคฤหาสน์ก็ไม่แปลก คนใช้คนสวนเดินกันให้ขวักไขว่ เห็นรถคุณชุนก็วิ่งหน้าตั้งมาเปิดรั้วให้

“บ้านผมคึกคักแบบนี้แหล่ะ”แกว่าซึ่งเราก็ขมวดคิ้วไปให้แกทีหนึ่ง

“ตอนนั้นบอกพี่ว่าบ้านไม่มีใครไงครับ”

“โธ่พี่...ตอนนั้นผมอยากไปนอนกับพี่ นอกจากพี่ผมก็ไม่มีใคร ผมก็ไม่ได้พูดผิดนี่ครับ”กว่าจะรู้ว่าเสียท่าคุณชุนก็คบกันเกือบปี... เราได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆถือกล่องขนมไปให้แม่บ้านที่ออกมาต้อนรับ ก่อนที่คุณชุนจะพาเข้าไปด้านใน แล้วก็เจอผู้หญิงคนหนึ่งนั่งให้คนใช้ทาเล็บให้อยู่ คาดไม่ผิดนี่ล่ะคุณนายลดา ขนาดยี่สิบปีผ่านไปแกยังเป็นสาวสะพรั่ง ผมยาวมันดำขลับ ใบหน้ารูปไข่ ผิวเนื้อขาวนวล ปากอิ่มสีสด งามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ คุณนายปัดสายตามองเราเสียรอบหนึ่งก่อนจะเงยหน้าถามลูกชาย

“ได้เวลากลับบ้านแล้วเหรอ?”

“ครับ”

“แล้วพาใครมา?”

“พี่หมวยไงครับ...ผมเคยเล่าให้ฟัง”คุณชุนแนะนำเราที่ยกมือไหว้แกไปหนหนึ่ง แกเพ่งมองเราอยู่พักยังไม่ทันจะเอ่ยปาก เสียงใครอีกคนก็ดังขึ้นมาก่อน

“อ้าว นี่เหรอเจ้าหมวย ไม่ได้ไปเยี่ยมพ่อแม่แกนานเลยนะ”เจ้าสัวสมคิดนั่นเอง แกสวมเสื้อยืด นุ่งผ้าขาวม้าแบกจอบตะโกนทักอยู่หน้าบ้าน ขณะที่เรากำลังเงิบและได้แต่ไหว้แกกลับไปตามสัญชาติญาณ คุณนายลดาก็จิปากพร้อมกับไล่ผัวแกไปอาบน้ำอาบท่าเสียใหม่ และคุณชุนก็พาเรานั่งลงกับชุดรับแขก แต่คุณนายแกก็ไม่มีทีท่าจะขยับตัวอย่างใด

“ฉันรู้จักแล้ว พามาทำไมอีก”แกว่าเรียบๆก็เหมือนโดนจิกหัวตบกลางสี่แยก เรากลืนน้ำลายอึกใหญ่พร้อมกับคุณชุนที่ถอนใจออกมา

“แม่ครับ... ผมบอกแม่ไปแล้ว”

“ฉันก็บอกของฉันแล้ว ว่าหนูริณเหมาะกับเธอ ส่วนเด็กคนนี้ฉันก็เคยเห็นแต่ยังเล็ก ถ้าจะเปิดโลกก็เปิดไป ฉันไม่ยุ่ง เธอจะปีกกล้าขาแข็งยังไงก็ทำไป แต่สุดท้ายก็ต้องแต่งกับหนูริณอยู่ดี”

“ผมไม่แต่ง!

“คุณชุน...”เราปรามแกเบาๆ แต่มีแม่บ้านเดินมาแจ้งก่อน

“คุณชุนคะ..คุณสมคิดเรียกให้ไปช่วยอ่านคู่มือเครื่องทำน้ำอุ่นข้างบนค่ะ”

“เอ๊ะ...”คุณชุนแกหน้าเหลอไปนิดหน่อย ก่อนจะบีบมือเราแน่นๆไปทีหนึ่งเหมือนให้กำลังใจ เราสั่นหน้ายิ้มๆให้เชิงไม่เป็นไร ก่อนจะลุกตามแม่บ้านที่มาเรียกไปในที่สุด จนคุณชุนหายลับไปชั้นบน เราก็นั่งเกร็งอยู่กับคุณนายลดาแกจนได้ยินเสียงแกเรียกขึ้น

“มานั่งใกล้ๆสิ”

“ครับ...”เรารับคำค่อยๆ ก่อนจะลุกไปนั่งตรงที่ๆแกตบลง คุณนายลดาขยับตัวขึ้น ก่อนที่แกจะลูบผมเราเบาๆและถามด้วยเสียงอ่อนลง

“พ่อกับแม่เป็นยังไงบ้าง”

“ท่านสบายดีครับ”

“เรียนจบที่ไหนมาละเรา”เราตอบชื่อมหาวิยาลัยไปแล้วคุณนายลดาแกก็ยิ้มออกมา

“ทำงานมีความสุขดีไหม?”

“ครับ...มีความสุขดี”

“เฮ้อ...หมวยนะหมวย...”แกรำพึง “ถ้าเธอเป็นผู้หญิงฉันจะไม่เรื่องมากกับเธอสักคำเลย...ฉันไม่ได้เกลียดเธอ แต่ฉันก็ไม่ได้เห็นด้วยเท่าไหร่ที่เธออยู่กับชุน ฉันไม่ได้คร่ำครึขนาดนั้น โลกนี้มันไปถึงไหนกันแล้ว... แต่ต้นตระกูลฉันไม่ใช่แบบนั้น... หมวยเอ๋ย... น้องริณเธอก็มาจากต้นตระกูลเกี่ยวดองกัน ฉันก็เห็นว่าอะไรเป็นอะไร แต่บางเรื่องฉันก็ปฏิเสธมันไม่ได้ มันพูดยากนัก จริงอยู่ที่ว่าสมัยนี้เปิดเผยตัวกันหลายคน แต่ชุนไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น เธอเข้าใจใช่ไหม”

“เข้าใจครับ”เรารับคำอย่างเข้าใจครึ่งไม่เข้าใจครึ่ง

“แต่ถึงอย่างนั้น...อยู่ให้ชุนเขามีความสุขนะ อย่าประเจิดประเจ้อ ออกหน้าออกตา ไว้เวลาเหมาะสมค่อยทำอะไรตามใจกัน ฉันมีโอกาสให้ไม่บ่อย สองครั้งก็มากเกินพอ ถ้าลูกชายฉันเสียใจเพราะหมวย ไม่ต้องให้ฉันพูดใช่ไหมว่าควรจะทำอย่างไร”

“ครับ...”

“ฉันไม่ได้กดดัน...แต่เรื่องชุนกับน้องริณผู้ใหญ่กว่าฉันเขากำหนดมาแล้ว ตอนแรกน้องริณก็ดูเหมือนจะไม่เอา ไม่รู้ทำไมถึงได้เปลี่ยนใจ...เอาเถิด ถ้าเธอเข้าใจก็ดีแล้ว ปล่อยให้ชุนเห็นฉันเป็นแม่มดไปเถอะ”

“สักวันคุณชุนจะเข้าใจครับ...ว่าคุณลดาทำเพื่อคุณชุน”เราว่า แกก็ยิ้มจางๆลูบแก้มลูบหัวเราอยู่หลายครั้ง จนคุณชุนและเจ้าสัวลงมาก็ได้เวลาทานข้าวพอดี มื้อนี้มีแกงส้มชะอมไข่กับน้ำพริกกะปิผักสด และปลาจะละเม็ดทอดน้ำปลา คุณแจ็คไปเล่นอยู่บ้านหญิงยายกว่าจะกลับมาก็ตอนเย็น มื้อนี้เลยมีพ่อแม่ลูกและเราเพิ่มไปอีกหนึ่ง เจ้าสัวสมคิดเป็นหนุ่มหล่อแม้อายุจะไม่น้อย ปกติก็ยังคุมกิจการใหญ่ๆของบ้าน แต่ที่นุ่งผ้าขาวม้าแบกจอบเพราะสวนหลังคฤหาสน์เจ้าสัวแกทำไร่สวนผสมตามพระราชดำริ ก็เลยแบกจอบแบกเสียมไปทุกวัน (เมียห้ามก็ไม่ฟัง) ส่วนคุณลดาถ้าไม่ออกงานสังคมหรือแวะไปที่ออฟฟิศที่ไหน แกก็นั่งปักผ้าถักเสื้อให้ลูกๆแกใส่ไป เป็นครอบครัวที่เรียบง่าย และเราก็ได้รู้ว่าที่เราคิดไว้นั้นถูกต้อง คุณชุนถูกอบรมมาอย่างดีทั้งการวางตัวจากคุณนายลดา และความเรียบง่ายจากเจ้าสัว คุณชุนแกเลยเป็นคนรู้คุณข้าว ไม่กินทิ้งกินเหลือ ทานได้ทั้งร้านขึ้นภัคตาคารหรือข้างถนน ไม่อวดรวย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ใช้ไปตามที่มี อยู่อย่างพอมีพอกิน

เมื่อได้เวลาสมควรเราก็ขอตัวกลับ (โดยเจ้าสัวแกว่าคราวหน้าซื้ออิ่วก้วยไส้กะหล่ำมาให้แกด้วย แกอยากกิน) เราไม่ได้บอกคุณชุนว่าคุณนายลดาได้บอกอะไรกับเราแม้ว่าจะถูกรบเร้ามาตามทางก็ตามที

“แม่ไม่ได้พูดอะไรกับพี่จริงๆเหรอครับ?”

“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนะครับ แกก็ถามว่าพ่อแม่พี่เป็นยังไงบ้าง เรียนจบจากไหน ทำงานเป็นยังไง”

“แน่นะครับ..แม่ไม่ได้ขู่พี่ให้เลิกกับผมอะไรทำนองนี้นะ”

“ไม่มีครับ...คุณชุน...”

“ครับ?”

“คุณลดารักคุณชุนมากนะครับ”เราบอกแกไปเท่านั้น และคุณชุนแกก็เหลือบมองเราเล็กน้อย

“พี่เกริ่นอะไรรึเปล่าเนี่ยครับ ทำไมผมใจคอไม่ดี”

“ไม่หรอกครับ พี่แค่บอก”

“แน่นะ”

“แน่สิครับ”เราย้ำให้คุณท่านแกมั่นใจอีกสองสามครั้งแกถึงจะเลิกรา เราสองคนกลับมาถึงคอนโดก็เริ่มค่ำ เราก็เตรียมชุดทำงานวันพรุ่งนี้รีดแขวนเอาไว้ อาบน้ำอาบท่าแล้วมานอนเล่นกับคุณชุนอยู่หน้าทีวีปลายเตียง คุณชุนกอดเราไว้แล้วดันให้เราไปพิงอกแก เราอยู่กันนิ่งๆแบบนั้นจนคุณชุนพูดขึ้นมา

“อยากให้บ้านพี่รู้สักทีนะครับ...ผมอยากให้พ่อแม่พี่เป็นพ่อแม่ผมแล้ว”

“รับมือพ่อพี่ไหวเหรอครับ”

“อ่า...นั่นสิครับ แต่พ่อพี่ไม่น่าใจร้ายกับผมนะ”

“ก็ไม่แน่นะครับ คนจีนเขาถือลูกชายต้องสืบสกุล”เราแกล้งว่า ก่อนจะโดนคุณชุนฟัดแทบน่วมไปหนหนึ่ง

“ผมไม่ให้นะ...ผมไม่ให้ใครทั้งนั้นแหล่ะ ผมรักของผม คนอื่นจะมาให้ได้ยังไง”

“อ่า..พี่พูดเล่นนะ จริงอยู่ที่เขาถือแบบนั้น แต่บ้านพี่เขาให้พี่ตัดสินใจ”

“พี่หมวยไม่แกล้งชุนเรื่องนี้อีกนะครับ...แล้วทำงานพรุ่งนี้ พี่ไม่ต้องไปตึกข้างๆแล้วนะ”คุณชุนแกมองเราทำหน้าจริงจัง “ผมไม่อยากให้พี่เจอเขาอีก..ผมไม่โอเคเลย ผมไม่ชอบ”

“เอ้อ...”เราร้องค้าง..เพราะว่าก็จริง พี่ป๋อแกเปิดตัวเดินหน้าจีบเราเต็มที่เหมือนมองไม่เห็นคุณชุน เราจะปฏิเสธไปตรงๆก็เกรงใจไอ้อี้ที่เริ่มเกริ่นๆอวยพี่ป๋อขึ้นมาเพราะมันยังไม่รู้ว่าเรากับคุณชุนไปถึงขั้นไหน เราจะแก้มคุณชุนเบาๆก่อนจะพูดประโยคให้แกนิ่งไป

“คุณชุนจะระแวงพี่ป๋อพี่ก็ไม่ว่าครับ แต่พี่จะบอกว่าพี่ไม่ระแวงคุณริณเลย เพราะพี่เชื่อใจคุณชุน หากพี่ไม่สามารถทำให้คุณเชื่อใจพี่ได้มากพอ..คุณชุนจะระแวงระวังพี่ก็ไม่คัดค้านอะไรหรอกครับ”

“อ่า..ชุนไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ชุนบอกแล้วนี่ครับว่าชุนไว้ใจพี่ แต่ชุนไม่ไว้ใจเขา”แกดึงเราไปกอดใหม่แถวด้วยจูบหนักๆที่ต้นคอไปที “แค่นี้ชุนก็หลงพี่จะแย่...มีคนอื่นมาหลงอีกนี่คงไม่ไหวนะครับ”

“แล้วยังไงครับ..พี่ไม่ได้ตกลงด้วยเสียหน่อย”เฮ้อ...ทำไมผู้ชายประวัติดีๆนี่บอกอะไรเข้าใจยากจัง คุณชุนแกหน้าม่อยไปพักใหญ่ก่อนจะพยักหน้ารับเราอย่างจำยอม

“ได้ครับได้... ชุนยอมพี่หมดแล้วเนี่ย”

“น่ารักครับ”เราบีบแก้มแกไปที แต่ที่แกบีบกลับมาไม่ใช่แค่แก้มหน้านี่สิ สรุปคือโดนฟัดประจำคืน คุณชุนก็แรงดีเหลือเกิน ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนัก ส่วนเราแรกๆก็เจ็บๆปนขยาดล่ะ แต่คุณชุนก็คอยตะล่อมให้เราโอนอ่อนผ่อนตามไปเรื่อยๆ เริ่มจะชินขึ้นมาบ้างก็ตอนแกใส่เจลใส่ถุง เราเพิ่งมารู้ทีหลังว่าครั้งแรกตอนนั้นแกไม่ใส่อะไรเลย แทบจะเป็นลม เราไม่ได้กลัวท้องเพราะเราไม่ใช่ผู้หญิง แต่เรานึกถึงสุขอนามัยเสียมากกว่า แต่ก็เข้าใจล่ะว่าตอนนั้นคุณเขาเมา

พอรุ่งเช้าพวกเราก็ไปทำงานที่ออฟฟิศตามปกติ และน้องมินก็เดินถือถุงขนมมาให้เราเป็นปกติ แต่คราวนี้เหมือนคุณชุนแกจะรู้ว่าขนมมาจากใคร แกเลยบอกน้องว่าถ้ามีขนมมาอีก ให้กินเองไปเสียเลย แจกเด็กๆไปก็ได้ ถ้าเรื่องไปถึงพี่ป๋อแล้วเขาถาม ให้บอกว่าคุณชุนสั่ง ข้องใจอะไรให้มาคุยกับแกตัวต่อตัว (เอากับเขาสิ) ไม่รวมกับที่เจ๊จุ๋มแอบถามว่าเราไปทำอะไรมา มีน้ำมีนวลขึ้น ซึ่งเราก็ตอบไปตามตรงว่าล้างหน้ากับสบู่เหมือนเดิม ไม่ได้ทำอะไรเพิ่ม ให้โดนหรี่ตามองสงสัยไปเหมือนเดิมนั่นแหล่ะ

ตกเย็นเราก็ได้รับข่าวจากคุณชุนว่า คุณนายลดาแกสั่งของไว้ที่พารากอน ให้ไปเอา เรากับคุณชุนก็แปลกใจทั้งคู่ เพราะปกติไม่เห็นคุณนายแกจะให้ไปรับของแทน แถมลูกชายแกก็ยืนยันหนักหนาว่าคุณนายไปค่อยสั่งของทิ้งไว้ แกชอบไปซื้อสด ถ้าของไม่มีต้องโทรสั่งรอ แล้วพอไปต้องมีของติดมือกลับ แต่ครั้งนี้เหมือนคุณนายแกจะเลือกของและจ่ายเงินเอาไว้ให้ ให้ไปรับเอง คุณชุนพาขับรถเข้าไปจอด ก่อนจะพาไปยังร้านที่เป็นร้านไฮโซ เราไม่มีปัญญาไปเหยียบนัก เราตามคุณชุนไปที่เคาน์เตอร์ สอบถามอยู่สักครู่ก็ได้สิ่งหนึ่งมา เราเห็นรอยยิ้มบางๆปรากฏที่ใบหน้าคุณชุน ก่อนที่แกจะหันมายิ้มให้

“พี่หมวย ขอแขนหน่อยครับ”

“ครับ?”เรายื่นแขนไปให้แก ก่อนจะถูกสวมกำไลให้ เรามองมันอย่างงุนงงและคุณชุนก็บอกกับเราด้วยเสียงนุ่มนวล

“ใส่ให้ผมด้วยสิครับ...คุณแม่ซื้อให้พวกเรา”

“เอ๋?”เราอุทาน แต่ก็ยอมใส่ให้อย่างงกๆเงิ่นๆจนพนักงานต้องมาคอยบอกคอยสอนเพราะกลัวเราจะทำพัง กำไลสีเงินเนื้อสวยที่มีลายติดรอบๆทำเอาเราพลิกมองอยู่สองสามครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้เรามองจนนิ่งนานคงเป็นโน้ตกระดาษที่คุณนายลดาแกแนบเอาไว้ให้ ขอบตาเราร้อนขึ้นมานิดหน่อยก่อนจะถูกพาออกนอกร้าน พร้อมกับเสียงคุณชุนที่แว่วดังขึ้นมา

“ทองคำขาวน่าจะวงละเจ็ดหมื่นห้านะครับเนี่ย ปกติแม่ไม่ซื้อของแบบนี้ให้ใครนะ ริณยังไม่เคยได้เลย”

“พะ...แพงไปมั้งครับเนี่ย คืนท่านดีมั้ย”

“ไม่ต้องคืนหรอกครับ เดี๋ยวจะโดนแม่โกรธเอาเปล่าๆ แกถือว่าให้อะไรแล้วไม่เอาหรือเอาไปให้คนอื่นถือว่าไม่ถนอมน้ำใจแก”คุณชุนบอกก่อนจะจูงมือเราไปหามื้อเย็นทาน ข้อมือของเราสองคนเป็นกำไลแบบเดียวกัน แต่นั่นไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าล้ำค่าไปกว่าประโยคสั้นๆที่คุณนายลดาแนบมาให้


ไม่ต้องสัญญาว่าอยู่ด้วยกันแล้วจะไม่มีปัญหา...แต่ขอให้สัญญาว่าไม่ว่าปัญหาอะไรเข้ามา...จะไม่ทิ้งกันไปไหน สัญญากับสิ่งที่ฉันให้ไว้เตือนใจเธอนะ



ผมสัญญาครับ...คุณแม่...
(เรียกได้แค่ในใจล่ะนะ)

:D
แท็ก #คุณชุนพี่หมวย จ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น